นักเรียน นักศึกษาทำสมาธิในการเรียน ....หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 5 ตุลาคม 2011.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    [​IMG]
    สมาธิเพื่อชีวิต
    โดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

    วัดป่าสาลวัน
    ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา


    ขณะนี้นักเรียนทั้งหลายกำลังเรียน ปัญหาสำคัญอยู่ตรงที่ว่า
    ทำอย่างไรเราจึงจะได้พลังของสมาธิ พลังของสติเพื่อสนับสนุนการศึกษา
    หลวงตาจะสอนวิธีทำสมาธิในห้องเรียน สมมุติว่าขณะนี้หลวงตาเป็น
    ครูสอนพวกเธอทั้งหลาย ให้พวกเธอทั้งหลายเพ่งสายตามาที่หลวงตา
    ส่งใจมาที่หลวงตาแล้วก็สังเกตดูให้ดีว่าหลวงตาทำอะไรบ้าง
    หลวงตายกมือหนูก็รู้ เขียนหนังสือให้หนูรู้ พูดอะไรให้หนูตั้งใจฟัง

    ถ้าสังเกตจนกระทั่งกระพริบหูกระพริบตาได้ยิ่งดี เวลาเข้าห้องเรียนให้
    เพ่งสายตาไปที่ตัวครู ส่งใจไปที่ตัวครู อย่าเอาใจไปอื่น เพียงแค่นี้
    วิธีการทำสมาธิในห้องเรียน ถ้าพวกหนูๆ จำเอาไปแล้วปฏิบัติตาม
    จะได้สมาธิตั้งแต่เป็นนักเรียนเล็กๆ ชั้นอนุบาล

    ในตอนแรกนี่ การควบคุมสายตาและจิตไปไว้ที่ตัวครู
    นี่อาจจะลำบากหน่อย แต่ต้องพยายามฝึก ฝึกจนคล่องตัวชำนิชำนาญ
    ภายหลังแม้เราจะไม่ตั้งใจ พอเห็นใครเดินผ่านหน้ามันจะจ้องเอาๆ
    พอมาเข้าห้องเรียนแล้วพอครูเดินเข้ามาในห้อง
    สายตามันจะจ้องปั๊บ ใจมันก็จะจดจ่ออยู่ตรงนั้น หนูลองคิดดูซิว่า
    การที่มองที่ครู และเอาใจใส่ตัวครูนี่ เราเรียนหนังสือเราจะเข้าใจดีไหม
    ลองคิดดู ทีนี้เมื่อฝึกจนคล่องตัวชำนิชำนาญแล้ว สายตามันยังจ้องอยู่ที่ตัวครู

    แต่ใจจะมาอยู่ที่ตัวเราเอง มาตอนนี้ครูท่านสอนอะไร
    พอท่านพูดจบประโยคนั้น ใจของเรารู้ล่วงหน้าแล้วว่าต่อไปท่านพูดอะไร
    เวลาไปสอบ อ่านคำถามจบ ใจของเราจะวูบวาบแล้วคำตอบมันจะผุดขึ้น
    อันนี้เป็นสูตรทำสมาธิที่หลวงพ่อทำได้ผลมาแล้ว


    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ทำสมาธิในการเรียนได้ผลอย่างไร [/FONT] นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย เป็นนักศึกษาในทุนที่หลวงพ่อ
    ส่งไปเรียนเอง ตอนแรกเขาไม่อยากจะไปเรียน เพราะเขาคิดว่า
    มันสมองของเขาไม่สามารถจะเรียนระดับมหาวิทยาลัยได้
    หลวงพ่อก็เคี่ยวเข็นให้เขาไป ในเมื่อเขารับปากว่าจะไปเรียน
    หลวงพ่อก็บอกว่า “หนูไปเรียนมหาวิทยาลัยต้องฝึกสมาธิด้วย”
    เขาก็เถียงว่า “จะให้ไปเรียนมหาวิทยาลัย
    แล้วต้องให้ทำสมาธิ จะเอาเวลาที่ไหนไปเรียน”

    มันเกิดมีปัญหาขึ้นมาอย่างนี้ หลวงพ่อก็ให้คำแนะนำว่า
    การฝึกสมาธิแบบนี้ไม่ขัดต่อการศึกษา หลวงพ่อก็ให้
    คำแนะนำเบื้องต้นว่า “เมื่อเวลาหนูเข้าไปอยู่ในห้องเรียน
    ให้กำหนดจิตให้มีสติรู้อยู่ที่จิตของตัวเอง ถ้าหากมีจุดใดจุดหนึ่ง
    ที่จะต้องเพ่งมองก็เพ่งมองไปที่จุดนั้น เช่น กระดานดำ เป็นต้น
    เมื่ออาจารย์เดินเข้ามาในห้องเรียน ให้เอาความรู้สึกและสายตา
    ทั้งหมดไปรวมอยู่ที่ตัวอาจารย์ ให้มีสติรู้อยู่ที่ตัวอาจารย์
    เพียงอย่างเดียว อย่าส่งใจไปอื่น”

    เขาใช้เวลาเรียนเพียง ๔ ปีก็จะจบแล้ว ทีแรกเขาคิดว่าเขาอาจจะ
    เรียนถึง ๖ ปีกว่าจะเอาให้จบได้ แต่มันก็ผิดคาดทุกสิ่งทุกอย่าง
    มันเปลี่ยน ความรู้สึกว่ามันสมองไม่ดีมันเปลี่ยนเป็นดีขึ้นมาหมด
    ก็เป็นอันว่าเขาสามารถฝึกสมาธิ ให้จิตมีสมาธิ มีสติสัมปชัญญะ
    เพื่อเป็นการสนับสนุนการศึกษาที่เขาเรียนอยู่ในปัจจุบันได้

    ถ้านักศึกษาพยายามฝึกสมาธิแบบนี้ ผลพลอยได้จากการฝึก
    ความเคารพ ความเอาใจใส่ ความกตัญญูกตเวที
    ความรู้สึกซึ้งในพระคุณของครูบาอาจารย์มันจะฝังลึกลงสู่จิตใจ
    เราจะกลายเป็นคนกตัญญูกตเวที ไม่อาจลบหลู่ดูหมิ่นครูบาอาจารย์ได้
    เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็มีแต่ความเคารพบูชาในครูบาอาจารย์
    ลูกศิษย์ที่มีความเคารพในครูบาอาจารย์
    การเรียนก็ทำให้เรียนได้ดีเกินกว่าที่เราคาดคิด


    วิชาความรู้ที่นักศึกษาเรียนกันอยู่ในปัจจุบันนี่
    มันเป็นสิ่งที่เราสามารถรู้ด้วยจิตใจ สิ่งใดที่เราสามารถรู้ด้วยจิตใจ
    สิ่งนั้นคือสภาวธรรม สภาวธรรมอันนี้มันทำให้เราดีใจเสียใจเพราะมัน
    เราท่องหนังสือไม่ได้ เราเกิดเสียใจน้อยใจตัวเอง
    หนังสือที่เราท่องนั่นคือสภาวธรรม เราจำไม่ได้
    นั่นคือสิ่งที่มันไม่เป็นไปตามความปรารถนา มันเข้าในหลักอนัตตา

    บางทีอยู่ดีๆ เกิดเจ็บไข้ เราไปวิทยาลัยของเราไม่ได้
    มันก็ส่อถึงอนัตตา อนิจจัง ทุกขังนั่นเอง เพราะฉะนั้น
    เมื่อเรามาฝึกสติสัมปชัญญะของเรานี้ ให้มันรู้พร้อมอยู่กับปัจจุบัน
    มันเป็นการปฏิบัติธรรม เดินเรารู้ ยืนเรารู้ นั่งเรารู้ นอน
    รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด เรารู้ เอาตัวรู้คือสติตัวเดียวเท่านั้น

    แม้ในขณะที่เราเรียนหนังสืออยู่
    เราตั้งใจจดจ่อต่อการเรียนในปัจจุบันนั้น นั่นก็เป็นการปฏิบัติสมาธิ
    ทีนี้ความรู้ ความเห็น ที่เราจะพึงทำความเข้าใจ มันอยู่ที่ตรงไหน
    มันอยู่ที่กายกับใจของเรานี่ ทำอย่างไรกายของเราจึงจะมี
    สุขภาพอนามัยเข้มแข็ง ทำอย่างไรจิตใจของเราจึงจะปลอดโปร่ง
    เมี่อมีปัญหาขึ้นมา ทำอย่างไรเราจึงจะมีสติปัญญาแก้ไขปัญหา
    หัวใจของเราได้ นี่มันอยู่ที่ตรงนี้ที่เราจำเป็นต้องเรียนให้มันรู้

    อาจารย์องค์นั้นชื่อ อาจารย์สุวรรณ สุจิณฺโณ ลูกศิษย์ต้นของหลวงปู่มั่น
    เห็นหลวงพ่อถือหนังสือเดินท่องไปท่องมาแบบเดินจงกรม ท่านก็ทักว่า
    “เณร ถ้าจะเรียนก็ตั้งใจเรียน จะปฏิบัติก็ตั้งใจปฏิบัติ
    จับปลาสองมือมันไม่สำเร็จหรอก”

    ที่นี้เราก็อุตริคิดขึ้นมาว่า
    “เอ๊ หลักของการเพ่งกสิณนี่ ปฐวีกสิณ เพ่งดิน อาโป เพ่งน้ำ
    วาโย เพ่งลม เตโช เพ่งไฟ อากาศ เพ่งอากาศ วิญญาณ เพ่งวิญญาณ
    ในตัวครูนี่มีกสิณครบ ทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณ
    เราจะเอาตัวครูเป็นเป้าหมายของจิต ของอารมณ์
    เอาตัวครูเป็นอารมณ์ของจิต เป็นที่ตั้งของสติ เอามันที่ตรงนี้แหละ


    ที่มา
     
  2. baimaingam

    baimaingam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    634
    ค่าพลัง:
    +880
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะครับ และขอนมัสการหลวงพ่อพุธด้วยครับ
    ...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...
     
  3. Putra-Jit

    Putra-Jit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +7
    อนุโมทนา สาธุ กับธรรมะหลวงพ่อด้วยเจ้าคะ

    การทำสมาธิภาวนาส่งผลต่อด้านการเรียนจริงๆคะ เพราะถ้าจิตใจมีสมาธิก็จะทำให้ตั้งใจเรียนและเรียนรู้เรื่องเข้าใจมากขึ้น ส่งผลถึงชีวิตประจำวันสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ดี

    ได้พบเจอครูอาจารย์ที่ดี เพื่อนที่ดี จบมามีงานที่ดีทำ อันนี้จากประสบการณ์ตัวเองคะ

    ธรรมะนำพาให้สู่ทางที่เป็นสัมมาทิฐิ ไม่ทำให้หลงผิดไปในไม่ดีจริงๆคะ.
     

แชร์หน้านี้

Loading...