ท่านผู้เฒ่าไปกราบหลวงพ่อเนียม

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย softkid9, 11 กันยายน 2014.

  1. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    [FONT=&quot]ท่านผู้เฒ่าไปกราบหลวงพ่อเนียม สุพรรณบุรี[/FONT]

    [FONT=&quot][FONT=&quot](ตอนที่ 1)[/FONT][/FONT][FONT=&quot][FONT=&quot][FONT=&quot]จากหนังสือปฏิปทาท่านผู้เฒ่า[/FONT] [FONT=&quot]หน้า 47[/FONT]

    [/FONT]
    [FONT=&quot]พอไปถึงหลวงพ่อเนียมก็ทักทายด้วยการด่าพ่อล่อแม่ว่า ไอ้โคตรพ่อโคตรแม่ มึงจะมาทำไม ท่านบอกจะมาขอเรียน หลวงพ่อเนียมบอกว่าจะขอเรียนกับกูยังไง กูมันคนบ้า เขาว่ากูบ้า มึงมาเรียนกับกูมึงก็จะบ้าไปด้วย ออกไปเดี๋ยวนี้ มึงอย่าเข้ามายุ่งกับกู ท่านก็ด่าของท่านเพลิน ดีไม่ดีพูดอะไรท่านก็ไม่พูดด้วย ท่านหันไปพูดกับหมาบ้างกับแมวบ้าง รู้สึกว่าหมากับแมวเป็นที่รักของท่านมาก ท่านทนด่าแบบนี้มาสักสองสามวัน พอถึงวันที่สี่ ท่านถามว่า อ้าว มึงยังไม่ไปอีกหรือ ท่านผู้เฒ่าก็กราบเรียนกับท่านว่า ผมยังไม่ไปครับ ในเมื่อผมมาแล้วผมยังไม่ได้สิ่งที่ผมตั้งใจ ผมจะยังไม่ยอมไป ท่านก็ถามว่ามึงไม่โกรธกูหรือ ก็กราบเรียนท่านว่าผมตั้งใจว่าจะมาเอาดีทำไมผมจะรับความชั่ว การโกรธนี่มันของชั่ว ท่านถามว่ากูด่ามึงๆ ไม่เจ็บใจหรือ เธอก็ตอบว่าคำด่าเป็นวาจาชั่ว ท่านไม่รับ[/FONT]

    [FONT=&quot]หลวงพ่อเนียมหัวเราะ ถามว่ามึงแกล้งด่ากูหรือนี่ มึงย้อนกูหรือ ท่านก็บอกว่าไม่ย้อน หลวงพ่อปานสอนไว้อย่างนั้น หลวงพ่อปานสอนไว้ว่าใครเขาจะว่าอะไรเป็นเรื่องของเขา เรื่องท่านผู้นั้น ใครจะดีจะชั่วอย่าสนใจ สนใจอย่างเดียวคือใจของตนเอง มาดูใจของตัวว่าใจของตัวดีหรือชั่ว ถ้าเขาด่ามารับคำด่ามันก็ชั่ว เขาด่ามาเราโกรธบุคคลที่เขาด่าเราก็ชั่ว คนด่าเขาจะดีเขาจะชั่วไม่มีความสำคัญ สำคัญอย่างเดียวรักษากำลังใจของเราให้ดีเท่านั้น คือทรงขันติและเมตตา หลวงพ่อเนียมยิ้ม บอกเออใช้ได้ ไอ้ท่านปานลูกศิษย์ข้านี่มันดีจริงนะ ตัวมันดีมันก็ยังไม่พอ มันยังสอนให้ลูกศิษย์ของมันดีอีกด้วย เอาตกลง ถ้าแกไม่กลัวชาวบ้านเขาจะคิดว่าบ้าอย่างข้า ข้าจะสอนให้

    [/FONT]
    (ตอนที่ 2)[/FONT]
    [FONT=&quot]จากหนังสือปฏิปทาท่านผู้เฒ่า[/FONT] [FONT=&quot]หน้า 5[FONT=&quot]1[/FONT][/FONT]<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--> [FONT=&quot]

    สมัยที่หลวงพ่อเนียมท่านด่าท่านว่าท่านทำทุกอย่างจะให้โกรธ ในเมื่อท่านผู้เฒ่าท่านไม่โกรธ วันที่สี่ท่านถามเอ็งไม่โกรธหรือ ท่านก็บอกว่าท่านจะโกรธทำไม โกรธมันเป็นไฟ โทสัคคิไฟคือโทสะ มันเผาผลาญใจให้มันร้อน คนที่โกรธไม่มีความสุข คนที่มักโกรธ หาความดีไม่ได้ หลวงพ่อเนียมท่านก็ยิ้ม เพิ่งมีการยิ้มในวันนั้น ท่านว่านี่พวกมึงด่ากูหรือไง ก็บอกท่านว่าไม่ได้ด่า แล้วท่านก็ถามว่าที่กูด่ามึงนี่ไม่โกรธหรือ ท่านผู้เฒ่าท่านก็ตอบว่าหลวงพ่อไม่ได้ด่าผม หลวงพ่อด่าใครก็ไม่รู้ผ่านไปผ่านมา ป้วนเปี้ยนไปหมด พวกผมอยู่ที่นี่ท่านไม่ได้ด่าเลย ด่าโคตรพ่อโคตรแม่นี่มันเลยผมไปหมด ไม่ถูกผม แล้วโคตรพ่อโคตรแม่ผมท่านจะรับหรือไม่รับก็ไม่ทราบ ท่านตายไปหมดแล้วท่านได้ยินหรือไม่ได้ยินก็ไม่ทราบ หลวงพ่อก็หัวเราะชอบใจ ท่านก็บอกว่าคนกรุงเก่านี่มันอย่างนี้นา ครูบาอาจารย์ก็แบบนี้หน้าด้านหูด้านใจด้านด่าเท่าไรก็ไม่เจ็บ ลูกศิษย์ของมันก็เหมือนกัน มันคงจะสั่งสอนกันมา เอาถ้าไม่โกรธทนได้เชิญ วันนี้ไปหาข้าในกุฏิ[/FONT]


    [FONT=&quot]ตอนนี้เองบรรดาท่านทั้งหลาย ยามเวลาที่เข้าไปหาท่านยามนั้นตามบันทึกท่านผู้เฒ่า ท่านบอกว่าผิดไปถนัด ยามที่เห็นในกาลก่อนนุ่งผ้าลอยชายเอาผ้าอาบอีกผืนหนึ่งคล้องคอเดินไป ไม่มีจีวรไม่มีอังสะ ทำท่าเหมือนกับ ขอประทานอภัย เพราะหลวงพ่อเนียมท่านเป็นพระที่มีความสำคัญ ที่เราเห็นกันว่าคนที่ไม่มีวัฒนธรรมหรือคนบ้าๆบอๆนั่นเอง แต่ทว่าโบราณท่านบอกว่าคนประเภทนี้เป็นประเภทผ้าขี้ริ้วห่อทอง เนื้อแท้น้ำจิตของท่านเหมือนกับเพชรแท้ใสเป็นแก้ว เวลาที่เข้าไปพบนั้นก็มีความเป็นพระหนุ่ม นุ่งสบงทรงจีวรพาดสังฆาฏิ ตะเกียงเล็กๆ แสงสลัวๆแต่ทว่าในห้องนั้นมีแสงสว่างผิดปกติ คล้ายกับมีตะเกียงเจ้าพายุสองสามลูกเข้าไปจุดไว้ มองหน้าท่านกลายเป็นพระหนุ่มผิวพรรณผ่องใสอิ่มเอิบ สวยสดงดงาม คณะท่านผู้เฒ่[FONT=&quot]า[/FONT]เข้าไปชักถอยหน้าถอยหลังว่า เอ นี่หลวงพ่อเนียมใช่หรือไม่ใช่ ในที่สุดท่านก็กวักมือบอกว่าใช่ ไม่ผิดตัวหรอก อย่าเพิ่งสงสัย ในห้องนี้มีฉันคนเดียว คณะท่านผู้เฒ่าเข้าไปกราบพร้อมด้วยดอกไม้ธูปเทียน
    [/FONT]

    [FONT=&quot](ตอนที่ [FONT=&quot]3จบ[/FONT])[/FONT]

    [FONT=&quot]ท่านก็เลยบอกว่าฉันมันเป็นอย่างนี้ มันก็ไม่แน่ที่เขาเรียกว่าบ้าๆบอๆก็ถูก ทั้งนี้ก็เพราะว่าบางทีฉันก็หนุ่มบางทีฉันก็แก่ เอาละเรื่องนี้จบไป เรื่องของขันธ์ห้าไม่มีความหมาย จะเหลืออะไรเป็นสาระ สาระที่เราต้องการก็คือธรรมะๆ ส่วนใดที่เธอต้องการ ธรรมะส่วนนั้นเธอมีแล้วทุกอย่าง ครูบาอาจารย์ของเธอสอนมาแล้วทั้งหมดที่เธอมาหาฉันก็มาตามครูบาอาจารย์สั่ง แล้วก็คิดว่าฉันเป็นผู้วิเศษ แต่ความจริงฉันไม่มีอะไรวิเศษเลยขันธ์ห้าของฉันมันก็เลวมันก็จะพัง สภาพร่างกายก็ไม่ดี ความจดจำก็ไม่ดีอะไรก็ไม่ดี ทุกอย่างมันหาความดีอะไรไม่ได้ ฉะนั้นเธอจงอย่างยึดขันธ์ห้าเป็นสำคัญ จงอย่ามีความพอใจว่าขันธ์ห้ามีความหมาย ขันธ์ห้าไม่เป็นที่พึ่ง ขันธ์ห้าไม่เป็นสรณะ ขันธ์ห้าไม่เป็นปัจจัยให้บังเกิดความสุข ขันธ์ห้าเป็นดินแดนนำมาซึ่งความทุกข์ ขันธ์ห้ามันไม่มีความจีรังยั่งยืน มันมีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น แล้วก็มีความแปรปรวนไปในท่ามกลาง แล้วก็มีการสลายตัวไปในที่สุด ขอเธอจงอย่าถือความสำคัญของขันธ์ห้าของฉันเป็นประโยชน์ เป็นอันว่าพอเริ่มต้นท่านก็ล่อขันธ์ห้าเข้าเต็มเปา แล้วก็จงจำไว้ว่าไม่แต่เฉพาะขันธ์ห้าของฉัน ขันธ์ห้าของเธอก็เหมือนกัน ขันธ์ห้าของคนอื่นใดก็เหมือนกัน ขันธ์ห้าของสัตว์ก็เหมือนกัน แม้วัตถุธาตุต่างๆที่เป็นธาตุสี่ คือธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุไฟ ก็เหมือนกัน มันไม่ใช่ฐานที่ตั้งของความสุข มันเป็นฐานที่ตั้งของความทุกข์ มันไม่มีสภาพทรงตัว ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ในที่สุดมันก็สลายตัวที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าอนัตตา[/FONT][FONT=&quot] (จากหนังสือปฏิปทาท่านผู้เฒ่า[/FONT] [FONT=&quot]หน้า[/FONT][FONT=&quot] 51-52)....ท่านผู้เฒ่ากล่าวว่าอาศัยอยู่ในวัดของท่าน อาศัยให้ท่านฝึกท่านสอนอบรม ใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน ความจริงสิบวันเศษๆ ท่านก็ไล่กลับแล้ว โดนพระดื้อไม่กลับ อยู่หนึ่งเดือน พอท่านเห็นว่าช่ำชองดีแล้ว ท่านก็ไล่กลับอยู่เกะกะ กลับไปก็แล้วกัน เลี้ยงตัวรอดได้แล้ว[/FONT][FONT=&quot] (จากหนังสือปฏิปทาท่านผู้เฒ่า[/FONT] [FONT=&quot]หน้า[/FONT][FONT=&quot] 54-55)[/FONT]


    [​IMG]
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...