ทำไมชาวไทยพุทธชอบอ้อนวอนขอแทนที่จะปฏิบัติเอง..

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Fabreguz, 2 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ตั้งแต่ผมศึกษาพระพุทธศาสนามา และก็มาสังเกตุดูคนไทยที่ไปวัด ไปทำบุญกัน ก็มีหลายลักษณะหลายจุดประสงค์ เคยอ่านจากที่เขาทำสำรวจมาว่า ประชากรไทยเกือบกว่าร้อยละ 90 เป็นชาวพุทธ ที่เหลือเป็นคริสต์ อิสลาม และอื่นๆ

    แต่เวลาไปวัดสมัยเด็กๆ หรือปัจจุบัน จะชอบได้ยินคนพูดว่าไปวัดไปขอพร
    ซึ่งก็สังเกตุว่า คนไทยไปวัดแล้วไปขอนั่นขอนี่ ขอให้รวย มีลาภ นี่ มีเปอร์เซ็นต์สูงมาก ทำบุญเพื่อหวังผลก็มีเยอะ การอ้อนวอนขอไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่หรือครับ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คือเราต้องปฏิบัติเอง ด้วยหนทาง ทาน ศีล ภาวนา.. และ ศีล สมาธิ ปัญญา.. ตามความคิดของผม การไปวัด เราไปกราบพระ ไม่ใช่ไปขอ แต่ควรไปเพื่อเป็นการฝึกสติ หรือการตระหนักรู้นั่นคือ
    1.พุทธานุสติ คือระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า 2. ธรรมมานุสติ คือ ระลึกถึงคุณของพระธรรม และ 3. สังฆานุสติ คือระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ เพื่อขัดเกลาจิตใจตนเองให้สงบ การที่เราไปกราบไหว้และหวังนั่นนี่ ขอให้ได้นั่นนี่ ผมคิดว่าทำให้เกิดกิเลสขึ้นในใจ ดังนั้น สมควรหรือยังที่เราจะทำให้ความคิดเห็นของคนไทย ถูกต้อง หรือมีสัมมาฐิฏิที่แท้จริง ไม่ใช่ว่ามีคนบอกว่าต้องไปขอพรที่นั่นนี่ จะได้นั่นนี่ บุญไม่ทำไปขอแล้วจะได้อะไร เช่นกัน เราควรปฏิบัติด้วยตนเอง ทาน ศีล ภาวนา เมื่อไปวัด ก็ไประลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และปฏิบัติเพื่อลดกิเลส คือ ตัวโกรธ ตัวโลภ
    ตัวหลง นี่คือจุดประสงค์หลักเวลาไปวัด ไม่ได้ไปเพื่อเพิ่มกิเลส ต้องได้นั่นนี่มากขึ้น..

    ........... เชื่อ อย่างไม่มี สติ ไม่มีเหตุผล เรียกว่า งมงาย
    ............ เชื่อ อย่าง มีสติ มีเหตุผล เรียกว่า ศรัทธา
    ถ้าเราทำบุญ และปฏิบัติ อย่างมีสติ เรียกว่าศรัทธา พระพุทธเจ้าเวลาจะตรัสสอน พระพุทธองค์จะกล่าวก่อนเสมอว่า ดูก่อน คือ ให้พิจารณาดูก่อน ดังนั้นเราทำอะไร ก็ต้องมีสติอยู่เสมอ... เจริญในธรรมครับ
     
  2. ผู้ไกล

    ผู้ไกล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +4,752
    บารมีของแต่ละคนไม่เท่ากันครับอีกอย่าง อีกอย่างคนยุคสมัยนี้ต้องมีที่ยึดเหนี่ยวกันครับ เช่น พระพุทธรูป เป็นต้น
     
  3. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ที่คุณเข้าใจก็ถูก...
    ...แต่ที่คิดว่ายังไม่เข้าใจก็ผิด...
    ...การขอพร. การอ้อนวอนนี้ เป็นศานาหรือลัทธิของฮินดูพราห์ม...
    ...ชาวพุทธเราก็รับอิทธิพลมาช้านานจึงเกิดการผสมผสานกันไป...
    ...แต่ถ้าทุกคนรู้และเข้าใจในวิถีของพุทธแล้ว...เราก็จะไม่เห็นธรรมเนียมที่ผสมผสานนี้...
    ...แต่ทุกวันนี้ หายากจริงๆพวกที่เข้าใจ...และปฏิบัติได้.....
    ...ผมเองยังหลงอยู่บ่อยๆ...ขอจากไตรสรณคมณ์หลายครั้ง...
    ...พอนึกได้ว่า ถ้าท่านตอบได้...ท่านก็คงบอกผมว่า...ลูกเอ๋ย...ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน....
     
  4. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    โย่ นักปราชญ์ เราชาวตรีภพอาศัยแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า

    ถ้าใครนับถือพุทธแล้วเอาอย่างพวกนักปราชญ์ทั้งหลายรวมทั้งเจ้าของกระทู้ด้วยไม่เจริญในธรรมเท่าที่ควร เพราะอะไร เวลาสวดมนต์พระก็ต้องสวดถึงพระพุทธองค์ ขอพระพุทธองค์คุ้มครองนี่ก็เข้าข่ายพูดเองเข้าตัวเองแล้ว รวมไอ้คนอื่นที่เห็นด้วยผมพูดจริงไปตรองกันเอาเอง

    ส่วนไหว้เทพละลึกถึงเทพ คือเป็นการละลึกถึงความดี (เทวดานุสติ พระพุทธองค์ก็มีสอนบอกไปหากันเอาเิอง) คนเป็นเทพเทวดานั้นเค้าต้องเป็นคนดีประเสริฐถึงจะเป็นเทพได้ เท่ากับเราได้ละลึกถึงความดีอันเป็นกุศลด้วยใช่ไหม


    จงถามตัวเองซะ นักปราชญ์ วันนี้ ตัวเองดีพอ ประเสริฐพอ หรือยัง


    หุหุหุฮ่าฮ่าฮ่า
     
  5. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ผมไม่เคยยกตนข่ม ท่าน ว่าใครดีกว่า สูงกว่า
    ผมไม่เคยบอกว่าตนเองเก่ง เพราะผม ก็แค่คนธรรมดาๆ คนนึง ที่พยายามพัฒนาตนเองอยู่
    ผม แค่อยากจะเสนอความคิดเห็น เตือนคนที่ไปวัดเพื่อหวังผลตอบแทน ให้รู้จัก ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
    ผม ไม่อยากทะเลาะกับใคร ถ้าใครไม่ชอบใจผมก็ขอโทษ และกราบขออโหสิกรรมด้วยครับ

    ผมไม่ได้ยึดถือตัวตนอยู่แล้ว แค่อยากให้คนที่งมงาย ได้เข้าใจ ไม่ใช่แค่ขอ ไม่ได้บอกว่าผมไม่เคยขอ ผมได้เกริ่นไว้แล้วว่า ตั้งแต่เด็กๆ เวลาไปวัด ผมก็ขอพรเหมือนกัน ขอให้ได้นั่นนี่ เป็นต้น เปรียบเสมือนตอนเด็กเราหาเงินเองไม่ได้เราก็ขอเงินพ่อแม่ เราก็ได้รับแบบไม่มีเงื่อนไข.. จริงไหม แต่เมื่อโตขึ้น เราอายุ 20 กว่า 30 เราจะขอเงินพ่อแม่อยู่ ถ้าพ่อแม่เรารวยมาก เหมือนเรามีบุญเก่า ก็อาจจะได้ แต่ถ้าพ่อแม่มีเพียงเลี้ยงตนเอง เราก็ต้องทำมาหากินเอง และเอาไปช่วยเหลือเลี้ยงดูท่านอีกต่างหาก.. อ้อ อีกอย่าง ผมไม่ใช่นักปราชญ์ ผมเป็นคนธรรมดา สิ่งที่ผมคิดก็เป็นความคิดของผม ซึ่งมันอาจจะถูก หรือมันอาจจะผิดก็ได้ เพราะมันไม่ใช่กฏตายตัวว่า ความคิดผมต้องถูกเป๊ะ ทุกคนต้องเชื่อนะ อันนี้ก็เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกคนมีความคิดไม่เหมือนกัน ก็แล้วแต่การใช้วิจารณญานในการรับอ่าน ครับ
     
  6. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    อ้อนวอน เพื่อสร้างอุบาย ไปหลอกจิต เพื่อศรัทา อีกที

    สุดท้ายก็วก หนี กลอุบายตนเองไม่พ้น จึงต้องวกไปก็วนมา อย่างที่เป็นอยู่นี่งัย
     
  7. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    การให้ทาน มันทําให้รวยหนิครับ เลยต้องขอ น่าจะเป็นอธิฐาณบารมีไปด้วย ผมยังอยากรวยเลยจะได้ดูแลพระพุทธศาสนา เลี้ยงดูคนอื่นได้

    แต่ผมก็ไม่รู้นะ ผมแบ่งเป็น 2 พวก คือ กลุ่มหนึ่งทําบุญแล้วก็ทํางานไปด้วย อีกกกลุ่ม ทําบุญแล้วนอนอยู่เฉยๆไปด้วย อ่าครับแต่ยังไงก็ดีทําบุญ

    อีกอย่างถ้าคิดแบบ คนที่เห็นแก่ตัว เราทํางานแทบตาย แล้วพระมาขอกินฟรี เราได้อะไรกลับคืน 1.ได้ตัดความโลภ 2.มีเมตตา 3.รวย4.ได้รับพร(ผมไม่แน่ใจว่าพระให้พรทุกคนหรือไม่) 5.อาจจะได้นิพพาน(ถ้าฉลาดอธิฐาณเช่นขอให้การทําทานครั้งนี้เป็นปัจจัยเข้าสู่แดนพระนิพพาน) ผมลองมาคิดดูแล้วคุ้มค่ามากๆ ส่วนใหญ่คนส่วนใหญ่จะไม่รู้ 2 อันนี้
     
  8. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ทําบุญหวังในผล

    ทําบุญ เเล้ว หวังในผลไม่ดีนะจ๊ะ

    ถ้าตัดตัวนี้ออกไปได้ล่ะเเจ๋วเลย นิพาน ไม่หนีไปไกลเป็นเเน่
     
  9. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    กราบพระ 3 ครั้ง
    ครั้งที่หนึ่งให้นึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า
    ครั้งที่สอง ให้นึกถึงพระคุณของพระธรรม
    ครั้งที่สาม ให้นึกถึงพระคุณของพระสงฆ์


    ตั้งจิตอธิฐาน คือการตั้งเป้าหมาย เช่นเราอยู่กรุงเทพจะไปเชียงราย เราก็ต้องมีเป้าหมายว่าเราจะไปเชียงราย ถ้าเราขับรถไปมั่วๆ อาจจะหลงทางหรือไปโผล่ที่อีสานก็เป็นได้.. ตั้งจิตอธิฐาน ไม่ใช่ด้วยความโลภแต่เป็นเพื่อการตั้งเป้าหมาย และต้องมีสัจจะและความเพียรเพื่อเดินทางไปให้ถึง.. เราก็ตั้งจิตอธิฐานเวลาเราทำบุญหรือไปกราบพระว่า ขอให้เรามีสัมมาฐิฏิ มีปัญญา ทุกภพชาติ ชาติไหนเกิดมารวยอย่าได้เหลิงให้ได้รู้ตัว ชาติไหนจนก็ขอให้มีความเพียร และมีปัญญา และปฏิบัติตนจนถึงพระนิพพาน หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด..อันเป็นทุกข์
     
  10. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +705
    คิดไงยังไง

    แค่คิดก็ลงนรกได้สบาย ๆแล้วเชื่อสิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...