ตายจากคนไปเกิดเป็นวัว โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ชนะ สิริไพโรจน์, 22 มิถุนายน 2014.

  1. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ตายจากคนไปเกิดเป็นวัว
    โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    "..มีผู้มาถามว่า เรื่องตายจากคนแล้วเป็นผีนั้นไม่สงสัย
    แต่อยากทราบว่าคนที่ตายแล้วไปเกิดเป็นสัตว์รับใช้
    มีบ้างไหม ก็พอดีอาตมาไปพบเข้าเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่อง
    ของอดีตใกล้ปัจจุบัน

    เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๔๖๕ พระภิกษุศรี วัดแก้วแจ่มฟ้า
    ได้เล่าเรื่องนี้ให้ พันโทพระพินิจศาลาฟัง อาตมาทราบ
    มาจากพระพินิจศาลาอีกทอดหนึ่ง

    เรื่องมีอยู่ว่า มีชายจีนคนหนึ่งชื่อ "เก๊า" มีภรรยาเป็นคนไทย
    ชื่อ "ทองคำ" ตั้งร้านค้าขายอยู่ที่ตลาดน้อย จังหวัดพระนคร
    สมัยที่คุณพระเล่าเรื่องนี้ เขายังนิยมเรียกว่าเมืองบางกอก
    กรุงเทพฯ หรือพระนครนั้นเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นภายหลัง

    นับถอยหลังจาก พ.ศ. ๒๔๖๕ ไป ๓๗ ปี สมัยนั้นแกค้ายาฝิ่น
    ได้ถูกไฟไหม้ร้านค้า ขณะที่เกิดเพลิงไหม้ร้านค้านั้นเป็นเวลา
    ดึกสงัด แกรู้สึกตัวขึ้นต่อเมื่อไฟลุกลามมากเสียแล้ว แกเก็บ
    สมบัติส่วนอื่นไม่ทันเลย คว้าเอาบัญชีค้าขายออกมาได้
    อย่างเดียว โดยคิดว่าเอาอะไรไม่ได้ก็ช่าง ได้บัญชีไว้คง
    ไม่อดตาย เพราะยังมีลูกหนี้ที่มาซื้อยาฝิ่นที่ยังไม่ได้ชำระ
    เงินอีกหลายราย

    ต่อมาแกก็เลิกค้ายาฝิ่น หันมาค้าขายชันและนํ้ามันยาง
    จึงไปซื้อวัวมาตัวหนึ่งสำหรับบดชันขาย แกบดชันขาย
    แกก็ค่อยๆ รํ่ารวยขึ้นตามลำดับ จนปลูกตึกเป็นที่อยู่และ
    ร้านค้า ตอนนี้แกรวยมากก็คิดถึงความดีของเจ้าวัวคู่ยาก
    เพราะหลังจากไฟไหม้ร้านค้าฝิ่นแล้ว แกก็เกือบสิ้นทรัพย์
    ต่อมาค้าขายเล็กๆ น้อยๆ พอมีทุนบ้าง ก็ซื้อวัวตัวนี้มาบดชัน
    เป็นเหตุให้มีฐานะมั่นคงจนมีตึกมีร้านอยู่

    จึงไม่อยากจะรบกวนเจ้าวัวเพื่อนยากให้ลำบากอีกต่อไป
    จะขายให้ชาวบ้านเอาไปใช้งานหรือก็เกรงว่าวัวจะต้อง
    ทำงานหนักอีก จะขายให้แขกก็เกรงว่าแขกจะฆ่า
    จะเอาไว้ที่ร้านค้าก็ไม่มีที่เหมาะสม ตรึกไปตรองมา
    ก็คิดได้ว่าที่ วัดทองนพคุณฝั่งธนบุรี สมัยนั้นเป็นวัด
    อยู่ในสวนมีบริเวณกว้างมาก สนามหญ้าก็ใหญ่โต

    เถ้าแก่เก๊าแกมองเห็นประโยชน์ ๒ ทาง คือ
    ๑) ถ้าแกเอาเจ้าวัวตัวนี้ไปถวายพระ พระท่านไม่มีงานใช้
    วัวก็จะอยู่เป็นสุขสมกับความตั้งใจของแก ปรารถนาจะ
    ให้มันพักผ่อน ไม่ต้องทำงานต่อไป
    ๒) พระจะได้อาศัยวัวเก็บหญ้าในลานวัดกินเป็นอาหาร
    เป็นการช่วยพระปราบหญ้าไปในตัว

    เมื่อแกหารือกับคุณนายทองคำศรีภรรยาเป็นที่ตกลงกันแล้ว
    แกก็นำเจ้าวัวของแกข้ามจากฝั่งพระนครมาฝั่งธน สมัยนั้น
    สะพานข้ามแม่นํ้าเจ้าพระยายังไม่มี ต้องอาศัยเรือจ้างข้ามฟาก
    ตอนที่แกเอาวัวข้ามแม่นํ้าแกให้เจ้าวัวตัวนั้นว่ายนํ้า ตัวแกเอง
    นั่งบนเรือ ถึงแม้วัวจะเหนื่อยหน่อยแกก็คิดว่าเป็นการเหนื่อย
    ครั้งสุดท้าย

    เมื่อข้ามฟากไปฝั่งธนบุรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แกก็จูงเจ้าวัว
    เพื่อนยากไปฝากเจ้าอาวาส เมื่อท่านเจ้าอาวาสรับฝากแล้ว
    แกก็กลับบ้านมานอนสบายใจที่ได้สงเคราะห์วัวตัวที่แกรัก
    ได้สมเจตนา พอเช้าวันรุ่งขึ้นแกก็ต้องแปลกใจที่เห็นเจ้าวัว
    ตัวนั้นมายืนอยู่หน้าประตูตึก

    สมัยนั้นวัวหรือม้าหรือควายเดินในท้องถนนหลวง
    ไม่ใช่ของแปลก เพราะสัตว์พวกนี้มีมากในถนนหลวง
    รถหาได้ยากเต็มทน วันหนึ่งมีรถยนต์ผ่านหน้าไม่เกิน
    ๔ เที่ยวเป็นอย่างมาก รถที่ใช้เป็นพาหนะส่วนใหญ่
    ก็เป็นรถม้า นานๆ จะพบรถเจ๊ก เมื่อแกกินข้าวเช้า
    เรียบร้อยแล้ว แกก็นำเจ้าวัวตัวนั้นกลับไปให้พระ
    วัดทองนพคุณใหม่

    คืนวันนั้นเองคุณเถ้าแก่เก๊าแกนอนหลับฝันไปว่า
    เจ้าวัวตัวนั้นมันมาหาบอกชื่อตัวเองว่าชื่อ"ลก"
    เมื่อสมัยที่แกขายยาฝิ่นนั้น นายลกหรือวัวตัวนั้น
    เคยซื้อยาฝิ่นเป็นสินเชื่อไว้ ยังชำระหนี้ไม่หมด
    เห็นว่าเลิกขายยาฝิ่น ก็เลยไม่ยอมจ่ายเงินให้
    เจ้าวัวตัวนั้นที่มาเข้าฝันก็พูดต่อไปว่า

    "เมื่อฉันเป็นหนี้นายและยังไม่ได้ชำระหนี้
    ฉันจึงมาเกิดเป็นวัวเพื่อให้นายใช้งาน เป็นการ
    ชำระหนี้ด้วยแรงงาน ขอนายจงไปเอาฉันมาใช้งาน
    จนกว่าฉันจะตายไปตามสภาพ ฉันจึงจะพ้นหนี้
    ถ้านายไม่เอาฉันมาใช้ ชาติต่อไปฉันก็ยังจะต้อง
    เกิดเป็นวัวให้ใช้งานต่อไป โอกาสที่จะหมดโทษ
    ก็จะไม่มี ถ้านายสงสารฉัน ขอให้นายไปรับฉัน
    มาใช้งานตามเดิมเถิด..."

    พอรุ่งเช้าคุณเถ้าแก่เก๊าก็สำรวจตรวจสอบ
    บัญชีลูกหนี้ พบชื่อ "ลก" จริงๆ มีหนี้ตามบัญชี
    อยู่ ๓๖ บาท เมื่อหลักฐานมีตรงตามความฝัน
    แกก็ไปนำเจ้าวัวแสนซื่อของแกมาไว้ที่บ้าน
    ใช้งานแต่เพียงวันละนิดหน่อยพอเป็นธรรมเนียม
    จนกว่ามันจะตาย

    เรื่องนี้คุณพระพินิจบอกว่า เจ้าพวกวัว ควาย ช้าง ม้า
    ที่ถูกใช้งานหนักๆ โดยไม่มีค่าจ้างแรงงาน แต่ผลที่ได้รับ
    เป็นเครื่องตอบแทนความเหนื่อยยากก็คือ หญ้าสดบ้าง
    หญ้าแห้งบ้าง เห็นจะเป็นเพราะสมัยเป็นมนุษย์คงจะโกงเงิน
    คือเป็นหนี้แล้วไม่ยอมชำระหนี้สินแบบนายลกนี้เป็นแน่

    บางทีเจ้าของเงินเขาไม่ว่าแต่กฎของกรรมว่าเสียเอง
    ทั้งๆ ที่เจ้าของเงินไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัวเรื่องการถูกลงโทษ
    ส่วนพวกวัวควายที่ถูกเขาใช้งานแล้ว เมื่อเขาหมด
    ความต้องการก็ถูกเจ้าของจับฆ่าเป็นอาหาร ก็คงจะ
    เนื่องมาจากชาติก่อนเคยฆ่าสัตว์ประเภทนั้นตาย
    จึงต้องไปเกิดเป็นสัตว์ประเภทนั้น และต้องถูกฆ่าตาย
    จนกว่าจะครบจำนวนตามที่เคยฆ่ามาแล้ว

    ก็เป็นอันว่าคนที่คิดจะหลบหนี้ด้วยการฆ่าตัวตาย
    เพื่อเจ้าหนี้จะได้ตามทวงไม่พบ ถ้าเรื่องนี้มีผล
    ตามที่ท่านคุณพระพินิจเล่าให้ฟังแล้ว ก็หนักใจ
    แทนท่านที่หลบหนี้ เพราะถ้ารับใช้สมัยเป็นคน
    เพื่อการชำระหนี้ด้วยแรงงาน ยังมีโอกาสกินข้าว
    กินขนมได้อย่างเจ้าหนี้ เหนื่อยก็ขอร้องผลัดผ่อนได้
    ร้อนก็บอกได้ แต่ตอนที่เกิดเป็นวัวเป็นควายนั้น
    แสนจะระทม หิวอาหาร กระหายนํ้า เหนื่อย ยุงกินริ้นกัด
    หมดทางที่จะรายงานเพราะพูดไม่มีใครรู้เรื่อง มันเป็น
    กรรมที่แสนจะทรมาน.."
     

แชร์หน้านี้

Loading...