จิต กับ วิญญาณ คือ ตัวเดียวกันหรือคนละตัว?

จิต กับ วิญญาณในขันธ์ ๕ ในความเข้าใจของท่านทั้งหลาย คือ เป็นตัวเดียวกัน หรือ คนละตัวกัน ... คำถามคงชัดเจน ก็ขอคำตอบที่ชัดเจนจากท่านด้วย ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนและนำเสนอ เพื่อประโยชน์ในผู้สนใจต่อไป ...(^_^)

 

({) สวัสดีปีไหม่ไทย ครับคุณ นิพพิชฌน์ ๕๕ และพี่น้องๆทุกๆท่าน ขอตอบตรงๆเลยครับ จิต กับ วิญญาณ มันคนละตัวกันครับ จิตก็คือ ตัวเรา แท้ๆครับ หรือเรียก อีกแบบว่า กาย ตัวใน ตัวเรานั่นเอง ที่ สั่งการ มายัง กาย ให้ด่าให้พูด ดี พูดชั่ว ให้ทำสิ่ง ต่างๆ ทั้งดี และชั่ว ก็ไอ้ จิต ตัวของแท้ๆนี่แหละครับ ส่วนวิญญาณ มันมีความรู้สึก ที่สัมผัส หนาว ร้อน เย็น ที่ติดมากับ กายของ ธาตุ ทั้ง ๔ แล้ว จิต ของเรา ก็ ไป ยึดติด มาเป็น อารมย์ ต่างๆ ที่พระท่านสอน ให้ละวาง ในสิ่งต่างๆ ก็ที่จิตเราตัวเดียว เป็นผู้สั่งการ มันอีกที่หนึ่ง พูดง่ายๆ ไป ยึด ติด มี ๒ อย่าง ที่แยก ออกเห็นกันชัด ดีกับชั่ว ถ้าแยก ออกมา มันก็อยู่เต็ม ทั้งโลก ไม่สามารถ แยกออกได้มาหมด ได้ ถ้า พระสงฆ์สาวก ไม่นำพระธรรมคำสอน ของพระผู้มีพระภาค เจ้า นำมาสั่งสอน เราจะไม่รู้เลยครับ

 

ลองอ่าน อันนี้เลยฮับ จาก เอกสารอ้างอิง อ้างว่า เป็นคำสอน " หลวงปู่มั่น "

แล้ว เว็บไซท์ ก็เป็น 84000.org ในเชิงวิชาการ ก็ต้อง หมายเอาว่า สืบพยานวัตถุ
มาพอสมควรว่า ไม่มั่วซั่ว หรือ แฝงเร้น

http://www.84000.org/supatipanno/dham3.html

แล้วลอง ค้นหา คำว่า จิต กับ โลกุตรจิต

จะพบว่า เอกสารดังกล่าว ระบุโต้งๆว่า " จิตคือวิญญาณขันธ์ "

โลกุตรจิต เป็นเพียง " ปัญจุปาทานขันธ์ไม่มีอาสวะ " [ ระบุว่าเป็น กองขันธ์5 นั่นแหละ เพียงแต่เป็น ขันธ์5ที่ชำระล้างกิเลส อุปทาน อวิชชา แล้ว ]

 

ยังมี เอกสารอื่น ที่เป็น พระไตรปิฏก แต่ หา มะเจอ

เพราะ สดับมาจาก ไฟล์เสียงอ่าน อริยสัจจจากพระโอษฐ์ ที่ท่านพุทธทาส
รวบรวมไว้

ได้ยินแว็บๆ ว่า " จิตเกิดจากปัจจัยการ คือ นามรูป " แล้ว ก็มีการระบุลงไปว่า
เพราะเหตุนั้น " จิตจึงเป็นวิญญาณ " แล้ว ระบุลงไปอีกว่า เพราะ จิตเกิด
จากปัจจัยการจึงเป็น " ทุกขสัจจ " ให้กำหนดรู้ เพื่อ ละ "สักกายสมุทัย"

มีการใช้คำว่า " สักกายสมุทัย " ด้วย ซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน เลย เกิดอาการ
สนใจ จดจำได้ แต่.......เสียงอ่านไม่ได้ระบุ ชื่อพระสูตร เล่ม หน้า มีแต่เสียง
เพลง " ดี ดี ดา ดา ...." มีแมลงปอบิน ดังนั้น หากอยากได้ยิน ไปไล่ฟังเอา

 

อารมณ์ขันดีจริง ๆ คุณนิวรณ์ ...

 

ก็ลองมองคนตาย ที่โดยเผา หรือสัตว์ เป็นอย่างไรบ้าง เอาๆง่ายว่า จิต กับวิญญาณ มัน คนละตัวหรือเปล่า ก็ลองตายดูก็ได้ จะได้รู้ไง แล้ว ตอนตาย มันไปแบบไหน ออกแบบไหน เมื่อจิต มันออกจากร่างแล้ว แม้คนเอาไป เผา ความรู้สึกใดๆมันไม่มีแล้วใช่ไหม แต่ส่วนใหญ่ พระที่ท่านสอน จะพูด รวมๆกันไป คล้ายว่า เป็น อันเดียวกัน จะแบบไหน ก็ช่าง ทำความดี ละความชั่ว เท่านั้น ก็พอแล้ว ครับ คำว่า ดี มันคุม ไปหมด ทั้งโลกแล้วนะ ตั้งแต่ ต่ำ ไปหา เบื้อง สูง คำว่าชั่ว มันก็คุมไปหมด ทั้งโลก ต่ำ ไป หา สูง แล้วนะ ผมจะไม่อธิบาย นอก จาก คนที่ใช้ ปัญญา จริงๆ จึงจะเข้าใจ ผมพูดกับคน ที่มีปัญญาอีกระดับหนึ่ง เท่านั้น

 

สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันครับ ... ขอบคุณในข้อความมากครับผม

 

แนะนำ นะฮับ หากมี ชนคนใด กล่าวเรื่อง จิตออกจากร่าง
หรือ วิญญาณออกจากร่าง

ให้ ถามเขาว่า อะไรคือ " การเกิด "

ร้อยละร้อย เวลาถามเรื่อง " การเกิด " การอุบัติ การเกิด อุปาธิ
ยังละอาสวะไม่ได้ เราก็จะ ระบุว่า มีการเกิด

ดังนั้น

พอเรา แย๊บสันติ!! อึ๊ดเข้าไปให้เต็มปาก(ให้เราถามให้เต็มๆปาก นะ) อย่า
ไปนึก สนุกในใจวาดภาพเป็นเรื่องตลกอย่างอื่น พอ อึ๊ดชึ !! กระแทก
เข้าไปเต็มปากว่า อ้าว แล้วการเกิด คืออะไร

ร้อยละร้อย จะ บรรยายไม่ได้ หากบรรยายไปว่า วิญญาณเข้าร่าง หรือ
จิตไปเข้าร่าง อ้ายคนตอบมันจะ งง ถ้ามันไม่งง มันก็ จานลาย สุดๆ

เพราะ กายที่จะเกิดขึ้นตอนเกิดเนี่ยะ จิตมันสร้างขึ้นจากอุปาธิ อุปาทาน
จิตจึงสร้าง การเกิด ไม่จบไม่สิ้น

พอมัน สะอึกคำว่า จิตสร้างกาย ไอ้ตอนที่มานพูดว่า จิตออกจากร่าง
วิญญาณออกจากร่าง มันจะกลายเป็นเรื่อง มิจฉาทิฏฐิ ทันที

ไม่เช่นนั้น มันจะย้อนแย้งกันเอง ตอน " จิตไปเกิด "


หาก สติสตังค์ มีมากพอ ก็จะ พอดึงกลับมาได้ว่า จิต เกิดปัจจัยการ
การเกิด ก็เกิดจาก ปัจจัยการ ไม่ใช่ จิตล่องลอยเขาไปอาศัยกาย
อาศัยรูหอยเกิด สักหน่อย


จิต พระพุทธองค์จึงตรัสว่า " หากไม่มีปัจจัย ก็เกิดไม่ได้ " ซึ่งก็คือ " ปัญจุปาทานขันธ์ไม่มีอาสวะ " ตามเอกสารอ้างอิง #หลวงปู่มั่น@84000.org

 

กระจอก แข่ว ขออนุญาติ นำเรียนท่านเจ้าของกระทู้ผู้ทรงวายาวุธ

ถึง ข่าวสายลูกแก้วหญิงซ้ายชายขวา อ้างอิงเอกสาร นักงับเงาสอนสติปัฏฐาน4
ได้แสดงถึง การดรฟธรรมะ ครั้งมโหรนลานของ " สกทำมะกายำรำ รากรี "

" การถวายข้าวพระพุทธ จัดเป็น ความหลง มี นรก เป็นที่ไป "

ซึ่งจัดว่า คว่ำคำสอนของ ต้นธาตุต้นธรรม แบบหมดราบคราบสิ้น
ด้วยเหตุเพียง อัยการส่งสำนวนฟ้อง เล่นงาน ข้อหา "สอนธรรมผิด"
ต่อ สำนักจางบิง และ สำนักเบนซ์99

จึงเรียงมาเพื่อแซ๊บ


ปล. คือ สำนัก สกทำมะกายำรำ รากรี อะไรนั่น ยอมรับแล้วว่า
พ้นจาก ขันธ์5แล้ว ไม่มีอะไรจะเกิดขึ้นได้อีก การอ้างถวายข้าว
พระพุทธจึงเป็น เรื่อง คำสอนที่หลง และ สิทธิเฉียบขาดตกนรก สถาณเดียว

 

สิ่งทั้งหลายทั้งรูปนาม ที่ปรุงแต่งประกอบ+บุญบารมี ...
ให้เรากำเนิดกายมาเป็นคนตัวตนนี้
..เรียกว่า รูปกายคน+จิตใจ (สิ่งมีชีวิตชั้นสูงบนโลก)
ในทางธรรมะนั้นท่านแบ่งย่อยออกไปอีกเป็น ขันธ์ 5
ซึ่งตัวจิต+เจตสิก คือนามธรรม คือ เวทนา สัญญา สังขาร
ตัวเชื่อมต่อระหว่าง อายะตนะภายนอกคือรูปกับตัวนามภายในคือ ตัววิญญาณ นั่นเองครับ หรือ เรียกง่ายๆ ว่าตัวรับรู้ทวารทั้ง 6 นั่นเองครับ
ส่วนจิต นั้นมีความกว้างขวางมากครับ แต่อธิบายง่ายๆก็คือ ใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายนั่นแหละครับ ...
^__^ ​

 

คงเป็นดั่งว่า ... (- -)

 

สรุปสั้น ๆ ได้ใจความดี แบบนี้หน่อยค่อยอ่านง่าย ไม่วกวนไปวกวนมา ... ขอบคุณมากในข้อความครับ

 

คนและสัตว์ เกิด มาเพราะ จากการ ร่วมรัก จากเพศ บักกับหอย เท่านั้น เพราะจิต ไปยึดมั่น ถือมั่น ทำให้เกิด อวิชชา ติดยึด ไอ้ นี่ไอ้ นั่น ก็ของกูหมด ทำให้เกิด ภพ เกิเชาติ ติดภพ ติดชาติ ทำให้เวียนว่าย ตายเกิด หาที่สิ้น สุดไม่ ทำ ชั่ว ก็ให้ไปเกิด ในสัตว์ นรก เปรต อสูรกาย สัตว์ เดรัชฉาน ต่างๆเผ่าพันธุ์ ไปตามอำนาจ ชั่ว ที่ สัตว์ ทุกๆประเภท ทำ ไม่ดี คิดไม่ดี สัตว์ ในที่นี้ หมายถึง คนและสัตว์ ทุกประเภท ทุกชนชั้น มันไม่เลือก ว่าทำกรรม ชั่วอะไร


ทำความดี ในระดับ กลางๆ ก็ทำให้เกิด ใน คนและมนุษย์ ทำความดี ขึ้นไปหน่อย ก็ทำให้ไปเกิด ดีขึ้นไปหน่อย คือ จะชาติ ไหน ศาสนาไหน ภาษาไหน ก้ไปเกิด ใน เทวโลก นางฟ้า เทพธิดา เทวดา แต่ละชั้น ถ้าหญิง หรือ ชาย ใด เจริญ สมาธิกรรมฐาน ก็ทำให้ส่ง ผล ได้ฌาณ สมาบัติ ก็ไปเกิดเป็นพรหม ชั้นที่ ๑-๓-๕-๘-๑๐-๑๒ ถ้า ทำให้จิตเข้าถึง อริยมรรคผล อนาคามี ก็ทำให้ ไปเกิด พรหม โลก ชั้น ที่ ๑๓-๑๖ ถ้า หญิง หรือชาย ทำได้ ถึง ขั้น อรูปฌาณ ก็ทำให้ไปเกิด ในอรูปพรหม ชั้น ที่ ๑๖ถึง ชั้น ๒๐ เป็นพรหมไม่มีรูป เป็นดวงจิต ลอยอยู่ เฉยๆ ใน ชั้นของอรูปพรหม ถ้าผู้ใด หยิง หรือ ชาย ไม่นิยม ในการเกิด อีกต่อไป ตักภพ ตัดชาติ ตัดดี ตัดชั่ว ตัดโลภ โกรธ หลง ลงได้ ก็พาจิต ตนเอง เข้าสู่แดน พระพินพาน ส่วนใคร จะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะทำหรือไม่ทำ จะเลือก เกิกเป็นอะไร หรือ ชอบอะไร ก้เชิญตามสบายครับ ไม่มีใครว่า อะไร แล้วแต่ความชอบ ของ คน และสัตว์ นั้นๆครับ สวัสดี

 

อันเดียวกัน

เหมือนรถยนต์...

 

ตาม อภิธรรมปิฏก ฉบับ คะน้าผัดไทย ยกมาวันก่อน

กล่าวว่า " รถยนต์ " จัดเป็น " สังขาร " หรือ เป็น การอุบัติขึ้น
ของ สังขารขันธ์ อันออกมาจาก ความ วิจิตรของจิต ( จิตคิดค้นสร้างขึ้น )

เพียงแต่ สังขารบางอย่าง วิญญาณเข้าไปหยั่งเป็น อุปาทิน ไม่ได้

รถยนต์เลยจัดเป็น อนุปาทิน คือ อุปทาน ตามครอง ได้เท่านั้น

ก็เลย นึกไปถึง ....พรามหณ์ชื่ออะไร จำไม่ได้ ท่าน หวงสมบัติ
พวก สร้องคอ ตะกรุด เครื่องรางของคลัง ที่เป็น สมบัติที่ตีราคาไว้สูงๆ
ท่านเอาไป ฝังดิน ไว้

เรียกว่า ไป ก่อ " สังขารขันธ์ " จำเพาะตน เอาไว้

แต่เนื่องจาก ตะกรุด บระเครื่อง เครื่องรางของขลัง สมบัติผลัดสถาณ
มันเป็น รูปที่เอาวิญญาณเข้าไปถือกำเหนิดไม่ได้ จึง เกิด สังขารชนิด
ที่เรียกว่า "สัตต" ( ผู้ข้อง ไม่ใช่ สภาพสัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา )
โดยมี บัญญัติเรียกว่า " สุนัข "

สรุป สังขารขันธ์ ที่เกิดจาก จิต สร้างขึ้น เป็น พระเครื่อง สมบัติผลัดสถาณ
แต่ความที่ไม่รู้ อวิชชา ไม่รู้ว่า สังขารเหล่านั้น กอบขึ้นมาเป็น สภาพตัวตน
ไม่ได้ เลยทำให้ต้องไปเกิด เป็น "หมา" แทน

เป็น หมาที่เกาะพุทธรูป มงคลรูป ภาพพระ


ปล. ทั้งนี้ จิตหมายภาพพระในลักษณะ มีราคา มีการให้ค่าว่าสุข ไม่ได้
หมายภาพพระในลักษณะ การสิ้นไปของอุปทาน(ทรงอารมณ์นิพพาน)

 

เหมือนรถยนต์อย่างไรครับ?

 

ว่าแต่ คุณ นิวรณ์ เห็นว่าเป็นตัวเดียวกัน หรือ คนละตัวครับ? หากจะสรุปให้ชัดเจน

 

ผมเป็น กระจอก แข่ว ฮับ

อาศัย การเป็น กระจอกแข่ว จึง มีสิทธิเฉียบขาด ไม่เกี่ยว ทุกกรณี

หนีโลดดดดด

หากจะ ทักทิฏฐิใดมีในป๋ม ให้ถือว่านั่น เป็น สิทธิเฉียบขาด ของ จขกท เอง

 

^_^....(( วิญญาณ เสมือนสายใยเชื่อมกลาง ระหว่าง ร่างกายกับจิตใจ ))...^_^

 

คุณ นิวรณ์ เวลาถ่อมตน ก็ดูดีอีกแบบน่ะครับ ^__^