ขอเชิญร่วมบุญรับวัตถุมงคลหลวงพ่อฤาษีลิงดำบูรณะวัดหัวสะแกตก

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 4 พฤษภาคม 2016.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    หลังจากที่ผมได้ประกาศบอกบุญเพื่อสร้างศาลาการเปรียญวัดหัวสะแกตก ตามกระทู้นี้http://palungjit.org/posts/9990616 พอดีมีพี่ท่านนึงอยากร่วมบุญด้วย จึงส่งวัตถุมงคลมาร่วมบุญโดยตั้งราคาไว้ 3000บาท เป็นเซ็ต วัตถุมงคลหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และพิเศษมีแถมรูปหล่อล้มลุกพระสังฆราชญาณสังวรและพระผงปฐวีธาตุหลวงปู่คำพันธ์ด้วยมีดังนี้
    ๑.เหรียญหลวงปู่ปานหลังยันต์เกราะเพชรปี2526 ศูนญ์ศิษย์หลวงพ่อปาน ปลุกเสกโดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เด่นด้านโชคลาภดำ
    [​IMG]
    [​IMG]
    ๒ พระสมเด็จดำ วัดโขงขาว เสกโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำปี๒๕๓๒ เด่นด้านป้องกันภัยเมตตา
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ๓.พระนางพญา วัดโพธิสุทธาวาสผสมเกสาและชานหมาก หลวงพ่อฤาาีลิงดำเสก
    [​IMG]
    [​IMG]
    นอกจากนี้มีแถมรูปหล่อพระสังฆราชเบ้าทุบอุดผงมงคลและสมเด็จปฐวีธาตุหลวงปู่คำพันธ์ด้วย
    มีชุดเดียวให้บูชาทั้งชุด 3000บาท ท่านใดสนใจ ร่วมบุญได้ที่ร่วมบุญได้ที่ บัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสยามสแควร์ ภูชิชย์ สุรรัตน์ เลขที่บัญชี 0384312810 เบอร์โทร 0809044789หรืออีเมล์ mkjoni.law@gmail.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    รูปหล่อเบ้าทุบพระสังฆราช
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
  4. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
  5. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
  6. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
  7. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
  8. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ข้อควรรู้เรื่องกรรม ตอน มีวิถีทางใดจะชดใช้กรรมจากการทำแท้งได้บ้าง
    [​IMG]
    วิสัชนาธรรมโดย หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต
    วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร

    :b45: ปุจฉา - หลังทำแท้งขณะตั้งครรภ์ได้ ๒ เดือน รู้สึกเป็นบาป
    แต่จำเป็นต้องทำเพราะแพ้ท้อง ทำงานไม่ได้ สามีไม่ได้เอาใจใส่ต่อครอบครัวเลย
    และถ้าปล่อยให้เกิดมาเขาจะลำบาก และทำให้ลูกคนเกิดก่อนลำบากด้วย
    อยากทราบว่าบาปที่ทำนี้ มีวิถีทางใดจะชดใช้ได้บ้าง
    เช่น บวชพราหมณ์ สร้างพระ หรือถือศีล เป็นต้น

    :b44: วิสัชนา - ไม่ว่าใครๆ เมื่อความทุกข์ใจมาถึงแล้ว ก็ต้องมองหาที่พึ่ง เพื่อแบ่งเบา
    ชะรอยสามีจะล่วงละเมิดไปเล่นสาว จึงเป็นเหตุไม่อาลัยในของเดิม
    แต่ก็คงเป็นเรื่องของกรรมมาในภพก่อนๆ ที่พวกเราสร้างไว้
    เพราะการท่องเที่ยวในสงสารมากกว่าเม็ดหินเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรตั้ง ๔ มหาสมุทร
    สมมติว่าชาติหนึ่งก็เม็ดทรายหนึ่งเป็นการเทียบ
    เมื่อเป็นดังนี้ การท่องเที่ยวในสงสารจึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
    พระพุทธศาสนาสอนไม่ให้นอนใจในโลกสงสาร
    สอนให้รีบเร่งภาวนาปฏิบัติศีลธรรม
    เพื่อให้ชนะความหลงของตนเข้าสู่พระนิพพานไปซะ

    อนึ่ง เรื่องลูกๆ ตั้งครรภ์แล้ว ๒ เดือนจะหาอุบายทำลายนั้น
    มันเป็นบาปมากนัก หลวงปู่ไม่อนุโมทนาด้วย
    พระวินัยบอกว่า ปาราชิก ๔
    จะว่าแต่ข้อ ๓ ความว่า "ภิกษุแกล้งฆ่ามนุษย์ให้ตายต้องปาราชิก"
    มีหลักพูดอย่างนี้ แต่อธิบายหลักออกพิสดารมาก
    มนุษย์ในครรภ์ก็ดี นอกครรภ์ก็ดี ฆ่าเองก็ดี ใช้ให้ผู้อื่นฆ่าก็ดี หรือด้วยอุบายก็ดี
    ห้ามขาดทั้งนั้น ถ้าฝืนล่วงละเมิด ภิกษุเป็นปาราชิก นี้อธิบายให้ฟังอย่างย่อๆ
    เมื่อเป็นดังนี้ องค์หลวงปู่ไม่เห็นด้วย
    แม้เราทำลายแล้วเราจะไปบวชชีพราหมณ์ หรือทำบุญอะไรๆ ก็ตาม
    จะทำบุญแก้บาปไม่ได้เพราะมันเป็นเงินคนละกระเป๋า
    สมมติว่าใจของเรานี้เปรียบเหมือนคลัง
    บาปบุญนี้เปรียบเหมือนสมบัติที่มีอยู่ในคลัง
    คราวใดเราเอาบาปออกมาค้า ผลกำไรก็ไปบวกบาปอยู่ที่ใจ

    เหตุนั้น การล้างบาปในพระพุทธศาสนาจึงไม่มี
    แต่เมื่อสร้างบารมีไปมากแล้ว บาปก็เว้นพอแล้ว บุญก็สร้างพอแล้ว
    จึงจะทรงเหนือบาปและบุญไปได้ ยกตัวอย่างเช่นพระอรหันต์
    กรรมเก่าตามมาถึงก็มาเจอแต่เรือนร้าง คือสกลขันธ์ คือรูปนาม
    แต่มันไม่ถึงธรรมะของพระอรหันต์ เพราะพระอรหันต์พ้นจากกองนามรูปไปแล้ว
    แต่พวกเราที่ยังมีกิเลสหนา เมื่อผลของกรรมตามมาหา
    มันก็ได้ทั้งหนังทั้งเขา เพราะเรายังไม่พ้นจากกิเลส
    เหตุนั้นเราจึงไม่ควรทำในมหันตโทษ
    โทษฆ่ามนุษย์เป็นมหันตโทษไม่มีศาลอุทธรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
    คดีดำคดีแดงในโรงในศาลมันหมดเป็น
    ส่วนกรรมและผลของกรรมที่ทำไว้แต่ละท่านละคน
    มันไม่จบเกษียณเป็นเลย มันตามไปจนถึงชาติเข้าสู่พระนิพพานดังกล่าวแล้วนั้น

    คำว่ากรรม และผลของกรรม ว่าโดยย่อเพื่อเข้าใจง่ายคือ
    บาปและผลของบาป บุญและผลของบุญ
    ส่วนสร้างเหตุบาปบุญแล้วผลไม่ได้ประสงค์ก็ได้รับตามส่วน
    ควรค่าของเหตุที่ทำน้อยและมาก เจ้าตัวจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ไม่เป็นปัญหา
    เหตุนั้นวัฏสงสารจึงเวียนว่ายตายเกิด อยู่สนองกรรมสนองเวรกันเหมือนพายเรือในอ่าง

    ต่อเมื่อถึงพระโสดาบันตราบใด จึงจะเดินตรงในทางความประพฤติ
    ข้ามทะเลหลงของตนไม่ถอยหลัง ไม่แวะซ้ายไม่แวะขวาด้วย ตรงจุดหมายพระนิพพาน
    ต่ำกว่าพระโสดาบันลงมาแล้วพายเรือในอ่างทั้งนั้น หรือเป็นมดไต่ขอบกระด้งทั้งนั้น

    ถ้าอยากทราบว่าตนเป็นพระโสดาบันหรือไม่นั้น ก็มีแผนที่สอบ
    คือ สอบตนว่าตนเสียดายอยากล่วงละเมิดศีล ๕ หรือไม่
    เสียดายอยากจะถือศาสดาอื่นนอกจากพระพุทธศาสนาไปหรือไม่
    เสียดายอยากจะจองเวรท่านผู้อื่นหรือไม่
    เสียดายอยากจะเล่นอบายมุขหรือไม่
    เสียดายอยากจะถือฤกษ์ดียามดีหรือไม่
    เสียดายอยากจะค้าขายเครื่องประหาร
    ค้าขายมนุษย์ ค้าขายสัตว์เป็นและเนื้อสัตว์ที่ตัวฆ่าเพื่อเป็นอาหาร
    ค้าขายน้ำเมา ค้าขายยาพิษ ทั้งหลายเหล่านี้หรือไม่
    ถ้าไม่เสียดายอยากล่วงละเมิดทั้งหลายเหล่านี้แต่ต้นมา
    ก็ตัดสินเอาเองว่าเรานี้แหละคือพระโสดาบัน
    ถ้าไม่อย่างนี้แล้วก็เป็นโมฆะทั้งนั้น

    ให้เข้าใจว่าสิ่งใดที่เราไม่เสียดายอยากล่วงละเมิด
    เพราะเห็นชัดด้วยปัญญา ด้วยดวงตาเห็นธรรม
    คือเห็นว่ามันเป็นเวรเป็นภัยจริงๆ ไม่มีศาลอุทธรณ์
    ถ้าเราเห็นชัดอย่างนี้ความเสียดายอยากล่วงละเมิดของเราก็ไม่มี เราก็ไม่หนักใจด้วย
    คล้ายๆ กับเราเห็นหลุมถ่านเพลิงอย่างชัดแจ้ง
    เราไม่เสียดายอยากไปลุยเลย และก็ไม่สงสัยอีกด้วย
    นี้แหละคือภูมิพระโสดาบัน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วก็เป็นพายเรือในอ่าง ดังกล่าวมาแล้ว

    อนึ่ง การหงุดหงิดฉุนเฉียวก็เพราะอารมณ์ของเรามีหลายแพร่ง
    แพร่งหนึ่งเกี่ยวกับสามีที่ไม่รับผิดชอบไม่อาลัย
    แพร่งสองเป็นธรรมดาของผู้ตั้งครรภ์ก็ต้องหงุดหงิดบ้างอย่างนั้น
    จะอย่างไรก็ตามความอดทนเป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์
    เพราะอดทนในสิ่งที่ควรอดทน ไม่ใช่อดทนในการสร้างบาป อดทนในการไม่สร้างบาป
    ความอดทนกับความเพียรก็คงมีความหมายอันเดียวกันนั่นเอง
    แต่เพียรในทางพระพุทธศาสนา "เพียรละบาปบำเพ็ญบุญ" เป็นหลักของจิตใจ

    น่าเห็นใจลูกๆ หลานๆ อยู่เหมือนกัน
    ใครเกิดมาในโลกนี้ไม่เป็นทุกข์ใจไม่มีเลย (เว้นพระอรหันต์เสีย)
    พระโสดาบันเว้นทุกข์ใจไปเป็นเอกเทศแล้ว และส่วนที่เว้นนั้นไม่กลับมาทุกข์อีก
    ส่วนพระอรหันต์เว้นโดยเด็ดขาดสิ้นเชิงแล้ว

    และคำสอนพระพุทธศาสนาเจตนามุ่งหมายให้สัตว์โลกเข้าสู่พระนิพพานทั้งนั้น
    เพราะในไตรโลกธาตุไม่มีสุขเท่าเมล็ดงาเลย
    ถ้าหากว่ามีความสุขเท่าเมล็ดงาแล้ว
    พระอรหันต์ก็ไม่เบื่อหน่ายความหลงของตนที่เคยหลงมา
    เมื่อเบื่อหน่ายความหลงของตนที่เคยหลงมาแล้ว
    ก็เท่ากับว่าเบื่อหน่ายโลกทั้งปวงไปในตัว
    คำว่าเบื่อหน่ายในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าจะไปฆ่าตัวตายโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง
    ถ้าไปฆ่าตัวตายโดยวิธีใดวิธีหนึ่งแล้ว เรียกว่าโทสะสัมปยุตถ์อยู่
    เกิดมาในภพใดชาติใดก็ต้องฆ่าตัวตายอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่ผู้พ้นจากกิเลสแล้ว
    ท่านผู้พ้นจากกิเลสแล้วนั้น ท่านไม่เป็นกังวลเพื่อจะฆ่าตัวตาย
    เพราะความหลงมันหายไปหมดแล้ว เหลือแต่พระปัญญาที่เหนือความหลง
    และธรรมชาติฝ่ายสังขารก็บันดาลมรณภาพไปเอง
    โดยไม่มีเงื่อนไขเจ้าตัวจะวางแผนไปฆ่าด้วยวิธีใดๆ เลย
    ดังนี้ ผู้ที่ไปฆ่าร่างกายให้ตายนั้นเป็นผู้ที่ไร้ปัญญามาก
    ชะรอยผู้นี้เคยฆ่าตนเองมาแต่ชาติก่อนๆ แล้ว
    สิ่งที่จะควรสำเหนียกอีกก็มีอยู่ว่า ถ้าสามีของลูกเขาลอบไปรักหญิงอื่น
    ก็ให้ยกมือใส่หัวซะ "ถ้าหากว่าข้าพเจ้าเคยได้ไปรักผัวเขา
    แล้วได้เคยล่วงละเมิดผัวเขามาแต่ชาติก่อนๆ ก็ดี
    แม้ข้าพเจ้าโกรธบ้างก็ตาม แต่จะไม่จองเวร
    ขอให้แล้วกันไปซะ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน" ต้องทำจิตอย่างนี้
    ถ้าไม่อย่างนี้แล้วก็จะมึงทีกูทีไปในชาติหน้าตะพึดตะพือลูกๆ เอ๋ย

    คัดจาก หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ตอบปัญหาธรรมะ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๓
     
  9. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฏก ตอน การบูชาตถาคตอย่างสูงสุด
    [​IMG]
    อานนท์ ! เธอจงจัดตั้งที่นอน ระหว่างต้นสาละคู่
    มีศีรษะทางทิศเหนือ เราลำบากกายนัก, จักนอน
    (ประทับสีหไสยยาแล้ว มีอัศจรรย์ ดอกสาละผลิผิดฤดูกาลโปรยลงบนพระสรีระ,
    ดอกมัณฑารพ จุรณ์ไม้จันทน์, ดนตรี ล้วนแต่ของทิพย์ ได้ตกลงและบรรเลงขึ้น;
    เพื่อบูชาตถาคตเจ้า).

    อานนท์ ! การบูชาเหล่านี้
    หาชื่อว่า ตถาคตเป็นผู้ที่ได้รับสักการะ เคารพนับถือ บูชาแล้วไม่.
    อานนท์ ! ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาใด
    ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบยิ่ง,
    ปฏิบัติ ตามธรรมอยู่;
    ผู้นั้นชื่อว่า ย่อมสักการะ เคารพนับถือ
    บูชาตถาคต ด้วยการบูชาอันสูงสุด.
    อานนท์ ! เพราะฉะนั้นเธอพึงกำหนดใจว่า
    “เราจักประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม
    ปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติตามธรรมอยู่”
    ดังนี้.

    -บาลี มหา. ที. ๑๐/๑๕๙/๑๒๘.
    ที่มา http://palungjit.org/posts/9990616
     
  10. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
  11. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ข้อควรรู้เรื่องกรรม ตอน ปฏิบัติบูชา ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ)
    [​IMG]
    พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า “ปฏิบัติบูชาเป็นบูชาอย่างเลิศสูงสุด”
    คือปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์ เป็นการบูชาอย่างถูกพระทัย
    และเป็นการสนองพระคุณพระพุทธเจ้าอย่างสูงสุด

    คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นหลักหัวใจสำคัญที่สุด
    ก็คือ ทางกาย วาจา ใจ ทิฏฐิ ความเห็นด้วยปัญญา

    (๑) ศีล
    คือ การฝึกกาย วาจา ให้สุภาพ อ่อนโยน
    นิ่มนวล ละมุนละไม ไม่มีเวร ไม่มีภัยกับใครๆ
    เป็นเหตุให้ผู้ประสบพบเห็นเกิดความรัก ความเอ็นดู
    ความเมตตา กรุณาปรานี และเกรงใจ
    ศีลเป็นเสน่ห์สำคัญ ให้เกิดความรัก ความเอ็นดู กรุณาปรานี
    ช่วยอนุเคราห์-สงเคราะห์ ให้สำเร็จกิจที่ประสงค์ได้อย่างนี้

    (๒) สมาธิ
    คือ การฝึกหัดใจให้อ่อนโยน สุภาพ นิ่มนวล ละมุนละไม
    ไม่อยู่ใต้อำนาจของความอาฆาต พยาบาท โลภ อิจฉาริษยา
    ความลุ่มหลงมัวเมา ความหดหู่ ซบเซามึนซึม ท้อแท้อ่อนแอ
    เกียจคร้าน สะดุ้งหวาดกลัว ตื่นเต้น ประหม่า ฟุ้งซ่านรำคาญใจ
    และความสงสัยลังเลเงอะๆ งะๆ ไม่แน่ใจเหล่านี้
    เมื่อจิตมีอำนาจอยู่เหนืออารมณ์ฝ่ายต่ำที่กล่าวมานี้แล้ว
    เป็นเหตุให้จิตใจสดชื่น แจ่มใส ปลอดโปร่ง เข้มแข็ง กล้าหาญเด็ดขาด
    เป็นเหตุให้เกิดอำนาจทางจิต
    เป็นเสน่ห์ที่จะดึงดูดใจผู้ที่ได้ประสบพบเห็น
    ให้เกิดความรัก ความเมตตาเอ็นดู กรุณาปรานี และเกรงใจ
    ช่วยสงเคราะห์-อนุเคราะห์ เป็นเหตุให้ประสบความสำเร็จกิจที่มุ่งหมาย

    (๓) ปัญญา
    คือ การพิจารณาให้เห็นคนทุกชั้นเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย
    รักสุขเกลียดทุกข์ ร่วมสุขร่วมทุกข์ หัวอกอันเดียวกันทั้งนั้น
    เป็นเหตุให้เกิดความรักความเอ็นดู ความเมตตา กรุณาปรานี
    ซึ่งจะแสดงออกมาทางจิตใจ และกาย วาจา
    เป็นเหตุให้ผู้ประสบพบเห็นทุกชั้นวรรณะที่่เกี่ยวข้องติดต่อในสังคม
    เกิดความรัก ความเอ็นดู ความเมตตา กรุณาปรานี
    ยินดีช่วยสงเคราะห์ให้สำเร็จกิจที่สมประสงค์
     

แชร์หน้านี้

Loading...