การทำลายชีวิตที่ไม่ถือว่าเป็นบาปใหญ่

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย แจ้งให้ทราบ, 27 มกราคม 2008.

  1. แจ้งให้ทราบ

    แจ้งให้ทราบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +691
    การทำลายชีวิตที่ไม่ถือว่าเป็นบาปใหญ่

    ยกตัวอย่างเช่น

    การฝืนใจประหารนักโทษ เหตุมาจากคำสั่ง ที่ต้องปฏิบัติตาม และเป็นภาระหน้าที่ ที่ต้องกระทำ ถ้าบุคคลผู้นั้น มีความผิดจริง สมเหตุสมผล การประหารชีวิตนั้น ไม่ถือว่าเป็นบาปใหญ่ การถือศีลปฏิบัติธรรม การกรวดน้ำ ทำบุญ ให้ทาน ก็สามารถแก้ไขได้

    หากเป็นคำสั่งประหาร ที่ไม่ชอบธรรม ไม่มีความผิดจริง ไม่สมเหตุสมผล บาปใหญ่ที่กระทำ จะตกอยู่แก่ผู้ออกคำสั่ง ในภาระนั้น

    ถ้าไม่ต้องการประหาร อันเป็นการผิดในศีล ก็ควรกักกันให้อยู่ในที่อันสมควร ไม่ให้ออกมาก่อปัญหาให้กับสังคม

    ในเรื่องของการประหารชีวิตสัตว์ เพื่อนำมาประกอบอาหาร ก็เช่นเดียวกัน ผู้บริโภคในเนื้อนั้น มีส่วนรับผิดชอบในบาปนั้น ทุกคน บริโภคมากก็บาปมาก หากบริโภคน้อย ก็บาปน้อย สัตว์ก็ตายน้อยลง บาปที่เกิดก็น้อยลงเช่นเดียวกัน

    อนุโมทนาครับ

    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ไม่เห็นด้วยครับ...พระพุทธองค์ พระอริยสงฆ์ ก็ต้องทำบาปด้วยอย่างนั้นหรือ

    ถ้ากินแล้วบาป

    ทำไมตอนที่พระเทวทัต ทูลถามกับพระพุทธเจ้าว่าให้พระสงฆ์ ทานแต่ผัก ผลไม้ ห้ามทานเนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้าทรงปฎิเสธแหละครับ

    ทำไมศีล ๕ ไม่กล่าวไว้แหละครับ ห้ามฆ่าและห้ามกินเนื้อสัตว์ แต่แค่ห้ามฆ่าอย่างเดียว
     
  3. panuwat_cps

    panuwat_cps เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +433
    บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป ไม่ข้องกันทำส่วนใหนได้ส่วนนั้น ถ้าจำไม่ผิดหลวงปู่เคยกล่าวไว้ว่าการกินเนื้อสัตว์ไม่ถือว่าบาปเพราะเราไม่เฉพาะเจาะจงที่จะกิน เช่น ไปชี้เลยว่าจะกินปลาตัวนี้แล้วให้เขาฆ่ามาทำเป็นอาหารเป็นต้น เพราะถ้าเขาไม่ทำมาขายเราก็ไม่กิน มีแต่ผักเราก็กินผักไม่เรื่องมากใช่ป่ะ อิอิ หนึ่งความคิดเห็นครับ สาธุครับ
     
  4. jayspy_again

    jayspy_again สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2008
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +8
    คิดว่าเป็นเพราะความจำเป็นที่เขาต้องทำ ถามว่าบาปมั้ย บาปซิ ศีลข้อที่ 1
    แต่เขาได้บุญส่วนหนึ่งเหมือนกันเพราะเขาลงโทษแก่คนที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง
     
  5. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337
    โลกเรามี 2 ด้านคือ สว่างกับมืด แล้วแต่ใครใคร่คิด ร้อยคนร้อยคิด
     
  6. แอบยิ้ม

    แอบยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +455
    ผลบาปขึ้นอยู่กับประเภทสัตว์และคุณธรรม
    สัตว์ใหญ่ บาปมาก
    สัตว์เล็ก บาปน้อย
    สัตว์มีคุณมาก บาปมาก
    สัตว์มีคุณน้อย บาปน้อย

    นอกจากนี้ ยังมีแนวร่วมแห่งบาปอีกด้วย
    ดังคำถามว่า
    ฆ่าพระสังฆราช ผู้ทรงคุณธรรม เป็นที่เคารพนับถือ
    กับ ฆ่าโจรใจบาป โหดเหี้ยม ซึ่งเป็นที่เกลียดชัง
    อย่างไหนจะบาปมากกว่ากัน ?

    คนส่วนมากตอบว่า ฆ่าพระสังฆราช เป็นบาปมากกว่า

    แต่ท่านตอบว่า ไม่ใช่

    อ้าว...โจรผู้นั้น มันสมควรตาย...ทำไมฆ่าแล้วจึงเป็นบาปมากกว่า ?

    ท่านเฉลยว่า เมื่อโจรถูกฆ่าตาย จึงเกิดการแซ่ซ้องสรรเสริญยินดีในการตายของโจร เท่ากับคนทั้งหลายร่วมยินดีในการฆ่าโจร เกิดอกุศลจิตกันเป็นแถว เท่ากับเป็นการร่วมทำบาปกรรมโดยไม่รู้ตัว

    หลักของศีลท่านจึงบอกว่า
    ทำเอง...
    ใช้ให้ผู้อื่นทำ...
    หรือแม้ยินดีในเมื่อเห็นผู้อื่นทำ...
    ก็จัดว่าเป็นบาปเช่นกันครับ

    สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย...สาธุ
     
  7. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    บาปส่วนบาป บุญส่วนบุญ น่ะครับ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เหตุปัจจัยหลายๆอย่างประกอบกันด้วยเช่น เจตนา ความพยายามและวิธีการในการประกอบกรรม ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกระทำ ผลที่เกิดขึ้นหลังจากการกระทำนั้นๆ ซึ่งการจะแยกแยะได้ออกนั้น ก็ต้องพิจารณาเป็นกรณีๆไปอย่างละเอียดถี่ถ้วนและรอบด้านน่ะครับ
     
  8. oatspace

    oatspace เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +339
    ขออนุญาติออกความเห็นส่วนตัว คำว่า " ไม่มีผู้กิน ย่อมไม่มีผู้ฆ่า" ไม่น่าจะถูกต้องนัก ตามหลักธรรม กฏแห่งกรรม หรือกฏธรรมชาติ เพราะในโลกนี้จะไม่มีวันใดเลย ที่สัตว์จะไม่ถูกฆ่า หรือถูกกินเป็นอาหาร สิ่งนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใดก็ตาม ฉะนั้นสิ่งใดที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ สิ่งนั้นไม่ใช่กฏธรรมชาติ เพราะถึงแม้ว่ามนุษย์ทุกคนบนโลก จะไม่กินเนื้อสัตว์ จะไม่ฆ่าสัตว์ แต่ในภูมิของสัตว์เดรัจฉาน ก็จะต้องมีการฆ่า และการกินเนื้อกันเป็นอาหาร ตามวัฎจักรห่วงโซ่อาหาร มีสัตว์ผู้ล่า ผู้ถูกล่า สัตว์เล็กที่อ่อนแอ ย่อมเป็นอาหารของสัตว์ใหญ่ที่แข็งแรงกว่า ซึ่งเป็นกฏธรรมชาติ และเมื่อสัตว์เหล่านั้นหมดกรรม ถึงวาระเสวยบุญได้เลื่อนภูมิมาเป็นมนุษย์ จึงได้มีการฆ่าและกินเนื้อกันเป็นอาหาร ตามหลักกฏแห่งกรรม เช่น เสือกินกวางเป็นอาหาร กวางหมดกรรม ได้เกิดเป็นมนุษย์ แต่เสือยังมีกรรม ต้องไปเกิดเป็นไก่ เป็นอาหารของมนุษย์ ไก่หมดกรรม ได้เกิดเป็นมนุษย์ แล้วมาเจอกับมนุษย์ที่เป็นคู่เวรคู่กรรมกัน ก็เลยฆ่ากันตาย ตามกฏแห่งกรรม ไปเรื่อยๆ ทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรกันต่อไป ตราบใดที่ยังไม่เห็นความจริงข้อนี้ ที่พระพุทธเจ้าทรงชี้แนะแนวทางให้ปฏิบัติจนบรรลุนิพพานแล้วไซร้ จึงจะพ้นภัยไปจากวัฏสงสาร เพราะฉะนั้นการที่มนุษย์จะไม่ฆ่าสัตว์ หรือไม่กินเนื้อสัตว์ จึงเกิดขึ้นจริงไม่ได้ตามกฏแห่งสังสารวัฏ นอกซะจากการที่ทุกภพภูมิ พรหม เทวดา มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต อสูรกาย สัตว์นรก จะได้บรรลุธรรม และเข้านิพพานพร้อมกันทั้งหมด ทุกผู้ทุกนาม ทุกภพทุกภูมิ วันนั้นจึงจะไม่มีการฆ่า ซึ่งวันนั้นไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้จริงอย่างแน่นอน ฉะนั้นสิ่งใดแล้ว เมื่อไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่สัจจะความจริงแล้ว ขัดกับกฏธรรมชาติแล้ว สิ่งนั้นย่อมจะไม่ใช่ธรรมะที่ถูกต้อง จึงไม่ควรที่จะกล่าวถึง หรือมาถกเถียงกันให้เสียเวลาปฏิบัติ เพราะพระพุทธเจ้าทรงประกาศสัทธรรม ที่เป็นสัจจะความจริงแห่งกฏสังสารวัฏที่หาจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดไม่ได้เลย
     
  9. oatspace

    oatspace เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +339
    ขออนุญาติออกความเห็นส่วนตัว คำว่า " ไม่มีผู้กิน ย่อมไม่มีผู้ฆ่า" ไม่น่าจะถูกต้องนัก ตามหลักธรรม กฏแห่งกรรม หรือกฏธรรมชาติ เพราะในโลกนี้จะไม่มีวันใดเลย ที่สัตว์จะไม่ถูกฆ่า หรือถูกกินเป็นอาหาร สิ่งนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใดก็ตาม ฉะนั้นสิ่งใดที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ สิ่งนั้นไม่ใช่กฏธรรมชาติ เพราะถึงแม้ว่ามนุษย์ทุกคนบนโลก จะไม่กินเนื้อสัตว์ จะไม่ฆ่าสัตว์ แต่ในภูมิของสัตว์เดรัจฉาน ก็จะต้องมีการฆ่า และการกินเนื้อกันเป็นอาหาร ตามวัฎจักรห่วงโซ่อาหาร มีสัตว์ผู้ล่า ผู้ถูกล่า สัตว์เล็กที่อ่อนแอ ย่อมเป็นอาหารของสัตว์ใหญ่ที่แข็งแรงกว่า ซึ่งเป็นกฏธรรมชาติ และเมื่อสัตว์เหล่านั้นหมดกรรม ถึงวาระเสวยบุญได้เลื่อนภูมิมาเป็นมนุษย์ จึงได้มีการฆ่าและกินเนื้อกันเป็นอาหาร ตามหลักกฏแห่งกรรม เช่น เสือกินกวางเป็นอาหาร กวางหมดกรรม ได้เกิดเป็นมนุษย์ แต่เสือยังมีกรรม ต้องไปเกิดเป็นไก่ เป็นอาหารของมนุษย์ ไก่หมดกรรม ได้เกิดเป็นมนุษย์ แล้วมาเจอกับมนุษย์ที่เป็นคู่เวรคู่กรรมกัน ก็เลยฆ่ากันตาย ตามกฏแห่งกรรม ไปเรื่อยๆ ทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรกันต่อไป ตราบใดที่ยังไม่เห็นความจริงข้อนี้ ที่พระพุทธเจ้าทรงชี้แนะแนวทางให้ปฏิบัติจนบรรลุนิพพานแล้วไซร้ จึงจะพ้นภัยไปจากวัฏสงสาร เพราะฉะนั้นการที่มนุษย์จะไม่ฆ่าสัตว์ หรือไม่กินเนื้อสัตว์ จึงเกิดขึ้นจริงไม่ได้ตามกฏแห่งสังสารวัฏ นอกซะจากการที่ทุกภพภูมิ พรหม เทวดา มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต อสูรกาย สัตว์นรก จะได้บรรลุธรรม และเข้านิพพานพร้อมกันทั้งหมด ทุกผู้ทุกนาม ทุกภพทุกภูมิ วันนั้นจึงจะไม่มีการฆ่า ซึ่งวันนั้นไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้จริงอย่างแน่นอน ฉะนั้นสิ่งใดแล้ว เมื่อไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่สัจจะความจริงแล้ว ขัดกับกฏธรรมชาติแล้ว สิ่งนั้นย่อมจะไม่ใช่ธรรมะที่ถูกต้อง จึงไม่ควรที่จะกล่าวถึง หรือมาถกเถียงกันให้เสียเวลาปฏิบัติ เพราะพระพุทธเจ้าทรงประกาศสัทธรรม ที่เป็นสัจจะความจริงแห่งกฏสังสารวัฏที่หาจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดไม่ได้เลย
     
  10. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,479
    ค่าพลัง:
    +1,830
    แตถ้า ไม่มีผู้ฆ่า ก้อไม่มีผู้กิน


    ขอย้อนถาม จขกท หน่อยเหอะ การที่เม็ดเลือดขาว ในร่างกายเราฆ่า เชื้อโรคในกายเรานี่บาปมั้ย เวลาเราเอาทิงเจอ ในแผลฆ่าเชื้อโรค เราบาปรึเปล่าบาปแค่ไหน ????
     
  11. ongsoffer

    ongsoffer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +484
    รูปแบบ บรรลุธรรม สัญญา พลังงาน มารปัญญา และ มารบุญ
    ( เป็นเช่นนั้นเอง)
     
  12. ธรรมทิพย์

    ธรรมทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +433
    ขอแสดงความคิดเห็นด้วยคนค่ะ เรื่องการทำลายชีวิตเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ แม้ว่าจะไม่รู้ไม่เห็น ไม่ชี้เฉพาะเจาะจงในการฆ่า แต่เนื้อที่เอามาให้เรากินมันตายเองหรือ ?

    จริงอยู่ในโลกนี้ สัตว์ใหญ่ย่อมเบียดเบียนสัตว์เล็กเป็นเรื่องของสัตว์ที่ไม่มีความคิด คนจึงต่างจากสัตว์ตรงที่มีปัญญา มีวิจารณญาณ และเราก็มักเข้าข้างความคิดของเราเสมอ เพราะเราเอาเปรียบสัตว์ได้ เราก็มองว่ามันเป็นอาหารของเราโดยเราเป็นผู้ตัดสิน เหตุเพราะเราลุ่มหลงในรสชาติของอาหารกลิ่นคาวเลือดคาวเนื้อของผู้อื่นแม้ว่าจะรู้ว่าทุกชีวิตต่างรักตัวกลัวตายแต่เราก็เมินเฉยในความรู้สึกนั้น เพราะเราไม่เคยใส่ใจหรือไม่

    หากเรามีโอกาสเห็นสภาพโรงฆ่าสัตว์ เราจะเห็นการดิ้นรนเพื่อยื้อให้ตนเองมีชีวิตอยู่ เห็นน้ำตาของวัวที่ไหลริน ขณะที่น้ำตามันไหลมันจะหลั่งสารตัวหนึ่งซึ่งเป็นสารที่โกรธอาฆาตพยาบาทคนที่เป็นต้นเหตุทำให้มันตาย คนที่กินเนื้อสัตว์มาก ๆ จะอารมณ์ร้อนแรง

    ในสังสารวัฏที่ยาวไกลนี้ คุณแน่ใจหรือว่าจะไม่เผลอไปกินเนื้อกินเลือดผู้ที่เคยเป็นพ่อ แม่ พี่น้องของตนเองมาก่อน ทุกชีวิตที่เกิดมาในหล้าโลกย่อมปรารถนาให้ตนมีความสุขและเกลียดชังความทุกข์เหมือนกันหมด

    หยุดเถิดนะ ถ้าหยุดได้ หยุดการเข่นฆ่า หยุดการทำลาย หยุดการประหาร หยุดทำร้ายตนเองและผู้อื่นเสียทีเพราะ "การไม่เบียดเบียนกันเป็นสุขในโลก" โดยแท้จริง
     
  13. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    การประหาร :

    ไม่ว่า จะบาป หรือไม่บาป แต่....

    การประหาร ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง...

    พวกคุณต้องเข้าใจก่อนว่า พ่อกับแม่ผู้ให้กำเนิดและคอยเลี้ยงดูเรา ย่อมเป็นเจ้าของชีวิตของเรา

    ส่วนพวกเรา พอโตมาหน่อย ก็มีแต่ทำลายชีวิตตัวเอง

    ผู้ให้ย่อมสมควรเป็นเจ้าของมากกว่าผู้ทำลาย

    ถึงแม้ว่านักโทษประหารผู้นั้นจะไปฆ่าใครตาย แต่ชีวิต ไม่สามารถชดใช้ได้ด้วยชีวิต

    การให้อภัยค่ะ... เราต้องรู้จักการให้อภัย

    คนที่ทำความผิดร้ายแรงสมควรตายก็จริง แต่การพรากชีวิตผู้อื่นไปจากคนที่เค้ารัก ก็ไม่ต่างอะไรกับฆาตรกร

    ถ้าพวกคุณคิดว่า นักโทษประหารทำเรื่องร้ายแรงต่อผู้คน พวกคุณก็จงจำไว้ด้วยว่า การที่คุณประหารนักโทษ พวกคุณกำลังทำร้ายญาติพี่น้องของนักโทษคนนั้น

    มันน่าจะมีบทลงโทษอื่น ที่ยุติธรรมต่อผู้เสียหายและต่อครอบครัวของนักโทษ

    กฏข้อเดียวที่จรรโลงโลกนี้ไว้ได้ :

    รู้จักเอาใจเค้ามาใส่ใจเราอ่ะ

    ก่อนจะทำร้ายใคร ขอให้คิดสักนิดว่า ถ้ามีใครมาทำอย่างนี้กับเราบ้าง เราจะเป็นอย่างไร

    แล้วอย่าลืมว่า คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลก จงคิดให้มาก คิดถึงบุพการีและคนรอบข้างคุณให้มาก

    จบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2008
  14. karain

    karain เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +707
    นานาจิตตังครับ มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนนะผมว่า มันก็เหมือนกับถามว่าไก่กับไข่อันไหนเกิดก่อน ซึ่งก็ไม่มีผู้ที่รู้แน่หรอกว่าอันไหนอันใดถูก
     
  15. {ผู้ชนะสิบๆทิศ}

    {ผู้ชนะสิบๆทิศ} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +917

    อนุโมทนาครับ นี่แหละผมเข้าใจว่าการตอบให้ผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมจริงๆ หรือ ผู้ที่ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาอย่างเคร่งครัด ก็ต้องเหนื่อยกันเป็นธรรมดา

    เพราะต้องสาธยายเยอะถึงข้อดีว่ามีอย่างไร ข้อเสียอย่างไรเขาถึงเห็น แต่บางคนก็ยังไม่เห้นด้วยอยู่ดี เรื่องการอธิบายได้ดีๆนั้นต้องเป็นสิ่งที่สะสมมาด้วยนะครับ เพราะบางคนยิ่งปฏิบัติธรรมกลับเงียบนิ่ง ไม่ชอบพูดมากเลย ซึ่งแบบนี้ก็เป็นบารมีแบบของคนนั้น ซึ่งแตกต่างจากบางคน ยิ่งปฏิบัติธรรมมากขึ้นยิ่งอยากถ่ายทอด อธิบาย และทำได้ดีมากๆกว่าก่อนด้วย นี่ถือเป็นบารมีสั่งสมมาครับ

    ผมว่าเรื่องนี้เคยมีคนได้กล่าวมาแล้วว่า ถ้าการกินเนื้อสัตว์ กินอย่างมัวเมาในรสอาหารก็จะมีส่วนบาป แต่ถ้าคนไม่ได้กินไปเพื่อมัวเมา พิจารณาก่อนกิน กินเพื่อยังธาตุ๔ อยู่ได้ และ เพื่อบำเพ็ญบารมีมีจุดมหายเพื่อพ้นจากวัฏฏะ สิ่งเหล่านั้นที่กินก็จะเหมือนแค่ธาตุ มาเสริมธาตุ การมีส่วนบาปจึงไม่มี

    ทุกอย่างอยู่ที่ใจจริงๆครับ เพราะว่าจากปุถุชน ไต่ระดับ ไปอริยะ ก็ใจนี่แหละ

    ดังนั้นผู้ที่กินเนื้อแล้วมัวเมาในรสอาหารก็มีส่วนแห่งบาป ทั้งบาปจากการกิน และกิเลสในความอยากกิน เรียกว่า กินครั้งเดียว ได้ บาปเพิ่ม และ กิเลสเพิ่ม 2เด้ง เลย

    ส่วนผู้ที่กินผักแล้วมัวเมาในรสอาหารก็มีส่วนแห่งบาปในกิเลสในความอยากกินเท่านั้น แบบนี้ได้เด้งเดียว

    ก็เลือกเอาเถอะครับว่าจะเลือกแบบไหน

    แต่ผมได้ยินเขาว่ามาว่า ผู้กินมังสวิรัติ อนิสงส์ที่ได้ข้อนึงคือ เกิดมากจะไม่มีโรคภัยเบียดเบียน และรูปร่างหน้าตางามกว่าคนทั่วไปและคนที่ปฏิบัติธรรมด้วยกัน เพราะเนื่องจากมีความเมตตาจิตมากกว่าคนทั่วไป และ คนที่ปฏิบัติธรรมทั่วไปที่ไม่ได้กินมังสวิรัติ อันนี้วัดจากเจตนาการกินนะครับ เพราะบางคนกินเพื่อสุขภาพ ไม่ได้สงสาร หรือ เมตตา ต่อสัตว์ที่ถูกฆ่านำมาเป็นอาหาร

    อนุโมทนา ครับ
     
  16. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ขอไม่เห็นด้วย ด้วยความเคารพ

    สรุปว่า กินเนื้อสัตว์บาปหรือครับ มีหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฎกหรือเปล่าครับ
    ผมจะเชื่อผู้ที่รู้มากที่สุดในจักรวาล นั้นคือ พระพุทธเจ้า
    ถ้าในพระไตรปิฎกฉบับหลวงของไทย บันทึกเอาไว้ว่า กินเนื้อสัตว์บาป
    ผมจะได้เลิกกินครับ
    ผมรู้ว่า กินเนื้อสัตว์ไม่บาป แต่คนที่ฆ่าและคนที่สั่งฆ่าบาป

    งง งง ครับแบบนี้ก็ลงนรกหมดโลก ยกเว้นคนกินเจ กินมังสวิรัติ ที่ไม่บาป
     

แชร์หน้านี้

Loading...