กรรมอะไรทำให้เป็นคนมีเสน่ห์เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย กลายแก้ว, 31 ตุลาคม 2013.

  1. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    กรรมอะไรทำให้เป็นคนมีเสน่ห์


    มีข้อความดี ๆ มาฝากนะ เป็นคำถามที่มีคนเขียนถาม คุณดังตฤณ ในหนังสือเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ที่ถามว่า การที่คนเรามีเสน่ห์เป็นที่รักใคร่ของบุคคลทั่วไป เป็นผลจากกรรมอะไรคะ น่าจะเป็นที่สนใจสำหรับใคร หลาย ๆ คน เพราะใช้จากการกระทำที่ปฏิบัติจาก ทาน ศีล ปัญญา ในทางพุทธศาสนานี่เองแหละจ๊ะ
     
  2. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    เหตุแห่งการเป็นผู้ทรงเสน่ห์นั้น ไม่ใช่ง่ายที่จะกล่าวถึง ให้ครอบคลุม เพราะไม่ใช่แค่ “ทำดีแล้วจะมีเสน่ห์” เนื่องจากเสน่ห์มีหลายรูปแบบ และเสน่ห์แต่ละแบบก็ไม่ใช่จะใช้ได้ผลกับทุกคน คุณอาจประหลาดใจว่าทำไมบางคนประพฤติชั่วร้าย พูดจาเอาแต่ได้ ทว่ายังคงมีเสน่ห์ลึกลับทรงพลังพอจะจับใจคนใกล้ชิดให้ถวิลหาอาวรณ์ได้เกือบตลอดเวลา

    สรุปง่าย ๆ นะครับ ถ้าแค่มองหา “สูตรการสร้างเสน่ห์” ด้วยการแต่งตัว จัดทรงผม ปรับปรุงบุคลิกในอิริยาบถต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งฝึกพูดจาให้น่าพิศวาส คุณจะพบความจริงว่าสำหรับหลาย ๆ คน แล้ว สูตรการสร้างเสน่ห์ทั้งหลายอาจแค่ช่วยให้ดูดีขึ้น แต่หาได้เปิดก๊อกเทพลังเสน่ห์ให้ไหลมาเทมาแต่อย่างใดไม่

    แม้แต่สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพระดับโลกยังทราบครับว่าไม่มีสูตรสำเร็จครอบจักรวาลที่ทำให้ “ทุกคน” ดูดีขึ้นมาทันตาเห็น เอาแค้ข้อจำกัดทางกายภาพที่แต่ละคนมีเด่นมีด้อยต่างกัน ก็ไม่ทราบจะหั่นหรือเฉือนกันท่าไหน ให้เท่าเทียมกันทั้งหมด ฉะนั้นตามแนวคิดเชิงพุทธ คำถามของคุณนับว่าตรงเป้าที่สุดแล้ว นั่นคือ กรรมอันใดส่งผลให้เกิดเสน่ห์

    ก่อนอื่นต้องมองว่า “เสน่ห์” คือ พลังอะไรอย่างหนึ่งที่ทำให้คนอื่นหลงใหลหรือ รักใคร่ อยู่ห่างแล้วถวิลถึง อยากเข้าพบ อยากเข้าใกล้ และประกายเสน่ห์อาจเปล่งออกมาจากรูปกายก็ได้ เปล่งออกมาจากวิธีพูดจาก็ได้ หรือ เปล่งออกมาจากกระแสจิตเงียบ ๆ ก็ได้

    นอกจากนั้น พลังเสน่ห์ยังมีอยู่ 3 ชนิด หลัก ๆ คือ พลังดึงดูด พลังประทับ และพลังชโลม เมื่อเข้าใจตามนี้ ก็จะเห็นกลไกและที่มาที่ไปของเสน่ห์แต่ละชนิดอย่างกระจ่าง
     
  3. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    เสน่ห์ทางกาย

    เป็นเสน่ห์ที่เน้นพลังฝ่ายดึงดูดมากกว่าอย่างอื่น เช่น เห็นแล้วอยากดึงดูดได้อยากมองนาน ๆ ยากจะถอนสายตา หรือ กระทั่งอยากถลาเข้าไปลองสัมผัสให้ได้เดี๋ยวนั้น

    เสน่ห์ทางกายปรากฏเด่นเห็นง่ายที่สุด จับต้องได้ง่ายที่สุด เพราะกายมนุษย์เปล่งเสน่ห์ได้ผ่านความสมส่วนแห่งรูปพรรณสัณฐาน ตลอดจนความผ่องใสมีสง่าราศีแห่งผิวพรรณ ไม่จำเป็นต้อใช้เวลาพิธีรีตองใด ๆ ในการเปล่งประกายเสน่ห์ชนิดนี้ แค่ปรากฏตัวก็ใช้ได้แล้ว

    ความปลั่งชนิดบาดตาบาดได้ตั้งแต่แรกพบนั้น

    เป็นผลอันเกิดจากการให้ทานที่ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแรงกล้า ไม่มีความขัดข้องทางใจเท่ายองใย โดยเฉพาะยิ่งถวายทานแด่พระพุทธเจ้าหรืออริยสงฆ์สาวก แล้วรักษาความเลื่อมใสนั้นไว้ตลอดชีวิต ก็จะมีความรุ่งเรืองปรากฏชัดทางผิวหนังตั้งแต่ภพชาติแห่งทานนั้น แล้วปรากฏชัดเจนในชาติถัดมาไม่ว่าจะเป็นเทพหรือมนุษย์

    ความสมส่วนแห่งรูปพรรณสัณฐานจะเกิดจากความมีศีลสะอาดเป็นหลัก


    รายละเอียดและมิติรูปร่างหน้าตาที่ล่อตาชวนตะลึง กลิ่นกายที่น่าพิสมัย ตลอดจนความละเอียดน่าสัมผัสของผิวหนังที่เหมาะกับเพศนั้น บันดาลขึ้นจากความสามารถในการ “งดเว้น” ความประพฤติทางกาย และวาจาอันสกปรกเน่าเหม็นจนเคยชิน แม้กระทั่งความคิดก็ไม่หลุดออกนอกกรอบของศีล พูดง่าย ๆ ว่า เคยเป็นผู้มีศีลอันมั่นคงแข็งแรง จิตสะอาดสะอ้านจากมลทินยิ่ง จึงบันดาลให้เกิดผลงามไร้ที่ติ กระทบตาผู้คนแล้วชวนหลงใหลยิ่ง


    คนที่ไม่ค่อยทำบุญกับบุคคลศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ่อย ๆ มักมีอำนาจเสน่ห์ทางกายน้อย เนื่องจากโอกาสที่จิตจะเปล่งประกายความเลื่อมใสอย่างแรงกล้าขณะทำบุญนั้นยากนัก
     
  4. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    เสน่ห์ทางวาจา

    เป็นเสน่ห์ที่มีพลังฝ่ายประทับมากกว่าอย่างอื่น เช่น ฟังพูดแล้วติดหูไม่รู้ลืม ราวกับพลังเสียงและสำเนียงพูดบุกรุกเข้ามาฝังตัวและกลอกกลิ้งอยู่ในแก้วหูคนฟังได้ พอห่างกันแล้วถวิลถึงราวกับโดนเสน่ห์ยาแฝด


    เสน่ห์ทางวาจาจะแผลงฤทธิ์เต็มที่ก็ต่อเมื่อผู้พูดมีโอกาสฉายไม้เด็ดสักสองสามประโยค การโอภาปราศรัยทักทายเพียงสองสามคำอาจยังไม่ได้ผลนัก แต่หากได้ช่องสำแดงเดชเต็มกำลัง เสน่ห์ทางวาจาก็อาจชวนให้คิดถึงได้ยิ่งกว่าเสน่ห์ทางกายมาก เนื่องจากความทรงจำเกี่ยวกับส่ำเสียงและถ้อยคำจะยืนยาวกว่าความทรงจำเกี่ยวกับรูปลักษณ์


    เสน่ห์ทางวาจาที่หยิบยกมาเป็นตัวอย่างเห็นภาพง่ายที่สุดได้แก่ วิธีรบเร้าหรือวิธีตื้อของแต่ละคน บางคนตื้อแล้วน่ารัก บางคนตื้อแล้วรำคาญ ทั้งที่ก็เป็นการรบกวนผู้ฟังเหมือน ๆ กัน ก็เพราะบางคนเท่านั้นที่มีเสน่ห์ทางวาจา ในขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่มี

    1.ความไพเราะของแก้วเสียง เกิดจากความเป็นผู้มีวาจาสุภาษิต ทั้งพูดเรื่องจริงเท่าที่ควรพูด เลือกคำที่ฟังรื่นหูไม่หยาบคาย หาวิธีประนีประนอมไม่เสียดสีใคร ตลอดจนครองสติในการพูดเพื่อประโยชน์ได้เสมอ องค์ประกอบหลักเหล่านี้จะปรุงแต่งแก้วเสียงให้ฟังดี ฟังเย็น และฟังมีพลังสะกด ถ้ายิ่งหมั่นสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญ ตลอดจนเปล่งเสียงประกาศธรรมอันชอบโดยไม่เคอะเขิน แก้วเสียงจะเปล่งประกายสดใส เพราะพริ้งได้ตั้งแต่ชาติปัจจุบัน และไปปรากฏชัด

    ที่สุดในชาติถัดมา น้ำเสียงและสำเนียงจะกลมกล่อมไม่บาดหูเลย (เว้นไว้แต่จะหลงผิด พูดจาเป็นอัปมงคลนานปีจนกำลังของวจีทุจริตใหม่ชนะกำลังทุจริตเก่า)
     
  5. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    2.ลูกเล่นในการจำนรรจา เกิดขึ้นจากความเป็นผู้ใสเจรจาให้น่าเอ็นดู เป็นที่ถูกใจ ทำความบันเทิงสดใสแก่ผู้ฟัง

    ยกตัวอย่างเช่น พวกชอบเล่านิทานให้เด็กฟัง ด้วยความหวังว่าเด็กจะได้สนุกสนาน ได้ข้อคิด และได้มองโลกในแง่ดีมีความอบอุ่น กรรมอันเกิดจากการฝึกเล่านิทาน จริงจังจะบันดาลให้เกิดสัญชาตญาณในการมัดใจด้วยลีลาการพูด คือ รู้เองว่าด้วยลูกเล่นการออกเสียงยาวสั้น ลงเสียงหนักเบาตลอดจนควบกล้ำอย่างไรให้น่าฟัง น่ารักใคร่ ชัดถ้อยชัดคำ พวกนี้ทำงานพากย์จะประสบความสำเร็จง่ายมาก และอาจจะไม่ต้องร่ำเรียนที่ไหนก็เก่งได้ยิ่งกว่ามืออาชีพที่คร่ำหวอดมานมนาน


    3.ความฉลาดเลือกคำ เกิดขึ้นจากความเป็นผู้คิดก่อนพูด ใช้สติในการง้างปากที่อ้ายยาก ไม่ใช่ปล่อยให้อารมณ์บงการปากที่ไร้หูรูด ธรรมชาติของสตินั้น ยิ่งฝึกฝนให้เพิ่มมากขึ้นเท่าใด ปัญญาก็ยิ่งทวีขึ้นเท่านั้น

    คนที่ไม่ค่อยใส่ใจกับการพูดนั้น นอกจาจะขาดเสน่ห์ทางวาจาแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดข้อน่ารังเกียจได้มากมาย เช่น คนพูดส่อเสียดและใส่ไคล้ผู้อื่นบ่อย ๆ มักมีกลิ่นปากเหม็นเน่า คนติดพูดคำหยาบคายกระโชกโฮกฮากมักมีสำเนียงเสียงไม่รื่นหูไม่ชวนฟังเป็นต้น
     
  6. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    เสน่ห์ทางกระแสจิต


    เป็นเสน่ห์ชนิดที่มีพลังชโลมได้กว่าอย่างอื่น เช่น แค่เข้าใกล้รัศมีใครบางคนคุณก็รู้สึกเยือกเย็น หรือ กระทั่งเกิดความเงียบสงัดไร้ความคิดขึ้นมาได้อย่างเห็นชัด อย่างไรก็ตาม กระแสจิตบางคนอาจเปี่ยมด้วยอิทธิพลแห่งพลังดึงดูดและพลังประทับได้ยิ่งกว่าเสน่ห์ทางกายและเสน่ห์ทางวาจารวมกันเสียอีก

    หากคุณมีประสบการณ์ผ่านพบใครบางคนที่คุณอยู่ใกล้ ๆ แล้วเกิดความอยากอยู่ใกล้ เมื่อห่างไปก็ถวิลถึง แม้รูปร่างหน้าตาของเขาอาจไม่จัดว่าเลอเลิศ กับทั้งถ้อยทีเจรจาก็งั้น ๆ นั่นและครับตัวอย่างของคนมีเสน่ห์ทางกระแสจิตขึ้นรุนแรง

    เสน่ห์ทางกระแสจิตนั้น เป็นสิ่งที่เห็นไม่ได้ด้วยตา และจับต้องไม่ได้ด้วยมือ ทว่าง่ายที่จะสัมผัสด้วยใจ และแม้คุณพบเจอจัง ๆ ทุกเมื่อเชื่อวัน ทว่าในเมื่อไม่เคยมีใครขอให้คุณอธิบาย คุณเลยไม่เคยฝึกจำแนกแยกแยะว่ากระแสจิตมีกี่ชนิด แต่ละชนิดมีพลังเสน่ห์จับใจได้แตกต่างกันสักแค่ไหน

    จิตมนุษย์ที่กระจายออกมาให้สัมผัสได้นั้น มีกระแสพลังจากแหล่งต่างๆ ได้หลากหลาย อาทิ เช่น พลังความคิด พลังจากมหากุศลที่ประกอบแล้ว พลังความสว่างทางปัญญาที่รู้ชอบในธรรมะ พลังสุขภาพ พลังหน้าที่ พลังของอิทธิพลต่อหมู่คน พลังของที่อยู่อาศัย พลังของพาหนะส่วนตัว พลังของอัญมณี พลังของสัตว์ที่ผูกพันแน่นเหนียว พลังไสยศาสตร์ ตลอดไปจนกระทั่งพลังของเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เกี่ยวข้องกันในทางใดทางหนึ่ง โดยย่นย่อกระแสจิตจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับวิธีมีตัวตนของแต่ละคน

    ผมอาจแจกแจงที่มาที่ไปและชนิดของเสน่ห์ทางกระแสจิตอย่างละเอียดเป็นหนังสือเล่มหนึ่งได้โดยเฉพาะ แต่ในที่จำกัดนี้คงกล่าวเพียงสังเขปในแง่ “วิธีคิดอันเป็นต้นตอเสน่ห์ทางกระแสจิต” เพราะเสน่ห์ทางกระแสจิตของมนุษย์ธรรมดาจะเป็นไปตามวิธีคิด สายความคิดของมนุษย์ทั่วไปจะไม่ค่อยขาดสาย จึงปรุงแต่งให้จิตเป็นไปต่าง ๆ นานาได้มากกว่าปัจจัยอื่น
     
  7. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    ขอยกวิธีคิดหลัก ๆ ที่ก่อรัศมีจิตอันเป็นเสน่ห์ดังนี้

    1.วิธีคิดเป็นเส้นตรงไม่หมกมุ่นวุ่นวน คือ มีเป้าหมายปลายทางของความคิดชัดเจน มีลำดับที่จะไปให้ถึงจุดหมายอย่างแน่ชัด หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังชโลมใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกราบรื่นในวกวน และอยู่ใกล้คุณนาน ๆ อาจพลอยเกิดคลื่นความคิดเป็นระเบียบตามไปด้วย

    2.ความคิดที่เบาและเงียบกริบ คือ คิดเท่าที่จำเป็น สามารถเว้นวรรคความคิดเพราะรู้จักเสพสุขกับสิ่งอื่น เช่นภาพแมกไม้ เสียงน้ำตก หรือกระทั่งเฝ้าสังเกตสายลมหายใจตนเองเข้าออกอย่างเรียบง่าย หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังชโลมใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลายไม่อึดอัด อยู่ใกล้คุณอาจพลอยสงบผาสุกตามไปด้วยชั่วครู่ และหากคลุกคลีใกล้ชิดกับคุณนานพอ กลุ่มความคิดที่หนาแน่นของเขาอาจพลอยเบาบาง กลายเป็นคนไม่คิดมากตามคุณไปด้วยอย่างถาวร

    3.ความคิดมองโลกในแง่ดี คือ มีมุมมองของความหวังด้านบวกเสมอ จึงเชี่ยวชาญในการสร้างทางออก ขณะที่คนทั้งโลกเชี่ยวชาญในการพาตัวไปสู่ทางตัน หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังชโลมใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกสว่างไสว ไม่มืดมน และอยู่ใกล้คุณนาน ๆ อาจพลอยเกิดแรงบันดาลใจและความหวังใหม่ ๆ ตามไปด้วย
     
  8. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    4.ความคิดเผื่อแผ่พร้อมจะเสียสละ คือ มีความอยากให้มากกว่าอยากเอา สามารถเป็นผู้ริเริ่มในการให้ โดยไม่จำเป็นต้องคำนวณเสียก่อนว่าจะได้รับสิ่งใดเป็นการตอบแทนหากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังชโลมใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สีกอบอุ่นใจ เห็นคุณเป็นที่พึ่ง (ขอให้ทราบว่าความเป็นที่พึ่งกับความเป็นคนรับใช้นั้นต่างกันนิดเดียว ระหว่างให้แบบใจอ่อนยินยอมไปหมด กับให้แบบใจดีมีความน่าเกรงใจ ศิลปะการให้อย่างหลังจะมีเสน่ห์ ขณะการให้อย่างแรกจะดูไร้ค่าหรือ ถึงขนาดน่ารังแก)

    5.ความมีใจเอ็นดูไม่คิดประทุษร้าย คือ ไม่แม้แต่จะแอบด่า แอบสาปแช่งคนหรือสัตว์ที่ตนเกลียด แต่มีเหตุผลบอกตนเองเสมอว่าทำไมจึงสมควรให้อภัย เห็นกระจ่างที่มาที่ไปอันน่าเห็นใจของคนแสนเลวสักคน หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังชโลมใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่หวาดระแวง และบังเกิดความปรารถนาดีต่อคุณ หากเกลียดหรือคิดทำร้ายคุณได้ แปลว่าต้องมีใจพาลสันดานหยาบเอาเรื่องทีเดียว

    6.ความคิดมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวไม่ท้อแท้ คือ แม้พบอุปสรรคก็ไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น เพราะคิดหาทางรุกคืบไปข้างหน้าเข้าหาเส้นชัยหรือหาทางออกของปัญหา ทำอะไรจริง พูดอะไรแล้วทำอย่างที่พูด ตั้งใจอะไรแล้วไม่ล้มเลิกง่าย ๆ หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังประทับใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกถึงพละกำลัง ความเข้มแข็งไม่อ่อนแอ ความคมคายไม่ทื่อมะลื่อ เต็มไปด้วยความก้าวหน้าพัฒนาสู่ความสำเร็จลุล่วง
     
  9. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    7.ความคิดยับยั้งชั่งใจ คือ แม้พบสิ่งที่ยั่วยุให้ละโมบ โลภมาก ก็ระงับความทะยานอยากเสียได้ หากเห็นว่าไม่ถูกไม่ชอบ หรือแม้พบสิ่งยั่วยุให้พยาบาทอาฆาตแค้น ก็ระงับความหุนหันพลันแล่นอยากโต้ตอบความรุนแรงเสียได้ หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังประทับใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกถึงขันติ ความอดทนทางใจ

    8.ความคิดไม่เข้าข้างตัวเอง คือ ไม่หลงตัวเอง ไม่ปกป้องตัวเอง เป็นคนดีจริงด้วยการรู้ตัวว่ายังมีจุดบอดหรือข้อเสียอันใดอยู่บ้าง ไม่ใช่ดีจริงด้วยการประกาศว่าข้าดีพร้อม ข้าทำอะไรไม่ผิดสักอย่าง ไม่คิดเข้าข้างตัวเองแม้ผิดพลาดทำชั่วบ้าง ก็มีระดับมโนธรรมสูงพอจะสำนึกผิดได้ด้วยตนเอง หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังประทับใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกถึงสำนึกอันดีงามของมนุษย์ กระแสความสำนึกผิดและการรับผิดชอบอย่างอาจหาญจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นกล้าที่จะสำนึกผิดแล้วไม่ต้องขัดแย้งกับตนเอง ไม่ต้องเกลียดตนเองด้วยกำแพงปกป้องตนเองอันน่ารังเกียจ

    9.ความคิดที่รื่นรมย์เบาสมอง คือ ความสามารถมองแง่ร้ายให้กลายเป็นเรื่องตลกได้ หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดพลังดึงดูดใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกพร้อมจะมีอารมณ์ขัน นึกสนุก ไม่เคร่งเครียด เต็มไปด้วยความรื่นรมย์บันเทิงใจตามไปด้วย
     
  10. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    10.ความคิดแบบผู้ชนะที่มีน้ำใจนักกีฬาและความปรานี ไม่มีใครอยากยืนข้างคนแพ้ ในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครอยากอยู่ใต้อำนาจคนชนะที่เหลิงหลงและหมิ่นศักดิ์ศรีผู้อื่น ผู้ชนะอาจอยู่ในเกมกีฬา เกมธุรกิจ ตลอดจนกระทั่งเกมกิเลส คือ ถ้าเอาชนะกิเลสยากๆ ของตนเองได้ก็จัดเป็นผู้ชนะได้เหมือนกัน และเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ด้วย หากคุณมีความคิดชนิดนี้ จะก่อให้เกิดเสน่ห์ชนิดเปล่งพลังดึงดูดใจ คนที่สัมผัสจะเกิดความรู้สึกหลงไหลมนต์เสน่ห์อันโดดเด่นจับตาจับใจได้ง่าย

    วิธีคิดแบบอันตรงข้ามข้างต้นกับที่กล่าวมา จะบั่นทอนเสน่ห์ลง กล่าวคือ กระแสความคิดจะเป็นแบบผลักไสให้ออกห่าง (ตรงกันข้ามกับพลังดึงดูดใจ) หรือ แบบไม่ประทับลงในความทรงจำ (ตรงกันข้ามกับพลังประทับใจ) หรือแบบระคายเคือง (ตรงกันข้ามกับพลังชโลมใจ) เช่น ต่อให้มีเสน่ห์ทางกาย และเสน่ห์ทางวาจา ถ้าคิดฟุ้งซ่านมาก ๆ เป็นนิตย์ ก็จะก่อคลื่นรบกวนคนใกล้ชิดให้ปั่นป่วนตาม อึดอัดที่จะต้องอยู่ใกล้ชิดนาน ๆ เป็นต้น
     
  11. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    มีอะไรดีเหนือคนอื่นแต่ถ่อมตัว และชอบชม คนจะชอบมากเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...