kanalove
ความเคลื่อนไหวล่าสุด:
6 มิถุนายน 2017
วันที่สมัครสมาชิก:
2 มิถุนายน 2007
โพสต์:
220
พลัง:
386

โพสต์เรตติ้ง

ได้รับ: ให้:
ถูกใจ 381 97
อนุโมทนา 5 7
รักเลย 0 0
ฮ่าๆ 0 0
ว้าว 0 0
เศร้า 0 0
โกรธ 1 0
ไม่เห็นด้วย 0 0
ที่ตั้ง:
ในประเทศไทย

แชร์หน้านี้

kanalove

เป็นที่รู้จักกันดี, จาก ในประเทศไทย

kanalove เห็นครั้งสุดท้าย:
6 มิถุนายน 2017
    1. Khunkik
      Khunkik
      เป็นเพียงสิ่งสมมุติกันขึ้นเพื่อให้คนในสังคมทำงานตามหน้าที่ของตนเท่านั้น สิ่งที่จะคงอยู่กับตัวเราอย่างแน่นอนและช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้จริงๆ คือ ความดีในตัวของเราต่างหาก

      และการที่เราถือตัวเย่อหยิ่ง ทะนงตนนั้น มันทำให้อะไรในตัวเราดีขึ้นบ้าง จะทำให้คนอื่นนับถือว่าตัวเรายิ่งใหญ่ ก็หามิได้ รังแต่จะทำให้เขาเกลียดชังเหม็นหน้า เหมือนคนอยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวอ้วนท้วนสมบูรณ์จึงอมลมเข้าเต็มปากทำให้แก้มตุ่ย ใครเห็นเข้าแทนที่จะชม เขาก็มีแต่จะหัวเราะเยาะ และขืนอมลมอยู่อย่างนั้น ข้าวก็กินไม่ได้น้ำก็กินไม่ได้ตัวก็มีแต่จะผอมซูบซีดลงทุกที

      แท้จริง ผู้ที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ได้รับการยกย่องนับถือจากคนอื่นทั้งกายและใจนั้น จะต้องเป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างเต็มที่เท่านั้น ผู้ที่ฉลาด จึงไม่ควรหลงยึดเอาสิ่งเหล่านี้ มาทำให้ตนเกิดความถือตัว
    2. Khunkik
      Khunkik
      โทษของการอวดดื้อถือดี

      ๑.ทำให้เสียตน เพราะเป็นคนรับความดีจากคนอื่นไม่ได้ กลัวเสียเกียรติ ประเมินค่าตนสูงกว่าความเป็นจริง คิดแต่ว่าเราดีอยู่แล้ว ใครๆ ก็สู้เราไม่ได้ โบราณท่านจึงมีคำสอนเตือนใจไว้ว่า “ลูกท่านหลานเธอ ลูกเจ้าบ้านหลานเจ้าวัด มักจะเอาดีไม่ค่อยได้” เพราะมักจะติดนิสัยอวดดีถือตัว ยโสโอหัง จึงไม่มีใครอยากแนะนำสั่งสอนให้ ทำผิดก็ไม่มีใครอยากเตือนสุดท้ายก็คบอยู่แต่กับพวกประจบสอพลอ ทำผิดถลำลึกไปทุกที จนสุดทางแก้

      ๒.ทำให้เสียมิตร เพราะเป็นคนเจ้ายศ เจ้าอย่าง ที่ไม่ควรถือก็ถือไม่ควรโกรธก็โกรธ จึงไม่มีใครอยากคบด้วย คนพวกนี้ถึงแม้ในเบื้องต้นอยากจะทำความดี แต่ทำไปได้ไม่กี่น้ำก็จอด เพราะไม่มีคนสนับสนุน เป็นเหมือนเจดีย์ฐานแคบ ไม่สามารถสร้างให้สูงขึ้นไปได้

      ๓.ทำให้เสียหมู่คณะ เพราะเป็นคนอวดเบ่ง จะเอาแต่อภิสิทธิ์ ทำให้เสียระเบียบวินัย หมู่คณะแตกแยก
    3. Khunkik
      Khunkik
      หมู่คณะใด ที่สมาชิกมีความอ่อนน้อมถ่อมตน แม้บางครั้งจะมีการทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่ไม่นานก็สามารถสมานสามัคคีป้องกันอันตรายทั้งหลายได้โดยง่าย เหมือนดินเหนียวในท้องนายามหน้าแล้งก็แตกระแหงเป็นร่องลึก ดูเหมือนไม่มีทางที่จะประสานรวมกันได้อีกแล้ว แต่พอฝนตกลงมาซู่เดียวก็สามารถประสานคืนเป็นผืนเดียวกันได้อย่างน่าอัศจรรย์
    4. Khunkik
      Khunkik
      ส่วนหมู่คณะใด ที่สมาชิกมีความถือตัวจัด ก็ไม่มีทางที่หมู่คณะนั้นจะเกิดความสมานสามัคคีกันได้ เหมือนดินทรายที่แม้ฝนจะตกจนน้ำท่วมฟ้าก็ไม่มีทางประสานรวมกันได้สนิท เช่นในประเทศอินเดียในอดีตซึ่งพลเมืองมีความถือตัวจัด แบ่งชั้นวรรณะกันอย่างหนัก แม้เพียงคนวรรณะสูงไปเห็นคนวรรณะต่ำ คนจัณฑาลเข้าก็ต้องรีบไปเอาน้ำล้างตาเพราะกลัวเสนียดจัญไรจะติดเพราะถือตัวกันอย่างนี้ พอถึงคราวมีข้าศึกรุกรานเลยไม่มีใครช่วยใครกำจัดศัตรู ปล่อยให้ศัตรูเข้ายึดครองประเทศโดยง่าย พวกคนวรรณต่ำก็คิดว่าดีแล้ว คนวรรณะสูงๆ จะได้รู้สึกเสียบ้าง คนวรรณะสูงด้วยกันเองก็ยังถือตัวทะเลาะรบกันเอง เพราะถือตัวกันอย่างนี้ แม้มีพลเมืองมากหลายร้อยล้านคนก็ยังตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ซึ่งส่งทหารมาเพียงแค่หยิบมือเดียว “นระใดกระด้างโดยชาติ กระด้างโดยทรัพย์ และกระด้างโดยโคตร ย่อมดูหมิ่นแม้ญาติของตน กรรม ๔ อย่างของของนระนั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม”
      (พุทธพจน์)
    5. Khunkik
      Khunkik
      วิธีแก้ความอวดดื้อถือดี

      ๑.ต้องคบกัลยาณมิตร คือ คบคนดี จะได้คอยแนะนำเตือนสติเราให้ประเมินค่าของตนเองถูกต้องตามความเป็นจริง คอยแนะนำปลูกสร้างนิสัยดีๆ ให้กับเรา ไม่คบคนประจบสอพลอ ซึ่งจะพาเราไปในทางเสีย นอกจากนี้จะต้องแสดงความเคารพบูชาบุคคลที่ควรบูชาเสมอๆ เราจะได้ตระหนักเสมอว่า ผู้ที่มีคุณธรรมสูงกว่าเรายังมีอยู่

      ๒.ต้องมีโยนิโสมนสิการ คือ รู้จักคิดไตร่ตรองเอง เช่น พิจารณาว่า อุจจาระ ปัสสาวะของเราก็เหม็นเหมือนกับของคนอื่นๆ เขา เราเองก็ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า ถึงจะเก่งอย่างไร ในที่สุดก็ต้องตายเหมือนกัน ตัวเราไม่ได้วิเศษกว่าคนอื่นเลย สิ่งใดที่เป็นข้อถือตัวของเรา เช่น ชาติตระกูล ฐานะ รูปร่างหน้าตา ตำแหน่งหน้าที่การงาน บริวาร ให้หมั่นนำสิ่งนั้นมาพิจารณาเนืองๆ ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เที่ยงแท้ ไม่จีรังยั่งยืน ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป
    6. Khunkik
      Khunkik
      ลักษณะของผู้มีความถ่อมตน
      ผู้มีความถ่อมตน จะเป็นผู้ที่รู้คุณค่าของตนตามความเป็นจริงเจียมเนื้อเจียมตัว ทำให้มีลักษณะอาการแสดงออกที่ดีเด่นกว่าคนทั้งหลาย ๓ ประการดังนี้

      ๑.มีกิริยาอ่อนน้อม คือ ไม่ลดตัวลงจนเกินควร และไม่ถือตัวจนเกินงาม มีกิริยาอันเป็นที่รัก อ่อนละมุนละไมต่อคนทั่วไปทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย และผู้เสมอกัน รู้ที่ต่ำที่สูง ไม่ตีตนเสมอท่าน มีคุณสมบัติผู้ดี สำหรับแสดงแก่คนทั้งหลายโดยเสมอหน้ากัน ไม่เลือกว่าเขาจะมีฐานะสูงกว่าหรือต่ำกว่าตนสงบเสงี่ยม แต่ก็มีความองอาจ ผึ่งผายในตัว

      ๒.มีวาจาอ่อนหวาน คือ มีคำพูดที่ไพเราะดูดดื่ม ออกมาจากใจที่ใสสะอาดนุ่มนวล ไม่แข็งกระด้าง ไม่พูดโอ้อวดยกตัว และไม่พูดกล่าวโทษลบหลู่ทับถมคนอื่น เมื่อตนทำพลาดพลั้งสิ่งใดต่อใคร ย่อมออกวาจาขอโทษเสมอ เมื่อผู้ใดแสดงคุณต่อตนอย่างไร ก็ออกวาจาขอบคุณเขาเสมอ ไม่พูดเยาะเย้ยถากถางผู้ทำผิดพลาด ไม่ใช้วาจาข่มขู่ผู้อื่น เห็นใครทำดีก็ชมเชยสรรเสริญจากใจจริง
    7. Khunkik
      Khunkik
      ๓.มีใจอ่อนโยน คือ มีใจนอบน้อม ละมุนละม่อม ถ่อมตัว มีใจอ่อนละไมแต่มิใช่อ่อนแอ มีใจเข้มแข็งแต่มิใช่แข็งกระด้าง ไม่นิยมอวดกำลังความสามารถ แต่พยายามฝึกตนเองให้มีความสามารถ ถือคติว่า “จงมีแรงเหมือนยักษ์ แต่อย่าใช้แรงอย่างยักษ์” ไม่ถือความคิดของตัวเป็นใหญ่ มีใจเปิดกว้างยอมรับความคิดเห็นคนอื่น รู้จักลดหย่อนผ่อนผันแก่กัน ถือคติว่า “ไม้ลำเดียวยังต่างปล้อง พี่น้องยังต่างใจ สิบคนสิบความรู้ สิบคนสิบความคิด แม้สิบคนก็สิบความเห็น” เมื่อใครเขาไม่เห็นพ้องกับตน ก็ไม่ด่วนโกรธ แล้วค่อยๆ ปรับความคิดเห็นเข้าหากันโดยยึดเอาคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นแกนกลาง
    8. Khunkik
      Khunkik
      ตัวอย่างผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
      ครั้งหนึ่ง พระสารีบุตรถูกพระภิกษุรูปหนึ่งใส่ความว่า ทะนงตนว่าเป็นอัครสาวกมาเดินกระแทกตน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสถามพระสารีบุตรในที่ประชุมสงฆ์ว่าเป็นจริงหรือไม่
      พระสารีบุตรทูลว่า “ข้าพระพุทธเจ้ามีสติสัมปชัญญะอยู่เสมอ ระมัดระวังตน ประคองสติอันเป็นไปในกาย เมือนบุรุษประคองถาด ซึ่งบรรจุน้ำมันอยู่เต็มเปี่ยม และมีคนถือดาบอยู่เบื้องหลังพร้อมขู่ว่าถ้าน้ำมันหกจะประหารเสีย ข้าพระองค์ประพฤติตนเสมือนผ้าเก่าสำหรับเช็ดภาชนะ เสมือนโคที่เขาหักเสียแล้ว เสมือนเด็กจัณฑาลที่พลัดเข้าไปในหมู่บ้าน ย่อมไม่มีอำนาจที่จะแกล้วกล้าอาจหาญประการใด.....”
    9. Khunkik
      Khunkik
      เราดู ขนาดพระสารีบุตร ซึ่งก่อนบวชก็ร่ำเรียนจนจบในวิชา ๑๘ ประการมาแล้ว เปรียบสมัยนี้ ก็เท่ากับได้ปริญญา ๑๘ สาขา บวชแล้วก็ได้เป็นพระอรหันต์ เป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังมีความอ่อนน้อมถ่อมตนถึงเพียงนี้ มีความเจียมตัวอยู่ตลอดเวลา เปรียบตนเองเหมือนผ้าขี้ริ้วเก่าๆ ที่เขาใช้เช็ดถ้วยชามเหมือนโคที่เขาขาดแล้ว เหมือนเด็กจัณฑาลซึ่งเป็นคนชั้นต่ำสุดในอินเดียสมัยนั้น ไม่มีความถือตัว ทะนงตน แม้แต่น้อย แล้วพวกเราซึ่งยังเป็นปุถุชนธรรมดา ๆ อยู่นี่ล่ะ มีดีอะไรมากนักหนา จึงจะมาถือตัวกัน
      เมื่อพระสารีบุตรกล่าวอยู่เช่นนี้ พระภิกษุรูปนั้นก็เกิดความเร่าร้อนในสรีระ เหมือนมีไฟมาเผาตัว อดรนทนอยู่ไม่ได้ ต้องลุกขึ้นขอโทษระสารีบุตรและยอมรับสารภาพต่อหมู่สงฆ์ว่ากล่าวตู่ใส่ความพระสารีบุตร
      พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสรรเสริญว่า “พระสารีบุตรมั่นคงเหมือนแผ่นดิน เหมือนเสาหิน เป็นผู้ไม่แสดงอาการยินดียินร้าย เป็นผู้คงที่และมีวัตรดี เป็นผู้ใสสะอาดเหมือนน้ำที่ไม่มีฝุ่นหรือโคลนตม สังสารวัฏย่อมไม่มีแก่บุคคลเช่นนี้"
    10. Khunkik
      Khunkik
      อานิสงส์การมีความถ่อมตน
      ๑.ทำให้อยู่เป็นสุข ไม่มีศัตรู
      ๒.ทำให้น่ารัก น่านับถือ น่าเคารพกราบไหว้
      ๓.ทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ
      ๔.ทำให้ได้กัลยาณมิตร
      ๕.ทำให้สามารถถ่ายทอดคุณความดีจากผู้อื่นได้
      ๖.ทำให้ได้ที่พึ่งทั้งภพนี้ ภพหน้า
      ๗.ทำให้ไม่ประมาท ตั้งอยู่ในธรรม
      ๘.ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย

      ที่มา : http://www1.freehostingguru.com/thai...gkhol/mk23.htm
    11. Khunkik
      Khunkik
      ฉะนั้น เขาจึงได้นำท่อนฟื้นบ้าง ฟางบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอาฟาง มาทำเป็นเสวียน พันคอโค ก่อนที่จะจุดไฟ เขาเอาฟืนท่อนเล็กๆ ทับ ลงไปที่ตัวก่อน แล้วเอาฟางกลุ่มใหญ่มาผูกคอ แล้วก็ทับไปที่คอโค แล้วก็จุดไฟ ไฟก็ลุกโชนขึ้น คลอกวัวตัวนั้นถึงแก่ความตาย บรรดาพระภิกษุทั้งหลายเหล่าก็ทราบ กรรมที่กาตัวนั้นพึงจะถูกกระทำ

      องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า ภิกษุทั้งหลาย กรรมอันเป็นบาปนั้น อันนั้นทำแล้วในครั้งนั้น (คือสมัยที่เขาเกิดเป็นคนเผาโค) ตัวเขาเองต้องไหม้อยู่ในนรกสิ้นกาลนาน เพราะวิบากกรรมอันเป็นบาปนั้น เกิดขึ้นแล้ว ในกำเนิดแห่งกา 7 ครั้ง (หมายความว่า เผาโคครั้งเดียวแต่เขาต้องเกิดเป็นกา 7 ครั้ง แล้วต้องถูกเผาแบบไม่มีเจตนาของใครถึง 7 ครั้งด้วยกัน ) แล้วตายในอากาศแบบนี้ด้วยเหมือนกัน ด้วยผลของกรรมที่ปรากฏในกาลก่อน
    12. Khunkik
      Khunkik
      ลำดับนั้น องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์จึงได้พยากรณ์กรรดาภิกษุ ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กานั้นได้เสวยกรรมที่ตนทำแล้วนั้นโดยแท้ (หมายความว่า กาที่บินมาในอากาศที่ต้องตาย เพราะเอาคอเข้าไปสวมเสวียน ที่มีไฟลุกโชน หลังจากนั้นองค์ องค์สมเด็จพระชินวรจึงได้มี พระพุทธฎีกาตรัสว่า

      ในอดีตกาล มีชาวนาผู้หนึ่งในกรุงพาราณสี เขาพยายามฝึกโค คือ วัวของเขา สำหรับชาวนาไถนา สำหรับใช้งานอยู่ตัวหนึ่ง แต่ว่าเจ้าวัวตัวนี้มันก็แปลก มันเป็นวัวดื้อ วัวด้าน ไม่สามารถจะฝึกได้ เพราะว่าวัวเขาตัวนั้นเดินไปได้หน่อยหนึ่ง แล้วมันก็นอนเสียให้ มันทำงาน ใช้ไถนา ใช้ลาเกวียน ใช้ลากล้อ มันไปได้หน่อยหนึ่ง มันก็นอน เจ้าของทุบตี ไล่ไห้มันลุกเดินมันก็ไปได้หน่อยหนึ่ง แล้วมนก็นอนเหมือนเดิม ชาวนานั้นโกรธแม้จะพยายามฝึกแล้ว ฝึกเล่า มันก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม จึงได้บอกกับวัวว่า ดีละ เจ้าวัวดื้อ บัดนี้เจ้านอนสบายที่ตรงนี้แล้ว จงนอนให้สบาย (คือ ไม่ต้องลุกจากที่นี้แล้ว )
    13. Khunkik
      Khunkik
      เมื่อบรรดาพระทั้งหลายเหล่านั้นออกมาแล้ว ก็เดินทางต่อไป บรรดาพวกภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อเวลามาถึงสำนักขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้าก็มาบรรจบกันกับภิกษุพวกก่อนในระหว่างทาง หมายความว่า ก่อนจะถึงเดินมารวมกันโดยมิได้นัดหมาย ก็เลยรวมกันเป็นคณะเดียวกันเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา ถวายบังคม แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนใดส่วนหนึ่งแล้ว

      ในขณะนั้น องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงกระทำพุทธปฏิสันถาวรทักทายปราศรัยแล้ว บรรดาภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น จึงได้ทูลถามเหตุที่ตนเห็นมา และที่ตนได้เสวยมาแล้วตามลำดับ (หมายความว่า พระสองพวกแรกถามเหตุของกา เหตุของกา เหตุของหญิงเมียนายเรือ บรรดาพระพวกหลังก็ถาม เหตุต้องอดข้าวถึง 7 เพราะอาศัยหินเจ้ากรรมมันทำเหตุ )
    14. aof_dhamma
      aof_dhamma
      สวัสดี ครับ พี่สาว คนสวย ตกลงไป เคาร์ดาว ที่ไหน
    15. kurei
      kurei
      -*-แล้วทำไมไม่บอก-*-
      แม่เราจะได้รับบอกเขาว่าไปกี่คน
      -*-....
    16. kurei
      kurei
      [IMG]

      เห็นรูปเด็กผู้ชายเปล่า?นั้นแหละ คือกิมท้ง เปง เราเองแหละ....
      หน้าเหมือนกันเลย....555+

      เข้าไปดูในนี้ละกันนะ...
      http://s44.photobucket.com/albums/f3/yukuha/Mam/
    17. Khunkik
      Khunkik
      [IMG]
      เมื่อวันอาทิตย์ ได้ถวายสังฆทานเครื่อง๙ พร้อมฟังธรรม ณ วัดจันทรสุข และปล่อยปลา เอาบุญมาฝากจ้า
    18. kurei
      kurei
      -*-แกไปโพสบอกผิดกระทู้วะ อ.วรรณวรี ไม่ช่ายคุณยายกลิ่นโสมซะหน่อย
    19. kurei
      kurei
      อือ ถ้าไม่ใช้งานที่ชอบต่อให้ดีหรือหนักแค่ไหนก้ไม่เอาอะ เพราะนั้นก้ทำให้สุขภาพจิตแย่ลง....
    20. kurei
      kurei
      ไม่ช่ายเปงพวกที่เบื่อง่าย
      แต่จะเป็นพวกที่ ยังไงดีละ
      พอเจออุปสรรคใหญ่ๆแล้วมันจะเกิดอาการเหนื่อยล้าได้ง่ายนะ เผลอๆก้พาลไม่อยากทำ อะไรเงี้ย
  • Loading...
  • Loading...
  • เกี่ยวกับ

    ที่ตั้ง:
    ในประเทศไทย
    แนะนำตัวเอง:
    แสวงหาบุญ
Loading...