รู้จากตำราความรู้เอาไปละกิเลสไม่ได้

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย Muang99, 9 กรกฎาคม 2014.

  1. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน พระอริยะเจ้าแห่งทุ่งละลม

    [​IMG]
    เพื่อเป็นการเผยแผ่บารมีธรรมของหลวงปู่สรวง จึงขออนุญาตนำเรื่องนี้มาลงและขอขอบคุณ ทิพยจักร ผู้เขียน มา ณ โอกาสนี้


    เรื่องราวของหลวงปู่สรวงแห่งทุ่งละลมเป็นเรื่องราวที่เล่าขานมานานหลายต่อหลายชั่วอายุคน ว่ามีพระอริยะเจ้าองค์หนึ่งมีอายุยืนยาวหลายร้อยปี มีผู้พบเห็นมาตั้งแต่รุ่นทวด รุ่นปู่ย่าตายายจนกระทั่งรุ่นลูกรุ่นหลาน แต่ท่านก็ยังคงสภาพอยู่อย่างนั้นอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งยังมีปาฏิหาริย์สารพัด เป็นเรื่องเหนือโลก เหนือความคิด ความคาดหมายของปุถุชนธรรมดา โดยกล่าวกันว่าท่านเดินตากฝนไม่เปียก ดำน้ำได้เป็นชั่วโมงๆ ล่องหนหายตัว เดินย่นย่อระยะทาง รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์ และมีอีกหลายต่อหลายเรื่อง เรียกว่าเป็นเรื่องเล่าที่ไม่รู้จบ ล้วนมีแต่ความน่าอัศจรรย์พิศวงในตัวท่านทั้งนั้น
    ความเป็นมาจริงๆของเรื่องหลวงปู่สรวงนั้นไม่มีใครทราบประวัติท่านแน่ชัด เพราะท่านไม่เคยบอกใคร ใครถามท่านว่าท่านจำไม่ได้ เขาเรียกเราว่าสรวงก็สรวง คำพูดคำตอบของหลวงปู่สรวงนั้น ฟังดูแล้วหากพิจารณาดีๆท่านมีความมุ่งหมายให้ผู้ถามผู้ฟังทั้งหลายเลิกยึดตัวตน เข้าหาธรรมแท้ ความปล่อยวางเป็นหลัก อย่างไรก็ตามด้วยความเป็นปุถุชนคนธรรมดา ก็ยังอยากรู้เรื่องราวของท่านว่าท่านคือใคร แม้ไม่รู้ก้อยากรู้ปาฏิหาริย์ของท่านอยู่ดี ซึ่งแท้จริงไม่ใช่เรื่องหลุดพ้นแต่อย่างใด
    หลวงปู่สรวง ท่านเป็นสรณะที่พึ่งของชาวสุรินทร์ ชาวศรีษะเกศ และทั้งผู้ศรัทธาทั้งใกล้และไกล รวมๆแล้วก็น่าจะมีผู้นับถือท่านอยู่ทั่วประเทศ เพราะกิติศัพท์ของท่านนั้นเลื่องลือจริงๆ ไม่ว่าการให้โชคลาภ การโปรดผู้ยากให้พ้นจากความทุกข์ทั้งการกินอยู่ การเงิน ต่างๆ ผู้ที่ท่านโปรดล้วนได้รับความสุขกายสุขใจ เปรียบดังว่าได้ตายแล้วเกิดใหม่ มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมากต่างพยายามแสวงหาที่จะพบท่านให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตเพื่อเป็นบุญวาสนา บางท่านได้เจอแต่บางท่านก็ผิดหวัง แต่กระนั้นหากมีความเชื่อความศรัทธาอย่างแน่นแฟ้นว่า หลวงปู่สรวงท่านเป็นพระผู้วิเศษมีจิตเป็นทิพย์ท่านย่อมรู้เรื่องราวที่เราอธิษฐานถึงท่านด้วยความจริงใจ และมีหลายต่อหลายคนที่ได้ประสบปาฏิหาริย์จากการอธิษฐานถึงหลวงปู่สรวงโดยการอธิษฐานต่อหน้ารูปของท่านบ้างหรือแม้แต่พนมมือขอบารมีท่านก็ยังมี
    ตัวผู้เขียนเองนั้นไม่เคยได้กราบหลวงปู่สรวง แต่ได้ยินเรื่องเล่าของท่านจากหลวงปู่ครูบาอาจารย์ที่เคยได้ติดตามท่าน อย่างหลวงพ่อสร้อย วัดเลียบราษฏ์บำรุง ท่านเล่าว่าท่านเองพบเห็นหลวงปู่สรวงมาแต่เล็ก หลวงปู่สรวงท่านปักผ้าขาวไว้ที่ไหน ชาวเขมรอพยบที่หนีภัยสงครามจะมารวมกันอยู่บริเวณเพราะรู้กันว่าจุดที่หลวงปู่ปักผ้าขาวไว้ ลูกระเบิดไม่เคยตกลงมาสักครั้ง เพราะบารมีหลวงปู่คุ้มครอง ยามที่ชาวบ้านที่หนีตายจากภัยสงครามอดอยากหิวโหย ด้วยขาดแคลนอาหารการกินนั้นหลวงปู่สรวงท่านจะมีหม้อข้าวเล็กนำมาหุงจากนั้นก็ตักข้าวให้กับผู้ลี้ภัยสงครามทุกคน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อหม้อเล็กๆที่เด็กใช้เล่นกันนั้นกลับสามารถมีข้าวเพียงพอแก่ความต้องการทุกคนอย่างน่าอัศจรรย์
    สมัยเด็กหลวงพ่อสร้อยหรือเด็กชายสร้อยสมัยนั้น เคยถูกชวนจากหลวงปู่ให้เดินจากศรีษะเกศไปจังหวัดจันทบุรี ด้วยว่ามีคหบดีท่านหนึ่งจากจันทบุรีนิมนต์ท่านให้ไปฉันเพลที่บ้าน หลวงปู่ตอบตกลงพอถึงวันนัด หลวงปู่ปลุกเด็กชายสร้อยแต่เช้าตรู่ตอนตีสี่ จากนั้นทั้งหลวงปู่สรวงกับเด็กชายสร้อยต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง แสงแดดก็เริ่มแรงกล้าขึ้นทุกขณะ เด็กชายสร้อยก็เริ่มหมดแรงเพราะเดินมานานหลายชั่วโมง และไม่มีทีท่าว่าจะถึงสถานที่นัดหมายของเจ้าภาพนั้นได้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรด้วยการเดินเท้าเปล่าจากศรีษะเกษไปจันทบุรี ที่สุดเมื่อเด็กชายสร้อยรู้สึกเหนื่อยจนใจจะขาดแล้วนั้น ก็เอ่ยปากถามหลวงปู่สรวงขึ้นว่า หลวงปู่มันจะถึงหรือเนี่ย หลวงปู่สรวงตอบว่าเดินตัดทุ่งนาที่เห็นนี่ก็ถึงบ้านเจ้าภาพแล้ว เด็กชายสร้อยคิดว่าหลวงปู่พูดหลอกตน เพราะมันไม่น่าเป็นไปได้อย่างแน่นอน มันจะเป็นไปได้อย่างไรเล่ากับการเดินด้วยเท้าเปล่า แต่เด็กชายสร้อยก็อดทนเดินตามหลวงปู่ไป เมื่อพ้นจากเขตทุ่งนาเด็กชายสร้อยก็เข้าไปถามคนละแวกนั้นว่าที่นี่ที่ไหน คำตอบที่ได้คือ เขตจังหวัดจันทบุรี คำตอบที่ออกมาจากปากคนแถวนั้นเป็นสิ่งที่เด็กชายสร้อยแทบไม่เชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้ว พักเดียวหลวงปู่สรวงก็พาเด็กชายสร้อยขึ้นไปบนบ้านเจ้าภาพ ทันเวลาฉันเพลพอดี
    เรื่องอัศจรรย์เช่นนี้มีอีกมาก หลวงพ่อสร้อยเคยเล่าว่าบางครั้งท่านนั่งรถตู้จากกรุงเทพไปทุ่งละลมเพื่อกราบหลวงปู่สรวง พอรถวิ่งเข้าเขตทุ่งละลมบางครั้งเห็นหลวงปู่สรวงท่านเดินดุ่มๆอยู่ข้างหน้าไม่ไกลนักท่านก็บอกคนขับรถว่าให้ขับแซงหน้าหลวงปู่ขึ้นไปจะได้รับหลวงปู่ขึ้นรถ คนขับก็เหยียบเกียร์เร่งหมายให้ทันหลวงปู่สรวงที่เดินอยู่ข้างหน้าไม่ไกลนัก แต่แปลกอะไรเช่นนั้นรถเร่งความเร็วเท่าไหร่ระยะห่างระหว่างหลวงปู่กับรถยังเท่าเดิม และทุกคนก็เห็นว่าหลวงปู่ท่านเดินเนิบๆอย่างมที่ท่านเคยเดินและหลวงปู่เองก็ชราแล้วไม่ได้เดินเร็วสักหน่อยแล้วทำไมรถถึงตามไม่ทัน เมื่อหลวงพ่อสร้อยฉุกคิดได้ ท่านจึงบอกให้รถหยุด จากนั้นท่านจึงเดินลงไปตามหลวงปู่สรวง ก็เดินทันนับเป็นเรื่องอัศจรรย์เกี่ยวกับการเดินหนย่นระยะทางที่หลวงปู่สรวงท่านแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์
    พวกเราชาวภาคกลางคนกรุงเทพเรียกท่านว่าหลวงปู่สรวง แต่สำหรับคนศรีษะเกษจะเรียกท่านว่าลูกตาเบ๊าะ หรือลูกตาเอ็อว แปลว่าพระดาบส แม้ว่าหลวงปู่สรวงจะสิ้นไปแล้วแต่ท่านก้ยังอยู่ในความทรงจำและเป้นอีกตำนานของพระผู้วิเศษแห่งภูตะแบง



    หลวงปู่สรวง (ลูกตาเบ๊าะ) ผู้วิเศษแห่งภูตะแบง
    ผู้เขียนเองเคยได้ยินคำร่ำลือมาแต่เด็กว่าตามตะเข็บชายแดนไทยกัมพูชานั้นเต็มไปด้วยป่าดิบ มีอันตายทั้งจากกับดักระเบิด สัตว์ร้าย โรคภัยไข้เจ็บ ภูตผีปีศาจ แต่กระนั้นก็เต็มไปด้วยผู้มีวิชาอาคม พระผู้วิเศษ ฤาษีชีไพร ที่หลีกเร้นซ่อนกายบำเพ็ญตบะณานอันแรงกล้า พระผู้วิเศษ และฤาษีชีไพร โยคีที่กล่าวถึงเหล่านั้น หลายท่านมีอายุเกินกว่าร้อยปีขึ้นไปทั้งนั้น
    อำนาจจิตจากการบำเพ็ญตบะณาน ประกอบด้วยอิทธิบาทสี่ ทำให้ฤาษีโยคีและพระผู้วิเศษทั้งหลายสามารถชนะกาลเวลา รักษาสังขาร มีอายุยืนนานนับร้อยนับพันปี หลวงปู่แหวน สุจินโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ศิษย์สำคัญของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เล่าวว่าสมัยที่ท่านเดินธุดงค์ไปยังภูเขาควายและป่าลึกแถบจำปาศักดิ์นั้นท่านเคยพบโยคีบางตนมีอายุหลายร้อยปีนั่งนิ่งจิตดิ่งอยู่ในฌานสมาบัติ มีต้นโพธิ์ต้นไทรขึ้นโอบ บางตนก็มีจอมปลวกขึ้นหุ้มตัว บางตนเล่าก็มีหินงอกหินย้อยขึ้นตามร่างกายหุ้มไว้กลายเป็นหิน ท่านว่ามหาโยคีฤาษีเหล่านี้ไม่ตายนะ แต่จิตอยู่ในฌานบางตนถอดจิตไปชั้นพรหมโลก ที่เป็นฤาษีโพธิสัตว์ก็มี ท่านเหล่านี้มีฤทธิ์มากแม้ต้องการออกโปรดสัตว์ก็ใช้อำนาจจิตสลายสิ่งห่อหุ้มร่างกายออกเป็นจุลมหาจุล เที่ยวออกโปรดสัตว์ได้ตามสบาย ท่านเหล่านี้หลวงปู่แหวนกล่าวว่าแม้ได้ฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะบรรลุไม่ตกต่ำ
    เรื่องที่หลวงปู่แหวนเล่านั้นดุจดั่งนิทานปรำปะรา แต่สำหรับชาวชนบทห่างไกล อย่างเมืองสุรินทร์ ศรีษะเกษนั้น ชาวบ้านแถบนั้นกลับมีพระผู้วิเศษที่มีวัตรปฏิปทาดุจดั่งมหาฤาษีโยคีที่หลวงปู่แหวนเคยเล่าไว้ไม่มีผิดนั่นคือ หลวงปู่สรวง ผู้วิเศษแห่งภูตะแบงนั้นเอง
    ด้วยว่าวัตรปฏิบัติและความเป็นมาของหลวงปู่สรวงนั้นลี้ลับ ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงท่านคือใคร บางคนร่ำลือว่าท่านเป็นพระเจ้าชัยวรมันพระองค์หนึ่ง บ้างก็ว่าสันณิฐานไปต่างๆนาๆ บางคนเชื่อว่าท่านคือขรัวขี้เถ้าหนึ่งในคณะโลกอุดรที่ร่ำลือกัน แต่ที่แน่ๆคือหลวงปู่สรวงนั้นมีอายุยืนยาวมาหลายร้อยปีแล้ว เห็นกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายยาย มีอายุเฉลี่ยอย่างต่ำก็ไม่น้อยกว่า ๒๗๕ ปีอย่างแน่นอน ทั้งยังมีฤทธิ์ปาฏิหาริย์เป็นที่อัศจรรย์อีกด้วย เช่นหุงข้าวหม้อเล็กนิดเดียวแต่แจกจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่หมด สามารถเดินหนย่นระยะทางได้ มีความสามารถแบบผู้ทรงอภิญญาสมาบัติอย่างน่าอัศจรรย์ รู้เห็นมิติต่างๆ เข้าออกดินแดนลี้ลับไปมาอย่างอัศจรรย์ยิ่ง
    ในอดีตที่ผ่านมาเคยมีทั้งพระและฆราวาสที่ได้ร่วมเดินทางเข้าสู่ดินแดนลี้ลับแห่งเขมรและเป็นประจักษ์พยานถึงสิ่งลี้ลับในโลกที่ซ่อนเร้นสายตามนุษย์ปุถุชนทั้งหลาย เช่นดินแดนที่มีทองคำและเพชรพลอยงอกออกมาจากดินอยู่ตามลำธารอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อลองเอามือไปหยิบจับดู ทองคำที่งอกออกจากดินนั้นก็อ่อนนิ่มคล้ายเทียนโดนไฟลน แต่กลับไม่สามารถดึงให้ขาดออกมาได้ เป็นเรื่องน่าแปลกอย่างยิ่ง
    หลวงปู่สรวงจะบอกกับคณะที่ติดตามท่านไปนั้นว่ามันเป็นของเขา เพียงคำเดียวเท่านี้ ซึ่งหมายความว่าไม่ใช่ของๆเรา คำว่าของเขา อาจหมายถึงมันเป็นของธรรมชาติ เป็นสมบัติแผ่นดิน เป็นของผู้มีบุญญาธิการเท่านั้น ดังนั้นผู้ที่ไปกับท่านจึงได้แต่ดู และเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ในความทรงจำเท่านั้น ถือว่าเพียงเท่านี้ก็เป็นบุญวาสนาของชีวิตที่ได้เห็นของจริง ว่าในโลกนี้ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็นอีกมากมายนัก
    ในชั่วระยะเวลาที่หลวงปู่สรวงได้โปรดลูกหลานทั้งหลายนั้น ท่านได้แสดงตัวอย่างของผู้ละโลก พร้อมทั้งแสดงความจริงในศักยภาพของจิตอันเป็นไปตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระศาสดาได้เป็นอย่างดีที่สุด แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาหลวงปู่จะพูดน้อยที่สุด แต่การกระทำของท่านนั้นยิ่งกว่าคำพูดเป็นหมื่นเป็นแสนคำ
    หลวงปู่สรวง พระผู้พ้นไปจากโลกและความนึกคิดของปุถุชน ผู้มีจิตเมตตาไม่มีประมาณ และเป็นแสงสว่างให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นที่พึ่งให้กับผู้ที่ยังเวียนว่ายในสังสารวัฏฏ์ ผู้เขียนเชื่ออย่างยิ่งว่าพระผู้พ้นโลกย่อมเป็นผู้ที่มัจจุราชไม่เห็นตัว มัจจุราชย่อมไม่อาจทำอันตรายแก่ผู้พ้นโลกไปแล้วได้ฉันใด หลวงปู่สรวงย่อมเป็นพระผู้อยู่เหนือสมมุติทางโลกรวมทั้งความตายด้วยฉันนั้น



    หลวงปู่สรวงเพ่งกสิณไฟ
    ครั้งที่แล้วได้เล่าเรื่องประสบการณ์ของพระอาจารย์สร้อย วัดเลียบราษฏ์บำรุง เขตบางซื่อ ซึ่งถือเป็นท่านหนึ่งที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดและสัมผัสปาฏิหาริย์จากหลวงปู่สรวง แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ว่าในปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปแล้ว
    ตอนที่ผู้เขียนไปกราบหลวงพ่อสร้อยสมัยก่อนนั้น ไปแต่ละครั้งก็จะได้ยินที่น่าอัศจรรย์ เกี่ยวกับหลวงพ่อสร้อยบ่างหลวงปู่สรวงบ้าง โดยเฉพาะเรื่องของหลวงปู่สรวงนั้นแทบจะได้ฟังเรื่องราวไม่ซ้ำกันเลย เรื่องหนึ่งที่ยังจำได้เล่าว่าศิษย์ติดตามหลวงพ่อสร้อยท่านหนึ่งเป็นโรคหอบหืด เมื่ออาการกำเริบจะทรมานมาก ครั้งหนึ่งขณะที่ติดตามหลวงปู่สรวง หลวงปู่ท่านปัสสาวะเป็นยาให้ดื่ม ท่านนี้มีศรัทธาเชื่อมั่นจึงดื่มน้ำปัสสาวะของหลวงปู่สรวงนั่นแหละ ไม่น่าเชื่อเพราะตั้งแต่ดื่มน้ำปัสสาวะของหลวงปู่เข้าแล้ว อาการของโรคหอบหืดก็ไม่เคยกำเริบขึ้นอีกเลย
    เรื่องราวของหลวงปู่สรวงนั้นผู้เขียนได้ศึกษาดูแล้ว เหมือนๆกับเรื่องราวของผู้วิเศษในอดีตหลายๆท่านมารวมกัน ความยืนยาวของอายุหลวงปู่สรวง เหมือนเรื่องของเซียนเจียงกั๊วเล่าผู้มีอายุหลายยุคหลายสมัย ในโป๊ยเซียนไม่มีผิด ยาวิเศษของหลวงปู่สรวงนั้นท่านมักเอาขี้เล็บขี้ตาของท่านทำน้ำมนต์ ก็เหมือนกับอรหันต์จี้กงที่ปั้นขี้ไคลเป็นยา หลวงปู่สรวงได้อะไรเผาทิ้ง มักก่อกองไฟเสมอๆ เหมือนกับหลวงพ่อโอภาสี และหลวงปู่กบวัดเขาสาลิกา ที่เผาทุกอย่างที่มีคนนำมาถวาย
    หลวงปู่สรวงท่านมีวัตรปฏิบัติแบบไม่ยึดติดกับสิ่งใดทั้งสิ้นการนุ่งห่มผ้าก็นุ่งแบบขอไปที บางครั้งนุ่งขาว บางนุ่งผ้าลาย บางครั้งนุ่งห่มเรียบร้อย แล้วแต่ ท่านอยากฉันตอนไหนก็ฉันไม่มีเวลา อยากไปไหนก็ไปไม่สนใจใคร เรื่องราวของท่านแม้เรียบง่ายที่สุดแต่ก็อัศจรรย์ที่สุด วัตรปฏิบัติของท่านเป็นพรหมจรรย์ ความเป็นอยู่ของท่านก็ประดุจพระพรหมโดยแท้
    ความเป็นอยู่แม้จะธรรมดาแต่กลับมากด้วยปาฏิหาริย์ แม้กระทั่งเมื่อท่านละสังขารเข้าสู่นิพพาน ปาฏิหาริย์แห่งท่านก็ยังเล่าขานและปรากฏเป็นอัศจรรย์อย่างยิ่ง
    ท่านเป็นพระที่ไม่มีวัดอยู่แต่กลับอยู่ได้ทั่วทั้งจักรวาล ซึ่งประโยคเด็ดนี้มาจากที่ครั้งหนึ่งเคยมีคนถามท่านว่าท่านอยู่วัดไหน หลวงปู่สรวงตอบไปว่า ไม่มีวัดอยู่แต่เดินท่องทั่วทั้งจักรวาล ซึ่งหมายความว่าท่านไม่ติดในถิ่นที่อยู่ ไม่มีความเป็นของเขาของใคร มีอิสระเหนือทุกสิ่ง ทุกที่ที่ย่ำไปก็เป็นที่ของท่านโดยธรรม
    ในสิ่งที่ท่านไม่ยึดไม่ติด ไม่สนใจใคร แต่ในขณะเดียวกันกลับมีผู้ติดตามท่านมากมาย ปรารถนาอยากเป็นศิษย์ อยากเห็นอยากพบอยากกราบไหว้ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ก็เป็นไปด้วยอำนาจธรรมเหนือโลก เหนือสมมุติ ที่เมื่อไม่ยึดติดสิ่งใดไม่ปรารถนาสิ่งใด ทุกๆสิ่งกลับเป็นของเราโดยปริยาย
    ชีวิตปฏิปทาของหลวงปู่ตราบเท่าที่แสดงให้เราเห็นนั้น นับเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดมากกว่าคำเทศน์เป็นร้อยเป็นพัน หลวงปู่แสดงให้เราเห็นจริง หากผู้ศรัทธาได้นำเอาท่านเป็นแบบอย่างแม้ไม่ทั้งหมดเพียงบางเสี้ยวบางส่วนเท่านั้นก็นับว่าก่อให้เกิดความจรรโลงใจ เบาใจ น้อมไปทางนิพพิทาญาณได้เป็นอย่างดี
     
  2. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    หลวงปู่สรวงผู้วิเศษแห่งภูตะแบง พระผู้อยู่เหนือโลก เหนือสมมุติ

    เรื่องราวความเป้นมาของหลวงปู่สรวงนั้นไม่มีใครเคยรู้เลยว่าแท้จริงท่านคือใคร

    ท่านมีวัตรปฏิปทาที่แปลก ซึ่งคนทั่วไปอาจไม่เข้าใจ แต่สำหรับผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมนั้น เมื่อเห็นวัตรการปฏิบัติของท่านแล้ว

    จะทราบได้ว่านี่คือแนวทางแห่งการละโลก เหนือสมมุติ

    หลวงปู่บอกว่าท่านไม่มีวัดอยู่แต่อยู่ทั่วไปในจักรวาล หมายความว่าเมื่อใดที่เรามีความยึดมั่นที่ตัวเอง ในสถานที่อยู่ ในอาหาร ในทรัพย์สมบัติ เมื่อนั้นเราก็ถูกพันธนาการ ถูกกักของด้วยความคิดของเราเอง ทำให้เราจำกัดซึ่งถสานที่และเวลา และผุกพันยึดมั่นเป้นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างเหนียวแน่น เกิดความถือเนื้อถือตัว อวดศักดาต่างๆนาๆ

    แต่สำหรับพระผู้ละโลกแล้วนั้น ไม่มีอะไรเป็นของของใคร ทุกอย่างก็ไม่ใช่ของของเรา สรรพสิ่งล้วนพึ่งพาอาศัยกัน

    หลวงปู่สรวงท่านละจากโลกนี้นานแล้ว ไม่สถานที่ไม่มีเวลาสำหรับท่าน และแม้ในวันนี้หลวงปู่สรวงท่านจะละสังขาร แต่ในความเป็นจริงท่านก้ยังอยู่และอยู่ในทุกที่อย่างอิสระ การอยู่ด้วยการเนื้อ หรือการจากไปของกายสังขารท่านเป็นเพียง


    สถานปฏิบัติธรรม บายตึ๊กเจีย

    ในปัจจุบันนี้พระอาจารย์เทียนชัย ได้ดำเนินการสร้างสถานปฏิบัติธรรมบายตึ๊กเจียขึ้น และเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนของ หลวงปู่สรวง

    คำว่า "บายตึ๊กเจีย" เป็นภาษาเขมร เป็นคำที่หลวงปู่สรวงมักกล่าวให้พรเสมอๆ คำว่าบายเป็นภาษาเขมร แปลว่าข้าว ตึ๊ก แปลว่าน้ำ และเจียแปลว่าดี

    รวมแล้วคำว่าบายตึ๊กเจีย แปลว่าข้าวน้ำดีนั่นเอง

    รูปเหมือนหลวงปู่สรวงที่นำมาลงนี้ สร้างขึ้นโดย ช่างมือหนึ่งของไทยคือ คุณหนึ่ง อัศจรรย์

    ในขณะที่ดำเนินการปั้นนั้น หลวงปู่สรวงได้มาเข้าทรงคนงานด้วย

    ใช้เส้นเกศาจริงของหลวงปู่ในการปั้น หากผู้ใดที่มีจิตศรัทธาไปองค์หลวงปู่สรวงน่าจะไปกราบนมัสการท่านที่นี่นะครับ


    สวนพุทธธรรมบายตึ๊กเจีย อ.เมือง จ.ปทุมธานี โทรสอบถามโดยตรงได้ที่ ๐๒-๕๐๑-๓๕๓๖


    ภาพถ่ายของหลวงปู่สรวง

    ภาพถ่ายของหลวงปู่สรวงทุกภาพถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ตามความรู้สึกของคนทั่วไป ชาวบ้านรู้กันดีว่าการถ่ายภาพหลวงปู่ทุกครั้งต้องขออนุญาติท่านก่อน เพราะอย่างนั้นจะถ่ายไม่ติดและกล้องอาจเสียได้ ภาพชุดที่พี่เม้านำมาลงเป็นครั้งมที่หลวงปู่ท่านไปเมืองกาญจนบุรี ไปกับหลวงพ่อสร้อย วัดเลียบฯ และคณะลูกศิษย์ ถือว่าเป็นภาพที่หาดูได้ยากแล้วครับ

    องค์หลวงปู่สรวงท่าน ปกติแล้วท่านไม่ค่อยให้หวยกับใคร แต่คนจำนวนมากก็มักนำกิริยาต่างๆของท่านไปตีเป็นตัวเลข ป้าของผมท่านเคยไปกราบหลวงปุ่สรวงที่วัดเลียบราษฏ์บำรุง ท่านเล่าว่าครั้งนั้น หลวงปู่สรวงยื่นปากกาให้ป้าผมแล้วเออออให้เขียนเลขอะไรก็ได้ ป้าผมก็เขียนอย่างงง งง แต่แปลกครับเพราะงวดนั้นมันออกเลขตามที่ป้าผมเขียน เป็นเรื่องแปลกๆอีกเรื่องหนึ่ง

    ทุกครั้งที่มีคนถูกหวยมาก จะมีสื่งหนึ่งที่ศิษย์ทั้งหลายสังเกตเห็นคือ เท้าของหลวงปู่จะบวมและมีแผลน้ำเหลืองไหล หลวงปู่จะเป่าขาตนเองหรือให้คนที่อยู่ใกล้ๆเป่าให้ท่าน เมื่อประกาสเลขรางวัลเรียบร้อยผ่านไปสองสามวันเท่านั้น แผลที่เกิดบนเท้าของท่านจะหายไปเอง และเหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นกับท่านเลย นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่แปลกๆเกี่ยวกับหลวงปู่ท่านครับ

    มีหลายคนพยายามที่จะเรียนวิชากับหลวงปู่ แต่หลวงปุ่ท่านก็ไม่เคยรับใครเป็นศิษย์ แต่ก็มีที่หลวงปู่พาไปเดินธุดงคืกับท่าน ได้พบเห็นสิ่งเร้นลับมากมาย

    ส่วนเหตุผลหลักๆที่ท่านไม่อยากสอนใครท่านว่าวิชานี้เรียนแล้วจะจนทำมาหากินไม่ขึ้น เหล้กไหลหลวงปู่สรวงท่านก็มีท่านฝังไว้ในตัว ท่านว่าให้ใครไม่ได้ เพราะหากประพฤติตัวไม่ดีจะทำมาหากินไม่ขึ้นอีกเช่นกัน ทั้งหมดก็อยู่ที่บารมี การถือศีลปฏิบัติธรรมของแต่ละคนนั่นเอง หลวงปู่จึงมักบอกกับคนทั่วไปว่าให้ทานทำใจให้สบาย รักษาศีล ดังนี้เป็นต้น
     
  3. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    ประวัติหลวงป่สรวงผู้ทำนายพิภัย2010ผู้ไม่ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาความคิดไม่ธรรมดาคือผู้วิเศษ จริงหรือ????


    เรื่องราวอภินิหาริย์ ของหลวงปู่เล่าสืบกันมา ไม่รู้จบสิ้น ดังตัวอย่าง เช่น
    การย่นระยะทาง การหายตัว ตาทิพย์ เสกกิ่งไม้กลายเป็นสัตว์ และฯลฯ
    สมัยก่อน ทหารมาขอของดี ท่านหักก้านธูปให้คนละหน่อย ก็ยิงไม่ออกแล้ว
    ใครถวายอะไรท่านโยนเข้ากองไฟหมด
    หลวงปู่ สรวง ท่านเดินทางมาที่วัดเลียบ บ่อยๆ (ปีละหลายครั้ง) เนื่องจาก หลวงพ่อสร้อย เป็นลูกศิษย์ท่าน มาแต่ละครั้งก็ได้อธิษฐานวัตถุมงคลให้ และมักแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นอยู่เสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่สรวงลุกขึ้นไปยืนถ่ายปัสสาวะที่หน้ากุฏิ พระอาจารย์โต(ลูกศิษย์หลวงพ่อสร้อย) เห็นดังนั้นจึงบอกลูกศิษย์คนหนึ่งซึ่งเป็นโรคลมบ้าหมูว่า ถ้าอยากหายรีบเอามือไปรองปัสสาวะหลวงปู่ทำน้ำมนต์รดหัวแล้วจะหาย ( ความจริงท่านแกล้งพูดเล่นเฉยๆ) ลูกศิษย์คนนั้นจึงวิ่งเอามือแหย่เข้าไปตรงช่องขาด้าน หลังรองน้ำปัสสาวะของหลวงปู่ แล้วเอาน้ำปัสสาวะรดบนหัวทันที หลวงปู่สรวงหันมาหัวเราะ แต่ท่าน ไม่พูดอะไร พระอาจารย์โตเล่าต่อไปว่า เมื่อไปดมบนหัวของศิษย์คนนั้นไม่ปรากฏว่ามีกลิ่นเหม็นแต่อย่างใดเหมือนน้ำธรรมดา หลังจากนั้นศิษย์คนนั้นก็หายจากโรคลมบ้าหมู จนทุกวันนี้ พระอาจารย์โตเล่าว่า เรื่องนี้มีผู้อยู่ในเหตุการณ์หลายคน และสามารถเรียกศิษย์คนนั้นมายืนยันตัวตนได้

    ตาเลียด เสาศิลา เคยเห็นหลวงปู่ลงไปในน้ำ เป็นครึ่งวัน เข้าใจว่าจะจมน้ำตาย กระโดดลงไปจะไปงม ก็เห็นหลวงปู่นั่งอยู่บนขอนไม้ใต้น้ำ ที่น่าแปลกคือ รอบตัวหลวงปู่กลายเป็นอากาศหาใช่น้ำไม่ (เหมือนอยู่ในฟองสบู่)
    พระของหลวงปู่ว่ากันว่าโดดเด่นหลายทางตามคำอธิษฐานดังนี้

    1. บูชา 1 อาทิตย์ เห็นฤทธิ์ทางเมตตามหานิยม เจ้านายรัก ติดต่อการงานดี

    2. บูชา 2 อาทิตย์ เห็นฤทธิ์ด้านโชคลาภ ค้าขาย ขายของดี ขายคล่อง เงินมาไม่ขาดสาย

    3. บูชา 3 อาทิตย์เห็นฤทธิ์ ด้านเสี่ยงโชค เล่นการพนัน เสี่ยงดวง หวยล็อตเตอรี่ เห็นผลแน่นอนหากผู้นั้นบูชาด้วยความศรัทธาแน่วแน่

    4. เรื่องความปลอดภัยทางรถยนต์แคล้วคลาด ไม่มีตายโหง

    5. ขอได้ดังใจนึกทางด้านค้าขายธุรกิจเจริญรุ่งเรืองเวลาเดือดร้อนทางการเงิน ให้ทำพิธีบอกกล่าวจุดธูปบอกท่านและอาราธนาขอพรเช้าเย็น 9 จบ ท่านจะช่วยให้เห็นผลได้รับความสำเร็จสมหวังมามากแล้วไม่เชื่อทดลองเถิด

    6. คงกระพันชาตรี ไว้ใจได้เห็นอภินิหารบ่อยๆ

    7. ป้องกันคุณไสย์แก้อาถรรพณ์ ป้องกัน ผีสางนางไม้ เจ้าที่เจ้าทางได้

    8. เสริมดวงหนุนดวงชะตา

    9. ป้องฟ้าผ่า ไฟไหม้ ได้

    หลวงปู่สรวงท่านไม่ยึดติดกับสรรพสิ่ง ใครถวายอะไร ท่านให้ แจกหมด หรือโยนเข้ากองไฟ บางครั้งท่านก็ใช้ทราย อาบราดบนตัวแทนน้ำ แต่ที่น่าแปลกคือ ทรายที่ผ่านการอาบตัวของท่านเหล่านั้น แปรสภาพเป็นพระธาตุได้

    ครั้งแรกที่หลวงพ่อสร้อย พบ หลวงปู่สรวง
    ตอนนั้นหลวงพ่อสร้อยอายุยังน้อยๆ เป็นเด็กๆ ไปกับอาจารย์ของท่าน (ตอนนั้นอาจารย์ของท่านอายุ 90 กว่าปี) อาจารย์ของท่านไปกราบหลวงปู่สรวง
    ตอนขากลับหลวงพ่อสร้อยก็ถามอาจารย์ว่า ทำไมอาจารย์ไปกราบหลวงปู่สรวง อาจารย์อายุมากขนาดนี้
    อาจารย์ท่านตอบกลับว่า ไม่ใช่ จริงๆ แล้ว หลวงปู่ท่านอายุมากกว่าอาจารย์ไม่รู้กี่เท่า

    ย่ามวิเศษ
    หลวงปู่สรวงท่านจะมีย่ามอยู่ 1 ใบ สามารถหยิบอะไรที่ต้องการออกมาจากย่ามได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลก บางทีท่านก็หยิบยามวนออกมา บางทีก็หยิบ ธนบัตรออกมาเป็นปึกๆ 4 พันบ้าง 5 พันบ้าง ไม่รู้ว่าออกมาได้อย่างไร

    หลวงปู่สรวงนั่ง เดิน บนผิวน้ำ
    เรื่องนี้เล่าแล้วยาว ท่านเคยแสดงปาฏิหาริย์ นั่งบนผิวน้ำตอนอยู่ในประเทศลาว มีผู้ถ่ายรูปไว้ได้ ตอนนี้รูปอยู่ที่ อ.บุญส่ง กัดจิตร (ผู้ที่ศรัทธาหลวงปู่มากผู้หนึ่ง)
    ในคราวหนึ่งตอนหลวงปู่พาพระหลายรูปธุดงค์ มีแม่น้ำพระต่างๆ ก็ลุยน้ำข้ามไป ขาดแต่หลวงปู่ หลวงปู่ทำท่าขาหย่อนๆ แล้วก็ชักขึ้น พระหลายรูปที่ข้ามไปแล้วก้กังวลใจว่าหลวงปู่จะข้ามมาได้ไหม ฉับพลันหลวงปู่สรวงก็ก้าวลงมา แต่ไม่ได้ลงในน้ำ ฝ่าเท่าท่านกลับอยู่เหนือผิวน้ำ เดินข้ามาเหมือนดินบนดินอย่างไรอย่างนั้น

    บทวิเคราะห์ อายุกาลหลวงปู่สรวง
    อันนี้ข้าพเจ้าวิเคราะห์เอง จากการฟังอาจารย์ และศิษย์ในสายหลวงปู่สรวง
    ท่านน่าจะอายุมากกว่า 500 ปี มาก เพราะ
    สมัยก่อนครูบาเที่ยงธรรม เคยบอกกับผู้คนที่ ถามถึงอายุท่านว่า ท่านอายุเท่าไร ท่านถามอายุแต่ละคนที่อยู่ในที่นั้น พอถามเสร็จ ท่านตอบว่าเอาอายุพวกแกมารวมกันยังไม่เท่าอายุฉัน (ตอนนั้นลองบวกคร่าวๆ ได้ กว่า 700 ปี)
    แต่ ครูบาเที่ยงธรรม ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่สรวงอีกทีนะ (พระอาจารย์โตท่านเล่าให้ฟังนะ) แล้วหลวงปู่สรวงจะอายุเท่าไรอ่ะ
    อายุ 500 ปี จำวัดทั่วจักรวาล บางท่านเรียกว่า ผู้วิเศษแห่งภูตะแบง บางท่านเรียกว่า เทวดาเล่นดิน
    เป็นสมญานามที่ หลาย ๆ ท่านให้ไว้กับ หลวงปู่สรวง พระอภิญญาผู้อยู่เหนือโลก เหนือกาลเวลานั่นเอง
    พระอภิญญาในยุคนี้ คงจะไม่มีใครโดดเด่นเท่าหลวงปู่สรวง
    คนแก่เฒ่า กล่าวว่า ตอนเด็กๆ ก็เห็นท่านอยู่แบบนี้ ปู่ย่า ตายาย ก็เคยเห็นท่านอยู่แบบนี้ แม้แต่หลวงปู่ฤทธิ์ ก็เคยกล่าวถึงสังขารของหลวงปู่สรวงว่าไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่ของท่านที่เปลี่ยนแปลง
     
  4. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    อยากให้ลองพิจารณาภาพทั้งสามนี้ว่าพอจะเห็นแปลกบ้างไหม
    ภาพแรกถ่ายเมื่อปี2516
    ภาพที่2และ3ถ่ายก่อนหลวงปู่สรวงมรณภาพแค่เดือนหรือ2เดีอนเท่านั้น

    บุรุษที่อยู่ในภาพทั้งสองคือพ่อลุงบุญเลิศ เพียรเพิ่มพูน
    ขณะที่ถ่ายภาพแรกกับหลวงปู่พ่อลุงอายุ26ปี
    ภาพที่2และ3ถ่ายเมื่อปี2543 พ่อลุงมีอายุ53ปี

    คนที่เราเห็นกับตาเลยขะรับว่าแก่เฒ่าไปจริงๆคือพ่อลุงบุญเลิศ

    บุญเลิศ เพียรเพิ่มพูน
    ปัจจุบันอายุ62ปี


    พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่าคราวที่หมู้บ้านถึงกับร้างหนนั้น ถือว่าเป็นเหตุให้ได้พบหลวงตาสรวงเป็นครั้งแรก

    หลวงตาสรวงท่านมาที่หมู่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง ไกลจากหมู่บ้านที่พ่อลุงบุญเลิศไปรับงานขุดสระราวๆ20กว่ากิโล
    คนทั้งหมู่บ้านนี้เมื่อทราบว่าหลวงตามา ก็พากันหอบลูกจูงหลา่นไปกราบหลวงตาที่หมู่บ้านโน้นกันจนหมด

    หมู่บ้านจึงร้างอย่างที่prigtaiได้เล่าไว้แล้ว

    พ่อลุงบุญเลิศเกิดข้อสงสัยว่าพระอะไรกัน ถึงกับให้คนทิ้งบ้านแจ้นไปหาจนบ้านร้างขนาดนี้
    ก็เลยตามไปดู

    "พอไปเห็น..โอ๊ยย..มันอะไรกันนักกันหนา..หลวงตานอนกลิ้งเกลือกอยู่กับขี้ดิน สกปรก ขี้ไคลขึ้นเป็นคราบ ขี้ตาก้อนเท่าเม็ดถั่ว น้ำลายก็ไหลเยิ้ม ขอโทษนะหลาน..หำก็โผล่ออกมาทั้งพวงอีกด้วย"

    พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่า เกิดความเัอน็จอนาถแกมสมเพช
    ทั้งสมเพชหลวงตาและพวกชาวบ้าน
    พระก็เหมือนผีบ้า ชาวบ้านยิ่งบ้าหนักกว่าอีก มาแห่มาแหนล้อมหน้าล้อมหลังกราบพระบ้ากันประหลกๆ

    "พอนึกในใจเท่านั้น หลวงตาก็ทำปากจู๋ส่งเสียงจุ๊กๆ นิ้วชี้ก็เคาะลงที่พื้นดินป๊อกๆๆสามครั้ง..โน่น..แม่ไก่ มันกำลังหากินหาเลี้ยงลูกเจี๊ยบอยู่ฝูงหนึ่ง มันหยุดกึก หันกลับมา แล้วก็ทั้งบินทั้งวิ่งมาหาหลวงตา
    ทั้งแม่ทั้งลูกวิ่งกันปานกับกลัวจะมาไม่ทัน คือมันแย่งกันวิ่งสลับบินมาหาหลวงตาแบบรีบร้อนที่สุด..ตัวแม่ไก่มาหมอบนิ่งอยู่ข้าง ๆ หลวงตา ส่วนลูกๆพอมาถึงก็โดดขึ้นเล่นบนตัวหลวงตา..น่ารักมาก"

    พ่อลุงบุญเลิศบอกว่าตอนนั้นชักจะนึกแปลกใจแปลบปลาบเล็กๆเข้าบ้างแล้ว
    สักครู่หลวงตาสรวงก็เอานิ้วมือขีดลงพื้นดินเป็นวงกลมเล็กๆ
    จับลูกไก่ตัวหนึ่งวางใส่ในวงกลม
    แล้วท่านก็ลุกขึ้นเดินไปนั่งอยู่บนกระท่อม

    แม่ไก่กับลูกของมันทั้งฝูงก็ลุกขึ้นกลับออกไปหากินตามปกติเหมือนเดิม
    เว้นแต่ลูกไก่ตัวที่อยู่ในวงกลมเท่านั้น

    "มันนอนเล่นเหมือนมีความสุข จิกขนตัวเอง นอนเหยียดแข้งเหยียดขา ลุงย่องเข้าไปจับมันออกมาปล่อยนอกวงกลม มันก็กลับวิ่งเข้าไปอยู่ในวงกลมอีก จับมันออกมาอีกที มันก็กลับเข้าไปในวงกลมเหมือนเก่า"

    ตอนนี้พ่อลุงบุญเลิศตาสว่างแล้วขะรับ
    ลุกขึ้นเดินตามหลวงตาเข้าไปที่กระท่อม
    พอก้มลงจะกราบเท้า

    "ท่านชักเท้าหนีไม่ให้กราบ ลุงขยับตามไปจะกราบให้ได้ ท่านก็ชักเท้าหนีอีก ลุงจึงตัดสินใจจับขาท่านไว้ไม่ให้หนี จึงได้กราบสมใจ แล้วก็ขอขมาท่านว่า ลูกหลานผิดไปแล้ว มองคนก็แค่เปลือก ไม่ใด้มองถึงเนื้อใน จึงเป็นเหตุให้นึกประมาทครูบาอาจารย์"


    "แล้วลูกไก่ที่อยู่ในวงกลมล่ะ" ข้าพเจ้าถามพ่อลุงบุญเลิศ
    "อ๋อ..สักครู่หลวงตาทำปากเป่าลมไป มันจึงออกสามารถจากวงกลมวิ่งกลับไปหาแม่ของมันได้"
    "หลังจากนั้นพ่อลุงก็กลายเป็นผู้ติตดามหลวงตาไปจนตลอดชีวิต"
    "ไม่นะ..กว่าท่านจะยอมให้ติดตามก็อีกเป็นเดือน ระหว่างนั้นตามท่านไปอย่างเดียว ไม่ให้คลาดสายตา ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหนก็ตาม "
    "ท่านก็ยอมให้ตามหรือขะรับ"
    "ท่านไล่ให้หนี ไม่ให้ตาม แต่ลุงเล่นลูกตื๊อไม่ยอมถอย ท่านไล่ เราก็หลบไปอยู่ห่างๆ พอเผลอๆก็กลับเข้ามา เป็นแบบนี้อยู่นาน จนกระทั่งวันหนึ่งลุงเหนื่อยหลาย หิวก็หิว ข้าวไม่ได้กินทั้งวัน เผลอหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้ตัว ตื่นอีกทีเพราะว่ามีคนมาปลุก พอลืมตาก็มืดค่ำสนิทไปแล้ว"
    "หลวงตามาปลุก"
    "เปล่าๆ ท่านน่ะหนีไปแล้ว แต่เกิดเปลี่ยนใจให้ลูกศิษย์ที่ติดตามท่านประจำย้อนกลับมาปลุก"
    "อ้าว..ก็ไหนว่าท่านไม่มีลูกศิษย์"
    "ไม่เชิงลูกศิษย์..คือหลวงตาชอบจะมีผู้ติดตามประจำอยู่สามคน แต่ไม่ได้ติดตามพร้อมกันทั้งสามคน ท่านให้ตามแค่ทีละคนเท่านั้น แล้วทั้งสามคนเป็นพวกไม่เต็มบาทด้วยกัน คนไม่เต็มบาทนี่แหละมาปลุก มันบอกว่าหลวงตาไปแล้วๆๆ หลวงตาให้มาตามลุงให้ตามไป"

    พ่อลุงบุญเลิศเล่าต่อไปว่า
    "หลวงตาท่านรออยู่อีกที่หนึ่ง ไกลพอสมควร ท่านพาเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะพาไปไหน ไฟฉายก็ไม่มี เดินตามท่านไป จนไปทะลุถึงหมู่บ้า่นหนึ่ง ท่านไปปลุกชาวบ้าน บอกให้เขาหาข้าวให้ลุงกิน ท่านว่าหาข้าวให้ลูกชายกินหน่อย ลูกชายหิวข้าว บ้านนั้นเอาปลากระป๋องมาเปิดให้กินกับข้าวเหนียว หิวจนตะกรุมตะกราม กินเกลี้ยงไม่มีเหลือ หลวงตาหัวเราะชอบใจ..ตั้งแต่นั้นท่านเรียกลุงว่าลูก แล้วก็ยอมให้ติดตามท่านตลอดมาอย่างที่รู้ๆกันนั่นแหละ"

    พ่อลุงบุญเลิศตื๊อจนหลวงตาสรวงใจอ่อน
    ในบั้นท้ายสุด
    ได้กลายเป็นคนขับรถให้หลวงตาสรวงเพื่อด้นธุึดงค์
    จรดลไปทั่วแว่นแคว้นแดนดิน
    เกิดสมญานามอีกหนึ่งว่าหลวงตาทางหลวง
     
  5. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่าเรื่องนี้เกิดหลังจากเริ่มติดตามหลวงตาสรวงช่วงแรกๆ
    ท่านพาเดินป่าขึ้นไปพักอยู่บนเขาในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
    มีลูกศิษย์ไม่เต็มบาทไปด้วยอีกคนหนึ่ง

    ราวๆบ่ายของวันหนึ่ง หลวงตาบอกพ่อลุงบุญเลิศให้ก่อไฟเตรียมไว้ ตัวท่านจะไปหาปลามาให้กิน
    ท่านหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมปลาช่อนตัวขนาดหน้าแข้ง
    ยังดิ้นกระแด่วไม่ทันตาย

    พอมาถึงท่านหักคอปลาดังกร๊อบ

    พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่าถึงกับร้องครางในใจอยู่คนเดียว เอ๊า..เป็นไงเป็นกัน ก็มันหิวเต็มที

    หลวงตาลงมือเผาปลาด้วยตัวเอง เอาไม้คอยเขี่ยคอยพลิก กลิ่นปลาเผาหอมจนน้ำลายแตกเต็มปาก

    พอปลาสุกท่านก็แบ่งปลาออกเป็น3ส่วน
    ส่วนหางให้คนไม่เต็มบาท
    ส่วนกลางให้พ่อลุงบุญเลิศ
    ส่วนหัวท่านฉันเอง

    พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่า ปลาอร่อยมาก ทั้งสดทั้งเหนียวพอดีกิน เสียแต่ว่ากินลำบากอยู่บ้าง ต้องค่อยๆลอกหนังปลาออก ไม่ให้ขี้เถ้าเปื้อนเนื้อปลา
    ลอกหนังแล้วก็กองไว้ที่ก้อนหินข้างๆตัว
    ก้างปลาก็กองรวมไว้ด้วยกัน

    หลังจากอิ่มดีแล้ว หลวงตาเรียกให้รีบลุกขึ้นตามท่านลงไปทำน้ำมนต์ให้ชาวบ้านที่หมู้บ้านตีนเขา
    พอลงเขามาเห็นชาวบ้านเตรียมครุน้ำถังน้ำนั่งรอกันสลอน อย่างกับว่านัดกันไว้

    หลวงตาก็แค่นิ้วมือจุ่มลงไปแกว่งในน้ำให้ทีละราย เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ
    ชาวบ้านถวายเงินคนละ 10 บาท, 20 บาท ท่านไม่รับ ส่งเงินคืนให้ชาวบ้านหมด

    "เขาไม่รู้ทำไง ก็เลยไปตักข้าวสารมาให้ บอกว่าเอาขึ้นไปหุงกินบนเขา"

    เมื่อกลับขึ้นมาถึงที่พักบนเขา จวนมืดแล้ว พ่อลุงบุญเลิศจึงเตรียมหุงข้าวกินมื้อเย็น

    "เห็นแปลก..หนังปลากับก้างปลาที่เราลอกแกะทิ้งไว้บนก้อนหิน กลายเป็นเปลือกมันสำปะหลัง เท่านั้นแหละจึงร้องเอะอะใส่ท่าน โอ๊ยยๆ..หลวงตาตั๋วข้าน้อย หลวงตาตั๋วแล้ว"
    (ตั๋ว-โกหก,หลอกลวง,)

    หลวงตาก็แค่หัวเราะอยู่หยุมๆ

    "เราเลยไปสำรวจดู เดินตามรอยเท้าที่ท่านหายไปหาปลา ก็ไปเห็นรอยขุดหัวมันสำปะหลัง เราไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า แถวนั้นมันมีน้ำมีห้วยมีธารที่ไหน หลวงตาจะไปเอาปลามาได้ไง"
     
  6. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    หลวงตาสรวงช่วยคนคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย

    ในบรรดาเรื่องราวที่เป็นแนวอภินิหารของหลวงตาสรวง,เรื่องที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ผมชอบที่สุด

    คุณบุญเลิศเล่าว่า,ลูกศิษย์เมืองจันทบุรีชื่อคุณนก มารับเอาตัวหลวงตาสรวงไปพักที่บ้านของเธอ ใกล้ชายแดนเขมร คลับคล้ายว่าอยู่ในเขตคลองลึก จำชื่อหมู่บ้านไม่ได้

    โดยรับเอาตัวหลวงตาไปก่อนหวยออกไม่กี่วัน
    คือมีแผนจะเอาหวยจากหลวงตานั่นเอง

    หลวงตาก็ได้ให้หวยจนคุณนกและชาวบ้านถูกกันถ้วนทุกคน

    หลังถูกหวยแล้ว คุณนกยังคงรั้งตัวหลวงตาไว้ไม่ปล่อยให้กลับ ตั้งใจให้อยู่บอกหวยงวดต่อไปอีกงวด ทั้งยังขัดกระแสต้องการให้หลวงตาอยู่ต่อไปจากชาวบ้านไม่ได้

    งวดต่อมาหลวงตาให้หวยถูกอีก
    คนรวยหวยมากกว่างวดที่แล้ว หลายคนที่เชื่อมั่นทุ่มแทงได้เงินมากมายกันทั้งหมู่บ้าน

    คุณนกทำท่าจะรั้งตัวหลวงตาไว้อีก ไม่ยอมให้หนีกลับศรีสะเกษ

    ร้อนถึงคุณบุญเลิศซึ่งพักอยู่บ้านในเมืองอุบล

    "ผมฝันครับ, ฝันว่าหลวงตามาหา บอกให้ช่วยไปรับที อยากกลับแล้ว..เรื่องฝันเห็นหลวงตามาบอกให้ไปรับ ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก คือก่อนหน้านั้นก็ฝันมาหลายหน ทุกหนก็เป็นเรื่องจริงๆคือหลวงตาต้องการให้ไปรับ จึงรีบขับรถออกจากบ้านไปเมืองจันทน์ทันที"

    พอไปถึงหลวงตาวิ่งมาหาที่ประตู แสดงอาการดีใจ จะขึ้นรถกลับ ใครก็ทัดทานไม่อยู่
    ชาวบ้านแห่กันมาล้อมรถ ต้องเจรจากันนิดหน่อย เขาจึงยอมให้พาหลวงตากลับ

    ก่อนกลับชาวบ้านทุกคนพากันมาถวายเงิน
    รวมๆแล้วได้40,000บาทถ้วนพอดี

    ปกติหลวงตาไม่รับเงิน ใครถวายจะส่งคืน ถ้าเซ้าซี้จะให้รับไว้ หลวงตาจะเผาเงินนั้นทิ้งต่อหน้าต่อตา
    ท่านว่า
    "ของไม่ดี คนตีกัน ฆ่ากัน แย่งชิงกันก็เพราะสิ่งนี้ เงินเป็นของไม่ดี"

    แต่ว่าคราวนี้แปลกท่านรับเงินทั้งหมดไว้แล้วใส่เก็บลงย่าม

    ต้องเข้าใจธรรมชาติของหลวงตากับคนขับรถ(คุณบุญเลิศ) เมื่อหลวงตาขึ้นรถแล้ว จะไปที่ไหนจะไปหนใด ก็สุดแต่หลวงตาจะชี้นิ้วให้ขับไป
    ท่านให้ขับเลาะไปตามถนนเลียบชายแดน ผ่านหมู่บ้านแปลกๆไปเรื่อย จนกระทั่งผ่านหมู่บ้านเล็กๆ(จำชื่อไม่ได้) หมู่บ้านนี้อยู่ใกล้อรัญประเทศ คือห่างจากอรัญฯราว15-20กม.เท่านั้น

    เพียงแค่ผ่านเลยหมู่บ้านมาไม่ไกลเท่าไหร่
    หลวงตาล้วงเงิน 40,000 บาทโยนออกหน้าต่างทิ้งตรงข้างทาง

    "ผมเบรคตัวโก่งเลยครับ,จะถอยรถกลับไปเก็บเงิน,หลวงตาบอกไม่เอาๆเงินของเขา ทิ้งไปๆ"
    คุณบุญเลิศนึกเสียดายจนร้อนรนอยู่ในใจ
    "เงินตั้ง40,000นะ ใครไม่เสียดาย แทนที่จะโยนทิ้ง ยกให้เราก็ยังจะดีกว่า ทีนี้ใจมันก็คิดแต่เรื่องเงิน จะหาทางกลับไปเอาเงินนั้นให้ได้ พอดีมองเห็นวัดอยู่ริมทาง เลี้ยวเข้าไป ส่งหลวงตาขึ้นไปบนศาลา บอกว่าหลวงตาคอยอยู่นี่ก่อน ผมมีธุระ ขอไปทำธุระเดี๋ยวเดียวจะกลับมา"

    หลวงตาหัวเราะหยุมๆไม่ว่าอะไร

    ย้อนรถกลับมาบริเวณที่หลวงตาโยนเงินทิ้ง จอดรถหาอย่างไรก็ไม่เจอ

    "แน่ใจว่าจำไม่ผิด ตรงนี้แน่นอน แต่หาไม่พบ ฉุกใจคิดได้ว่าอาจมีใครเก็บเอาไป จึงขับรถไปที่หมู่บ้านใกล้ๆที่เพิ่งผ่านมา เห็นคนออกันอยู่ศาลากลางบ้านเป็นกลุ่มใหญ่ จอดรถเดินเข้าไปถาม มีใครเห็นถุงเงิน40,000บ้างไหม เป็นเงินหลวงตา ท่านลงไปถ่ายอุจาระตรงข้างทางแล้วลืมไว้"

    คุณบุญเลิศโกหกไปตามเรื่อง

    "ผมนี่แหละครับเก็บไปได้" ชายผู้หนึ่งออกมารับเรื่องนี้อย่างองอาจผึ่งผาย
    "โอ๊ย,ดีหลาย นึกว่าจะสูญเงินไปแล้ว ว่าแต่ไปเห็นเงินนี้ได้ยังไง"
    "ผมจะไปผูกคอตายแถวนั้น เห็นถุงเงิน เปิดมานับดู มี 4 หมื่นพอดีเลย"
    "อ้าว,จะฆ่าตัวตายทำไม แล้ว4หมื่นน่ะพอดีอะไร"
    "ผมเอาที่เอาบ้านไปจำนองเขาไว้4หมื่น ไม่มีเงินไถ่ เขากำลังจะมายึด พอ่แม่พี่น้องผมจะไม่มีที่อยู่ พากันลำบากเพราะผม กลุ้มใจคิดหาทางออกไม่เจอ เป็นความผิดของผมที่ทำให้พ่อแม่พี่น้องเดือดร้อน
    เงินค่าไถ่ก็หาไม่ได้เลยคิดอยากตาย"
    "........."
    "ผมเอาเงินที่เก็บได้มาที่นี่ บอกผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านให้มาเป็นพยาน ว่าเงินนี้ผมเก็บได้ สงสัยว่าจะเป็นเงินของพระอยู่เหมือนกัน รอว่าถ้าไม่มีใครมาขอรับเงินคืน ผมจะเอาเงินนี้ไปไถ่บ้าน เมื่อพ่อลุงมาบอกว่าเป็นเงินพระลืมไว้ ผมก็จะคืนให้"

    คุณบุญเลิศถึงกับซึม
    เดินกลับมาที่รถ สตาร์ทเครื่องไม่พูดไม่จา
    ชาวบ้านมองตามงงๆ
    ก่อนออกรถจึงกล่าวว่า
    "เงินนี่หลวงตาไม่ได้ลืมไว้หรอก หลวงตาท่านให้เจ้านั่นแหละ เอาไปไถ่บ้านเถอะ"
    "เดี๋ยวก่อนครับหลวงตาที่ไหน"
    "เจ้าไม่รู้จักหรอก รีบไปซะ,เอาไปไถ่บ้านเร็วๆก่อนจะถูกยึดนะ"

    ว่าแล้วก็ออกรถไปด้วยหัวใจเบิกบานเป็นสุข
    นึกเคารพรักหลวงตามากกว่าเก่าอีกไม่รู้กี่เท่า

    ส่วนชายชาวบ้านผู้คิดสั้น มองตามรถจนหายลับไปจากสายตา
    เขาไม่มีทางเข้าใจอะไรได้เลย
    ไม่มีวันเข้าใจ
     
  7. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    [​IMG]

    หลวงปู่เคยใบ้หวย หุ้นดาวโจนส์ โดยท่านได้ให้เลข 14
    โดยจะเอา เลขสองตัวท้ายของหุ้นดาวโจนส์ ที่ปิดลง

    ระหว่างที่รอให้ตลาดปิดนั้น ชาวบ้านต่างก็แทงออกไปจน เจ้ามือไม่รับ

    จนถึงเวลาที่ชาวบ้านรอคอย หุ้นปิดตลาด ตัวเลขก็ปรากฎขึ้น แต่เลขสองตัวที่ปรากฎ กลับกลายเป็นเลข 13 หน่ะสิครับ ชาวบ้านหน้าซีด ใจตกฮวบไปที่ตาตุ่ม

    หลวงปู่เองก็ชายตามองไปที่ตัวเลขที่ออก ทันใดนั้น โดยที่ไม่มีใครคาดคิด หลวงปู่ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นกระทืบไปที่พื้น ฉับพลันเลขบนจอทีวี ก็ไหลเลื่อนจากเลข 3 ไปเป็นเลข 4

    สุดท้าย เลขปิดตลาดที่ 14 ตามที่หลวงปู่บอกไว้

    อัศจรรย์มีจริง ชาวบ้านนับถือท่านจนหมดใจ

    กระทืบจากกระต๊อปที่สุรินทร์ กระเทือนไปถึง อเมริกา
     
  8. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    เปิดประวัติความลับหลวงปู่สรวง

    พระอาจารย์เทียนชัย แห่งสวนพุทธธรรมบายตึ๊กเจีย ได้เล่าไว้ว่า
    ก่อนหลวงปู่จะละสังขารปี 43 ท่านบอกกับคนใกล้ชิดว่าอีก 10 ปีความลับจะเปิดเผย ครั้นพอครบ 10 ปีในปี 53 เป็นปีที่ ท่านเจ้าคุณถาวร เชิญท่านอาจารย์สมมรรค กั้วพิสมัย ขึ้นบรรยายธรรมบนศาลาพระราชศรัทธรา ในวาระนี้เองท่านอาจารย์สมมรรคได้ขึ้นเล่าเรื่องราวของหลวงปู่สรวงที่ได้รับ ฟังมาจากหลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิง ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก มีศรัทธายาญิโยมรับฟังเรื่องราวของหลวงปู่สรวงในครั้งนั้นในครั้งนั้นเป็น จำนวนหลายร้อยคนเต็มศาลาพระราชศรัทธาไปหมด
    ท่านอาจารย์สมมรรคเริ่มเปิดประวัติของหลวงปู่สรวงจากคำบอกเล่าของหลวงปู่ โป๊ะ วัดบ้านบิง ดังนี้ว่า หลวงปู่สรวงเป็นชาวเขมรเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าชัยวรมัน องค์หลวงปู่สรวงท่านมีศักดิ์มีฐานันดรเป็นลูกชายคนโตครองตำแหน่งอุปราชผู้จะ ขึ้นครองราชย์สมบัติแห่งเมืองขอมคนต่อไป ท่านเป็นพี่ชายของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 และแน่นอนว่าถ้าท่านอยู่ตามทางโลกท่านย่อมเป็นพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
    แต่องค์หลวงปู่สรวงมีจิตใจใผ่ในทางเนกขัมมะคือออกบวชมาแต่เยาว์วัยด้วยวาสนา ที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติ และไม่ปรารถนาจะอยู่ตามทางโลกอีกต่อไปทั้งเล็งเห็นว่าการมีชีวิตอยู่ตามทาง โลกโดยเฉพาะการขึ้นครองราชย์สมบัตินั้นเป็นสิ่งที่มีภาระมาก ต้องตัดสินลงอาญา ต้องก่อกรรมทำบาปโดยใช่เหตุ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจออกบวช
    การออกบวชครั้งแรกของหลวงปู่สรวงนั้นท่านออกบวชเป็นฤาษี ท่านท่องเที่ยวไปตามป่าเขาลำเนาไพรจนไปพบเจออาจารย์ที่เป็นมหาฤาษีผู้สำเร็จ อภิญญาสมบัติ มี อายุยืนยาวนับพันปี มีญาณสมาบัติกล้าแข็งมีฤทธิ์อภิญญาสามารถเหาะเหินเดินฟ้า เดินไต่น้ำ ดำดิน เดินทะลุภูผากอไผ่หินผาศิลาแลงที่ทึบทั้งแท่งก็เดินทะลุได้ มีตาทิพย์หูทิพย์ ล่วงรู้ในสิ่งต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์
    หลวง ปู่สรวงร่ำเรียนวิชากับองค์มหาฤาษีผู้ทรงฤทธิ์จนสำเร็จวิชาต่างๆครบถ้วน ทรงอภิญญามีอายุยืนยาวนานไม่จำกัดกาลเวลาได้ ที่สำคัญคือองค์หลวงปู่สรวงมีอภิญญาแก่กล้าทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ต่างๆ หลวงปู่สรวงเมื่อสำเร็จเป็นมหาโยคีผู้มีฤทธิ์อำนาจทางจิตอย่างสมบูรณ์แล้ว ท่านก็เที่ยวโปรดชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากจากการเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
    องค์หลวงปู่สรวงท่านจะประจำอยู่ตามอโรคยาศาลาโดยอโรคยาศาลานี้เป็นปราสาทหิน ขนาดเล็กสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานพยาบาล แก่ประชาชนชาวบ้านทั้งหลาย ที่ได้รับทุกขเวทนาจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ องค์หลวงปู่สรวงท่านก็โปรดชาวบ้านด้วยเวทย์มนต์คาถา ตัวยาสมุนไพร พลังอำนาจจิต ทำให้ชาวบ้านพ้นจากทุกข์ของเจ็บไข้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
    ในช่วงสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที 1 ชนชาติขอมยังนับถือลัทธิพราหมณ์ บูชาเทพยาดา และภูตผีเป็นสรณะ พระเจ้าแผ่นดินยอมให้สร้างปราสาทเพื่อบูชาเทพเจ้า การสร้างปราสาทต้องใช้แรงงานทั้งคนทั้งสัตย์จำนวนมากมาย นอกจากนี้การบูชาเทพเจ้าในสมัยนั้น ยังนิยมการบูชายัญ และพิธีกรรมอีกมากมาย ทัศนคติการใช้แรงงานคนในการสร้างปราสาทหินและการบูชายัญนั้นหลวงปู่สรวงไม่ เห็นด้วย เพราะเป็นการทรมานคน ทรมานสัตว์ เห็นแล้วเกิดความสังเวชใจ อย่างไรก็ตามหลวงปู่สรวงหรือมหาโยคีสรวงในครั้งนั้นก็ได้แต่เก็บความรู้สึก ไว้ภายใน และด้วยอำนาจฌานสมบัติที่ท่านสำเร็จสำเร็จแล้ว จึงทำให้ท่านสามารถมีชิวิตยืนยาวนับแต่รัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 จนมาถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 2,3,4,5,6และ 7
    ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นี่เองความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาแบบมันตรยานกำลังก่อตัวและเจริญ อย่างสุงสุด ในช่วงต้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยังนับถือลัทธิพราหมณ์ จนกระทั่งมหาโยคีสรวงได้ปลงใจว่าควรจะหันมานับถือพระพุทธศาสนา เพราะเป็นศาสนาที่มีการบำเพ็ญสมณธรรมและมีหลักธรรมอันลึกซึ้ง เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับลัทธิโยคีที่ตนนับถืออยู่ แต่ดีกว่าลัทธิพราหมณ์ตรงที่ไม่เน้นการสร้างปราสาทเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีการบูชายัญ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
    ดังนั้นองค์มหาโยคีสรวงจึงขอออกบวชเป็นพระภิกษุในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยมีพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นองค์ประธานในการบวชและเมื่อมหาโยคีสรวงกลายมาเป็นหลวงปู่สรวงแล้วท่านก็ ชักชวนให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หันมานับถือพระพุทธศาสนา จนกระทั่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีพระราชศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง พระองค์ทรงนับถือในคติพระโพธิสัตย์ตามแนวมันตรยาน ที่นับถือองค์อวโลกิเตศวร พระองค์มีความเชื่อว่าพระองค์คือองค์อวตารของพระอวโลกิเตศวรเจ้า
    ทั้งนี้จึงเกิดแรงบันดาลใจให้พระองค์จำหหลักหน้าพระองค์เองไว้ตามปรางค์ปราสาทต่างๆ เรียกหน้าแบบ “บายน” จัดเป็นกลุ่มๆละ 9 กลุ่มละ 72 กลุ่มละ 81 ทุกกลุ่มเมื่อเอาเลขสองตัวบวกกันจะรวมแล้วได้ 9 ทุกครั้งไปการสร้างกาจำหลักพระพักตร์ของพระองค์ไปทุกๆทิศเป็นไปตามคติที่ว่า องค์พระโพธิสัตย์อวโลกิเตศวรทรงเป้นผู้มองสรรพสัตว์และเงี่ยหูฟังสรรพสัตว์ ทั้งหลายด้วยปรารถนาจะสงเคราะห์ช่วยเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง โดยเฉพาะทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดนั้นแล
    หลวงปุ่สรวงเมื่อบวชเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนาแล้วก็เจริญกรรมฐานตามแนวทางของพระพุทธองค์จนบรรลุธรรมสูงสุด เป็น “จตุปฏิสัมภิทาญาณ” แก่กล้าในอิทธิฤทธิ์ในเดชสูงสุด ดำเนินตนตามแนวทางพระโพธิสัตว์ คือ แม้บรรลุหลุดพ้นแล้วก็ยังไม่เข้านิพพานจะยังโปรดสรรพสัตว์ผู้ยากทั้งหลายดู และพระพุทธศาสนาต่อไปก่อน อีกนานเท่าไรไม่มีกำหนดแล้วแต่ความปรารถนาขององค์หลวงปู่สรวงท่านเอง
    หลวงปู่สรวงมีชีวิตอยู่อย่างไร้กาลเวลาไม่มีกำหนดเวลาถึงความสิ้นสุด ท่านชำนาญในการเข้านิโรธ เข้าสมบัติ 8 ถอดจิตชำนาญใน มโนมยิทธิการแสดงฤทธิ์ทางใจ ชำนาญในกสิณอภิญญา ควบคุมบังคับธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้อย่างเด็ดขาด สามารถเนรมิตวัตถุสามารถเรียกของจากอีกที่หนึ่งมายังอีกที่หนึ่งได้ สามารถชนะแรงโน้มถ่วงของโลก ชนะกาลเวลา มีความเป็นอิสระจากพันธนาการทุกชนิด ชนะกฏเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ ทางโลกวัตถุทุกประการ นี่คืออภิญญาส่วนหนึ่งอันยกตัวอย่างมาน้อยนิดในองค์พระหลวงปู่สรวงมหามุณี ดาบสผู้ทรงอิทธิ์ฤทธิ์บุญฤทธิ์เหนือโลกเหนือวิลัยแห่งปถุชนคนธรรมดา
    หากจะนับอายุของหลวงปู่สรวงตั้งแต่เกิดมาในสมัยพระเจ้าชัยวรมัน จนมาถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อายุท่านก็นับพันปีแล้ว และหากนับช่วงระยะเวลาจากยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จนถึงปัจจุบันก็ไม่ต่ำกว่า 1,200 ปี ลองคำนวณดูแล้วอายุของท่านก็ยาวนานนับพันปี เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่หลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิงถ่ายทอดเอาไว้

    เครดิต : หลวงปู่สรวง 500 พรรษาประจำวัดทั่วจักรวาล
     
  9. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ผมเคยไปกราบและทำบุญกับหลวงปู่สรวง เมื่อนานมาแล้ว สมัยปี 2543

    ช่วงนั้นทำงานเป็นวิศวกร จบจากพระจอมเกล้าลาดกระบัง เงินเดือนอีกไม่กี่พันก็เกือบสองหมื่น ก็พอมีเงินได้ทัวร์ทำบุญตามต่างจังหวัดบ้าง

    วันที่เดินทางไปถึงกระต๊อบที่หลวงปู่สรวงพักอาศัย ก็มีผู้คนอยู่พอสมควร สงสัยเขาคงมารอหรือขอเลขเด็ด

    เมื่อคณะใหญ่ในทัวร์บุญที่ผมเดินทางไปด้วยรถบัสขนาดใหญ่ ผู้คนจากคณะทัวร์ก็ลงจากรถ เข้าไปกราบหลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน

    บางท่านก็นำข้าวของ และปัจจัยทำบุญกับหลวงปู่สรวง แต่ที่ผมสังเกตเห็นก็คือ เมื่อมีบุคคลถวายปัจจัย หลวงปู่สรวงจะโยนเข้ากองไฟ

    สิ่งที่ผมปลื้มมากๆ มีปิติมากๆ ในวันนั้น ก็คือ เมื่อถึงคิวที่ผมจะได้ทำบุญกับหลวงปู่สรวง ผมก็เข้าไปกราบหลวงปู่สรวง นำเงิน 100 บาท มอบถวายหลวงปู่สรวง และบอกว่าผมมาจากกรุงเทพ มาทำบุญกับหลวงปู่ ปรากฏว่าหลวงปู่ไม่โยนเงินเข้ากองไฟ แต่หลวงปู่สรวงนำเงินที่ผมถวายเก็บเข้าที่รัดประคตเอว ญาติธรรมอีกท่านที่ผมรู้จัก(ท่านผู้มีอภิญญา) ก็ถวายเงิน 100 บาท ตามผมในลำดับถัดไป หลวงปู่สรวงก็นำเงินเก็บเข้าที่รัดประคตเอวเช่นกัน ปรากฎว่าในวันนั้นผมคิดว่ามีเพียงเงินของผมและผู้มีอภิญญาที่ถวายหลวงปู่แล้วหลวงปู่ไม่โยนเข้ากองไฟ ส่วนของท่านอื่นๆ นั้นท่านมักโยนเข้ากองไฟ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2016
  10. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    แวะดูกระทู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2017
  11. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ถ้าผมจะบวช คงไม่บวชเพียงแค่ 1-2 เดือน อาจบวชนาน 6 เดือน หรือบวชไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนดสึกที่แน่นอน

    เสียงลึกๆ แห่งจิตอยากให้ผมไปบวช การเดินทางโลกก็แค่นั้น ไม่จีรัง ทุกข์จากการต้องหาทรัพย์ และชาตินี้อาจเป็นชาติสุดท้ายของผมแล้ว
     
  12. sritrang

    sritrang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    6,164
    ค่าพลัง:
    +1,621
    สาธุ
     
  13. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    คาถามหาเศรษฐี
    รุ รัต เถ ขุ ผอ


    ผมได้เคยสวดคาถามหาเศรษฐี แล้วเห็นผลครับ อยากรู้ต้องนำไปสวดดูนะครับ

    ** สิ่งสำคัญต้องรู้จักทำทานบ่อยๆ ด้วย **
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2016
  14. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    แวะมาดูกระทู้วันเสาร์
     
  15. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    การอธิษฐานขอต่ออายุพ่อแม่

    คนที่เป็นลูกก็สามารถทำได้ อย่าไปรอให้ใกล้ตาย ลูกบางคนเมื่อพ่อแม่ป่วย ก็สามารถขอต่ออายุให้ได้ ต่อได้จริงๆ มันเป็นความกตัญญูที่มีเป็นแรงบุญ แต่เราต้องขอต่ออายุในลักษณะที่ว่า

    ถ้าใครมีพ่อแม่ที่กำลังป่วย คนที่เป็นลูกสามารถอธิษฐานทอนอายุของตนเองเพื่อต่อชีวิตพ่อแม่ได้ว่า

    “ข้าพเจ้ามีอายุขัยเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ข้าพเจ้าขอให้อายุขัยกับพ่อแม่เพื่อให้พ่อแม่อยู่รอดอย่างปกติ อีก ... ปี”

    หรือ “ข้าพเจ้ามีอายุขัยแค่ไหน ขอให้อายุขัยที่ข้าพเจ้ามีอยู่ ส่งผลให้พ่อแม่ของข้าพเจ้าที่กำลังป่วย จงหายป่วย เป็นปกติ”

    เครดิต : แม่ชีทศพร

    ...

    หมายเหตุ : กรณีถ้าจะต่ออายุให้กับคุณแม่เพียงท่านเดียว หรือคุณพ่อเพียงท่านเดียว ก็อธิษฐานในลักษณะว่า :

    “ข้าพเจ้ามีอายุขัยเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ข้าพเจ้าขอให้อายุขัยกับคุณแม่..(ชื่อและนามสกุล).. เพื่อให้คุณแม่..(ชื่อและนามสกุล)..อยู่รอดอย่างปกติ อีก ... ปี”


    ข้อควรจำ : เมื่อมีการอธิษฐานขอต่ออายุให้พ่อหรือแม่ จะลดทอนอายุของคนที่อธิษฐาน(ลูกคนนั้น) ดังนั้นจะต้องมีความพร้อมและเต็มใจ จึงค่อยอธิษฐาน และไม่ควรต่ออายุที่เกินกฎแห่งกรรม เพราะแต่ละคนล้วนมีบุญกรรมเป็นของตนเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2016
  16. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ราคายางปรับขึ้นเกือบทุกวัน

    22 มกราคม 2559 น้ำยางสด (ณ โรงงาน) = 39.00 บาท
    21 มกราคม 2559 น้ำยางสด (ณ โรงงาน) = 38.50 บาท
    20 มกราคม 2559 น้ำยางสด (ณ โรงงาน) = 38.50 บาท
    19 มกราคม 2559 น้ำยางสด (ณ โรงงาน) = 37.00 บาท
    18 มกราคม 2559 น้ำยางสด (ณ โรงงาน) = 36.50 บาท
    15 มกราคม 2559 น้ำยางสด (ณ โรงงาน) = 34.00 บาท
    14 มกราคม 2559 น้ำยางสด (ณ โรงงาน) = 33.50 บาท
    13 มกราคม 2559 น้ำยางสด (ณ โรงงาน) = 33.00 บาท
    12 มกราคม 2559 น้ำยางสด (ณ โรงงาน) = 32.00 บาท
    11 มกราคม 2559 น้ำยางสด (ณ โรงงาน) = 31.00 บาท

    ที่มา : ความเคลื่อนไหวราคายางชนิดต่างๆ (Thailand rubber price)

    ราคาเกิน 45 บาท/กิโล คงยาก หากรัฐบาลไม่ปรับเปลี่ยนแนวทางการแก้ไข

    คนรับซื้อน้ำยางก็กินส่วนต่างพอสมควร รัฐบาลชุดนี้ดูแล้วไม่ค่อยมีวิสัยทัศน์ เครื่องมือชั่งตรวงวัดของคนรับซื้อน้ำยาง ก็ไม่เป็นมาตรฐานเท่าที่ควร ไม่มีการตรวจสอบเครื่องมือชั่งตรวงวัดเปอร์เซ็นต์น้ำยาง ไม่มีการจัดระเบียบคนรับซื้อน้ำยาง ไม่มีหน่วยงานตรวจสอบราคายางล่วงหน้าและการแจ้งเตือน ต้องรอให้เกิดปัญหาแล้วก็ค่อยมาแก้ไข

    สมัยทักษิณเป็นนายก ราคาขายยางแผ่นหรือขายน้ำยาง ประมาณกิโลกรัมละ 180-200 บาท สมัยนี้ชาวสวนยางจะเอาอะไรกิน พอใช้แต่ไม่ค่อยเหลือเก็บ มีแต่คนบ่น เศรษฐกิจไม่ค่อยดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2016
  17. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    Earning Report ขายสินค้าออนไลน์ของท่านหนึ่ง ที่เคยติดต่อกับผม​

    รวมความรู้ขายสินค้าออนไลน์, ขายของออนไลน์ให้รวย

    การขายสินค้าออนไลน์ สามารถทำเงินได้จริง

    องค์ประกอบสำคัญของการขายของออนไลน์
    เป้าหมายหรือแผนการตลาด
    เงินลงทุน/งบประมาณ
    สินค้าที่จะขาย
    เว็บไซท์ขายสินค้า
    การชำระเงิน
    การจัดส่ง
    บริการหลังการขาย

    การจะขายสินค้าออนไลน์ มีหลักการต่างๆ ดังนี้ :

    1.เลือกชนิดสินค้าที่จะขาย สินค้านั้นมีมากมาย สินค้าที่สามารถทำเงินในลำดับต้นๆ เช่น เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้า ของใช้สตรี เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว รองเท้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ที่นอน นาฬิกา อาหารเสริม ยาบำรุงร่างกาย ขนมจากต่างประเทศ วัตถุมงคล ฯลฯ
    1.1 คำว่า เสื้อผ้า ยังแบ่งออกเป็นหลายอย่าง เช่น เสื้อผ้าสตรี เสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าผลิตในประเทศ เสื้อผ้าจากต่างประเทศ เสื้อผ้าใส่เฉพาะฤดูกาล เสื้อผ้าใส่เฉพาะโอกาส เป็นต้น ดังนั้นหมวดหมู่อื่นๆ ก็ยังแบ่งย่อยอีกหลายอย่าง อย่ากังวลว่าจะขายไม่ได้ สินค้าในโลกมีมากมาย ถ้ารู้จักค้นหา อยู่ที่ใจและความมุ่งมั่น

    2.สร้างเวบที่จะใช้ขายสินค้า อาจใช้เวบสำเร็จรูป เช่น Weloveshop..., Lnwsho..(บางคนเรียกเทพshop ดูให้ดีๆ จะคล้ายกัน), igetwe.. , หากมีความสามารถมากกว่านั้นก็ทำเวบของตนเองขึ้นมา

    3.ถ้าไม่มีเวบเป็นของตนเอง ก็อาศัย Social Network เช่น Facebook หรืออาศัยเวบใหญ่ๆ ดังๆ เช่น พันธ์ทิพย์ เป็นต้น

    4.พยายามหาบทความมาลงไว้ในเวบ เพื่อเป็นการสร้างฐานข้อมูล และเพื่อการอินเด็กซ์ในฐานข้อมูลของ Search Engine

    5.จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

    6.ประชาสัมพันธ์ตามเวบต่างๆ ดังนี้ (ไม่ได้ลงชื่อตรงๆ ใช้ sense เอาหน่อยนะครับ)

    6.1 พันทิพธ์market

    6.2 plaกาศ

    6.3 ไทยบิ๊ก...

    6.4 ไทยเสี..

    6.5 ขอน...

    6.6 พลัง...
    ฯลฯ

    7.เลือกสินค้าที่มีราคาไม่แพงเกินไป ที่เหมาะสมก็คือ 200-1,500 บาท

    8.สินค้าที่นำเข้ายาก หรือสร้างยาก คือโอกาสสำคัญของการทำธุรกิจ เพราะจะมีคู่แข่งน้อย เลียนแบบยาก ดังนั้นลองทำอะไรที่ยากๆ บ้าง

    9.การ Response ที่รวดเร็ว ย่อมสร้างโอกาสในการขายได้เป็นอย่างดี เช่น ลูกค้าใหม่ถามว่า มีสาขาแถวจังหวัด.....ไหม? ควรตอบโดยเร็ว พร้อมเบอร์โทรของสาขานั้น

    10.ควรมีเวบเป็นของตนเอง อย่าติดในกรอบ การใช้เวบสำเร็จรูป จะอยู่ภายใต้ระบบของเขา เพิ่มหรือแก้ไขในสิ่งที่ต้องการไม่ค่อยได้

    11.หากสร้างเวบของตนเอง ถ้าเป็นไปได้ ควรพัฒนาไปให้ถึงส่วนที่เป็น Product Reviews เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตัวสินค้า และรับการ Comment จากลูกค้า

    12.อย่าโพสต์ซ้ำหรือถี่ๆ จนเกินไป เพราะ Search Engine จะมองเป็นขยะ และอาจลดอันดับของเวบนั้น

    14.ใช้เวบ Directory ให้เป็นประโยชน์

    15.รู้จักใช้ Short URL ให้เป็นประโยชน์

    16.อย่าสร้าง Out URL เยอะเกินไป ตามหลักที่ถูกต้องของ SEO

    17.ขยันโปรโมท ขยันลงเว็บบอร์ด

    18.พยายามทำเว็บของตัวเองให้มีจุดเด่น สร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มช่องทางการติดต่อที่สะดวกและง่าย

    19.แสดงยอดขาย หรือภาพการแพ็คสินค้าส่งลูกค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และการเคลื่อนไหวเป็นระยะๆ

    20.การใช้ Blog.. ให้เป็น....

    ฯลฯ มีอีกหลายข้อ ต้องไปดูที่เวบผมครับ


    ส่วนของ Facebook :

    1.เขียนหน้า About ให้เป็นประโยชน์

    2.เข้ากลุ่มของ Facebook หรือสร้างกลุ่มของตนเองขึ้นมา (ประโยชน์ของกลุ่มมีมากมาย)

    3.ใช้หน้า Simple Work ให้เป็นประโยชน์

    4.การโพสต์ข้อความขายสินค้าใน facebook ไม่ควรยาวเกิน 5 บรรทัด เพราะจะทำให้คนอื่นๆไม่สนใจอ่าน โดยในข้อความประกอบไปด้วย 4 อย่างคือ ชื่อสินค้า, รหัสสินค้า, ราคาสินค้า และเบอร์โทรที่สามารถติดต่อได้

    [​IMG]
    รายงานการส่งสินค้าของเวบขายสินค้าออนไลน์แห่งหนึ่ง ช่วงเดือนมีนาคม 2558 (เดือนมีนาคม มีรายการส่งให้ลูกค้าประมาณ 90 ราย)​


    เครดิต : ประวัติชีวิต, ประสบการณ์ชีวิต, ความดีที่ได้ทำมาแล้ว ของเจ้าของเวบเมตตาโฮมเพจ: รวมความรู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2016
  18. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    หลวงพ่อจรัญละสังขารแล้ว

    ขอน้อมนำส่งหลวงพ่อจรัญ สู่แดนนิพพาน

    หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ละสังขารเช้าวันนี้ (25 มกราคม 2559) เวลา 8.37 น. สิริอายุ 87 ปี 5 เดือน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2016
  19. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม เป็นพระสอนกรรมฐานรูปแรกของผมเลยก็ว่าได้

    สมัยที่ผมไปต่อสู้ชีวิตที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเงินติดตัวไปกรุงเทพฯ 3 พันบาท พบเจออุปสรรคชีวิตมากมาย ต้องหางานทำภายในเวลาที่จำกัด และสัญญาลูกผู้ชายที่จะกลับบ้านเกิดไม่ได้ เป็นเวลา 10 ปี มีความทุกข์ทรมานมาก ไม่มีทีวีดูตั้งหลายปี เพราะต้องเก็บเงิน บางทีก็นอนร้องไห้ที่เตียงนอน

    สมัยที่ผมเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ได้งานทำที่บ.ด้านสื่อสารโทรคมนาคมมีชื่อของประเทศ เมื่อมีปัญหาชีวิตและเรื่องความรัก ทำให้ผมดิ้นร้นอยากไปปฏิบัติธรรม สถานที่แห่งหนึ่งที่ผมอยากไปปฏิบัติธรรมก็คือวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ผมเคยอ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อจรัญมาหลายเล่ม ก่อนที่ผมจะได้มีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน

    การได้รู้จักกับญาติธรรมหรือท่านผู้มีอภิญญา ก็เป็นสายใยแห่งธรรม ท่านเป็นคนพาผมไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน สมัยที่ไปวันแรกๆ ไม่ค่อยรู้อะไร

    นั่งกรรมฐานก็ทรมานมาก ทั้งเจ็บและปวด ปวดหนอๆๆๆๆ

    ผมได้วิชากรรมฐาน ก็มาจากหลวงพ่อจรัญ ทุกวันนี้ก็ยังปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อจรัญ

    ผมเคยเขียนจดหมายไปหาหลวงพ่อจรัญ เมื่อประมาณ 16 ปีที่ผ่านมา และท่านมีตอบกลับมา 1 ฉบับ ทุกวันนี้จดหมายฉบับดังกล่าว ที่เป็นลายมือหลวงพ่อจรัญ ผมยังเก็บเอาไว้อยู่

    เมื่อหลายปีก่อน ช่วงที่ผมปฏิบัติธรรมมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ขณะที่ผมนั่งสมาธิอยู่ ผมได้อธิษฐานจิตขอให้หลวงพ่อจรัญ มาช่วยชี้แนะสอนการปฏิบัติธรรม ผ่านไปประมาณ 1-2 นาที ก็ได้กลิ่นที่หอมมาก ซึ่งผมคิดว่าหลวงพ่อท่านคงมาดูว่าผมปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไรบ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2017
  20. ปู สุเมธ

    ปู สุเมธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +503
    ขอน้อมกราบหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโมสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
    สาธุสาธุสาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...