ตายแล้วไม่สูญ..แล้วไปไหน โดยพระราชพรหมยาน ตอน สัมภเวสี ๑

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 21 ตุลาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ตายแล้วไม่สูญ..แล้วไปไหน โดยพระราชพรหมยาน ตอน สัมภเวสี
    [​IMG]
    ท่านผู้อ่านจะได้รับทราบเรื่องของผีที่เรียกว่า "สัมภเวสี" ต่อไปนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ ตำบลบางแพ อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ท่านผู้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังชื่อ "ร.ต.สุภักดิ์ อนุกูล" ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๐๙ เวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. เด็กชายณัฐพร ครุทานนท์ ชื่อเล่นๆ ว่า "หนุ่ม" เป็นบุตรชายคนรองสุดท้ายของนายสุนทร-นางสุภาพ ครุทานนท์ อยู่บ้านเลขที่ ๔๑/๓ ตำบลบางแพ ได้รับอุบัติเหตุถูกสายไฟฟ้าที่ขาดห้อยอยู่ดูดถึงแก่ความตาย เรื่องของความตายนี้ ทางพระท่านถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าไม่ว่าใครทั้งสิ้นที่เกิดมาแล้วก็ต้องตายเหมือนกันหมด จะตายด้วยโรคอะไรหรืออาการอย่างไร ในที่สุดก็ตายเหมือนกัน พระท่านสอนไม่ให้เสียใจเพราะเหตุแห่งความตายมาถึง คนรับฟังมีมาก แต่รับปฏิบัติคือตัดใจไม่ยอมเศร้าโศกถึงคนตายนี้หายาก เรื่องของการระงับความเศร้าโศกอาลัยในเมื่อมีคนที่รักตายนี้ เป็นเรื่องที่ทำได้ยากอย่างยิ่ง คนที่จะทำได้แน่นอนไม่มีอารมณ์หวั่นไหวในเรื่องของความตายนั้น ท่านว่ามีพระอรหันต์เท่านั้นที่จะเห็นเรื่องของความตายเป็นของปกติธรรมดา เหมือนเห็นใบไม้ที่แกว่งจนล่วงลงจากต้น ไม่มีความรู้สึกเสียดายห่วงใยใดๆ ถ้าว่ากันตามภาษาชาวบ้าน ถ้ามีคนตายเกิดขึ้นที่บ้านใคร คนที่เกี่ยวข้องเช่นสามีหรือภรรยาของผู้ตายไม่ร้องไห้แสดงความเสียใจ เขาก็หาว่าเป็นคนใจจืดใจดำ กลายเป็นคนไม่ดีไปเสียอีก ต้องแสดงออกถึงความเศร้าโศกรำพัน นั่นแหละเขาจึงจะนิยมว่าเป็นคนดี รักกันจริง เรื่องของความเห็นของพระกับชาวบ้านไม่ใคร่จะลงกันก็อีตอนนี้แหละเป็นอันว่าเมื่อเด็กชายณัฐพรลูกชายตาย คุณสุนทรและคุณสุภาพก็ต้องร้องไห้ตามแบบฉบับของชาวบ้านที่รักลูกทั่วโลก มีการทำบุญตามพิธีสงฆ์ คือพระมาสวดและก็เลี้ยงพระ ในที่สุดก็ยังไม่เผาเอาไปเก็บไว้ที่โกดังวัดใกล้บ้าน เป็นสุสานทำเป็นตัวตึก ท่านผู้เล่าให้ฟังคือ ร.ต.สุภักดิ์ ได้บอกว่าในระยะที่เด็กชายหนุ่มหรือณัฐพรตายตอนแรกๆ ยังไม่มีอะไรปรากฏการณ์ เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนครบ ๘ เดือนเศษ ค่ำวันหนึ่ง น.ส.เฉลียง เด็กที่มาอยู่บ้านนายสุนทรหลังจากเด็กชายหนุ่มตายไปแล้วและไม่เคยรู้จักเด็กมาก่อนน.ส.เฉลียง อายุ ๑๖ ปี ขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่นั้นก็เกิดร้องกรี๊ดขึ้นมาเฉยๆ ทุกคนในบ้านพากันแปลกใจ จึงเข้าไปถามสาเหตุที่ร้องส่งเสียงแสดงความหวาดกลัวนั้น น.ส.เฉลียงได้บอกแก่ทุกคนที่เข้าไปถามว่า "เห็นเด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ ๓ ปี เข้ามาทางช่องกระจกบานเกล็ด พร้อมกันนั้นก็มีพระสงฆ์ ๒ องค์ตามมา เมื่อทันกันพระทั้ง ๒ องค์ก็ช่วยกันจับเด็กชายคนนั้นคนละแขน พาออกไปทางช่องกระจกบานเกล็ด เธอเห็นอย่างนั้นก็ตกใจกลัวจึงร้องออกมา และเด็กคนที่เห็นนั้นมีรูปร่างหน้าตาเหมือนภาพถ่ายเด็กที่แขวนอยู่ที่ห้องรับแขก" เรื่องที่น.ส.เฉลียงบอกนั้นสร้างความสนใจแก่ทุกคนในที่นั้นเป็นพิเศษ เพราะเด็กชายหนุ่มตายเมื่ออายุ ๓ ปี จึงพากันสนใจและแปลกใจไปตามๆ กันต่อมาอีกไม่กี่วัน น.ส.เฉลียงทำงานอยู่กลางลานบ้านก็เกิดล้มลงเฉยๆ มีอาการมือเท้าเกร็ง มีเสียงร้องคล้ายเด็กร้องไห้ นางสุภาพเข้าไปสอบถามอยู่นานเกือบชั่วโมง น.ส.เฉลียงจึงพูดด้วย แต่ไม่ได้พูดด้วยสำเนียงเดิมที่เคยพูด กลับออกเสียงเป็นเสียงเด็กบอกชื่อตัวเองว่า "หนูชื่อหนุ่ม คิดถึงแม่สุภาพถึงได้มา คิดถึงพ่อ คิดถึงน้องและครูปั๊ก" (ตามสำเนียงที่เด็กชายหนุ่มเคยเรียก ร.ต. สุภักดิ์ ออกสำเนียงเป็นปั๊กเสมอ เพราะยังพูดไม่ค่อยชัด) แล้วสั่งว่า "วันพรุ่งนี้อย่าให้ครูปั๊กไปไหน หนุ่มมีธุระจะคุยด้วย"
    เมื่อพูดจบอาการของน.ส.เฉลียงก็เป็นปกติ ร.ต.สุภักดิ์บอกว่าบ้านของเขาอยู่ติดกับบ้านของนายสุนทร ทั้งสองมีความสนิทสนมกันมาก เด็กชายหนุ่มก็มีความสนิทสนมกับร.ต.สุภักดิ์มาก เคยมาหาร.ต.สุภักดิ์และเคยติดตามไปในที่ต่างๆ เป็นปกติ คุณสุภักดิ์เป็นคนโสดและมีนิสัยรักเด็ก บางคราวเขาจะเพาะถั่วงอกเพื่อทดลอง เด็กชายหนุ่มก็มาช่วยทำงาน ทำตามประสาเด็กและชอบซักถามเพื่อความเข้าใจ คุณสุภักดิ์รักและชอบในความสนใจของเด็กชายหนุ่มมากต่อมาเมื่อเด็กชายหนุ่มต้องตายเพราะถูกกระแสไฟฟ้าดูด คุณสุภักดิ์ก็เอาถั่วงอกที่เด็กชายหนุ่มช่วยปลูกนั้นมาผัดและถวายพระ อุทิศส่วนกุศลไปให้ เมื่อทราบจากนางสุภาพว่า เด็กชายหนุ่มต้องการพบ ตอนแรกๆ ก็ไม่ค่อยเชื่อแต่เพื่อจะทราบความจริงว่า เด็กชายหนุ่มจะมาเข้าทรงจริงหรือน.ส.เฉลียงจะเล่นตลกกันแน่ จึงคอยพบตามเวลาที่เด็กนัดไว้
    วันนั้นเป็นวันที่ ๒๑ มิถุนายน เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. น.ส.เฉลียงก็มีอาการเหมือนเดิม คือมีอาการคล้ายเป็นลมหน้ามืดแล้วก็ล้มลง เป็นอันว่าทราบทั่วกันว่าอาการอย่างนั้นปรากฏก็แสดงว่า วิญญาณของเด็กชายหนุ่มเข้าทรง เมื่อเข้าทรงแล้ว ก่อนจะถามถึงใคร เด็กชายหนุ่มก็ถามหาครูปั๊ก ถามว่า "วันนี้ครูปั๊กมาหรือเปล่า" เมื่อร.ต.สุภักดิ์ตอบว่า "มาและอยู่ที่นี่แล้ว" วิญญาณของเด็กชายหนุ่มก็พูดว่า "หนุ่มคิดถึงครูปั๊กมาก" เขาถามว่า "เวลานี้หนุ่มอยู่ที่ไหน" ตอบว่า "ขณะนี้หนุ่มอยู่ที่ตึก" ถามว่า "ตึกที่หนุ่มอยู่ตั้งอยู่ที่ไหน" ตอบว่า "อยู่ที่วัดใกล้ๆ บ้านนี่เอง"เป็นอันทราบได้ว่าวิญญาณของเด็กชายหนุ่มอยู่ที่สุสานวัดใกล้บ้านนั่นเอง เพราะสุสานคือที่เก็บศพเขาทำเป็นตึก ถามว่า "หนุ่มอยู่คนเดียวหรือมีเพื่อนอยู่ด้วย" ตอบว่า "มีพระอยู่ด้วยสององค์ และคนอื่นๆ อีกหลายคน แต่หนุ่มไม่รู้จักชื่อเขาเหล่านั้น"
    สำหรับพระ ๒ องค์ ที่เด็กชายหนุ่มบอกนั้นคือ พระภิกษุเหมือนอายุ ๒๒ ปี และพระภิกษุทองใบอายุ ๕๐ ปี ตายเพราะถูกกระแสไฟฟ้าดูดเหมือนกัน เด็กชายหนุ่มบอกต่อไปว่า "ขณะที่หนุ่มจะต้องตายเพราะถูกกระแสไฟฟ้าดูดนั้น เห็นพระ ๒ องค์นี้มาจับมือจูงไปและบังคับให้จับสายไฟฟ้าที่ขาดตกห้อยลงมา หนุ่มจึงต้องตายจากคน"เรื่องการสนทนาระหว่าง ร.ต.สุภักดิ์กับวิญญาณของเด็กชายหนุ่ม เป็นเหตุให้ทราบข้อเท็จจริงที่เป็นข่าวลือกันมานานแล้วว่า คนที่จะต้องตายโหง คือผูกคอตาย ดำนํ้าตาย เป็นต้น ส่วนใหญ่ที่แก้ไขฟื้นคืนชีพมาแล้ว มักจะเล่าให้ฟังว่า ขณะนั้นไม่รู้ตัวว่าทำอย่างนั้น แต่กลับเห็นว่าตนเองกำลังเพลิดเพลินกับอะไรสักอย่างหนึ่ง บางคนก็บอกว่ามีคนมาท้าให้ไปตีกัน
    ที่มาhttp://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญสร้างกำแพงแก้ววิหารหลวงพ่อโต-วัดกุฎีทอง-อยุธยา.553352/
     

แชร์หน้านี้

Loading...