หนีนรกกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตอนที่ ๑๘ อานิสงส์ของกรรมบถ ๑๐ ข้อที่ ๔

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 13 กรกฎาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    หนีนรกกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตอนที่ ๑๘ อานิสงส์ของกรรมบถ ๑๐ ข้อที่ ๔
    [​IMG]
    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย
    ตอนนี้เป็นตอนที่ ๑๘ ของรายการหนีนรก
    ก่อนจะพูดถึงอย่างอื่นก็ขอย้ำไว้ก่อน
    เพราะว่าจะฟังแต่ละตอนก็หลายวัน
    วิธีการหนีนรกจริง ๆ เป็นของไม่ยาก
    แค่ใช้อารมณ์ตัดสังโยชน์ ๓ ประการเท่านั้น
    สังโยชน์ ๓ ประการมีความรู้สึกว่า

    ข้อที่ ๑ มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้มันจะไม่ตาย
    หรือไม่คิดถึงความตายเสียเลย

    ข้อที่ ๒ ไม่ยอมเชื่อหรือเลื่อมใสนับถือพระพุทธเจ้า
    พระธรรม และพระอริยสงฆ์

    ข้อที่ ๓ ไม่ยอมทำความดี
    สร้างแต่ความชั่ว ๕ ประการคือ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์
    ประพฤติผิดในกาม พูดมุสาวาท ดื่มสุรา และเมรัย
    ถ้าจะสมาทานศีลกันบ้างก็สมาทานแบบเสียไม่ได้
    หรือว่าสมาทานเป็นประเพณี
    เขาว่า ปาณาก็ปาณาตามพระ เป็นต้น
    อย่างนี้การสมาทานแบบนั้นไม่เป็นผล
    ตกอยู่ภายใต้อำนาจของสังโยชน์
    คือ ร้อยรัดบรรดาท่านพุทธบริษัทให้ตกอบายภูมิ
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าไม่ต้องการลงอบายภูมิมีนรก เป็นต้น
    ก็ให้มีความรู้สึกไว้เสมอ และก็สร้างความดี
    คือ ยึด พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง
    ถ้ายึดไว้อย่างนี้เมื่อไร ตายแล้วเมื่อไรไม่ลงนรก
    และก็ยังไม่แน่นอนนัก ชาตินี้ไม่ลงชาติหน้าอาจจะลงก็ได้
    ต่อไปก็ทรงศีลห้าให้บริสุทธิ์
    เท่านี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท
    องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ตรัสว่า
    ไม่มีทางลงอบายภูมิเลย
    จะไม่มีโอกาสเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต
    เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน
    หากว่าท่านจะต้องเกิดอีกกี่ชาติก็ตาม
    แดนทั้ง ๔ ประการนี้จะไม่ยอมเด็ดขาด
    แดนที่จะไปก็คือ

    สีเลนะ สุคติง ยันติ ท่านจะมีแต่ความสุข
    ถ้าเป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ที่มีความสุข
    ไม่อย่างนั้นก็เป็นเทวดาหรือพรหม

    สีเลนะ โภคสัมปทา จะเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม
    ก็มีทิพยสมบัติมาก ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นคนร่ำรวย
    มีโภคทรัพย์สมบัติมาก คือ เป็นคนรวย

    สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ในที่สุดท่านก็จะมีแต่ความสุขมากกว่าความทุกข์ ความทุกข์จะมีบ้างก็เล็กน้อยแค่ขันธ์ ๕ มันเจ็บป่วยเท่านั้น
    การปฏิบัติอย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน
    ทุกคนบอกว่าไม่ต้องการลงนรก
    แต่ขอให้มีกำลังใจจริง ๆ สามารถจะพ้นนรกได้จริง

    สำหรับตอนที่ ๑๘ นี้ บรรดาท่านพุทธบริษัทก็ขอพูดอานิสงส์สักหน่อย
    เพราะว่ากรรมบถ ๑๐ ข้อที่ ๔ พูดปด พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด
    เพ้อเจ้อ เหลวไหล ยังไม่ได้กล่าวถึงอานิสงส์ การไม่ดื่มสุราและเมรัย
    ยังไม่ได้กล่าวถึงอานิสงส์ในการเว้นจากคิดอยากได้ทรัพย์สมบัติ
    ของบุคคลอื่น ยังไม่ได้พูดถึงอานิสงส์
    แต่ก็จะพูดถึงอานิสงส์ย่อ ๆ พอจำได้ง่าย ๆ การที่ท่านมีวาจาดี
    ๑. ไม่พูดปด
    ๒. ไม่พูดคำหยาบเป็นเครื่องสะเทือนใจของบุคคลผู้รับฟัง
    ๓. ไม่พูดส่อเสียดยุยงส่งเสริมให้เขาแตกร้าวกัน
    ๔. ไม่พูดจาเหลวไหลไร้ประโยชน์

    พูดแต่วาจาที่เป็นประโยชน์
    คือกลับมาพูดใหม่คือ
    ๑. พูดแต่ความเป็นจริง
    ๒. พูดวาจาอ่อนหวานเป็นที่ชอบใจของบุคคลผู้รับฟังและก็
    ๓. พูดให้เขาก่อเกิดความรักซึ่งกันและกันไม่แตกความสามัคคี
    ๔. พูดเฉพาะวาจาที่เป็นประโยชน์

    ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทท่านใดสามารถใช้วาจาทั้ง ๔ ประการนี้
    ให้ขึ้นใจจะไปในสถานที่ใด จะอยู่ที่ไหนก็ตาม
    เราก็จะพูดแต่ความเป็นจริง ใช้วาจาเป็นที่รักของบุคคลผู้รับฟัง
    แล้วเวลาจะพูดไปใครเขายุแยงตะแคงแสะกัน
    แล้วมายุเราส่งข่าวบอกว่าคนนั้นไม่ดี คนนี้คิดร้าย เราต้องใช้ปัญญา
    อย่าเพิ่งเชื่อ อย่าคล้อยตามไปตามเขา
    และเราก็จะไม่พูดวาจาเช่นนั้น
    วาจาใดที่เป็นปัจจัยทำให้คนแตกร้าวกัน เราไม่พูด
    พูดให้เขามีแต่ให้ความรักกัน สามัคคีกัน กลมเกลียวกัน
    และวาจาประเภทใด พูดไปแล้วไม่มีประโยชน์
    เราจะไม่พูดวาจานั้น พูดเฉพาะวาจาที่มีประโยชน์
    โดยเฉพาะเมื่อท่านทั้งหลายใช้วาจาทั้ง ๔ ประการนี้ได้เป็นปกติ
    อย่างนี้อาตมาขอยืนยันว่า ในชาติปัจจุบันนี้ไม่ต้องชาติหน้า
    ทุกท่านมีวาจาเป็นทิพย์ มีเสียงเป็นทิพย์ คำว่า ทิพย์
    ท่านแปลว่า ยังไงก็ช่างเถอะ
    แต่คำว่า ทิพย์เกิดขึ้นแล้วที่ไหน ที่นั่นก็ชอบใจ
    อย่างมีร่างกายเป็นทิพย์ คนก็ชอบ
    มีเครื่องประดับเป็นทิพย์ คนก็ชอบ
    มีที่อยู่เป็นทิพย์ก็ชอบ
    ก็รวมความว่า วาจาของท่านเป็นวาจาดี เป็นวาจาทิพย์
    จะไปคุยกับใครที่ไหน จะออกปากขอความช่วยเหลือบุคคลใด
    จะไม่มีใครเขารังเกียจเลย
    ท่านจะคุยกับใครที่ไหนจะไม่มีใครเบื่อหน่าย
    มีแต่คนหวังดีชอบใจในวาจาของท่าน
    รวมความว่า คนประเภทนี้ก็มีวาจาเหมือนวาจาทิพย์
    พูดเป็นที่ถูกใจคน ผลที่จะได้รับก็คือ เรามีความสุข
    จะออกปากขอความช่วยเหลือกับใครสักครั้งไม่ต้องวิตกกังวล
    หวังว่าได้ทันทีทันใด ทั้งนี้เพราะอะไร
    เพราะว่าเราพูดที่ไหนใครเขาก็เชื่อ พูดที่ไหนใครเขาก็ชอบใจ
    พูดที่ไหนก็มีแต่คนรักกันกลมเกลียวกัน
    พูดที่ไหนก็มีแต่ประโยชน์ ไม่กล่าววาจาที่เป็นโทษให้เกิดกับใคร
    ไอ้การที่เราพูดดีให้เขา
    บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายเขาก็พูดดีกับเรา
    ถ้าเราด่าเขา เขาก็ด่าเราอย่างนี้เป็นต้น

    ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทราบถึงอานิสงส์ปัจจุบัน
    ว่าท่านจะมีความสุข เพราะวาจาของท่าน
    ถ้าตายจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่ต้องห่วง
    อานิสงส์ทั้งหลายเหล่านี้จะทวีขึ้นคูณเป็นแสน
    ผลประโยชน์ที่พึงจะได้คูณด้วยแสน
    เกิดชาติต่อไป ๆ อานิสงส์ก็ใหญ่ขึ้น
    แค่ได้ยินเสียงพูดได้ยินเสียงร้องจากความเป็นเด็กคนก็รักแล้ว
    และบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทคงสังเกตได้ว่า
    คนบางคนยังไม่ทราบเขาพูดอะไรเลย
    เป็นแต่เพียงได้ยินเสียงเขาพูดแว่ว ๆ เสียงดังมาแต่ไกล
    เราชอบใจในเสียงเขาแล้ว อย่างนี้หวังว่าบรรดาท่านพุทธบริษัท
    แรงความความดีในการควบคุมวาจาของเขา
    แต่อาจจะควบคุมไม่ได้ตลอดกาลตลอดสมัยก็ได้
    สมัยใดที่อานิสงส์วาจาดีให้ผล
    เวลานั้นพูดไปกับคนใดก็ตามเขาเชื่อทุกประการ
    แต่ว่าเรื่องของคน บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน
    คนเราเกิดมาแล้วนี่มันมี กุศล และ อกุศล ให้ผล
    เพราะเกิดมาแต่ละชาติเขาคงไม่พูดจริง ไม่พูดดีเสมอไป
    ในกาลบางครั้งอาจจะมีการโกหกมดเท็จบ้าง พูดวาจาหยาบไปบ้าง
    อาจจะเผลอเข้าใจผิดคิดว่า เขาทะเลาะกันยุให้แตกกันเสียบ้าง
    บางครั้งก็เผลอพูดวาจาที่ไร้ประโยชน์อย่างนี้มันเป็นโทษ
    ถ้ากฎของกรรมประเภทนี้เข้ามาสนองเราเวลาที่เราเป็นคน
    ตอนนั้นวาจาของเราไม่มีผลในการพูดเลย
    ไปพูดกับใครใครเขาก็ไม่อยากฟัง มีแต่คนรังเกียจ
    คนที่พูดแล้วมีแต่คนรังเกียจหรือท่านทั้งหลายรังเกียจมีบ้างไหม
    เข้าใจว่ามี แต่ขณะใดอานิสงส์ของวาจาดีให้ผลขณะนั้น
    ทุกคนอยากฟังคำพูดของท่าน นี่เป็นอานิสงส์ของการพูดดี

    แล้วมาประการข้อที่ ๒ ด้านสุราแลเมรัย
    พูดไปแล้วโทษของการดื่มสุราและเมรัยแต่คุณล่ะ
    บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เอากันชาตินี้ก็แล้วกัน
    ก็มีหลายท่านที่เคยดื่มสุราแลเมรัยเป็นปกติ
    และต่อมาขณะที่ดื่มสุราและเมรัย
    อาตมาเคยพบเอง ได้ยินเอง ได้เห็นเอง
    มีคนรังเกียจเขา ว่าเขาเป็นคนกินเหล้าเมายา พูดไม่เป็นภาษาคน
    การประพฤติปฏิบัติการเลวทราม ไม่มีใครอยากคบหาสมาคม
    ที่เขาต้องคบบ้างก็คบด้วยความจำเป็น
    บางทีก็ใช้อำนาจความเมา อำนาจป่าเถื่อน
    เอาความเมาเข้ามาผสม ทำให้เขาเกรงกลัวแต่เขาเกลียด
    เรียกว่าทั้งเกลียดทั้งกลัวประเภทนี้ เป็นต้น
    แต่ถ้าว่าพอบุคคลนั้นเลิกกินเหล้าเมายาในปัจจุบันนี้มีเยอะ
    ที่มาหาอาตมาก็มาก แล้วก็มีหลายท่านมารายงานให้ทราบ
    เรียกว่า หลายร้อยท่านไม่ใช่หลายท่าน มารายงานให้ทราบ
    ขออภัยนะ ไม่ได้โฆษณาขายหนังสือ
    เพียงแค่อ่านประวัติหลวงพ่อปานเล่มเดียวจบ
    ผลก็เลิกในการดื่มสุราและเมรัยทันที
    ข้อนี้บรรดาท่านพุทธบริษัทที่เป็นสตรี
    ถ้าเผชิญสามีของท่านหรือภรรยาของท่านชอบดื่มสุราและเมรัย
    ก็จงอย่ามั่นใจว่า ซื้อหนังสือหลวงพ่อปานไปให้เขาอ่าน
    เขาจะเลิกดื่มสุรา ที่พูดมานี่ไม่ใช่โฆษณาขายหนังสือ
    และก็ไม่ได้ขอยืนยันว่าเป็นอย่างนั้น
    แต่ว่าหลายร้อยท่านที่มาในงาน เขารายงานบอก
    ผมอ่านหนังสือ ประวัติหลวงพ่อปานจบ
    เท่านี้ผมเลิกดื่มสุราและเมรัยทันที
    ที่เป็นอย่างนี้เพราะอาศัยหนังสือหลวงพ่อปานหรืออะไรเป็นเหตุ
    อาตมาก็ต้องขอตอบว่า ความดีของท่านผู้นั้นเป็นเหตุ
    อาการที่ท่านยังดื่มสุราและเมรัยอยู่
    มีความรู้สึกว่า การดื่มสุราและเมรัยเป็นของดี
    ทั้ง ๆ ที่มันทำลายทรัพย์สิน ทำลายศักดิ์ศรี
    ท่านก็ยังว่าดีอยู่นั่น ทั้งนี้เพราะอกุศลในชาติก่อนที่ทำไว้
    เข้าสอนใจท่าน ทำให้เห็นว่าความชั่วเป็นความดี
    แต่ว่าพอหยิบหนังสือหลวงพ่อปานขึ้นมาอ่านจบ
    ตอนที่กำลังอ่านไปอำนาจของกุศลจิตเกิดขึ้นในขณะนั้นพอดี
    กุศลเกิดขึ้น กุศลเก่าที่ทำไว้ในชาติก่อนก็จ่ออยู่แล้วทั้ง ๒ อย่าง
    นี่ผลของบุญและผลของบาปมาจ่ออยู่ข้างใจเรา
    ถ้าผลของบาปเข้ามาทับใจก่อน ผลของบุญก็เข้ามาไม่ได้
    คอยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล นี่พออ่านหนังสือเรื่องนั้นเข้าชอบอกชอบใจ
    เพลิดเพลินในหนังสือ จิตเป็นกุศล จิตน้อมเข้ามาหากุศล
    ถ้าจิตเป็นกุศลเกิดขึ้นมา อกุศลก็ต้องถอย
    เมื่ออกุศลถอยไปแล้วกุศลใหม่ยังครองจิตอยู่กุศลเก่าเข้าผสมทันที
    ตอนนี้เป็นกำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัท
    ให้ตัดสินใจเลิกดื่มสุราและเมรัยทันที

    ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายทั้งหลายเข้าใจตามนี้นะ
    แต่ว่าอาการอย่างนี้จะให้เป็นทุกคนอาตมาคิดว่า เป็นไปไม่ได้
    ฟังแล้วจะพากันมาซื้อหนังสือหลวงพ่อปานไปให้สามีหรือภรรยาอ่าน
    ที่ติดสุราและเมรัย ถ้าเลิกไม่ได้อย่ามาด่าอาตมา
    มาว่าโฆษณาขายหนังสือ "ไม่เห็นจะเลิกได้เลย"
    อันนี้ไม่ขอยืนยันว่าเลิกได้นะ
    ต้องขอตอบว่า อกุศลของท่านถอยไป
    กุศลใหม่ที่อ่านหนังสือเกิดขึ้น เกิดศรัทธา
    กุศลเก่าที่ทำมาแล้วในชาติก่อนคอยอยู่แล้วเข้าผสมทันที
    กุศลทั้ง ๒ ประการนี้ ๒ อันดับนี้เข้ามาประสานกัน มีกำลังมาก
    ตีกุศลให้ถอยไป อกุศลก็หนีไป ท่านจึงตั้งใจเลิกการดื่มสุราและเมรัย
    ถ้าท่านที่เอาหนังสือหลวงพ่อปานไปอ่าน
    ถ้ากุศลใด ๆ ไม่เกิดขึ้นกับใจ อ่านกี่ร้อยเที่ยว
    กี่พันเล่มมันก็เลิกสุราและเมรัยไม่ได้ ขอบอกไว้เสียก่อน

    ทีนี้การไม่ดื่มสุราและเมรัยสติสัมปชัญญะก็สมบูรณ์แบบ
    สติ นึกไว้ว่าอะไรมันดีมันชั่ว
    สัมปชัญญะ รู้ตัวว่าอะไรดีอะไรชั่ว
    เลือกทำแต่ความดี ละความชั่ว
    อันนี้เกิดขึ้นแน่หลังจากนั้นต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น ก็มหากุศล
    มหากุศลคือ กุศลใหญ่
    เริ่มตั้งใจทำแต่ความดี ความประมาทไม่มีในชีวิต
    จิตก็คิดอย่างเดียวว่า อยากจะพ้นจากอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น
    ถ้าเป็นอย่างนี้บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน
    ความรู้สึกว่าชีวิตนี้จะต้องตายก็เกิดขึ้น
    เพราะอารมณ์เป็นกุศลและยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม
    พระอริยสงฆ์ อารมณ์นี้ก็เกิดขึ้น
    การทรงศีลห้าให้บริสุทธิ์อารมณ์นี้ก็เกิดขึ้น
    จิตตั้งหวังไว้เพื่อนิพพานอารมณ์นี้ก็เกิดขึ้น
    ถ้าอารมณ์ทั้ง ๔ ประการเกิดขึ้นเมื่อใด
    บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย และอารมณ์นั้นไม่สลายตัว
    ขึ้นชื่อว่าอบายภูมิทั้ง ๔ ไม่มีแก่ท่านแน่ในชาติต่อ ๆ ไป
    นี่ว่ากันถึงอานิสงส์ ไม่ดื่มสุราและเมรัย
    เอาย่อ ๆ มากนักจำไม่ได้มันก็อาจจะมากไปหน่อย

    ตอนนี้ว่าถึงอานิสงส์ไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่น
    ได้มาเป็นของตนอารมณ์อย่างนี้
    ศีลทุกข้อบรรดาท่านพุทธบริษัท กรรมบถ ๑๐ ก็ดี
    ก็ต้องมีธรรมะแทรกเป็นยาดำ
    ธรรมะที่แทรกเข้ามานี้เราไม่ต้องหาเกิดขึ้นเองกับใจ
    ท่านก็ลองคิดดูว่า ทำยังไงเราจึงจะไม่คิดถึงเหตุนั้น
    ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่น เราไม่เคยมีแหวนเพชร
    เขามีแหวนเพชรมองเห็นแล้วก็ชอบใจ
    ไอ้เรื่องอยากจะได้แหวนเพชรมีอยู่
    แต่ก็เชื่อในองค์สมเด็จพระบรมครู
    อยากได้แหวนเพชร แต่ไม่ใช่อยากได้อยากจะขโมยเขา
    ไม่ใช่โกงเขา ไม่ใช่ยื้อแย่งเขา
    อยากจะซื้อแหวนเพชรมาใช้
    อยากจะหามาด้วยทุนของตัวเอง
    อันนี้ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม
    ไม่ผิดทั้งศีลไม่ผิดทั้งกรรมบถ ๑๐
    อยากได้เพราะเห็นว่าสวย
    แต่ไม่ใช่อยากจะแย่ง อยากจะซื้อ
    อยากจะหาเงินซื้อมาเอง อย่างนี้ใช้ได้
    อารมณ์มีอยู่และอาการไม่อยากได้ของเขา
    อยากจะซื้อเองอย่างนี้ อะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง
    อะไรทำให้เกิดแบบนี้ ก็ต้องตอบว่า ธรรมะที่สิงอยู่ในใจ
    เราเองอาจจะไม่สามารถจะเห็นไว้ก่อนได้
    นั่นก็คือ เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร
    สันโดษ ยินดีเฉพาะทรัพย์สินที่ตนหามาได้
    โดยชอบธรรมธรรมะทั้ง ๓ ประการนี้ควบคู่กันมาตลอด
    สิงอยู่ในใจประจำท่านนานแล้ว
    ตัวท่านเองท่านอาจจะไม่ได้คิด
    ท่านจะคิดหรือไม่คิดก็ตาม
    ในเมื่อทรัพย์สมบัติหรือเงินทองอยู่ในกระเป๋า
    จะถือว่า เราเป็นคนไม่มีเงินไม่มีทองไม่ได้
    และที่เราไม่รู้ว่า เรามีเงินมีทอง เพราะเราลืมค้น
    หรือควานหาหรือพิจารณา ลืมดูว่าในกระเป๋าเรามีอะไรบ้าง

    สมมุติว่าท่านเป็นคนมีกำลังมากกว่า
    ไปเจอะคนที่มีกำลังอ่อนแอกว่าอย่างคนป่วยมาก ๆ
    หรือเด็กตัวเล็ก ๆ คล้องสร้อยเพชรติดทับทรวงเพชร
    มีจั่นเพชร มีแหวนเพชรทั้งหมด เป็นต้น
    มีในร่างกายหรือมีทรัพย์สินทั้งหลาย
    ราคาเป็นแสนเป็นล้านอยู่ในร่างกาย
    เราสามารถจะหยิบเอาต่อหน้าก็ได้ลับหลังก็ได้
    ไม่ต้องลับหลังหยิบเอาต่อหน้า คนพวกนี้ก็ไม่สามารถจะต่อสู้เราได้
    ยิ่งเป็นคนป่วยไข้ไม่สบายอย่างหนักยิ่งดีมาก
    โอกาสที่ยับยั้งการกระทำของเราไม่ได้
    หรือเด็กเล็ก ๆ ก็ไม่สามารถจะต่อกรเราได้
    เราจะปลดเปลื้องเอาของประเภทนี้เสียเมื่อไรก็ได้
    แต่ว่าทำไมเราจึงไม่ทำ
    เห็นเข้าก็นึกคิดว่า เอ้อ คนป่วยนี่นะเขาป่วย
    อาการใกล้จะตายอยู่แล้ว
    แต่ทว่าเจามีทรัพย์สมบัติมากน่าภูมิใจ
    น่าดีใจ เด็กเล็ก ๆ คนนี้เด็กแท้ ๆ
    แต่ดีกว่าเรา มีทรัพย์สมบัติมากขนาดนี้
    แต่แทนที่จะยื้อแย่ง เราไม่เอา ข้อนี้มีอะไรเป็นเบื้องต้น มีสันโดษ

    ธรรมะที่มีความสำคัญข้อหนึ่ง คือสันโดษประจำใจท่านอยู่แล้ว
    ก็มีความรู้สึกนึกคิดว่า นี่มันเป็นสมบัติของเขา
    เราไม่ควรจะยื้อแย่งเอา และจิตใจก็ไม่อยากได้เสียด้วย
    ถ้าบังเอิญมาเห็นว่าสวยก็มีจิตเมตตาความรัก
    คิดว่าถ้าเราแย่งเอาไปเมื่อไรก็ได้
    แต่ไม่ควรแย่งมันทรัพย์สมบัติของเขา
    เราหลีกให้เพราะความรัก
    หรือถ้าเราไม่เคยรักเขาไม่เคยสร้างความดีแก่เรา
    ก็มีความสงสารว่า คนป่วยขนาดนี้
    ถ้าเราเข้าไปแย่งเขาจะเสียกำลังใจ
    เพราะเสียของ ดีไม่ดีไม่ตายจากอาการป่วยในกาลก่อนที่เป็นมา
    ตายเพราะความเสียที่เราแย่งของ
    ถึงแม้เห็นว่าเด็กที่ประคับประคองทรัพย์สมบัติมากแบบนั้น
    ที่เราไม่ทำ ถ้าเราไม่เคยรักมา เราก็สงสารว่าเป็นเด็ก
    ไม่สามารถจะหาสมบัติอย่างนี้ได้ด้วยตนเอง
    ต้องอาศัยผู้ใหญ่หาให้ ถ้าเราไปยื้อแย่งเธอเข้าอย่างนี้ไซร้
    เธอก็จะเสียกำลังใจดีไม่ดีก็ตายได้เลย
    ก็รวมความที่เราไม่ทำเพราะความดี คือ อริยทรัพย์ฝังใจเราอยู่
    แต่เราอาจจะไม่รู้ว่าเราเป็นคนดีก็ได้

    นี่เป็นอานิสงส์บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย
    ถ้าเราเว้นการไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลใดโดยไม่ชอบธรรม
    เว้นการอยากได้นะ ทรัพย์สมบัติของเขาเราไม่อยากได้
    เราต้องการอย่างเดียวเห็นเขามีดีอะไร
    เราจะทำอย่างนั้นให้ปรากฏ
    อย่างนี้องค์สมเด็จพระบรมสุคตทรงสรรเสริญว่า เป็นคนดี
    และเจตนาดวงนี้ของบรรดาท่านพุทธบริษัท ก็จะสำเร็จผล
    มันจะช้าหรือเร็วอยู่ที่ท่าน
    เราตั้งใจอยากจะได้ทรัพย์สมบัติอย่างนี้บ้าง
    เราจะหาด้วยกำลังกายปัญญาของเราเอง และทุนทรัพย์ของเราเอง
    ก็ถือว่าตั้งใจหาด้วยกำลังของความเพียร
    พระพุทธเจ้ากล่าวว่า วิริเยนะ ทุกขะมัจเจติ
    บุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
    อันนี้เป็นความดีของบรรดาท่านพุทธบริษัท
    เป็นว่าอานิสงส์ที่จะพึงได้
    บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายในชาติต่อไป
    ท่านจะหาไฟไหม้บ้านของท่านไม่ได้เลย
    ไฟมันจะช๊อตในบ้านของท่านสักกี่ครั้งกี่วาระ มันก็ไม่ไหม้ขึ้นมาได้
    บางครั้งบางคราวไฟไม่ช๊อตแต่คนมาจุดบ้าน เอาน้ำมันมาราด
    อย่างนี้ไฟก็ไม่ไปติดอะไร
    คิดว่าอาการอย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย
    คงจะได้ยินข่าวมาแล้ว บางบ้านไฟช๊อตนิดเดียว
    ไฟลุกพรึบไฟไหม้บ้าหมด บางบ้านไฟฟ้าช๊อตลามแปลบ ๆ
    ไฟลุกเป็นประกายเขียวไปตลอดสายไฟฟ้าที่มีในบ้าน
    แต่ไม่ยอมไหม้อะไรเลย อย่างนี้ก็มี
    หรือบางรายจุดไฟเท่าไรก็ไม่ติด อย่างนี้ท่านอาจจะเคยได้ยิน
    ที่เป็นอย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัทก็เพราะว่า
    อานิสงส์ไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่น
    มาเป็นของตนโดยไม่ชอบธรรม

    และประการที่ ๒ ท่านจะเห็นว่าลมพัด บางทีบ้านของเราอ่อนแอกว่า
    บ้านบางบ้านอ่อนแอกว่า บ้านที่จะล้มเพราะลมมีเยอะแยะไป
    แต่ไอ้บ้านที่คิดว่าจะพังมันไม่ยอมพัง
    มันไปพังบ้านที่มีความแข็งแรงกว่า
    และบางโอกาสที่น้ำมา บางทีทำลายทรัพย์สินของคนอื่นเสียหาย
    ของบางคนปลอดภัยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    จะเสียหายบ้างก็เล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นของที่ไร้ค่ามีค่าเล็กน้อยก็แล้วกัน
    ของไร้ค่าไม่มี แม้แต่ผ้าขี้ริ้วมันก็มีราคาและของค่าเล็กน้อย
    คือไม่สะเทือนใจนัก บางบ้านมีการป้องกันแน่นหนาก็ถูกปล้น
    ถูกแย่ง ถูกชิง ถูกวิ่งราว ถูกจี้
    แต่บางคนคนที่มีทรัพย์สินมาก ๆ แต่บ้านช่องก็ไม่ค่อยดี
    มีการป้องกันน้อย แต่ปลอดภัยจากโจร

    ที่เป็นอย่างนี้แหละบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน
    เพราะอาศัยกำลังของตนตั้งอยู่ในอำนาจของความดี
    คือ มีความสันโดษ ไม่ยินดีในทรัพย์สินของชาวบ้าน
    ที่เราจะได้มาโดยไม่ชอบธรรม คือ ไม่คิดจะคด จะโกง
    จะยื้อจะแย่ง จะลักจะขโมยของเขา
    เพราะอาศัยที่มีกำลังเมตตา คือ ความรัก
    กรุณา คือ ความสงสารประจำใจ
    เป็นธรรมะที่ทำจิตใจให้เยือกเย็น
    บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จึงได้เป็นอย่างนั้นมีอานิสงส์อย่างนี้
    จึงขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน
    จงพากันรักษาความดีตามที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด
    เป็นการปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมสุคต
    คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ตั้งแต่ข้อนั้นมาเลย คือคิดว่า ชีวิตนี้จะต้องตาย
    ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์
    ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดมุสาวาท
    ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดวาจาส่อเสียด
    ไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อเหลวไหล ไม่ดื่มสุราและเมรัย
    ไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่นใด
    มาเป็นของตนโดยไม่ชอบธรรม
    ถ้ากำลังใจทรงอย่างนี้ความดีของท่าน
    แม้แต่ขณะนี้ยังไม่จบยังไม่หมดก็ตาม
    เชื่อว่าการจะเกิดในอบายภูมิทั้ง ๔ ไม่มีแล้ว
    หากว่าท่านมีชีวิตอยู่ก็จะมีความสุขขึ้นมาก
    ถ้าตายลงไปเมื่อไร องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า
    ท่านจะเวียนว่ายตายเกิดใดวัฏฏะ แค่มนุษย์กับเทวดาหรือพรหม
    ถ้ามาเป็นมนุษย์แดนใดที่มีความลำบากยากแค้น
    ท่านจะไม่เกิดที่นั่น แดนใดที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความร่ำรวย
    ท่านจะเกิดที่นั่น รูปร่างหน้าตาของท่านจะเป็นคนสวย
    ข้อนี้เว้นไว้ก่อนเพราะเวลามันจะหมด เมื่อเวลาจะหมดตอนที่ ๑๘ นี้
    ก็ต้องขอลาบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระบรมสุคตทุกท่าน
    ขอทุกท่านจงเจริญไปด้วยจตุรพิธพรชัย
    หากทุกท่านประสงค์สิ่งใด
    ก็ขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนาทุกประการ สวัสดี...
    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     

แชร์หน้านี้

Loading...