เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอน อาจารย์สร้อยบิณฑบาต

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 28 มิถุนายน 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอน อาจารย์สร้อยบิณฑบาต
    [​IMG]
    อาจารย์สร้อยนี่อยู่จังหวัดสระบุรี(วัดเขาแก้ว) เป็นพระพิเศษ บวชอยู่ในถ้ำตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เพราะพระในถ้ำชอบกับพ่อและแม่ เคยไปเยี่ยมที่บ้านบ่อยๆ ต่อมาไปเยี่ยมที่บ้านท่านรักพระองค์นั้น คล้ายๆ กับปดิษฐสามเณรรักพระสารีบุตร ก็ตามพระมาอยู่ในถ้ำ หนังสือสักตัวก็ไม่ได้เรียน ในถ้ำไม่มีการสอนหนังสือกัน พระก็สอนแต่ภาวนา ในที่สุดท่านอยู่มากี่ปีก็ไม่ทราบ มาพบท่านตอนอายุแก่แล้ว ที่พบก็เพราะท่านมาป่วยที่กรมแพทย์ทหารเรือ เวลาป่วย ตอนเช้า ท่านมีบาตรของท่านมาลูกหนึ่ง ไปยืนเอาบาตรแขวนไว้ที่ต้นมะฮ็อกกานี ข้างภายในประตูเข้ากรมแพทย์ทหารเรือ เวลาเข้าไปไอ้ต้นนี้มันจะอยู่ซ้ายมือ ชิดประตู ต้นใหญ่มาก ยืนหลับตาประเดี๋ยวก็เอาบาตรมา ตามปกตินายทหารประจำตึกเขาจะเก็บบาตรไว้แล้วเขาจะเช็ดจะขัดจะถูเป็นอย่างดี

    พอเช้าท่านจะมาเอา เขาตรวจดูว่าไม่มีอะไรเขาก็ส่งมาให้ เวลาท่านเอาบาตรไปแขวนท่านก็ยืนหลับตา คนเขาผ่านไปผ่านมา มันไม่ใช่ป่านี่ คนเดินกันไขว่เทียว ตอนเช้า ทุกคนก็เห็นว่าท่านยืนหลับตาเฉยๆ บาตรก็แขวนที่กิ่งมะฮ็อกกานี สักประเดี๋ยวหนึ่งท่านก็กลับ สะพายบาตรกลับไปส่งให้นายทหารหัวหน้าตึก ก็ปรากฏว่ามีข้างประมาณ 2 - 3 ทัพพี แล้วมีดอกไม้แปลกๆ 1 ดอกทุกวัน ดอกใหญ่เกือบจะเต็มบาตร แต่ไม่รู้ว่าดอกอะไรไม่มีใครรู้จัก แบบนั้นทุกวัน

    สำหรับท่านอาจารย์สร้อยนี่ ปรากฏภายหลังว่ารู้ภาษาได้ทุกภาษา มีนายทหารมาพูดแบบนั้น แล้วพูดถึงปฏิปทาบางอย่างของท่าน ดูๆ แล้วคล้ายจะไม่ใช่พระธรรมดา ที่ว่าไม่ใช่พระธรรมดาคือคิดเกรงไปว่าพระองค์นี้จะเป็นพระอริยเจ้า แต่เวลานั่งพูดคุยกับใคร ท่านไม่ได้นั่งหลับตาปี๋ ทำท่าเป็นคนเกคร่งครัดมัธยัสถ์ไม่ใช่ยังงั้น แสดงตัวเป็นกันเองตามปกติ พูดแบบกันเองธรรมดาๆ แต่ว่าทรมานเอานายทหารไม่กินเหล้าไปหลายคน คำว่าทรมานในพระพุทธศาสนานี่ไม่ใช่ทรมานให้ลำบาก คือว่าพูดให้เข้าใจ พูดให้เชื่อ ชี้แจงเหตุผลให้เข้าใจชัด อย่างนี้ ศัพท์ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่าทรมาน คำว่าทรมานคือให้เขาฝืนใจตัวเอง เคยดื่มเหล้าแล้วก็ไม่ดื่ม มันก็ยากๆ อยู่เหมือนกัน ในเมื่ออดทนต่อความอยาก ต่อต้านต่อความอยาก มันก็เป็นการทรมาน ปฏิปทาของท่านดี นายทหารรักมาก วันหนึ่งนายทหารมาเล่าให้ฟัง ก็เลยบอกเขาว่าฉันสงสัยเหลือเกินละว่า พระองค์นี้จะเป็นพระอริยเจ้า

    สำหรับพระอริยเจ้านี้ มีอยู่ 4 ประเภทด้วยกัน ว่ากันเฉพาะพระอรหันต์คือมี สุขวิปัสสโก เตวิชโช ฉลภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปปัตโต สำหรับพระอริยเจ้าที่เป็นพระสุขวิปัสสโก ประเภทนี้ไม่มีบาบาทอะไรทั้งหมด หมายความว่าละกิเลสได้แบบเงียบๆ ผีสาวเทวดาท่านก็ไม่เห็น นรกสวรรค์ท่านก็ไม่เห็น แต่ว่าจิตสงัดจากกิเลส

    สำหรับท่านเตวิชโช อันนี้ได้ทิพยจักขุญาณ กับปุพเพนิวาสนุสติญาณ คือว่าสามารถจะเห็นผี เห็นเทวดา เห็นสวรรค์เห็นนรก เห็นพรหมโลก เห็นนิพพานได้ตามอัธยาศัย แล้วก็สามารถระลึกชาติได้ ชาติของตัวเองเคยเป็นอะไรมาบ้างรู้หมด

    ต่อไปก็ฉลภิญโญ อภิญญา 6 อันนี้ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้

    สำหรับปฏิสัมภิทัปปปัตโต ก็แสดงได้อย่างกับท่านอภิญญา 6 แต่มีกรณีพิเศษโดยเฉพาะ เอาอย่างที่แปลกที่สุดคือรู้ภาษาทุกภาษาโดยไม่ต้องเรียน นี่กว่ากันอย่างย่อๆ รู้ภาษาทุกภาษาทั้งหมดโดยไม่ต้องเรียน ภาษาคนภาษาสัตว์รู้หมด

    ทีนี้ สำหรับหลวงพ่อสร้อยองค์นี้ อาตมาสงสัยว่าจะเป็นพระอรหันต์ ขั้นปฏิสัมภิทัปปปัโต เอากันแค่สงสัยนะ ทั้งนี้ก็เพราะว่าอาตมาเองไม่ใช่พระพุทธเจ้า ไม่ใช่สัพพัญญูวิสัยจะได้ไปรู้อะไรต่ออะไรได้ตามอัธยาศัย ในเมื่อรู้เองไม่ได้ก็เลยต้องเดา อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา เดาเล่นโก้ๆ ก็เลยบอกบรรดาท่านนายทหารว่าเอายังงี้ก็แล้วกัน สำหรับพระอรหันต์มี 4 แบบ สำหรับแบบอื่นเราจะพิสูจน์ได้ด้วยการทดลองอย่างอื่น แต่องค์นี้ฉันสงสัยว่าเป็นปฏิสัมภิทาญาณ ลองดูนะ ไม่แน่นัก

    ถามว่าพวกคุณนี่น่ะพูดภาษาอะไรได้บ้าง เอาภาษที่ถนัด บางคนก็บอกว่าภาษาอังกฤษผมเก่ง บางคนบอกว่าภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาจีนเพราะเคยเป็นลูกจีน แล้วก็ภาษาแขก บังเอิญมีนายทหารแขกอยู่คนหนึ่ง พูดภาษาแขกเร็วปรื๋อเรียกว่าได้กันหลายๆ ภาษา เมื่อได้กันแล้วซักซ้อมกันดีแล้วก็ส่งเข้าไปทีละคน คนไหนถนัดภาษาอะไร เข้าไปหาท่าน พูดภาษาแบบนั้น พูดภาษาที่ตนถนัด พอเขาเข้าไปพูด จะเป็นภาษาอะไรก็ตาม หลวงพ่อสร้อยตอบภาษานั้นได้อย่างชัดเจน คล้ายๆ กับเป็นเจ้าของภาษาเอง ทุกภาษา ในที่สุดพวกนายทหารถามว่า

    หลวงพ่อเรียนมาจากไหน ท่านบอกว่าท่านไม่ได้เรียน อยู่ในถ้ำนั่นเจริญสมาธิมันเกิดความรู้สึกขึ้นเอง เขาถามว่าในเมื่อเขาพูดภาษาอื่นหลวงพ่อมีความรู้สึกยังไง ท่านก็บอกว่ามีความรู้สึกเหมือนเขาพูดภาษาไทย เวลาที่จะตอบไปก็เหมือนกัน มีความรู้สึกว่าตอบเป็นภาษาไทย

    นี่แหละ ท่านผู้ฟัง สำหรบท่านอาจารย์สร้อย มีกรณีพิเศษ แปลกแบบนี้แล้ว ต่อมาพวกนายทหารแจ้งให้ทราบว่าท่านกำหนดเวลาตาย ท่านบอกว่าใครจะเอาอะไรก็เอา ท่านจะตายเดือนนั้นเดือนนี้ ถ้าจะต้องการอะไรให้ไปหาท่านก่อน คนที่ไปก็ได้ของดีพิเศษมาทุกคน คือว่า มีคำสั่งมอบหมายสมบัติชิ้นสำคัญนั่นก็คือ ให้รู้จักเป็นคนมีจิตเมตตา ให้มีเมตตาเป็นปกติ มีกรุณา มีมุทิตา มีอุเบกขา แล้วก็มีการให้ทานการสงเคราะห์ รู้จักรักษาศีล สำหรับศีลอย่าให้ขาดตลอดชีวิต แล้วให้รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะตาย นี่สมบัติชิ้นสุดท้ายที่หลวงพ่อสร้อยมอบให้แก่บรรดานายทหารที่มีความเคารพในท่าน

    และเมื่อพวกนายทหารได้รับมาแล้วก็มาบอกให้อาตมาทราบ อาตมาก็บอกว่านั่นเป็นของดีที่สุด ที่คุณจะไปเอาพระเอาตะกรุดอะไรนั่นก็ดีเหมือนกัน ถ้าหากพวกคุณแขวนพระไว้แต่คุณประพฤติตัวเป็นโจร พระท่านก็ไม่เอาด้วย เพราะหากว่าพระเป็นโจร พระก็ศีลขาด ถ้าหากว่าคุณเอาพระแขวนคอไว้แล้วใจคุณเป็นพระ หรือว่าคุณไม่มีพระแขวนคอ แต่ว่าใจคุณเป็นพระถึงแม้ว่าร่างกายคุณเป็นฆราวาสแต่ใจคุณเป็นพระแล้ว ก็ชื่อว่าคุณเป็นพระทั้งตัว พระนี่แปลว่าผู้ประเสริฐ คือไม่เลว ดีที่สุด เวลานี้คุณได้ของดีจากพระที่ดีมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าท่านเป็นพระอรหันต์จริง นี่อาตมาก็ไม่ได้รับรองกับเขาเพราะว่าไม่ใช่พระพุทธเจ้า

    ถ้าหากว่าท่านเป็นพระอรหันต์จริงก็ชื่อว่าคุณมีโอกาสพิเศษอย่างยิ่ง การไหว้พระอริยเจ้า 1 ครั้ง ดีกว่าไหว้ฉันแสนครั้ง ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะพระอริยเจ้าขั้นอรหันต์ท่านบริสุทธิ์หมด ไอ้ฉันนี่น่ะมันยังดำๆ ด่างๆ อยู่มาก มันอาจจะดำมากกว่าขาวก็ได้ เป็นอันว่าเรื่องราวของหลวงพ่อสร้อย ก็ยุติกันเพียงนี้นะ

    แต่ความจริงการพูดนี้เป็นการต่อขณะที่พูดนี่เป็นวันที่ 4 ของกุมภาพันธ์ เพราะเมื่อวันที่ 3 พูดๆ ไปปรากฏว่าไฟฟ้าดับเฉยๆ ผ่านมาประมาณครึ่งชั่วโมงเศษๆ ไฟฟ้าดับ ดับเพราะอะไร มาสืบข่าวได้ทราบว่าทางจังหวัดอุทัยธานีเขาเปลี่ยนสายกัน แต่ว่าระบบไฟฟ้าที่นี่แปลก ไอ้ต้นคัทเอาท์มันอยู่ที่หลังอำเภอมโนรมย์ เวลาจะทำงานที่อุทัยธานีก็ดับไฟ ไฟที่อำเภอมโนรมย์ก็เลยดับไปด้วย ไฟระหว่างทางก็พลอยดับ ถ้าหากว่าเป็นคนโง่ๆ อย่างอาตมานี่ อาตมาก็จะทำคัทเอาท์ตัดเฉพาะในเขตอุทัย แล้วตัดเฉพาะตอนไว้ ถ้าต้องการจะเปลี่ยนตอนไหน จะทำตอนไหนก็ยกคัทเอาท์ ดับ เฉพาะตอนนั้น แต่นี่ทางหน่วยราชการเขาเป็นชั้นโทชั้นเอกกัน เขาฉลาดกว่าอาตมา เขาเลยดับหมด เรียกว่าจังหวัดอุทัยธานีทั้งจังหวัด เขตชัยนาทอีกหนึ่ง มโนรมย์อีก 1 อำเภอ ดับไปด้วย เรื่องแรงงานต่างๆ ที่ใช้เครื่องยนต์ เมื่อมีไฟฟ้าก็เปลี่ยนมาใช้ระบบไฟฟ้า ก็เลยเป็นอัมพาดไปตามๆ กัน นี่เรื่องของหน่วยราชการท่านมีความฉลาดอย่างนี้ บรรดาประชาชนก็เลยโง่ไปตามๆ กัน

    อย่าไปนั่งนินทาเขาเลย มาต่อให้ครบชั่วโมง มันคนละวัน
    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     
  2. นาย หวังดี

    นาย หวังดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +1,272
    กราบหลวงพ่อครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...