มหานาคีมหานาคาครุฑารักษากลุ่มภูเก็ตพังงาบูชานัมทานทีรอยพระพุทธบาท

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นาคา, 18 เมษายน 2008.

  1. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ทริปบุญจำปาสัก...ในความทรงจำ

    วันรุ่งขึ้น เดินทางสู่น้ำตกคอนพะเพ็ง ซึ่งคล้ายกับ น้ำตกไนแองการ่า"

    น้ำตกคอนพะเพ็ง
    • ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากบ้านนากะสังลงมาราว 10 กิโลเมตร และห่างจากบ้านท่าม่วงลงมาราว 8 กิโลเมตร
    คอนพะเพ็ง เป็นน้ำตกที่ขนาดใหญ่ที่สุดในเขตแม่น้ำโขงตอนล่าง ตั้งอยู่บนแก่งหินขนาดใหญ่ขวางกั้นเส้นทางการไหลของแม่น้ำโขงทั้งสาย มีลักษณะต่างระดับกันสูงประมาณ 10 เมตร ซึ่งแม้จะมีชั้นของหินไม่สูงมากนัก แต่กระแสน้ำที่ไหนถามโถมลงมามีความรุนแรงมาก ด้วยแม่น้ำโขงทั้งสายไหลลงมาจากนั้นจะแยกออกเป็นหลายสาย


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2014
  2. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    เมื่อ ติดต่อ ห้องพัก มีปัญหาพอสมควรจาก การที่ผู้รับผิดชอบห้องพัก ใด้เก็บ รายละเอียดของ Fax เผอิญ ผู้รับจองห้อง ไม่ดูรายละเอียด ทำให้ต้องมาไล่ หา ใบFax ในการจองห้องพัก..

    ขณะ นั่งในlobby มองไปที่ลำน้ำโขง เจอ สิ่งคล้ายมีชีวิต ดำเล่นน้ำ ลำตัวทอดออกสีดำ พริ้วไหว เป็นทางยาง ๒ , ๓ เมตรบ้าง..

    เมื่อใด้ที่นั่ง ใด้เดินทาง เข้าสู่ ปราสาทภู (ปราสาทพู, หรือ ปราสาทวัดพู ) ซึ่งมีตำนาน มีนานมาก หลายสมัย ในอาณาจักร์เจนละ ....

    ค่ำคืน ในคืนแรก ผม ใด้นิมิตฝัน ว่า..
    ทาง กายทิพย์ และน้องนาคี ,น้องกายทิพย์ ใด้นำพาเที่ยว ถ้ำใต้บาดาล ริมโขง ด้าน วัดบนเขา กราบพระ

    คำคืนที่จะ เดินทาง เยี่ยมชม ปราสาทวัดพู นั้น เช่นกัน
    โดยที่ ผม ไม่ใด้ ดูรายละเอียด ปราสาทต่างๆ ในเว็ปเลย..

    น้องกายทิพย์ นำพา ชม บนยอดเขา ภู ซึ่ง ในนิมต พบ รอยพระพุทธบาท ขนาด ๑ เมตร บนยอดเขา และ นำประทักษิณาวัตร์ รู้ว่า มีั หลายท่าน ที่ รอ ผม อยู่ ณ. ที่นี่...(รายละเอียด จะนำมา โพสส์ ให้ ซึ่งตรงกับ การมองเห็น ของ บุคคล ๔ ท่านพอดี บุคคลทั้ง ๔ นั้น หนึ่งในนั้น คือ ศิษยานุศิษย์ หลวงปู่ดุลย์ ซึ่งผม ฟังจากคำบอกเล่า ผ่าน คลิปเสียง ..)..ตัวเอก ของเรื่อง คือ ผม เอง แฮะๆๆๆ

    ยามเช้า ใด้ร่วมบุญตักบาตร พระสงฆ์ที่ปรสาทวัดพู ในวันสุดท้ายพอดี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2014
  3. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ปราสาทวัดพู ตามตำนาน..

    ปราสาทวัดพู : ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองจำปาสักมาทางทิศใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร ปราสาทวัดพู หรือ วัดพู นครจำำปาสักได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในอดีตที่ตั้งของวัดพู เคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแห่งอารยธรรมโบราณถึง 3 สมัยด้วยกัน คือ อาณาจักรเจนละในช่วงศตวรรษที่ 6 – 8 ค้นพบจารึกกล่าวถึงการฆ่าคนเพื่อบูชาแด่เทพเจ้า ต่อมาเป็นยุคของอาณาจักรขอมสมัยก่อนเมืองพระนคร ที่เลือกบริเวณนี้เป็นที่สร้างปราสาทหินในราวศตวรรษที่ 9 และสุดท้ายอาณาจักรล้านช้างได้เปลี่ยนเทวาลัยในศาสนาฮินดูให้เป็นวัดในพุทธศาสนานิกายเถรวาท
    • สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาแก่ผู้พบเห็นคือภูเขาด้านหลังปราสาทที่ตั้งเด่นตระหง่านมองเห็นแต่ไกล รูปร่างคล้ายนมของผู้หญิงและคนเกล้ามวยผม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อภูผาแห่งนี้ว่าเขานมสาว แต่ชาวบ้านนิยมเรียกภูเกล้ามากกว่า อาณาเขตของปราสาทวัดภู เริ่มต้นจากริมฝั่งแม่น้ำโดยมีบันไดทางขึ้นรถหลั่นกันขึ้นมา 3 ชั้น จนถึงองค์ประธานของปราสาทซึ่งอยู่ชั้นบนสุด นอกเขตวัดมีบารายขนาดใหญ่ ซึ่งในสมัยโบราณใช้เป็นที่แข่งเรือและที่สรงน้ำสำหรับพิธีกรรมต่างๆ
    +++++++++++++++++++
    มีบุคคล ๔ ท่าน ระบุ คือ พราหมณ์ หลายท่าน ซึ่งอยู่ใน คณะ ที่ เราเดินทางไปในครั้งนี้ ..
    พราหมณ์ ท่านหนึ่ง ซึ่งบูชา นาคราช เทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ และ ผม ในอดีตภพ ณ. ปราสาทพู ที่นี่ ...กระทำผิด ต่อ กฏเกณฑ์ ทางพรหมณ์ ต่อมาจึงมีการ ฆ่าล้างกัน..ล้างกันเอง ในพรหมณ์ด้วยกัน จาก...

    ส่วน ตำนานที่มี ใน google จะ ดุร้ายมาก คือ ฆ่าคน นำมาบูชายัน ..
    ---------------------
    *************

    วันนี้ 02:00 PM
    นาคา
    ใด้เดินทาง เข้าสู่ ปราสาทภู (ปราสาทพู, หรือ ปราสาทวัดพู ) ซึ่งมีตำนาน มีนานมาก หลายสมัย ในอาณาจักร์เจนละ ....

    ค่ำคืน ในคืนแรก ผม ใด้นิมิตฝัน ว่า..
    ทาง กายทิพย์ และน้องนาคี ,น้องกายทิพย์ ใด้นำพาเที่ยว ถ้ำใต้บาดาล ริมโขง ด้าน วัดบนเขา กราบพระ

    คำคืนที่จะ เดินทาง เยี่ยมชม ปราสาทวัดพู นั้น เช่นกัน
    โดยที่ ผม ไม่ใด้ ดูรายละเอียด ปราสาทต่างๆ ในเว็ปเลย..

    น้องกายทิพย์ นำพา ชม บนยอดเขา ภู ซึ่ง ในนิมต พบ รอยพระพุทธบาท ขนาด ๑ เมตร บนยอดเขา และ นำประทักษิณาวัตร์ รู้ว่า มีั หลายท่าน ที่ รอ ผม อยู่ ณ. ที่นี่...


    ท่านกลางแสงแดด ที่ร้อน เราเดินทางขึ้นตาม ความรู้สึก การกลับมาเยื่อนถิ่นฐาน บ้านเดิม เมื่อ สมัย หลาย พันปี ...
    กับ การเห็น ภาพ แกะสลักหิน เป็น รอยพระพุทธบาทจำลอง ตามใน นิมิต แตกต่าง ที่ แกะสลัก บนผนังหิน (ตามภาพ ) พร้อม ช้าง ที่เห็น ในนิมิต ฝัน..

    น้อมนำ ดอกกุหลาบ น้อม ถวาย เป็น พุทธบูชา ...

    เสียดาย ที่ ทางเดิน เข้าขึ้น บนยอดเขา ทาง เจ้าหน้าที่ ลาว ปิดเส้นทางใว้ เกรง คนจะตกเขา อันเนื่องจาก ความชำรุดของ เส้นทาง ,หิน
    ซึ่ง จะใด้ เห็น ตาม ในนิมิต หรือ ไม่

    ทราบว่า ..ก่อนหน้านี้ เมื่อ ไม่กี่ปี มีคณะ ของ คุณน้อง ท่านหนึ่ง ใน เว็ปพลังจิต ใด้เดินทางขึ้นบนยอดเขา ใด้ ..
    แต่ตาม ที่ใด้ อ่าน ในตำนาน google พบว่า ..
    บนยอดเขา มี ลักษณะคล้าย ศิวะลึงค์ ขนาดใหญ่ ตามภาพ ที่เห็น บนยอดเขา ..

    ยามค่ำคืน เรา เดินทางขึ้นอีกครั้ง พร้อมภาพถ่าย..
    [​IMG] [​IMG]
    ภาพที่ ๓ ลักษณะคล้าย รอยพระหัตถ์ ประทับใว้บนโขดหิน
    ภาพ ๑๕ บนยอดเขา ลักษณะคล้าย ศิวะลึงค์ขนาดใหญ่ (อ่านในตำนาน google จะบอกว่า เขาสร้าง ศิวะลึงค์ขนาดใหญ่ใว้ บนยอดเขา จริงๆ )

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.3129004/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2014
  4. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    กลับมา ที่พัก รอเวลาเดินทางสู่ภาคค่ำ..
    เผอิญ คนขัยรถ มาผิดเวลา ทำให้ เดินทางติดค่ำ ตามที่นัดหมายเดิม เพื่อถ่ายภาพ ยามเย็น..
    คนเยอะ พอสมควรในยามค่ำ ไม่สามารถ เดินขึ้นไปที่ ปราสาท ด้านบนใด้ เนื่องจาก ไฟส่องสว่าง น้อย เกรง จะเดินสดุด หินศิลาแลง...

    ทางเจ้าหน้าที่ ใด้จุดคบเล็กๆ หรือ เทียนส่องสว่าง ตามขั้นบรรได หินศิลาแลง..

    ยามค่ำคืนจึงพบ กลุ่ม ดวงธรรม มากมาย จึงมีการถ่ายภาพ จากกลุ่มชนมากมาย..
    ถ้ามองทาง วิทยาศาสตร์ คงกล่าวว่า ฝุ่น ทำ ปฏิกริยา เกิด เป็น ดวง ตาม มุมกล้อง...

    มีบางท่าน ที่ ลอยโคมลอย ...
    *******************

    ป ร า ส า ท วั ด พู … ม ร ด ก โ ล ก คู่ ล า ว ใ ต้ (2)


    August 19, 2008
    ปราสาทวัดพู … มรดกโลกคู่ลาวใต้ (2)

    ตำนานของเมืองจัมปาสักกล่าวว่า กษัตริย์มเหนทรวรมัน ผู้ก่อตั้งอาณาจักรเจนละ มีการก่อตั้งศูนย์กลางแห่งแรกขึ้นที่เมือง "เศรษฐปุระ" หรือจัมปาสักในปัจจุบัน

    เนื่องจากศาสนาฮินดูนับถือพระศิวะ และบูชาศิวะลึงค์ ภูเก้า (ภูค_ย) หรือที่ชาวลาวเรียกกันว่า “ลึงคปรวตา” หรือภูเขาศิวะลึงค์ จึงได้รับการสักการะ และเคารพบูชาในฐานะที่เป็นศิวะลึงค์ศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ แต่การที่จะปีนป่ายขึ้นไปบูชาศิวะลึงค์ที่ยอดภูเก้าด้วยความสูง 1,400 เมตรจากระดับน้ำทะเลนั้น เป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงมีการสร้างเทวะสถานหมู่ปราสาทวัดพูขึ้นในระหว่างศตวรรษที่ 5-12 เพื่อทำพิธีกรรมทางศาสนา ณ เชิงเขาแทน

    ต่อมากษัตริย์ มเหนทรวรมัน ได้มีการขยายอำนาจออกไปทางใต้ และกษัตริย์องค์ต่อๆมาได้อพยพไปตั้งเมืองใหม่ขึ้นที่นครวัด ในเขมรปัจจุบัน .. อีกทั้งยังมีคำกล่าว (ในการบรรยายตำนานปราสาทวัดภูใน วีซีดี ที่ซื้อมาจากพิพิธภัณฑ์วัดภู) ว่ากษัตริย์ขอมก็ยังไม่ลืมว่ารากเหง้าของตนมาจากนครเศรษฐปุระ หรือจำปาสัก จึงมีการกลับมาก่อสร้าง ต่อเติมและทนุบำรุงศาสนสถานวัดพูมาโดยตลอด จนถึงรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในศตวรรษที่ 12 ซึ่งเป็นช่วงที่ขอมเริ่มเสื่อมอำนาจลง ... ฉันว่าเป็นความเชื่อที่น่าสนใจมากทีเดียว

    แต่ ... ไม่ว่านักโบราณคดีจะว่าอย่างไรก็ตาม สำหรับชาวบ้านแถบนี้เขาก็มีเรื่องเล่าเป็นตำนานพื้นบ้านที่เล่าสืบต่อกันมา ถึงที่มาและที่ไปของปราสาทหินวัดพู และเหตุผลที่ทำให้ปราสาทหินแห่งนี้สร้างไม่เสร็จ

    ตำนานมีอยู่ว่า … เดิมทีพระยามะกะทา ซึ่งเป็นเจ้าเมืองอยู่ในขณะนั้น ได้เดิมพันการแข่งขันการสร้างปราสาทหินวัดพู กับการสร้างพระธาตุพนม ถ้าใครสร้างเสร็จก่อนต้องตีฆ้องส่งสัญญาณบอก .. โดยในการสร้างปราสาทหินวักพูใช้แรงงานชายล้วน ในขณะที่การสร้างพระธาตุพนมใช้แรงงานหญิงล้วน

    สร้างไปสร้างมา ฝ่ายผู้สร้างพระธาตุพนมคงเห็นว่าพวกของตนคงจะแพ้แน่นอน เพราะผู้หญิงทำงานช้าและแรงน้อยกว่าทางฝ่ายวัดพูซึ่งใช้แรงงานชายสร้าง ก็เลยออกอุบายให้ผู้หญิงส่วนหนึ่งไปนุ่งน้อยห่มน้อยยั่วยวนผู้ชายฝั่งโน้น ผลก็คือทำให้แรงงานชายที่กำลังสร้างปราสาทหินวักพูระส่ำระสาย และทำให้การก่อสร้างล่าช้า จนฝ่ายสร้างพระธาตุพนมเป็นผู้ชนะไปในที่สุด และปราสาทหินวัดพูเลยสร้างไม่เสร็จมาจนถึงบัดนี้ … ฤทธิ์เดชของผู้หญิงสมัยโบราณไม่ใช่ย่อยเลยนะคะ

    ก่อนที่จะเข้าสูบริเวณกลุ่มปราสาทวัดพู จะมีบารายขนาดใหญ่อยู่ 2 ข้าง ขนาด 600X200 เมตร ตามคำบรรยายในวีซีดีบอกไว้ว่า ขอบบารายจะมีหอไหว้ 3 หอ เพื่อให้กษัตริย์และเสนาอำมาตย์ได้ชำระร่างกายก่อนที่จะเข้าสู่หมู่ปราสาท
    [​IMG]
    บริเวณชั้นที่ 1 เป็นที่ตั้งของปราสาทหินทราย ซึ่งได้เล่าเรื่องและนำภาพมาให้ดูไปแล้วในบทความครั้งที่แล้ว

    จากที่ตั้งของปราสาทซ้ายขวา พวกเราเดินต่อมาอย่างเดียวดาย .. ด้วยคงเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีคนนิยมมาเที่ยวหน้าฝน .. สิ่งก่อสร้างหลายหลัง ที่มีสภาพปรักหักพังจนดูไม่ออกว่าสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด เราเดินผ่านบันไดที่มีรูปสลักลอยตัวของนาคอยู่ทั้ง 2 ข้างของบันได หัวนาคนี้มีอยู่ทั้ง 2 ข้าง เป็นนาคที่มีเครื่องทรงที่หัว และยังอยู่ในสภาพดี แม้สิ่งก่อสร้างอื่นๆจะทรุดโทรมไปมากแล้ว


    เราเดินผ่านเส้นทางศักดิ์สิทธิ์ 288 เมตร ทั้ง 2 ข้างมีเสานางเรียง ซึ่งส่วนใหญ่หักพังไปแล้ว มีอยู่ส่วนน้อยที่ยังอยู่ในสภาพดี หัวของเสานางเรียงนี้คนไทยจะมองว่าเป็นรูปดอกบัว แต่คนลาวมองเห็นเป็นรูปศิวะลึงค์ (ตามคำบรรยายในวีซีดี) .. สองข้างทางมีหอไหว้ 2 หอ และสระน้อย และทางด้านตะวันตกมีปราสาทหินขนาดเล็ก (ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ) ที่คำบรรยายบอกว่าเป็นสถานที่พักของวัวศุภราช พาหนะของพระนางปวารตี มเหสีของพระศิวะ (ฟังมาจากคำบรรยาย หากผิด ผู้ที่รู้ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ)


    ชั้นที่ 2 ทางขึ้นสู่ลานชั้นที่ 2 เป็นบันไดหิน ที่ทั้ง 2 ข้างมีต้นลั่นทมเก่าแก่ อายุคงมากกว่าพวกเราทุกคนที่ไปเยือนในวันนี้ขนาบอยู่

    เมื่อเดินขึ้นจนสุดทางบันไดจะเห็นเป็นลานเล็กๆ ไม่กว้างขวางเท่าใดนัก ทางด้านขวามือจะมีรูปเคารพสร้างด้วยหินของพญามกทา (อ่านว่า มะกะทา) ขนาดเท่าคนจริงยืนตระหง่านรอรับผู้มาเยือน ลักษณะคล้ายรูปทวารบาลห่มผ้าจีวรยืนตระหง่านอยู่ริมบันไดใต้ร่มเงาของต้นลั่นทมหรือจำปาลาว มือขวาของท้าวมกทากุมไม้เท้า ส่วนมือขวากุมที่อก แสดงท่าเคารพผู้ที่มาเยือน


    ภาพทวารบาลห่มจีวรสะท้อนให้เห็นว่าศาสนาพุทธที่มีอิทธิพลในดินแดนแถบนี้ คือ ศาสนาพุทธสายเถรวาท .. พญามกทา มีตำนานเล่าขานที่เล่าให้ฟังข้างต้นว่าท่านผู้นี้เป็นผู้ฟื้นฟูปราสาทวัดภูให้เป็นพุทธสถาน ผู้คนเคารพนับถือกันมากไม่เสื่อมคลาย เห็นได้จากดอกไม้ที่มีผู้นำมาสักการะ และก้านธูปที่ปักอยู่ในกระถาง และควันธูปที่ตลบอบอวลอยู่ตลอดเวลา และเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความเชื่อทางศาสนาฮินดูยังคงมีอิทธิพลต่อชาวพุทธในลาวอยู่ไม่เสื่อมคลายทีเดียวค่ะ
    [​IMG]

    .. และเมื่อสักการะพญามกทาแล้ว ก็มารับการผูกข้อมือจากแม่หญิงลาวเพื่อเป็นสิริมงคลได้ค่ะ
    [​IMG]

    ด้านขวามีรูปสลักด้วยหินของนายทวารบาล วางนอนอยู่ ซึ่งชาวลาวเรียกว่ารูปสลักหญิงนอนหงาย ชายนอนคว่ำ นอกจากนี้ยังมีรูปสลักของพระพิฒคเนศ ซึ่งมีศรีษะเป็นช้าง เข้าใจว่านำมาจากที่อื่นและพักเอาไว้ ณ ที่แห่งนี้

    ทางด้านทิศเหนือของลานแห่งนี้มีร่องรอยของพระธาตุ 1 หลัง

    ถัดมาเป็นเส้นทางเดินสูงชันที่ทอดขึ้นสู่ชาลาชั้นที่ 3 ที่ตั้งของปรางค์ประธาน เป็นบันไดขึ้นเขาที่ถูกสร้างตามความสูงของภูเก้า บริเวณทางเดินทางเดินถูกวางด้วยก้อนศิลาขนาดใหญ่ กล่าวกันว่าประหนึ่งให้เป็นดั่งเกล็ดของพญานาค

    สองข้างทางขึ้นภูมีต้นลั่นทมหรือต้นจำปาลาว ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติต้นใหญ่เรียงรายทั้งสองข้างทาง เรียงรายขนานไปกับบันได ประหนึ่งเป็นการเดินขึ้นเขาพระสุเมรุ


    เมื่อเห็นต้นลั่นทม ทำให้คิดถึงเพลงดวงจำปา ที่พรรณนาถึงดอกจำปาลาว … สำหรับชาวเราดอกลั่นทมอาจจะดูธรรมดาๆ เนื้อร้องก็ธรรมดา หากแต่เวลาขับขาน สุดแสนจะกินใจ สัมผัสได้ถึงความงดงาม ความสุขสงบ และวิถีชีวิตที่มิได้รื่นรมย์เสมอไป … เป็นสัจจะธรรมของชีวิต ที่ต้องต่อสู้ อยู่รอด …
    “ กลิ่นเจ้าสำคัญ ติดพันหัวใจ
    เป็นน่าฮักใคร่ แพงไว้เชยชม
    ยามเหงาเฮาชม โอจำปาหอม
    เมื่อดมกลิ่นเจ้า ปานพบเพื่อนเก่า
    ที่พรากจากไกล …….”

    แม้จะมีความใหญ่โตของต้นจำปาลาวช่วยพรางแสงแดดไว้บ้าง แต่สงสัยคงเป็นเพราะสังขาร ทำให้การปีนบันไดหินขึ้นภูลูกนี้เหนื่อยเร็วกว่าที่เคยเป็น จึงหอบแฮ่กๆ จนต้องพักเป็นช่วงๆ เข้าร่มจำปาลาวแล้วดื่มน้ำแก้กระหาย โดยมีวิวสวยที่เพิ่งผ่านมาอยู่เบื้องล่าง ซึ่งมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆตามความสูงของภู

    บันไดขึ้นสู่เทวาลัย ทำเป็นฐาน 7 ชั้น แต่ละชั้นมีบันได 11 ขั้น คนลาวเรียกกันว่า กำแพงแก้ว 7 ชั้น ดูๆไปประหนึ่งการเดินขึ้นสู่สวรรค์ชั้นดาวน์ดึงทีเดียว … แต่เห็นชิ้นบางส่วนของส่วนประกอบของหลังคา ซึ่งเป็นชิ้นหินสลักใหญ่โตรูปแบบเหมือนกับศิลปะแบบเกาะแกร์ ถูกนำมาวางเป็นขั้นบันได .. อาจจะเกิดจากส่วนของหลังคาเทวาลัยที่พังลงมาเมื่อนานมาแล้ว .. เห็นแล้วเสียดายค่ะที่ถูกผู้คนย่ำผ่านไป ผ่านมาอยู่ทุกวัน

    การเดินทางมาเยือนลาวในหน้าฝน จะให้ความรู้สึกที่สดชื่น เบิกบาน รื่นรมย์ .. แตกต่างจากการเดินทางมาในหน้าร้อน ที่จะพบแต่ฝุ่น และฝุ่นสีแดงอยู่ทั่วไป .. ในหน้าฝน สีเขียวๆของมอสที่มาเกาะอยู่ตามก้อนหิน ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง และแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของทั้งสถานที่ และธรรมชาติรอบๆศาสนสถาน

    บนนี้มีศาสนสถานที่มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก ด้วยจุดประสงค์ในการสร้างเพื่อเป็นที่บวงสรวงเท่านั้น และส่วนของหลังคาของเทวาลัยก็หักพังลงมาเกือบหมดแล้ว .. แต่ขนาดของเทวาลัยไม่สำคัญค่ะ ถีงจะเป็นเทวาลัยขนาดเล็ก แต่ก็งดงามด้วยลายจำหลักอันวิจิตร อลังการ งดงามด้วยฝีมือช่างที่คมเฉียบมาก ..

    หน้าประตูทางเข้าด้านซ้ายและขวาสุดมีภาพสลักของทวารบาล ที่ทำหน้าที่คอยเฝ้าปราสาทวัดภูที่ด้านหน้าปรางค์ประธาน ยังคงสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ชัดเจน ดูราวกับมีขีวิต …


    ส่วนผนังของประตูกลางทั้ง ด้านซ้าย ปรากฏรูปแกะสลักอันอ่อนช้อย งดงามของภาพนางอัปสรา ที่ด้านหน้าของปรางค์ประธาน … ประจักษ์พยานที่ยืนยันว่าดินแดนแถบนี้ ขอมเคยปกครองมาก่อน … ส่วนด้านขวาเป็นรูปสลักของพระแม่ธรณีบีบมวยผม (แต่ฉันก็ยังมองเห็นเป็นรูปนางอัปสราทั้ง 2 ตนอยู่ดี)


    เหนือทับหลังมีรูปแกะสลักหลายชิ้น ซึ่งเป็นภาพสลักที่อ่อนช้อย งดงาม ประณีตวิจิตร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอารยะธรรมขอมโบราณได้เป็นอย่างดี เป็นรูปสลักที่บอกเรื่องราวต่างในศาสนาฮินดู ยุคศตวรรษที่ 6 ร่วมสมัยกับยุคเกาะแกร์และบาปวน เช่น รูปสลักพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ .. รูปพระอินทร์นั่งชันเข่าเหนือหน้ากาล (คนลาวเรียกพระราหู)

    ภายในเทวาลัย เดิมเป็นที่ประดิษฐานศิวะลึงค์ ตอนนี้กลายสภาพเป็นโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะลาวหลายองค์ ท่ามกลางกลิ่นธูป ควันเทียน และดอกไม้ของผู้ที่เข้ามานมัสการ … ในศตวรรษที่ 13 ศาสนาพุทธเริ่มเข้ามาแทนที่ศาสนาฮินดูในบริเวณนี้ และในศตวรรษที่ 19 ได้มีการนำพระพุทธรูปเข้ามาประดิษฐานไว้ในเทวาลัยแห่งนี้


    ด้ายซ้ายของเทวาลัยเป็นส่วนที่เคยเป็นบรรณาลัย ที่คนลาวเรียกว่า หอไตร ที่ใช้รักษาคัมภีร์ .. เห็นมีชาวลาวนำดอกไม้ ป เทียนมากราบไหว้บูชาอยู่บ้าง


    เมื่อเดินอ้อมมาด้านหลังของเทวะสถานขึ้นไปยังเนินด้านหลัง จะพบเพิงผา สูง 99 เมตร ที่มีน้ำหยาดหยดลงมาไม่ขาดสาย … เชื่อกันว่าเป็นน้ำที่ไหลลงมาจากยอดภูเก้า จาก“สวายัมภูวะ” ในอดีต เป็นแหล่งน้ำที่พราหมณ์ ต่อรางนำน้ำที่ไหลออกจากหินย้อยในซอกหลืบของถ้ำบริเวณด้านหลัง มาสู่ศิวลึงค์ที่ประดิษฐานอยู่ในปรางค์ประธาน เพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรม กลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ และมีการต่อท่อโสมสูตรออกมาด้านนอก เพื่อให้ผู้คนนำน้ำศักดิ์สิทธ์ไผปดื่มกิน เพื่อเป็นศิริมงคล .. ซึ่งบ่งบอกได้ว่าปราสาทวัดภูแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดูไศวนิกาย .. ปัจจุบันศิวลึงค์ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกมาและเปลี่ยนเป็นพระพุทธรูปในศาสนาพุทธแทน ชาวบ้านนิยมนำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชาแสดงการสักการะ และเรียกปรางค์ประธานนี้ว่าหอไหว้ ..
    [​IMG]

    สายน้ำที่ไหลจากหลืบถ้ำ ก็ยังคงไหลลงมาไม่ขาดสายชั่วนาตาปีจนถึงปัจจุบัน แม้จะผ่านช่วงกาลเวลามานานนับพันปีแล้วก็ตาม แต่ยังเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาอยู่เช่นเดิม ชาวลาวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาเที่ยวยังปราสาทวัดภูยังคงนิยมเอาศีรษะไปรองรับน้ำที่ใต้รางน้ำ ปล่อยให้น้ำรดใส่ศีรษะ บางคนก็นำขวดมาบรรจุน้ำเพื่อนำกลับไปเป็นศิริมงคลกับตนเอง …

    อนึ่ง .. เมื่อไม่นานมานี้ มีการขุดค้นซากเมืองโบราณ และพบแผนผังเมืองเก่าที่มีรางน้ำที่สร้างต่อจากภูเก้าแห่งนี้ไปเป็นระยะทางถึง 240 กิโลเมตร ตรงไปยังศาสนสถานนครวัด .. เป็นการค้นพบที่น่าทึ่งมากค่ะ และเป็นความน่าทึ่งต่อจากเรื่องที่คนลาวเชื่อว่ากษัตริย์ขอมมีรากเหง้าจากคนลาว

    ขอขอบคุณ คุณน้อง ทุกท่านที่เมตตา ถ่ายภาพ เก็บใว้ในชม จาก หลายๆกล้อง...
    หากภาพ ใดใด ไม่เหมาะสม กราบขออภัยทุกท่าน ครับ..


    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=303479
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2014
  5. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ปราสาทวัดพู (มรดกโลก)


    พระเจ้าชัยวรมันได้สร้างปราสาทวัดพู จำปาสัก พ.ศ. 893-943 เพื่อถวายพระศิวะ ปราสาทวัดพูในศิลาจารึกเรียกว่า "ลึงคปรวตา" ภูเขาอันเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ ตามพงศาวดารของส่วยกล่าวว่า "อยู่ใกล้นครหลวง มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่า ลิงกิยโปโป (ลิงกภาวตา) ที่ยอดภูเขามีปราสาทหลังหนึ่ง มีทหารหนึ่งพันคนรักษาประจำอยู่ ปราสาทหลังนี้ สร้างให้แก่เทพเจ้าองค์หนึ่งโดยมีการฆ่าคนเป็นเครื่องบูชายันต์ทุกๆ ปี พระเจ้าแผ่นดินได้เสด็จไปในปราสาททำพิธีบูชายันต์ด้วยพระองค์เองในเวลากลางคืน

    ปราสาทวัดพู หรือวัดภู อยู่ห่างจากปากเซไปตามถนนหมายเลข 13 ลงทางใต้ประมาณ 45 กิโลเมตร (ต้องนั่งแพข้ามกลับไปฝั่งขวาแม่น้ำโขง เพราะช่วงนี้ไม่มีสะพาน ค่าธรรมเนียม100 บาท หรือ 250,000 กีบ/คัน) เดินทางผ่านเมืองเก่า จำปาสัก ไปประมาณ 2 กิโลเมตร ถึงปราสาทวัดพู เป็นโบราณสถานในศาสนาฮินดู-พรามหณ์ ที่สร้างในพุทธศตวรรษที่ 10 (เคยเป็นวัดด้วย ดังนั้น จึงมีงานประเพณีนมัสการวัดพูทุกๆ ปี ประมาณวันเพ็ญเดือน 3 ซึ่งจะตรงกับงานนมัสการพระธาตุพนมพอดี)

    ลักษณะของปราสาทวัดพู จะสร้างอยู่เชิงเขาลิงบรรพต ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู-พรามหณ์ ที่ว่าเทพศิวะจะต้องประทับอยู่บนเขาพระสุเมรุ

    ชั้นนอกสุด เป็นบารายหรือสระน้ำขนาดใหญ่ 3 สระ เมื่อใครจะมานมัสการพระศิวะต้องผ่านก่อน ซึ่งบารายนี้ อาจเปรียบเทียบได้กับทะเลสีทันดอนที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุก็ได้ ในปัจจุบัน คงเหลือให้เห็นอยู่ 2 สระเท่านั้น


    ศาลา เดิมเป็นโคปุระรูปสี่เหลี่ยมโล่ง ไม่มีประตู สร้างใกล้กับบาราย สันนิษฐานว่า เมื่อพระเจ้าแผ่นดินมานมัสการพระศิวะ จะต้องเข้ามาโดยใช้เรือ แล้วมาขึ้นที่อาคารนี้ ในปัจจุบัน ถูกรื้อลงมาแล้วสร้างอารสมัยใหม่ขึ้นทับของเดิม เพื่อเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตลาว ที่ทรงพระราชดำเนินมานมัสการวัดพูเมื่อ พ.ศ. 2508

    โรงท้าว โรงนาง หรือหอเปลื้อง เป็นอาคารลักษณะเหมือนตัวยู โดยมีทางเข้าด้านหลัง 1 ด้าน และทางออก 2 ด้านทางหน้า มีอาคารอีกหลังสร้างบังด้านหน้าเป็นรูปตัวไอ โดยมีทางเข้า เข้าด้านหน้า 1 ด้าน และทงออก 2 ด้าน ทางหลังทางออกจะตรงกันกับอาคารด้านหลังรูปตัวยูพอดี อาคารทั้งสองจะเหมือนกัน

    เทวสถาน อาคารของเทวสถานนั้น หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีทางเข้าสามประตูด้านหน้า และอีกสองประตูด้านข้างซ้ายและขวา สองข้างอาคารเทวสถานซึ่งตามแผนผังจริงๆ จะเป็นหอคัมภีร์หรือห้องสมุด แต่ปัจจุบันเหลือแค่ 1 หลังซึ่งอู่ทางด้านซ้ายมือ ซึ่งในครั้งนี้ บริเวณปราสาทวัดพูนี้ เป็นวัดในพุทธศาสนานั้น ทางวัดได้รื้อหอพระคัมภีร์ทางด้านขวาลง และสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่
    [​IMG]
    อาคารเทวสถานนี้ มีลวดลายของทับหลังที่สวยงาม และเด่นชัดทุกด้าน โดยที่ยังคงสวยงามมากแห่งหนึ่งในแถบนี้ ภายในอาคาร ได้มีการสร้างพระพุทธรูปไว้เคารพสัการะเมื่อครั้งยังเป็นวัด

    นอกจากจะพบกับระเบียงคตด้านหลังที่เป็นรูปตัวยู ยังมีโบราณวัตถุให้ชม ประกอบด้วย
    บ่อน้ำเที่ยง หรือน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่มีน้ำตลอดทั้งปี ในสมัยก่อนจะต่อท่อเอาน้ำนี้มาใช้รดบนศิวลึงค์

    หินสกัดรูปจระเข้ เกี่ยวข้องกับการบูชายันต์
    [​IMG]
    รูปตรีมูรติ ซึ่งเป็นเทพเจ้าในศาสนาฮินดู-พรามหณ์ ที่แบ่งแยกให้เห็นว่า ในศิวลึงค์นั้นประกอบไปด้วยเทพ 3 องค์นี้ คือ พระพรหมผู้สร้าง พระนารายณ์ผู้รักษา และพระศิวะผู้ทำลาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2014
  6. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    วันรุ่งขึ้น เดินทางเข้าสู่ น้ำตก..ตาดผาส้วม...
    [​IMG]
    น้ำตกตาดผาส้วม
    • ที่ตั้ง : มาตามทางหลวงหมายเลข 23 จนถึงบ้านห้วยแร่ประมาณกิโลเมตรที่ 21 แล้วเลี้ยวซ้ายมาตามทางหลวงหมายเลข 20 ประมาณ 13 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่ตัวน้ำตก
    ตาดผาส้วม แค่ชื่อก็อาจฟังดูไม่คุ้นหูสำหรับคนไทยเท่าไรนัก แต่จริงๆแล้วค่ำว่า ส้วม ของลาวหมายถึงห้องนอนที่กั้นไว้สำหรับลูกสาวลุกเขยโดยเฉพาะ ส่วนตาดแปลว่าลานหินที่เป็นชั้นๆ จุดเด่นของน้ำตกตาดผาส้วมคือ สายน้ำที่ไหลผ่านหินผาขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นแท่งๆ รูปร่างคล้ายห้องหอของคู่บ่าวสาวดูสวยงาม

    • นอกจากนี้ภายในอุทยานยังมีพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเอาหมู่บ้านโบราณของหลายชนเผ่ามาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน เช่น บ้านของขาวกระต้าง ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบๆน้ำตกนี้ บ้านของชาวเผ่าอาลัก บ้านของชาวกระตู้ หอกวน ที่ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของชาวเผ่าละแว ภายในจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ของชาวเผ่าให้ชมเป็นจำนวนมาก
    [​IMG]
    และหอสูงของชาวละแวที่ใช้เป็นที่สังเกตการณ์ภายในหมู่บ้าน และที่น่าสนใจที่สุดคือบ้านพักของทางอุทยานที่ตกแต่งได้สวยงามอย่างลงตัว ด้วยวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น

    ขอขอบคุณ คุณน้อง ทุกท่านที่เมตตา ถ่ายภาพ เก็บใว้ในชม จาก หลายๆกล้อง...
    หากภาพ ใดใด ไม่เหมาะสม กราบขออภัยทุกท่าน ครับ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2014
  7. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    แวะ ทานอาหาร เที่ยง ข้าวเหนียวส้มตำ ...น้ำตกตาดเยื้อง...
    [​IMG]
    (แสงส่องประกาย เป็นรุ้ง )
    • น้ำตกตาดเยือง
    • ที่ตั้ง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 23 เส้นทางไปปากซอง มาถึงหลักกิโลเมตรที่ 40 มีทางแยกเข้าขวามือเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร
    ตาดเยืองเป็นน้ำตกสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองปากซอง คำว่าว่าเยืองแปลว่าเลียงผา แม้จะเป็นน้ำตกขนาดกลางไม้สูงใหญ่เท่าตาดฟานก็ตาม แต่มีข้อดีกว่าคือคุณสามารถเข้าไปชมได้ใกล้ชิดถึงตัวน้ำตก
    • จุดเด่นที่น่าชมอยู่ที่สายน้ำสีขาวที่ไหลออกมาตามหน้าผากระทบโขดหินแตกเป็นละอองสีขาวตัดกับสีดำเข้มของโขดหิน ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นและเป็นส่วนตัว

    *** ต้อง เดินลง สู่ น้ำตก น่าจะประมาณ ๑๐๐-๑๕๐ เมตร ตอนเดินขึ้นมา แฮะๆๆ หอบ ๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2014
  8. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    เก็บตก จบ อวสาน..จำปาสัก

    มีน้องสาว ท่านหนึ่ง ให้แวะ กราบท่านอาจารย์.ท่านหนึ่งทาง สปป.ลาว ก่อนจะเดินทาง กลับ สยาม

    ท่านใด้เมตตา ส่งกระแสบุญ และ พลังงาน ใน กายสังขารให้ ทุกคน..ยกเว้น พี่ท่านหนึ่ง..
    และ ใด้ ตั้งจิต สักใน วาระหน้า อาจจะ เดินทาง มาพักกาย ,จิต ที่นี่ ซึ่งมี สำนักปฏิบัติธรรม (ถ้ามีโอกาส ...)
    บนเนินเขา เหมาะ ต่อ การ บำเพ็ญจิต อย่างมาก

    กลับที่พัก แวะ จัดหา กระเป๋า เดินทาง ของ พี่สาวญาติธรรม กัลยาณมิตร..

    กลับสู่ สยาม , อุบล เดินทางกลับ กทม, ภูเก็ต ปลอดภัย..

    ขอขอบคุณ คุณน้อง ทุกท่านที่เมตตา ถ่ายภาพ เก็บใว้ในชม จาก หลายๆกล้อง...
    หากภาพ ใดใด ไม่เหมาะสม กราบขออภัยทุกท่าน ครับ..


    ภาพ ๔ พระพุทธ ใต้ต้นไม้ใหญ่ ข้างถนน สู่ ปราสาทวัดพู
    ภาพ ๖ แกะสลักองค์พระพิฆเนศ บนโขดหิน ปราสาทวัดพู
    ภาพ ๗-๙ ข้ามแพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2014
  9. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    [​IMG]
    ๒๓ กุมภา
    เดินทางขึ้นเรือนธรรมเวียงนาคา.บนเนินเขาอ.คุระบุรี.พังงาตั้งแต่เมื่อวาน..นำยางมะตอยสำเร็จรูปเทผิวถนน.ทางขึ้นเพิ่มอีก.๒๕.ถุง.
    บำเพ็ญจิตภาวนาต่อไป...

    ๒๙ มีนา
    เดินทางออกจากภูเก็ต.๐๓.๐๐.ถึง.เรือนธรรมบนเขา.อ.คุระบุรี.พังงา.๐๖.๐๐.อากาศสบายๆ..
    ขุดดินปรับพื้นที่ต่อ...รอ..การก่อสร้างต่อไป.เพื่อ.บำเพ็ญกายและจิตตามสภาวะ..หมอกลงเล็กน้อย...

    ๓๑ มีนา
    หลังจากนำตัวหนอนปูถนนทางขึ้นเลี้ยวโค้งที่.๓ พร้อมเทปูนซิเมนต์กั้นขอบ..
    [​IMG]
    ...นอนกลดหน้าลานพระ..ทดสอบกำลังใจ.ฝนลงเม็ดพอสมควร..ตั้งจิตขอนอนกลด.คืนวันพระ.ขอฝนหยุดเถิด..ประมาณ๕ นาทีฝนขาดเม็ด..สามารถสวดมนต์ทำวัตรเย็น..ชุมนุมเทวดา..สาธยาย.พระธรรมจักรกัปวัฒนสูตร.พระพุทธเจ้า๒๘พระองค์,มงคล๓๘..,...,....,ขันธปริตร,ชัยมงคลคาถา,ชินบัญชร..มงคลจักรวาฬใหญ่..
    ตามสภาวะ...
    เช้านี้เทปูนซิเมนต์กั้นขอบตัวหนอนอีกครั้ง..ถนนทางเข้าเรือนธรรม..
    น้อมโมทนาบุญ,ขอบคุณคุณAlex Ju.เฮีย เล็ก,และเพื่อนคุณ@Alex ju ที่เมตตาให้..
    ปูนซิเมนต์.๑๕ ถุง.ในการทำถนนขึ้นเรือนธรรม.บนเขา.อ.คุระบุรี ( นำมาใว้ก่อน๕ ถุง.).ขอบคุณมากครับ — ที่ พุทธธรรมภาวนาเวียงนาคาธิบดี
    [​IMG]
    ภาพ ๑๖ -๑๗ ถ่าย ด้วยกล้องมือถือ ลักษณะคล้าย ดวงขนาดใหญ๋..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2014
  10. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ๑๓.เมษา.๒๕๕๗..สงกรานต์..
    เช้า๑๓ นี้สวดมนต์ทำวัตร์เช้า..จากนั้น.เดินจงกรมหน้าบ้านรอ..เติมบุญ..ด้วย..ทาน.ศีล.สมาธิ.ปัญญา..
    ตักบาตรองค์หลวงปู่...
    นั่งสมาธิภาวนาจิตอีกครั้ง..ตามสภาวะกำลังจะพึงใด้..

    น้อมอัญเชิญ..องค์สมเด็จ๓ กาล.คือ
    ๑.สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลกทรงเครื่องมหาจักพรรดิ์...
    ๒.สมเด็จองค์ปัจจุบัน..
    ๓.สมเด็จองค์พระศรีอารยเมตตรัย..
    ๔.พระแก้วมรกต เนื้อผงน้ำพี้
    ๕.พระแก้วแดง..พระแก้วในกาลสมัยพระศรีอารย์..
    ๖.พระปัจเจกโพธิเจ้าปางประทานพร..
    ๗.หลวงปู่ทวด.ฐานพระธาตุเหล็กไหลเพลิง.นาคราช
    ๘.สมเด็จหลวงปู่อุปคุตมหาเถระ.ปางจกบาตร.
    ๙.หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร..

    ***พร้อมดวงแก้วมณีนาคา.นาคี.แก้วรัตนะ...ดวงแก้วมณีลุ่มน้ำโขงพระธาตุพนม.

    ขอขมาองค์พระรัตนตรัย..หลวงปู่,พ่อแม่ครูอาจารย์..สรงน้ำ.สงกรานต์..เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา..ไม่ใด้อัญเชิญสรงน้ำ..มหาสงกรานต์...

    ขอพลังบุญด้วยสัมมาทิฐิตั้งแต่อดีต.จวบ.ปัจจุบัน...ด้วย..บารมี๑๐,๓๐ทัศ....ด้วยพระแม่ธรณี..พระแม่คงคา,พระเพลิง,พระพาย,พระแม่โพสพ..พญาครุฑาพร้อมบริวาร...ปู่พญานาคา,ย่าพญานาคี...น้องนาคี...เพื่อนๆนาคา..ปู่มหาพรหม,ปู่พระอินทร์,ปู่มหาราชทั้ง๔..อินทกะ,.์

    น้อมบุญ แด่ ดวงจิต...ทั้งกายทิพย์ และ กายสังขาร พร้อมแผ่เมตตาจิต..น้อมบุญแด่...องค์พ่อหลวง,

    ,คุณพ่อในปัจจุบันนี้,พ่อแม่ในอดีตภพ..น้องๆครอบครัว"ทองทวีวิวัฒน์".

    .เทพภูมิ.๑๖ชั้นฟ้า,๔ อรูป..๑๔.บาดาล,๑๕.ขั้นดิน,,ภูมิเทวา,รุกขเทวา,อากาศเทวา,,พระแม่ธรณี,พระแม่คงคา,พระเพลิง,พระพาย,พระแม่โพสพ,,ธาตุ๔,ท่านปู่มหาราชทั้ง ๔ ,อินทกะ ,ปู่พญานาคา,ย่าพญานาคี,ปู่พระอินทร์,พยายมราช,,ท่านปู่มหาพรหม ,ท่านปู่บรมครูฤาษี ทั้ง ๑๐๘
    ,,ท่านพ่ออนันตนาคราช,,ท่านพ่อศรีสุทโธนาคราช,,ท่านแม่ศรีแก้วรัตนา,แม่บุญลือ,,,,กายทิพย์,น้องนาคีที่เกี่ยวเนื่องกันมาในอดีตภพ-ปัจจุบัน....กายสังขารทุกท่าน..พี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกท่าน..

    อดีตภพ จวบ ปัจจุบัน ทุกดวงจิต ให้มี พรหมวิหารธรรม รัก เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ร่วม โมทนา ในผลบุญ สัมมาทิฏฐิ ..

    ญาติและมิใช่ญาติ.....สุขะ.พละ.วรรณะ..ปัจจัยคล่องตัว.ด้วย..มนุษย์สมบัติ,สวรรค์สมบัติ.จักรพรรดิสมบัติ,,ตราบเท่า.นิพพานสมบัติ..

    อิทังบุญผลัง......โหตุ
    ขอพระแม่ธรณี เป็น สักขีพยาน ในการสร้างสม บารมี ๑๐ ,๓๐ ทัศ ตั้งแต่ อดีต -ปัจจุบัน
    น้อมพลังบุญ องค์พระรัตนตรัย สู่ ความสดชื่น มหาสงกรานต์ ๒๕๕๗ ...ทั้ง กายสังขาร แล กายทิพย์...

    หลังจาก สรงน้ำพระพุทธที่บ้านแล้ว เดินทาง สู่ สถานธรรม
    พระอาจารย์เมตตา ให้ ทุกคน ประมาณ ๕๐ กว่า ท่าน บังสกุลเป็น (ใครมาก่อน ทำพิธีก่อน ) จากนั้น พระอาจารย์เมตตา
    รดน้ำ รอบโบสถ์ ๔ โอ่ง ๔ ทิศ...

    และ ใด้เวลา สรงน้ำ พระอาจารย์ ,พระสงฆ์
    ยามค่ำคืน ๑๓ ,๑๔ เมษา น้อมจิต บำเพ็ญ ในโบสถ์ กับ ข้อธรรม ที่พระอาจารย์ ท่าน ถ่ายทอด จาก หลวงปู่กายทิพย์

    หลวงปู่กายทิพย์ เมตตาให้ ข้อธรรม ที่โดนใจ หลายท่าน โดยที่ไม่่ต้องกราบเรียนถาม ...เช่น ท่านกล่าวลอยๆ ว่า..
    คนที่ถูก ด่า..เพราะ เขา....และ หวังดี เพราะ พวกเธอนั้น เกิดมาหลายภพ หลายชาติ อธิฐานจิต มามากมาย..ฉนั้น เมื่อ ...จึงมีการกระทบกันบ้าง
    ให้ละ สังโยชน์ ออก..


    คืนนี้ ๑๓ เมษา ทุกคน มีแสง...อย่างน้อย (ถ้าจำไม่ผิด ) ๕๐ โยชน์ หรือเท่ากับ ๑๖ กม*๕๐. ทุกคน แล้วแต่ ใครจะบำเพ็ญ จิต มาเข้าถึง สภาวะธรรม มากกว่า.. ( ณ.เวลานั้น ในสถานที่ สถานธรรม )
    กายทิพย์ เปลี่ยน...ในช่วง ปีใหม่

    ปัจจัตตัง พิจารณาตามความเหมาะสม ...ผม ความรู้ยังน้อยมาก..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    กิจกรรม outing ในที่ทำงานเพื่อความสัมพันธ์

    เช้าวันจันทร์.๒๑.เมษา..น้อมสวดมนต์ทำวัตร์เช้า,จิตภาวนา.ตามปกติ...จากนั้น..เดินทาง.จากที่ทำงาน.สู่เกาะคอเขา..เมืองเก่าในอดีต..

    ร่วมกิจกรรม..outing. ด้วย.team building.. แบ่งสีแข่งกันเพื่ิอ..team work.. สัมพันธ์ภาพใน..เพื่อนพนักงาน..
    ดำน้ำในสระ.เก็บชิ้นส่วนนำมาต่อ.จิกซอร์..ชนะไป..๓ เกมส์....ตาแดงแพ้สารเคมี.คลอรีนเพราะดำน้ำนาน...

    กิจกรรมภาคค่ำ..อาหารค่ำ..ผมงดตามปกติ..ขึ้นมาพักผ่อน..
    ..สวดมนต์ทำวัตร์เย็น..ในห้องพักซึ่งพักคนเดียว.ห้องใหญ่..ห้องน้ำกระจกเปิดเลื่อนใด้

    จิตภาวนา..ช่วงประมาณ..๓ ทุ่มนิดๆ.ไฟฟ้าดับ..เล็กน้อย..
    แผ่เมตตาจิต.สู่สัพสัตว์น้อยใหญ่..ในอดีตภพ..ที่เมืองท่าเก่า."เกาะคอเขา" ล่มสลายตามกาลเวลา..เมืองท่า.เกาะพระทอง..เกาะระ..

    ตามหน้าที่..ในการ...... — รู้สึกได้รับพรที่ The Kip Beach Resort เกาะคอเขา จ.พังงา

    รุ่งเช้า คณะกรรมการ แจ้ง ทริปแรก เพื่อนๆพนักงานบางท่าน เจอ วิญญาณมาปรากฏ บ้าง ...จากเหตุการณ์ในอดีต เมืองท่าเก่า ในอดีต ,,คลื่นยักษ์ถล่มมา เมื่อหลายปี ที่ผ่านมา...

    เพียงกิจกรรม ที่ทำงาน จึงมีโอกาสเดินทาง ใด้พักผ่อนและ น้อมจิตภาวนา เมตตาแก่ทุกดวงจิต..

    กิจกรรม เราแบ่งตามความสมัครใจ
    +ค้างคืน เกาะคอเขา ประมาณ ๗ ทริป
    +ไปกลับ ทีเกาะใน ภูเก็ต ๓ ทริป

    ค้างคืน ทริปละ ประมาณ ๘๐ คน โดยมีรถบัส ๒ คัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2014
  12. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    แหล่งโบราณสถาน "ทุ่งตึก " เกาะคอเขา

    ประวัติความเป็นมา
    เมืองโบราณ / เหมืองทอง / ทุ่งตึก ฯลฯ
    สถานที่ตั้ง บ้านทุ่งตึก ตำบลเกาะคอเขา อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

    พิกัดภูมิศาสตร์ เส้นรุ้ง ๘ องศา ๓๕ ลิปดา ๒๐ ฟิลิปดาเหนือ เส้นแวง ๙๘ องศา ๑๖ ลิปดา ๕๒ ฟิลิป
    แหล่งโบราณคดีเกาะคอเขา หรือที่เรียกว่า แหล่งโบราณคดีบ้านทุ่งตึก เกาะคอเขา เป็นเกาะ ขนาดเล็กยาว ประมาณ ๑๕ กิโลเมตร กว้างประมาณ ๕ กิโลเมตร ตั้งอยู่บริเวณ ปากแม่น้ำตะกั่วป่า มีลักษณะคล้ายสันทราย มีป่าไม้ โกงกางทางด้าน ฝั่งตะวันออก ของเกาะส่วนทางด้านฝั่งตะวันตกของเกาะหันหน้าออกสู่ทะเลอันดามัน ของมหาสมุทรอินเดีย ทางด้านเหนือของเกาะมีภูเขาเตี้ย ๆ ทอดตัว ในแนวเหนือ-ใต้ แหล่งโบราณคดีที่สำคัญบนเกาะคอเขาตั้ง อยู่ในบริเวณ ที่ชาวบ้าน เรียกกันว่า "ทุ่งตึก" หรือ "เหมืองทอง" เหตุที่เรียกเช่นนี้คงจะเป็น เพราะ ว่าในบริเวณนี้มีซาก อาคารโบราณสถานอยู่ ๓ แห่ง นอกจากนี้ในบริเวณนี้ยังได้ พบฐานเทวรูป เหรียญเงิน อินเดีย เศษทองคำ และผงทรายทอง ปัจจุบันโบราณ สถาน ดังกล่าวถูกทำลายไป คงเหลือ แต่เ พียงซาก ของฐานก่ออิฐ เพียงบางส่วน เท่านั้น แหล่งโบราณคดีเกาะคอเขา หรือ เหมืองทอง ได้มีการสำรวจเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘ โดยพบซากโบราณสถานก่อด้วยอิฐขนาดยาว ๖๐ หลา กว้าง ๓๐ หลาสูงจากระดับพื้นดินประมาณ ๖ ฟุต และพบเศษภาชนะดินเผา ที่ผลิตใน สมัยราชวงศ์ถังของจีน (ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓) และเครื่องแก้วของ ชาวเปอร์เซีย โดยที่ไม่ได้ดำเนินการขุดค้นในชั้นดินธรรมชาติ โบราณวัตถุ เหล่านี้จัดได้ว่า มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๕ จากโบราณวัตถุที่พบ เป็นจำนวนมาก

    แหล่ง โบราณคดีแห่งนี้ทำให้นักโบราณคดีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ดร.เอช.จี ควอริทซ์ เวลส์ นักโบราณคดีชาวอังกฤษก็เคยมาขุดตรวจดูชั้นดินครั้งหนึ่ง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗ และนักปราชญ์ทางโบราณคดีส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า ทุ่งตึกเป็นที่ตั้งเมืองท่าโบราณซึ่งชาวอินเดีย ชาวจีน ชาวอาหรับ และชาวมลายู มาทำมาค้าขาย เพราะตั้งอยู่ในทำเลและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เหมาะสมในการเป็นที่จอดเรือหลบคลื่นลม มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ อยู่ใกล้ทะเลหลวงขนาดใหญ่สามารถเข้าออกสะดวก อีกทั้งตั้งอยู่ตรงปากแม่น้ำตะกั่วป่าซึ่งการคมนาคมทางเรือทั้งขึ้นและล่องตามลำแม่น้ำจะต้องผ่านเสมอ

    ทุ่งตึกนอกจากจะเป็นเส้นทางผ่านของเรือสินค้าหลายชนิดแล้ว ยังมีหลักฐานน่าเชื่อว่า เมื่อครั้งที่ชาวอินเดียอพยพหนีภัยลงเรือหนีมายังดินแดนทางเอเชียอาคเนย์ ได้มาขึ้นบกและตั้งหลักแหล่งที่ทุ่งตึกหรือตะกั่วป่าก่อนระยะหนึ่ง ต่อมาเมื่อถูกข้าศึกศัตรูตามรบกวนและโรคภัยไข้เจ็บรบกวน จึงได้อพยพเดินทางข้ามไปตั้งเมืองทางบริเวณริมฝั่งทะเลตะวันออก เพราะได้พบว่า ตลอดเส้นทางอพยพชาวอินเดียได้ก่อสร้างเทวสถานและรูปเคารพเอาไว้ อาทิ รูปปั้นพระนารายณ์ ซึ่งปรากฎในหลายแห่งจึงเป็นเครื่องแสดงถึงอารยธรรมอินเดียที่แพร่เข้าสู่ในเขตภูมิภาคนี้
    ทุ่งตึกคงจะเจริญรุ่งเรืองอยู่ในสมัยศรีวิชัยในนามเมืองตะโกลาและตกอยู่ภายใต้อำนาจของอาณาจักรศรีวิชัยเป็นเวลานาน ส่วนสาเหตุการซบเซาลงไปนั้นยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด สันนิษฐานว่าคงมาจากเกิดสงครามหรือถูกศัตรูรุกรานในตอนปลายของสมัยศรีวิชัย
    ลักษณะทั่วไป
    แหล่งโบราณคดีเกาะคอเขามีซากอาคารโบราณสถานอยู่ ๓ แห่ง และพบ ฐานเทวรูป เหรียญ เงินอินเดีย เศษทองคำ และผงทรายทอง และโบราณสถาน ก่อด้วยอิฐขนาดยาว ๖๐ หลา กว้าง ๓๐ หลา สูงจากระดับพื้นดินประมาณ ๖ ฟุต และได้พบเศษภาชนะดินเผา ที่ผลิตในสมัยราชวงศ์ถังของจีน เครื่องแก้วของ ชาวเปอร์เซีย

    หลักฐานที่พบ
    ๑. ประติมากรรมเทพีและโอรส ประติมากรรมชิ้นนี้ทำจากหินปูน แต่ลวดลาย ต่าง ๆ ลบเลือนมาก เทวรูปนี้มีฐานกว้าง ๖๐ เซนติเมตร ส่วนสูง ๖๕ เซนติเมตร ประติมากรรม เทพี ประทับนั่งชันพระชงฆ์ซ้ายวางพระบาทซ้ายทับบนพระบาทขวา พระหัตถ์ซ้าย โอบโอรส พระหัตถ์ขวาถือลูกกลมหรือก้อนดิน หรือธรณี โอรส ประทับนั่งบนพระชงฆ์ซ้าย เทพีโดยพระบาทลงเบื้องล่าง พระหัตถ์ขวาชูเหนือ เศียร ทั้งเทพีและโอรสมุ่นมวยผมสูง ทรงสวมกรองคอพาหุรัด ส่วนกุณฑล ทรงกลม นุ่งผ้าเว้าลงใต้พระนาภี ปรากฏ ชายผ้านุ่ง ของพระบาททั้งสองข้าง
    ๒. ฐานเทวรูป เป็นฐานเทวรูปที่ทำจากหินปูน ตรงกลางจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ ๑๒ เซนติเมตร
    ๓. แท่งหินปูน เป็นแท่งหินปูนที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีขนาดกว้าง ๓๑ เซนติเมตร สูง ๕๕ เซนติเมตร แท่นนี้อาจจะเป็นที่สำหรับวางรูปเคารพก็ได้
    ๔. เครื่องประดับทำด้วยหิน แร่ประกอบหิน เช่น กำไล หิน จักรหิน ลูกปัดหิน
    ๕. เศษภาชนะดินเผา ก็จะมีภาชนะประเภทพื้นเมือง เช่น พวยการูปแบบตรง กลางป่องเป็นรูปวงแหวน เนื้อละเอียดและพวยกาสั้นและยาวแต่โค้งลง เนื้อมัก หยาบ และภาชนะดินเผาประเภทที่มาจากต่างประเทศ เป็นภาชนะดินเผา เคลือบสีน้ำตาล แบบฉาง-ชา (Shang - Sha) ในมณฑลโฮนาน (Honan) ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และเครื่องมือเครื่องใช้โลหะ (สำริด - เหล็ก)

    หมายเหตุ : เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม ๒๕๔๗ สำนักงานศิลปากรที่ ๑๕ จังหวัดภูเก็ต กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)ได้ดำเนินการสำรวจขุดค้นแหล่งโบราณคดีที่บ้านทุ่งตึกหรือชาวบ้านเรียกว่า "เหมืองทอง" ในพื้นที่ ๑๐๐ ไร่ บนเกาะคอเขาด้านทิศตะวันออกติดกับพื้นที่ป่าชายเลน ม.๔ ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้พบซากโบราณสถานขนาดเล็กจำนวน ๗ หลังตั้งเรียงรายกัน ภายในขุดพบขุดพบกระเบื้องดินเผามุงหลังคาจำนวนมาก บริเวณนอกพบบ่อน้ำโบราณ ๑ บ่อ คาดว่าเป็บส่วนหนึ่งของชุมชนโบราณชื่อ "ตักโกลา" ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญในจดหมายเหตุภูมิศาสตร์ปโตเลมีและคัมภีร์มหานิเทศ ราวพุทธศตวรรษที่ ๗-๑๖ ซึ่งเคยเป็นเมืองท่าการค้าสมัยโบราณอายุกว่า ๑,๓๐๐ ปี
    สำหรับโบราณวัตถุที่ขุดพบจากโบราณสถานทั้ง ๗ หลัง ประกอบด้วยดินเผาพื้นเมือง เป็นเนื้อดินประดับด้วยลวดลายต่างๆ เช่น ลายประดับรูปทรงเรขาคณิตรูปสี่เหลี่ยม รูปหยักแบบฟันปลา ลายตาราง ฯลฯ นอกจากนั้นยังพบพวยกา ภาชนะใส่น้ำโบราณ ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นกาน้ำรูปทรงต่างๆในปัจจุบัน ภาชนะดินเผาของจีนสมัยราชวงศ์ถัง ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๔ หรือเมื่อ ๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว ซึ่งนักประวัติศาสตร์ระบุว่าเป็นช่วงเวลาที่ชาวจีนได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่นี้แล้วมีการค้าขายส่งออกเครื่องถ้วยจีนกับต่าง ประเทศ การล่มสลายของชุมชนโบราณแห่งนี้ได้มีการเดากันไปต่างๆนานาว่ามาจากหลายสาเหตุจนมาถึงเมื่อ วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๗ ได้เกิดเหตุการณ์ คลื่นสึนามิ ถล่มชายฝั่งทะเลอันดามันได้ทำลายสิ่งก่อสร้างบริเวณริมหาดพังไปในชั่วพริบตาจึงน่าจะเป็นสาเหตุที่เป็น
    ไปได้มากที่สุดถึงการล่มสลาย ประกอบกับหลักฐานที่ค้นพบได้กระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่และในสมัยก่อนโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหว
    มีมากกว่าช่วงปัจจุบัน ดังนั้นการศึกษาชุมชนโบราณแห่งนี้อย่างจริงจังอาจจะสามารถคาดเดาโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่เป็น
    สาเหตุของการเกิดคลื่นสึนามิก็อาจเป็นได้ หากเป็นเช่นนั้นจริงความเจริญด้านการท่องเที่ยวของภูมิภาคแห่งนี้คงกลับมาเหมือนเดิมได้
    รวดเร็วกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a1.jpg
      a1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      65
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2014
  13. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    กิจกรรม ปลูกป่าไม้โกงกาง

    ปลูกป่าโกงกาง บ้านทับปลา

    นำเรื่อง กิจกรรม ต่อเนื่อง เล็กน้อย..
    ณ.เสาร์ ๑๗ พค ๒๕๕๗ (ต้นกล้าและฝักโกงกาง ๔,๕๐๐ ต้น ๘ ปี รวม ๒๑,๓๐๐ ต้น) อีกหนึ่งความสามัคคีของเราชาวลากูน่า คืนป่าให้ธรรมชาติ

    และวันนี้ ๘ ปีแล้ว ที่เราชาวลากูน่าร่วมกันปลูกป่าเพื่อสิ่งแวลล้อม และเราได้ทำการปลูกต้นกล้าและฝักโกงกางมาแล้วทั้งหมด ๒๑,๓๐๐ ต้น


    ขอบคุณมือกล้องทุกท่าน ครับ — ที่ บ้านทับปลา อ.ท้ายเหมือง

    นุ่งผ้าค้อสั้น ผ้าชุบคาดเอว สวมหมวกแก็บ ร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจ นำต้นกล้าไม้โกงกาง ,ฝักโกงกาง ร่วมใจ สามัคคี ในการแบ่งกลุ่ม
    และ เช่นเดิม กลุ่มเรา ร่วมมือ ด้วย team work เสร็จก่อนทุกกลุ่ม ด้วยการแบ่งงาน

    +นำเหล็ก หรือ ไม้ เซาะดินเตรียมหลุม
    +แกะถุงกล้าไม้โกงกาง
    +นำต้นกล้าลงปลูก
    +นำถุงกล้าใว้บนไม้หมบ
    +เก็บถุงต้นกล้า ,ขยะ


    ขอบคุณน้องๆโรงรียนชาวไทยใหม่ บ้านทับปลา
    อาหาร,น้ำ,ขนม จาก laguna Phuket
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2014
  14. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ภาพ นาคราช

    ขออนุญาต นำภาพ นาคราช เก็บใว้ ครับ มีบางท่าน ชอบภาพครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    วิสาขะบูชา เรือนธรรมเวียงนาคา..บนเนินเขา ธรรมดา ธรรมดาปถุชน

    [​IMG] [​IMG]


    ๑๙ เมษายน
    ใด้ต้นไม้ดอกมา จากที่ทำงาน เยอะๆ ประมาณ.๒๐.กว่าต้น..เข็มแดงพิกุล,แก้ว,โมกข์แคระ,พอจะลงปลูกทางขึ้น..ศาลาเรือนธรรม.๒ ชั้น..และเสาไม้.ใหญ่..จากที่ทำงาน..รอ..บรรทุกรถกลับเรือนธรรมบนเขา
    +++++++++
    .ขอบคุณ.Banyantree phuket

    วิสาขะบูชา๕๗ เรือนธรรมเวียงนาคา อ.คุระบุรี พังงา

    ศุกร์ ๙ พค. เดินทางยามค่ำคืน บรรทุกเสาไม้ เตรียม สร้างศาลา ประดิษฐาน องค์สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลก ทรงเครื่องมหาจักรพรรดิ์ ทองเหลือง ,องค์พระพุทธสัมมา ปางประทานพร นาคปรก ๙เศียร..

    ช่วง วิสาขะบูชา ตั้งจิตตภาวนา ตามวาระกำลัง ด้วยตั้งจิต ปลีกวิเวก ตามจิตที่ ปรารถนา

    ปรากฏ ดวงศีลดวงธรรม เหนือด้านข้าง องค์สมเด็จองค์ปฐม เด่นชัด ซึ่งเจตนา ในศีลในธรรม ของตนเอง และ มหาเทพเทวา เมตตา ณ.เรือนธรรมเวียงนาคา " พุทธธรรมภาวนาเวียงนาคาธิบดี "

    น้อม สาธุ โมทนา ใน เจตนา ของ อนุสติ ๑๐ ที่ปรากฏ ให้ประจักษ์
    นอนกลด ตามปกติ ไม่ว่า จะอยู่ในเรือนธรรม หรือ ลานพระ
    แม้ว่า ผมเอง ยังด้อยในข้อธรรม แต่ กำลังใจ จาก ความ เมตตา ของ องค์พระรัตนตรัย พ่อแม่ครูอาจารย์ มหาเทพเทวา มหาเดวี ท่านปู่มหาราชทั้ง ๔ องค์ปู่พญานาคา ย่าพญานาคี ... — ที่ พุทธธรรมภาวนาเวียงนาคาธิบดี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2014
  16. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ยามค่ำคืน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    กิจบุญ เรือนธรรม
    ๒๔ พค. นำต้นไม้ดอก ขึ้นเรือนธรรมบนเนินเขา
    ๒๕.พค.แวะต้อนรับญาติธรรม.กัลยาณมิตร.จาก.กทม.๒ ท่าน.เมตตาเยือน.เรือนธรรมเวียงนาคา..

    ด้วยการตั้งจิตอธิฐาน.ในคืน.๒๔.ให้ ขึ้นมากราบ.องค์สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลกก่อน.อันดับแรกก่อนที่.กัลยาณมิตรจะเดินทางทำกิจใดใด
    เมื่อลงจากเรือนธรรมบนเขาในเช้า.๒๕.พี่ญาติธรรมให้เดินทางไปชายทะเล


    ต่อมาใด้เปลี่ยนใจ .จึงให้นำพาขึ้นที่เรือนธรรม. ทััั้งๆ เข่าไม่ค่อยดี..น้องชายจึงพยุงในช่วง.ขึ้นเนินที่มีความชัน.( ต้องเดินเท้าขึ้นเนื่องจาก.สภาพในช่วงเช้าดินยังชื้น.นำรถขึ้นไม่ใด้.),พร้อมกัน
    จากนั้นจึงน้อมกราบ.

    องค์สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลก
    พระพุทธสัมมาปางประทานพร.นาคปรก๙ เศียร( อนันตนาคาธิบดีวิสุทธิเทวา)
    พระพุทธสัมมาปางมารวิชัย
    องค์แม่กวนอิม
    จากนั้นเดินเท้าลงจากเรือนธรรมบนเขาลงมาทำกิจที่ชายทะเล

    และในช่วง.ครบรอบวันคล้ายวันเกิดที่จะถึงนี้..จึงมีวาระเดินทางบำเพ็ญจิตภาวนา.ตามวาระอีกประมาณ๘ วัน.๘ คืนตามวาระ
    ทั้งเตรียมขุดดิน.ปรับดินทำแท่นฐานองค์พระ.ด้านหน้าเรือนธรรม
    และเตรียม.ขึ้นโครงหลังคาศาลา
    (ประมาณช่วงฝนแล้ง เดือนพย, ธค ).ประดิษฐาน..

    องค์สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลก
    พระพุทธสัมมาปางประทานพรนาคปรก ๙ เศียร
    พระพุทธสัมมาปางมารวิชัย
    องค์แม่กวนอิมปุดจ้อ

    กัลยาณมิตรทั้ง ๒ ท่านเมตตาร่วมปัจจัยร่วมบุญแท่นประดิษฐาน.สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลก
    คุณ ธมลวรรณ มหสุภาชัย..๑,๐๐๐ บ.
    คุณ อัญชลี พ่วงศิริ.............๕๐๐ บ.
    ( เพิ่มเติม.ส่วนตรงกลาง.องค์สมเด็จ.)
    +++++++++++
    คุณ ธมลวรรณ มหสุภาชัย.....๔๐๐ บ.

    เมตตา.ร่วมปัจจัยตามวาระ.เพิ่มเติม.จึงขออนุญาต.รวมใน.ปัจจัยสร้าง.
    ศาลา.ประดิษฐาน.องค์สมเด็จ.ในวาระต่อไป.. — ที่ พุทธธรรมภาวนาเวียงนาคาธิบดี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    น้อมกราบองค์หลวงปู่สุภา ศิริรวม ๑๑๙ ปี

    ๑๗ กันยายน ของทุกปี มุทิตาหลวงปู่สุภา
    ๒ กันยายน ๒๕๕๖ องค์หลวงปู่สุภา ละสังขาร บ้านค้อเขียว อ.วิริชภูมิ สกลนคร
    ๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ วันพฤหัสบดี วันพระ พระราชทานเพลิง


    วันนี้ วันพระ พฤหัสบดี...

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=BKTzZ8BKYEI]หลวงปู่สุภา เทศน์ 22 มิ.ย.55 - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=pzRTtsYaAcM]หลวงปู่สุภา กันตสีโล ละสังขารแล้ว - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=5S5Aoc1fxr0]สมเด็จพระเทพฯเสด็จพระราชเพลิงศพหลวงปู่สุภาฯ - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=1Fivw6Gp7Dg]น้อมกราบองค์หลวงปู่สุภา - YouTube[/ame]

    น้อมกราบขอขมากรรม ทั้งกาย วาจา ใจ ต่อ องค์พ่อแม่คุรุบาอาจารย์ หลวงปู่สุภา กันตสีโล ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    เชิญชวน ช่วยกันลดการใช้ไฟฟ้า ช่วงซ่อมบำรุง

    กฟผ. แจ้ง การใช้ไฟฟ้าภาคใต้ เกินจุดเสี่ยงที่ ๒,๓๐๐๐ เมกะวัตต์ ขอความร่วมมือจากประชาชนลดใช้พลังงาน ระบุหากต้องใช้น้ำมันดีเซลเดินเครื่องโรงไฟฟ้า อาจกระทบค่าไฟได้

    เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่ ๖ ของการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ ของแหล่งก๊าซในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ-เอ๑๘) ระหว่างวันที่ ๑๓ มิถุนายน ถึง ๑๐ กรกฎาคมนั้น แม้การผลิตและส่งไฟฟ้ายังเป็นปกติ สามารถรองรับการใช้ไฟฟ้าของภาคใต้ได้อย่างเพียงพอ แต่พบว่ามีปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) ของภาคใต้เท่ากับ ๒,๓๒๖.๘๓ เมกะวัตต์ เมื่อเวลา ๑๙.๒๗ น.

    นับเป็นอัตราที่มากที่สุดตั้งแต่แหล่งก๊าซ ธรรมชาติเจดีเอ ปิดซ่อมมา ทั้งนี้
    โรงไฟฟ้าทุกโรงยังสามารถเดินเครื่องได้โดยไม่มีเหตุขัดข้อง และ กฟผ.ได้สั่งซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลซียเข้าเสริมระบบตามแผน จำนวน ๑๕๐ เมกะวัตต์ แต่อัตราการใช้ไฟฟ้า วานนี้ ถือเป็นความเสี่ยงที่ไม่ควรเกิน ๒,๓๐๐ เมกะวัตต์

    ซึ่งคาดว่าการใช้ไฟฟ้าในปริมาณที่สูงขึ้น เกิดจากอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น และการจัดกิจกรรมตามโรงแรมต่างๆ ในช่วงหัวค่ำมากขึ้น

    จึงต้องขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ลดใช้ไฟฟ้าช่วงเวลา ๑๘.๐๐ - ๒๒.๓๐ น.

    เพราะแม้การจ่ายไฟฟ้าจะเป็นปกติ แต่เมื่อเกิน ๒,๓๐๐ เมกะวัตต์ จะมีผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ เนื่องจากต้องใช้น้ำมันดีเซลเดินเครื่องโรงไฟฟ้าทดแทนก๊าซธรรมชาติ ในอัตรา ๙ บาทต่อหน่วย และการซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียเข้ามาในอัตราหน่วยละ ๘.๕๐ บาท

    สถานที่ทำงานช่วงนี้ (ภูเก็ต ) ใด้ รณรงค์ ให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน และ เตรียมการสำรอง น้ำมัน สำหรับเติมใน เครื่องปั่นไฟฟ้าสำรอง..
    ซึ่งจากการคาดการณ์ หากมีผลกระทบ ในการงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ในช่วง เวลานั้น ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    สมเด็จหลวงปู่อุปคุตมหาเถระ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    คาถาสวดบูชาพระอุปคุต

    อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร สัมพุทเธ นะ วิยากะโต มารัญจะ มาระพะลัญจะ โสอิทา นิมะหาเถโร นะมัสสิตตะวา ปะติฏฐิโต
    อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะมะหาเถรัง ยัง ยัง อุปะทะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ
    คาถาบทนี้ สวดบูชาพระอุปคุตทุกวัน จะบัลดลให้บังเกิดโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทองมากมาย และป้องกันภัยอันตรายทั้งปวงแก่ผู้บูชา

    หากมีเวลาจำกัดอาจสวดแบบย่อ ดังนี้

    อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โส ระโห ปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง ภะวันตุ เม ฯ

    คำบูชาขอลาภพระอุปคุต
    มหาอุปคุตโต จะ มหาลาโภ พุทโธลาภัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ราชาปุริโส อิถีโยมานัง นะโม โจรา
    เมตตาจิตตัง เอหิจิตติจิตตัง ปิยังมะมะ สะเทวะกัง สะพรหมมะกัง มนุสสานัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม ฯ
    เอหิจิตติจิตตัง พันธะนัง อุปะคุโต จะ มหาเถโร พุทธะสาวะกะ อานุภาเวนะ มาระวิชะยะ นิระภะยะ เตชะปุญณะตา
    จะเทวะตานัมปิ มะนุสสานันปิ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ อิมังกายะ พันธะนัง อะทิถามิ ปะอัยยิสสุตัง อุปัจสะอิ

    ให้จุดธูปเทียน พร้อมดอกไม้หอม เครื่องหอม น้ำหอมต่างๆ เทหยดใส่ในขันน้ำมนต์ ณ ที่บูชาพระในร้านค้าขาย หรืออาคารสำนักงานธุรกิจ แล้วอธิษฐาน ธูปควันเทียน ลมพัดไปทางไหน ขอให้ดลใจผู้คนเข้ามาอุดหนุน ขอให้ดำเนินกิจการด้วยความราบรื่น มีความสำเร็จสมปรารถนาทุกประการ
    เมื่ออธิษฐานจุดธูปเทียนบูชาแล้ว ให้สวดนะโม ๓ จบ และสวดคาถาบูชาขอลาภพระอุปคุต ๑ จบ แล้วทำน้ำมนต์สวดด้วย คาถาขอลาภพระมหาอุปคุต อีก ๑ จบเสร็จแล้ว เอาน้ำมนต์ประพรมร้านค้า และสินค้าต่างๆ ในร้าน หรือทำธุรกิจอย่างอื่น ก็ให้เอาน้ำมนต์ประพรมภายในสำนักงานและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบธุรกิจนั้นทั้งหมด
    ให้ปฎิบัติตามที่กล่าวมานี้ก่อนเปิดร้านในตอนเช้า ก่อนลูกค้าจะเข้าร้านหรือเปิดสำนักงานเวลาเช้า เป็นการทำเสน่ห์ เมตตามหานิยม มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนมากมาย มีโชคลาภเข้ามาไม่ขาดระยะ ส่งเสริมให้ฐานะร่ำรวยมาก โจรผู้ร้ายบังเกิดเมตตาสงสารไม่ยากมารบกวนหรือคุกคาม ที่สำคัญศัตรูคู่แข่งไม่อาจขัดลาภหรือผลประโยชน์ได้

    คาถาพระอุปคุตผูกมาร

    มหาอุปะคุตโต มหาอุปะคุตตัง กายะพันทะนัง อมยิสะ พุทธังทะเถโร ธัมมัง ทะเถโร
    สังฆังทะเถโร ปะอัยยะสุตัง อุปัจสะอิ อิมังกายะพันทะนัง อะทิถามิ ฯ
    คาถาพระอุปคุตผูกมารนี้ นับเป็นคาถาที่มีอานุภาพมากที่สุด ดังปรากฏในประวัติของท่าน ตอนพระอุปคุตเถระผูกมารโดยบริกรรมคาถา

    หลวงปู่สุภา กันตสีโล เมตตาให้อัญเชิญ สมเด็จหลวงปู่อุปคุตมหาเถระ ประดิษฐาน ๔ ทิศ รอบเกาะภูเก็ต

    นาคา พร้อมครอบครัว เพื่อนกัลยานมิตร อัญเชิญประดิษฐาน วัดสวนวาง อ.คุระบุรี จ.พังงา
    คุณต้นอ้อ อัญเชิญประดิษฐาน วัด...(ในเกาะ )นั่งเรือ จ.ระนอง
    และ หลายท่าน ในห้องภัยพิบัติและการเตรียมการ อัญเชิญประดิษฐาน ในวัด ๔ ภาคของประเทศ..

    ทราบว่า ล่าสุด มีคลิป ของท่านหมอปลาย ออกมา เรื่อง คลื่นจะไม่มีในเวลาดังกล่าว
    และ ข่าวจาก ท่าน อ.ปริญญา เรื่อง คลื่นจะไม่มีในเวลาดังกล่าว แต่ ให้เตรียมการเฝ้าระวัง ในช่วง พย. ปีนี้

    ขออนุญาต ลบ ข้อความที่นำมาอ้างอิง นะครับ ลองหา ยูทูปล่าสุด ของ...นะครับ

    ขอกล่าวว่า ผมเชื่อใน สิ่งที่ทุกท่านทำนายใว้ และ สื่อออก ด้วยความหวังดี นะครับ แต่ ด้วยชีวิต ของผม ผมจะ...
    น้อมกาย ถวายชีวิต เป็น พุทธบูชา ธัมบูชา สังฆบูชา เดินตาม ปฏิปทา องค์หลวงปู่สุภา ในมหาเมตตา ดูแล พื้นที่สัมมาทิฏฐิ ภูเก็ต ,พังงา ต่อไป เพื่อ ประโยชน์ต่อสวนร่วม พุทธศาสนา และ...

    แฮะๆๆ ค่อยวัดใจ กันครับ จะอยู่มีชีวิตต่อ เพื่อสร้างสม พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในชาตินี้ต่อไป หรือ หมดวาระ ละสังขาร ...แฮะๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...