หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ยังไงๆก็อย่าจอด "ธรรมยาน" แวะชมวัตถุมงคลและสมบัติล้ำค่าหายากกันนานนัก ตัดอกตัดใจเดินทางกันต่อดีกว่า ระยะทางยังยาว ทิ้งไว้ตรงนี้แหละเอาไปก็หนักยาน ทำให้เดินทางช้าลง

 

ยังมีอีก....อย่ามัวเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางและเรื่องราวตื่นเต้นชวนพิศวงยั่วให้ติดตาม ที่พบเจอกันทุกเมื่อเชื่อวันอยู่เลย...หนทางเรายังไกล

 

พระพุทธรูปนาคปรก ทวารวดี กรุนครจำปาศรี
​

พระพุทธรูปเนื้อทองสัมฤทธิ์องค์นี้ เป็นพระสมัยทวารวดี กรุนครจำปาศรี มหาสารคาม ขนาดหน้าตัก 3 นิ้ว อายุประมาณ 1,300 ปี ที่ผมต้องลงไปอัญเชิญขึ้นมาจากใต้ดินความลึกประมาณ 6-8 เมตร ด้วยบารมีของพระอาจารย์บุญสวน จันทวัณโณ เป็นผู้บอกให้ผมลงไปเอาเอง ผมใช้เวลาขุดอยู่นานพอสมควรจึงสามารถนำขึ้นมาได้ และพระอาจารย์บุญสวนท่านบอกผมว่า เทวธิดาผู้อัญเชิญมาให้ผมนั้น ท่านได้ไปเกิดใหม่แล้ว

วัตถุมงคลยุคทวารวดีนี้ ผมก็ต้องมีส่วนไปเกี่ยวข้องอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง และล่วงเลยไปจนถึงสิ่งที่เสด็จมาทางอากาศอีกมากมาย แต่บัดนี้ผมได้ละวางสิ่งเหล่านี้ไปนานแล้ว ไม่อยากจะไปตามหาเพราะมันจะเกิดภาระไม่จบสิ้น ยิ่งตามยิ่งมาก ถ้าจบลงได้ ก็จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าได้อย่างที่ท่าน D-Crew ท่านว่าครับ ลองชมดูนะครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
13 มกราคม 2555
​

​

 

พระพุทธรูปนาคปรก ทวารวดี กรุนครจำปาศรี เนื้อสัมฤทธิ์ หน้าตัก 5 นิ้ว อีกองค์ที่พระอาจารย์บุญสวน จันทวัณโณ มอบให้ผม องค์นี้เนื้อจะดูเหมือนพระใหม่ที่เราเห็นกัน แต่ผมเป็นคนแกะเอาดินกรุออกเองกับมือ จึงเป็นพระแท้แน่นอนครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
13 มกราคม 2555

​

 

พระกันทรวิชัย นครจำปาศรี​

พระพิมพ์ดินเผากรุกันทรวิชัย มหาสารคาม เป็นพระยุคทวารวดี แห่งนครจำปาศรีเช่นเดียวกัน ผมได้มาในกรณีพิเศษ ส่วนอีกองค์ข้างล่างก็เป็นพระพิมพ์ดินเผา ยุคทวารวดีเช่นกัน แต่ไม่ทราบกรุที่ขึ้น ลองชมดูนะครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
13 มกราคม 2555

​

 

พระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยกลางรัตนโกสินทร์เนื้อเงินและสัมฤทธิ์สององค์นี้ ผมอัญเชิญมาตามนิมิต สวยงามดีครับ

​

 

พลังพุทธานุภาพช่างยิ่งใหญ่จริงหนอ​

น่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก ที่พลานุภาพของพระพุทธรูปเชียงแสนองค์นี้ ส่งพลังไปรักษาอาการภายในของคุณสายรุ้ง ถึงประเทศฮังการี เธออาศัยดูจากภาพนี้ แล้วอาราธนาพลังพุทธานุภาพไปรักษาอาการบางอย่างแก่เธอได้ จนเธอต้องโทรด่วนมาคุยกับผม อีกทั้งเธอยืนยันพลังในพระทุกองค์ที่ผมนำมาลง ล้วนมีพลังมาก แต่จะแตกต่างกันบ้าง โดยเฉพาะพระแก้วหินหยกแม่น้ำโขงนั้น เธอบอกว่า พลังค่อยๆมาแบบไม่สิ้นสุด และยังมีเรื่องอจินไตยอีกหลายเรื่องที่เราได้พูดคุยกัน ก็เห็นพัฒนาการทางจิตญาณของเธอก้าวหน้าไปมาก รวมทั้งสามีฝรั่งของเธอด้วยที่หันมาสนใจพระพุทธศาสนา และได้ปฏิบัติธรรมจนเกิดจักษุทิพย์ จึงเป็นพยานซึ่งกันและกันได้ ผมก็ขออนุโมทนากับเธอด้วยนะครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
13 มกราคม 2555

 

ไปๆมาๆ....................

 

วัตถุทั้งหลาย ไปๆมาๆ
สสาร ไปๆมาๆ
พลัง ไปๆมาๆ
บุญบาป ไปๆมาๆ
นรกสวรรค์ ไปๆมาๆ
เกิดตาย ไปๆมาๆ
ธาตุทั้งสี่ ไปๆมาๆ
โลกธาตุโลกธรรม ก็เคยไปและก็เคยมา


แต่ นิพพาน ยังไม่เคยไปและยังไม่เคยมา

ไปๆมาๆ มีเสียงบอกเป็นลาง...ว่า...ไม่มีที่ให้ไป ไม่มีที่ให้มา อีกแล้วนะ

 

ประโยคของท่าน D-Crew สะท้อนใจผมอีกครา ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว องค์เสด็จ_ร.5 ท่านตรัสแก่ผมในนิมิต(ฝัน) เพื่อเตือนสติ ท่านคงแจ้งด้วยญานแล้วว่ามนุษย์ทั้งหลายมักหลงใหลเพลิดเพลินกับสิ่งต่างๆบนโลก และปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป จนลืมจุดมุ่งหมายอันเป็นสาระแก่นแท้
มาถึงวันหนึ่ง รู้ตัวอีกทีก็เหลือเวลาน้อยเต็มที สังขารก็ไม่อำนวยแก่การงานเสียแล้ว...

 

เมื่อสักครู่ขึ้นไปเดินจงกรมบนระเบียงบ้าน (สี่ทุ่ม) เห็นดวงจันทร์กำลังโผล่ขึ้นมาเป็นสีแดงส้ม เดินจงกรมเสร็จสี่ทุ่มครึ่งถ่ายภาพอีกครั้ง ดวงจันทร์กลายเป็นสีเหลืองนวล แถมมีดวงจิตญาณมาเล่นแสงพอสมควรครับ


โอ้ดวงจันทร์ เกิดขึ้น เคลื่อนไป เปลี่ยนไป อีกไม่นานก็จะเลือนหายไป ดวงจิตญาณก็ยังเวียนว่ายอยู่

​

 

ไปๆมาๆ...

จิตปุถุชนคนธรรมดา..(อย่างเรา) ก็ไปๆมาๆ..เพราะมันไม่อยู่ในความควบคุม

แล้ว...

เราตามมันไป...
เรารับมันมา...
หรือ เรารู้ถึงอารมณ์นั้นด้วยใจเป็นกลางต่อความไปๆมาๆนั้น
เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง

"ตถตา"

ใจเราก็สงบ..สันติ

 

ท่านทั้งหลาย
จิตผมผุดปุจฉาขึ้นมา แล้วผู้ใดจะวิสัชนาหนอ

หลงซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในหลง
รู้ซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในรู้
ไม่รู้ซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในไม่รู้
นิจจังซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในนิจจัง
อนิจจังซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในอนิจจัง
สุขขังซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในสุขขัง
ทุกขังซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในทุกขัง
อัตตาซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในอัตตา
อนัตตาซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในอนัตตา
ว่างซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในว่าง
ไม่ว่างซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในไม่ว่าง
......ซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ใน.....

กายในกาย แล้วจะมีกายนอกกายไหมหนอ
เวทนาในเวทนา แล้วจะมีเวทนานอกเวทนาไหมหนอ
จิตในจิต แล้วจะมีจิตนอกจิตไหมหนอ
ธรรมในธรรม แล้วจะมีธรรมนอกธรรมไหมหนอ

 

ความเป็นกลางจะเกิดขึ้นได้ ต้องมีทั้ง
มี ไม่มี
ว่าง ไม่ว่าง
มืด สว่าง
หนัก เบา
สุข ทุกข์
บุญ บาป
.... .....
.... .....
.... .....
หากรู้ทั้งสองฝั่ง ก็จะรู้ตรงกลาง
เมื่อรู้ทั้งสองฝั่ง ตรงกลาง และละวางตัวรู้ได้
ความว่างเปล่า ก็จะบังเกิดขึ้นเป็นสูญญตา

ใช่หรือไม่...

 

เมื่อผมย่างก้าวจงกรม แล้วพิจารณาเห็น
เท้าขวาย่างออกไป คือ "รูป" เคลื่อนที่ ส่วน "นาม" เคลื่อนตามรูปไป
เท้าขวาเหยียบพื้น คือ "รูป" หยุดนิ่ง แล้ว "นาม" เคลื่อนตามไปทัน แล้วหยุดนิ่งตาม...ต่อเนื่องกันไป

ใช่หรือไม่

 

ธรรมะ จาก ภูดานไห

"วิบากกรรม"

สิ่งที่ทำให้เราต้องเวียนว่ายตายเกิด
สิ่งที่ทำให้เราอยู่ในสภาวะ.. สถานะ..เช่นไร ก็เพราะ วิบากกรรม ส่งผลให้เป็นไป
จิตที่หลงใหล..ยึดติด.. อยู่กับสิ่งใด หรือแม้แต่อารมณ์ไหน ก็จะดึงดูดให้เราไปอยู่ ไปเป็นสิ่งนั้น ไปเสวยวิบากตามที่จิตติดข้องอยู่

เช่นนี้แล้ว เราควรทำจิต ฝึกจิต เช่นไร...?

 

ทวนกระแสโลก สู่(ตาม)กระแสธรรม
เปลี่ยนความเห็นผิด เป็นความเห็นชอบ เป็นเบื้องต้น

 

ท่านทั้งหลาย
จิตผมผุดปุจฉาขึ้นมา แล้วผู้ใดจะวิสัชนาหนอ

หลงซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในหลง
รู้ซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในรู้
ไม่รู้ซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในไม่รู้
นิจจังซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในนิจจัง
อนิจจังซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในอนิจจัง
สุขขังซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในสุขขัง
ทุกขังซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในทุกขัง
อัตตาซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในอัตตา
อนัตตาซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในอนัตตา
ว่างซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในว่าง
ไม่ว่างซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ในไม่ว่าง
......ซ่อนธรรม ธรรมซ่อนอยู่ใน.....

หึ..หึ..หึ.. ลิงแก้แห

 

ความเป็นกลาง และ ตรงกลางระหว่างสองสิ่ง ในมุมมองหนึ่ง อาจแตกต่างกัน ในสถานะหรือสภาวะ

การอยู่ตรงกลางระหว่างสองสิ่ง ที่แตกต่างกัน เป็นสถานะของกึ่งกลาง

การไม่เอนเอียง การไม่เข้าข้างคล้อยตาม... การไม่ตามไป การไม่ผลักใส... การไม่ยินดี การไม่ยินร้าย... ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นสภาวะของความเป็นกลาง

 

กายในกาย แล้วจะมีกายนอกกายไหมหนอ
เวทนาในเวทนา แล้วจะมีเวทนานอกเวทนาไหมหนอ
จิตในจิต แล้วจะมีจิตนอกจิตไหมหนอ
ธรรมในธรรม แล้วจะมีธรรมนอกธรรมไหมหนอ<!-- google_ad_section_end -->

....ยุ่งเรื่องของคนอื่น ไม่สิ้นสุด อิอิ