หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไม่ได้เข้ามาสนทนาในบอร์ดเพราะภาระกิจ หลายสิ่งหลายอย่างในที่แห่งนี้เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว มีแต่เรื่องที่น่ายินดีทั้งนั้น หากจะอ้างอิงถึงทุกกระทู้นั้นคงจะจับจองทั้งหน้าเป็นแน่ ต้องขอรวบมาอนุโมทนารวดเดียวเลย ทั้งกับท่านที่ได้รับความก้าวหน้าในการปฏิบัติ /ได้รับสิ่งมงคลที่ช่วยส่งเสริมการปฏิบัติจนบางท่านทะลุชั้นบรรยากาศออกไปเลยทีเดียว พร้อมกับข่าวดีหลายๆเรื่อง ล้วนน่ายินดีและอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งครับ อย่างที่พ่อแม่ครูอาจารย์กล่าว หลายสิ่งเริ่มจะลงรอย และลงตัวไปตามลำดับ
กระแสความปรารถนาจะไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ ณ ภูดานไห ในเร็ววันนี้น่าจะได้รับการตอบรับจากหลายท่านเพราะผมเป็นผู้หนึ่งที่คิดเช่นนั้น แต่คงรอโอกาสที่หลายท่านสะดวก จะได้เจอะเจอพร้อมๆหน้ากันนะครับ ส่วนตัวผมที่ช่วงเวลาไม่ตรงกับหลายท่านก็จะพยายามให้วันเวลานั้นเป็นโอกาสที่จะร่วมทางไปด้วยกันครับ

 

สวัสดีครับ ท่านญาติธรรมทุกท่าน ผมพึ่งกลับมาจากนำขบวนของเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรฯ ของเย็นวันที่ 28 ส.ค. และ หกโมงเย็นวันนี้ก็พึ่งจะได้กลับจากนำขบวนของ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ จึงไม่มีเวลาเข้ามาในเวป กลับมาก็เป็นไข้ด้วย รู้สึกว่าหนาวสั่นมาก ฉะนั้นจึงขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะครับ

 

สวัสดีครับวันนี้โคราชฝนตกแรงมากครับ (น้ำท่วม)
ก็เลยเพิ่งจะได้เข้ามาดูที่เวป แต่ผมมีผู้ช่วย(แฟน)เข้ามาอ่านอยู่บ่อยๆ

 

และแล้วผมก็ได้พบเจอครับ.....คิดว่าคงไม่มีวาสนาซะแล้ว ขออนุญาตใช้ทั้งแปดทิศเลยนะ และลูกที่เก้าเป็นประธานเอาแบบจัดเต็มเลยครับ...

 

สวัสดียามดึกครับ
แวะมาทักทาย

 

สวัสดีครับ
เรื่องคำถามคุณซึ้งบน ไว้รอครูชาติไปถาม...มาตอบอีกวันนะครับ
ผมเพิ่งจะลงมาจากวัด ก็รีบมาตอบปัญหาที่ท่าน IT MAN ฝากไว้ดังนี้
ปัญหาของท่าน ดร.นนต์ พ่อแม่ครูอาจารย์บอกให้ดูที่ใจตัวเอง และคงต้องมาถามแล้วท่านจะตอบให้เองเพราะกลัวผมนำไปพูดแล้วผิดธรรมครับ
ส่วนปัญหาของท่านซึ้งบน ที่มีอาการสั่นเวลาอธิฐานจิต อโหสิกรรม หรือขออโหสิกรรม เป็นอาการของคนปิติมีหลายรูปแบบ บางคนก็ขนลึกขนพอง บางคนก็น้ำตาไหล บางคนก็มีการสั่น ทั้งหมดแสดงถึงการับรู้ทั้งเราเป็นผู้อโหสิกรรม และคนที่เขารับรู้ในการขออโหสิกรรมของเราครับ... และพ่อแม่ครูอาจารย์ก็ตอบอีกว่าอาการสั่นของคุณซึ้งบนจะมีอาการไม่เท่ากัน เช่นบางวันหากวันนั้นมีปิติ ภาวนาดี จะมีการสั่นมาก และสั่นแรง ให้สังเกตุดู ครับ... คงพอเข้าใจนะครับ... คุณแม่ชมฝากขอที่อยู่คุณซึ้งบนด้วย เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจที่คุณซึ้งบนเป็นห่วงสุขภาพของคุณแม่ ท่านมีขอจะฝากให้... ที่อยู่ที่อยู่บนกล่องพัสดุถูกต้องหรือเปล่าครับ....
ขอให้ทุกท่านจงเจริญในธรรม

 

ขอให้ธรรมจงรักษาให้หายเร็วๆ นะครับ...

 

หวังว่าคราวหน้าที่นักรบธรรมมาคงได้พบท่าน Phoobes นะครับ...วันนี้ผมมีสโลแกนนักรบธรรมแห่งภูดานไหมาฝาก "คล่องแคลว ว่องไว ไร้เสียง เสี่ยงตาย มุ่งหมายพระนิพพาน" ความหมายนี้ให้ถามท่าน IT MAN หรือ ท่าน ดร.นนต์ เพราะเจอมาแล้วที่ภูผาผึ้ง...5555

 

สบายดียามดึกครับ พึ่งออกจากห้องพระมาจากทำวัตรเย็น...กลายเป็นทำวัตรดึก อันเนื่องมัวแต่ปีติยินดีที่เราได้พบท่านเจ้าของสายประคำเหล็กไหลไพลดำแล้ว ก็เลยต้องประสานงานเยอะหน่อย ที่สำคัญต้องฝากกราบนมัสการเรียนพ่อแม่ครูอาจารย์ ให้ท่านรับรู้และแผ่เมตตามาให้ก่อน (นี่เพียงคิดว่าจะนะ...)

คิดว่าปัจจัยก้อนนี้...ไปสมทบกับอีกก้อน รวมสองแสนกว่า คงน่าจะเพียงพอในการเริ่มงานก่อสร้าง เพราะได้สลับและขยายเป็นสองโครงการ คือ ศาลาธรรม+หอฉัน , ที่พักญาติธรรม

สำหรับท่านผู้ใจบุญนั้นท่าน ดร.นนต์รับรู้มาแต่แรกออกประมูลแล้ว ซึ่งบังเอิญตรงกับความคิดผมพอดี (บังเอิญบ่อยนะเนี่ย) ที่สำคัญกว่าคือ...ท่านเจ้าของเองด้วยนั่นแหละครับ...ครบวงจรการสื่อสารทางใน

ก็ขอโมทนาสาธุกับทั้งสองท่านด้วยนะครับ

 

"คล่องแคลว ว่องไว ไร้เสียง เสี่ยงตาย มุ่งหมายพระนิพพาน"
"คล่องแคลว ว่องไว ไร้เสียง เสี่ยงตาย มุ่งหมายพระนิพพาน"
"คล่องแคลว ว่องไว ไร้เสียง เสี่ยงตาย มุ่งหมายพระนิพพาน"

อืม...ยังจำรสชาติหมากฮุยฮายได้ดีครับ ตอนกินไม่อร่อย แต่อร่อยหลังจากกินแล้วครับ หุหุ ขันติบารมี/สัจจะบารมี/อธิษฐานบารมี เกิด...ณ...ภูผาผึ้ง

 

เอางั้นเลยนะครับ หาได้เก่งจริงๆ
สถานที่บำเพ็ญตบะจัดเพียงครึ่งเดียวก็พอครับ อีกครึ่ง...ไว้อีกหลัง หุหุ

 

อืม...ธรรมะรักษา...สู้ต่อไปครับ

 

บ่วงนาคบาศก็ว่าแรงมากแล้วนะครับ หุหุ
เจอประคำฯ...แล้วจะหนาว...

 

สงสัยได้จัดรอบพิเศษก่อนออกพรรษาแน่เลยครับ
ส่วนตัวผมเอง ก็อยากให้ท่านเจ้าของประคำฯองค์ประมูลตัวจริง ได้มีท่านไว้อธิษฐานเร็วๆ

ค่อยติดต่อกันหลังไมค์...เรื่องวัน/เวลาให้ตรงกันทุกๆท่านนะครับ...

 

ขอขอบคุณครูชาติด้วยครับที่ช่วยเป็นธุระให้ และขอกราบแทบบาทของพ่อแม่ครูอาจารย์ ที่ท่านให้ความเมตตาลูกศิษย์แดนไกลมาโดยตลอด เป็นดังที่พ่อแม่ครูอาจารย์กล่าวทุกประการครับผม จะพยายามเพิ่มความเพียรยิ่งๆขึ้น ดังที่ท่านเมตตาสั่งสอนครับ สำหรับคุณแม่ชม สุขภาพที่ดีของท่านคือของขวัญที่ดีที่สุดแล้วครับ
ที่อยู่บนกล่องพัสดุถูกต้องแล้วครับ ขออนุโมทนาบุญทุกประการ ที่ครูชาติได้กระทำครับ

 

พระพุทธปฐวีธาตุ รุ่นพิเศษสำหรับคนทางไกล ชุดนี้คือชุดที่คุณตาประเสริฐเห็นในนิมิตรสว่างไปทั่วทั้งโลกธาตุ จนทำให้เกิดปิติจนน้ำตาไหล และลดฐิติต่างๆ พูดง่ายคือลงยอมแก่ธรรม นั่นเอง....
ป.ล.ชุดนี้มีผู้จองแล้วกำลังจะส่ง ใครเป็นเจ้าของโปรดแจ้งที่อยู่ให้ผมทางเมล์ด่วนจะได้ส่งไปให้ครับ...
ขอให้เจริญในธรรม...

 

ไม่เป็นไรครับ เพราะสิ่งที่คุณซึ้งบนฝากถาม ผมก็ได้ประโยชน์ด้วย และคนอื่นๆ ก็ได้รับประโยชน์ด้วย ... พ่อแม่ครูอาจารย์พูดเสมอว่าคุณซึ้งบนเป็นคนจริง ใจบุญสุนทานมาก เมื่อเราประพฤติปฏิบัติจริงย่อมเจอของจริง...ขอให้รักษาความดีเหมือนดังเกลือที่รักษาความเค็มนะครับ...ขอให้เจริญในธรรม

 

ปัญญาวิมุตติหรือเจโตวิมุตติ?​

หลายท่านในที่นี้อาจจะสงสัยว่าระหว่างการปฏิบัติธรรม ทำไมเพื่อนบางคนนิมิตเห็นนู่นนี่ หรือมีการอาการปีติต่างๆนานา แต่กลับไม่สงสัยว่า...บางคนไม่เคยเห็นสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ดูมีความสุขดี ลดโลภ ลดโกรธ ลดหลง ลดอัตตา ลดความยึดมั่นถือมั่นได้

สาเหตุเกิดจากจริตนิสสัยในการบำเพ็ญบารมีมาไม่รู้กี่พบกี่ชาติมาแล้ว กล่าวคือ

กลุ่มปัญญาวิมุตติ : จักนั่งสมาธิได้ไม่ทน สงบยาก จิตส่งออกบ่อย เพราะนิสสัยเป็นคนช่างคิดมีปัญญามาก จะให้จับมานั่งนานๆนั้นย่อมไม่ได้ อีกทั้งไม่ค่อยเจอนิมิตหรือแสงหรือสัมผัสต่างๆด้วย

กลุ่มเจโตวิมุตติ : ท่านกล่าวว่ามีประมาณ 30% พวกนี้ส่วนใหญ่ภพก่อนๆเคยบำเพ็ญตบะมา สามารถเข้าสมาธิได้ง่าย ได้นาน สามารถสัมผัสหรือรับรู้ในนิมิตต่างๆได้โดยง่ายกว่ากลุ่มแรก แต่จะไม่ค่อยใช้ปัญญาพิจารณาธรรม

ในสมัยพุทธกาล มีพระอรหันต์เกิดขึ้นมากมาย ก็เพราะพระพุทธเจ้าของเราท่านทรงสอนแยกตามจริตนิสสัยของสาวก พูดง่ายคือเกาถูกที่คัน แคะนิดๆหน่อยก็วิ่งเร็วปร๋อเลยที่เดียว

พระท่านสอนให้เรามองดูผลของการปฏิบัติว่าสามารถลดกิเลสได้หรือไม่? พิจารณาธรรมเป็นหรือเปล่า? ดูอย่างพวกหมอผีมีอาคมล่องหนหายตัวได้ ทำไมไม่รู้ธรรม พระเทวทัตได้ถึงอภิญญา 6 ทำไมตกนรก เป็นต้น

บางท่านในที่นี้มีคุณสมบัติทั้งสองประการ ก็อาจเนื่องด้วยท่านบำเพ็ญมาทั้งสองทาง กล่าวแล้วคือ..ทางปัญญาก็ทำมา ทางเจโตก็ทำมา กรรมต่างๆหรือจริตเดิมจึงส่งผลมาเป็นมรดกทำให้มีทั้งสองอย่าง แต่เชื่อเถิดว่า คุณสมบัติเด่นๆจะออกมาให้เห็นเกินกันไม่มากก็น้อย

การจะรู้ธรรม บรรลุธรรมได้ ต้องอาศัยทั้งสองประการ เพราะพูดไปแล้ว ฝ่ายเจโตถ้าแน่จริงคงไม่กลับมาเกิดอีก ฝ่ายปัญญาก็เช่นกัน ทำไมเอาตัวไม่รอดกัน
ดังนั้น การพิจารณาธรรมได้ต้องไปตามขั้นตอนกล่าวคือ สมาธิระดับต้น เป็นสมาธิแบบสงบธรรมดา ยังไม่มีสมาธิพิจารณาธรรมชั้นสูงได้ ต้องสมาธิระดับต้น+ระดับกลาง(หารสอง) ส่วนสมาธิระดับลึกนั้น ก็เหมือนกบจำศีลหรือการบำเพ็ญฌานสมาบัติ ไม่กินอะไรก็ได้ตลอดเจ็ดวันเป็นต้น แบบนี้ก็ไม่สามารถพิจารณาธรรมได้

หากจะอธิบายเป็นรูปฌานก็บอกได้ว่า ระดับฌาน 1 คือวิตก-วิจารณ์ ยังพิจารณาไม่ได้ ระดับฌาน 2 คือ ปีติ-สุข ก็ยังไม่ได้ (เพราะมัวแต่สั่น หรือร้องไห้) ระดับฌาน 3 อุเบกขา ก็ยังไม่ได้ ระดับฌาน 4 เอกคตา ก็ไม่ได้ จะได้ก็คือระดับปีตินิดๆ...ขึ้นไปอุเบกขาหน่อยๆ ประมาณนี้...(จะรู้เองเมื่อไปถึง)

ในกลุ่มเรา หลายท่านในที่นี้สามารถรับรู้อดีตชาติ ย่างน้อยสองชาติย้อนหลัง รู้ผังชีวิตในอนาคต(อธิษฐานบารมี) เขาก็เอาอดีตชาตินั่นแหละมาพิจารณาเป็นธรรม ไม่ใช่การยึดติดแต่อย่างใด เพราะไม่ได้หลง ไม่ได้เอาหัวโขนนั่นมาใช้ กลับทำให้มองเห็นกฏแห่งกรรมได้อย่างแจ่มชัด จึงมั่นใจในทิศทางการดำเนินแห่งมรรค 8 ได้ยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น...

- กลุ่มเจ้านาย/พระสงฆ์ : มีบทบาทในการคิด ออกแบบ ระดมทุน บอกบุญ ในการสร้างวัดวา สร้างพระ สังคายนาฯ ฯลฯ ปฏิบัติธรรมเนืองๆ ชาตินี้จึงกลับมาทำหน้าที่เดิมๆที่ตัวเองเคยทำ อานิสงค์ที่ได้ จึงมีปัญญาพิจารณาธรรม และมีฐานะเพียงพอที่จะสามารถช่วยงานพระศาสนาได้ ไม่เดือดร้อน และพบเจอสมบัติเก่าที่ตัีวเองเคยสร้างมาเพื่อพระศาสนา

- กลุ่มเศรษฐีเก่า : มีบทบาทอย่างมากในการให้ทุนในการสร้างพระ สร้างวัด มีศรัทธาบ้าง ไม่ศรัทธาบ่้าง แต่ก็สามารถทำได้ เพราะตัวเองไม่เดือดร้อนเงินทอง เห็นเพื่อนในกลุ่มแรกเข้าวัด ฟังธรรมด้วยจิตศรัทธา ตัวเองก็ไปมั่งไม่ไปมั่งหรือเฉยๆ ก็เพราะตัวเองไม่เดือดร้อนอะไร จะต้องดิ้นไปทำไม มาชาตินี้จึงกลับมาเป็นคนปัญญาน้อย ฐานะพออยู่พอกินยังไม่ถึงกับร่ำรวย กรรมได้บอกว่า....ให้รู้จักความยากจนก่อน ค่อยรวยก็ยังไม่สาย แต่รวยแน่ ส่วนปัญญาในการพิจารณาธรรมนั้น หากรู้ตัวทันก็สามารถตามเพื่อนๆในกลุ่มแรกๆไปได้เช่นกัน (ในชาตินี้หากไม่จนเสียบ้างก็จะประมาทเหมือนชาติก่อนๆมา จะมีประโยชน์อะไร)

 

กลุ่มเจโตวิมุตติ (และรู้ตัวกันแล้ว) จึงค่อนข้างมีฤทธิ์เยอะ สัมผัสสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์ธรรมดามองไม่เห็นได้ง่าย


คนเรามองความก้าวหน้าในการปฏิบัติ มักมองระหว่างการปฏิบัติ แต่ไม่ได้มองที่ผลการปฏิบัติ และส่วนใหญ่เข้าใจว่าผู้มีฤทธิ์หรือได้ทางในเป็นผู้ได้ธรรม ไม่จริงเสมอไปนะครับ หุหุ...

 

กลุ่มปัญญาวิมุตติ จึงต้องใช้ปัญญาพิจารณาธรรมให้มาก แต่ห้ามหย่อนยานทางการภาวนา ไม่งั้นจักไม่มีกำลังทางในในการพิจาณาธรรม มักนั่งได้ไม่ทน

ผมเองหาวิธีแก้ไขตัวเองโดยตื่นแต่เช้า ทำวัตร เหนื่อยๆมากก็มานั่งพัก+พิจารณาธรรมต่อระหว่างการทำสมาธิ
และทำวัตรเย็น สวดมนต์เย็นนานประมาณ 1 ชม. (ฝึกสมาธิ-ขันติ)
อีกวิธีคือ...การออกธุดงค์หรือเดินป่า เดินเขา จักได้ผลดีต่อทุกๆกลุ่ม

บางท่านอาจสงสัย อ้าวๆ...แล้วทำไมทางในเกิดขึ้นได้
ก็อดีตเคยบำเพ็ญมาหนักทั้งสองทาง และสิ่งได้ก็เพราะเคยได้มาก่อน มันเป็นไปตามเส้นทาง ที่จะต้องได้เจอ ได้เห็น ได้เป็น
มันต้องผ่านกันทุกๆคนที่ปฏิบัตินั่นแหละครับ