หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    [​IMG]

    ที่บ้านก็มีอยู่ 1 อันเหมือนกันครับ
    ข้างในมีผงซึ่งไม่ทราบว่าผงอะไร ( ไม่มาก )
    ถอดออกมาดูจะเป็นรูปแกะลอยองค์
    ก็ไม่กล้ายืนยันว่าเป็นอะไร แต่
    เปิดหนังสือประวัติหลวงพ่อ เดิม วัดหนองโพธิ์ ( พิมพ์โดยวัดหนองหลวง )
    เรียกว่า รักยม หลวงพ่อเดิม ครับ
    เหมือนครับลองหาหนังสือดู หน้าปกสีฟ้าแก่ ( ประวัติหลวงพ่อเดิม )
    ที่ผมรู้เพราะที่บ้านมีพระของท่านหลายองค์ครับ
    โดยเฉพาะ สิงห์ งาแกะ สวยครับ
     
  2. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    พระกริ่งลายจุด (ลายดอก) สร้างในปีวาระ 2434 ครับ ตามที่ ดร.ณัฐชัย ตรวจสอบไว้แล้ว

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG] [​IMG]

    น่าจะเป็นพระพิมพ์ปี 2434 (องค์ที่ 4)

    ผมเชียร์ "พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข" นะ
    - เพราะผมก็ห้อยพิมพ์นี้...องค์หมุด,ฐานทองคำ
    - เวลาเหน็บกริ๊บก็สมบูรณ์พูนสุข...องค์จารรอบ
    - ประสบการณ์ต่างๆก็มักได้จากพิมพ์นี้
    เอ...อาจเรียกว่า...ผมคลั่งไคล้พิมพ์นี้ก็คงไม่ผิด
    หากเพื่อนธรรมทั้งหลายจะคลั่งไคล้เช่นผมบ้าง ก็ไม่ว่ากัน...เห็นด้วยเลย หุหุ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  4. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583

    ครับไม่เป็นไรครับผมรู้บ้างคุณอ๊อดรู้บ้างถือว่าแลกเปลี่ยนกันครับ

    จำปีหลวงพ่อสดผมเคยเห็นเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว
    ของคนที่ทำงานปูนซิเมนต์ไทย ( ตอนนี้คงเกษียนแล้ว )
    จะเป็นรูป ดอกจำปีเลยครับ คอร์นเฟริ์มนะครับ
    เพราะเจ้าของเป็นคนที่มีพระเยอะมาก ผู้ดีเก่าครับ
    ส่วนของคุณอ๊อดผมยืนยันว่าเป็น รักยม หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์

    หลวงพ่อเดิมของผม มี 2 ส่วน
    1 ของที่พ่อไปกราบและรับมาเอง
    2 ของที่ผมหามาเองแต่ 90% มาจากร้านทองที่เพื่อนทำงานอยู่
    โดยเฉพาะสิห์งาแกะและพระงาแกะ ผมคิดว่าพอดูได้ครับ
     
  5. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    คิดว่า...แม้คลั่งไคล้แต่ก็ไม่ไร้สติ(งมงาย)นะครับผม หุหุ...

    เรายังมีกิเลสและดำรงอยู่ในสภาวะของคนเดินดินกินข้าวแกงอยู่
    ซ้ำยังมีหน้าที่ในการเชิดชูพระพิมพ์ที่สำคัญที่สุด ในยุคสมเด็จพระองค์ปัจจุบัน
    ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ที่เราทำแล้วมีความสุข สบายใจ มีเพื่อนร่วมทาง แบบนี้ก็...ถึงไหนถึงกันครับ

    ฟ้าส่งเรามาทำหน้าที่นี้หรือเปล่าไม่ทราบได้...
    - ทำไมเรามีครอบครองง่ายๆ
    - ทำไมเรารู้ความลับที่เก็บงำไว้เป็นร้อยๆปี
    - ทำไมท่านมาโปรดในตอนนี้เล่า
    เป็นอะไรที่น่าคิดนะครับ

    - การปฏิบัติธรรม,พิจารณาธรรม เราก็จะไม่ละทิ้ง เพราะท่านว่า นี้เป็นงานหลัก (พระนิพพาน)
    - การสืบทอดงานพระศาสนา เชิดชูพระวังหน้า เราก็จะไม่บกพร่อง นี้เป็นงานรอง

    ครับผม
     
  6. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    พระสามองค์ต่อไปนี้ ที่แสดงอิทธิปาฏิหารย์ในขณะที่ผมอัญเชิญขึ้นคอเป็นครั้งแรก โดยการเต้นเป็นจังหวะตุ๊บๆตั๊บๆแข่งกัน เต้นทีละองค์ และแรงมากๆๆๆๆ ในชีวิตของผมไม่เคยเจอแบบนี้ เพราะไม่ได้อัญเชิญพลังใดๆเลย เสมือนท่านอยากสื่อให้รู้ ผมถึงกับปีติจนต้องนั่งสมาธิเพื่ออุทิศบุญกุศลถวายแด่องค์ผู้สร้าง ผู้อธิษฐานจิต เทวดาผู้รักษา และผู้อัญเชิญ และต้องนั่งปรับสภาพธาตุภายในให้เย็นลงได้ น่าอัศจรรย์นะครับ ลองอธิษฐานจิตดูนะครับ (เป็นปัตจัตตัง ไม่มีอะไรที่จะอธิบายไปได้มากกว่านี้)
    ปล. พระสมเด็จเนื้อผงใบลานสีดำ อธิษฐานจิตในวาระอันยิ่งใหญ่ปี 2411 พลังครอบจักรวาล แรงมากที่สุดของพระสมเด็จน่าจะเท่ากันกับพระกริ่งปวเรศ ปี 2411 บางคนจับไม่ได้ต้องวางท่านลง (จำพระสามองค์นี้ให้ได้นะครับ)


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2011
  7. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    ขอบพระคุณท่านพี่ ตาสว่างขึ้นเยอะเลย :cool:

    อยุธยา-นครสวรรค์ ไม่ไกลกันนักครับคุณอ๊อด ผมก็เคยเรียนอยู่พยุหะคีรี
     
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ไม่มีอะไรนะคุณอ๊อด ผมเข้าใจเจตนา แซวกันเล่นๆ ขำๆนะ :)
     
  9. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    แบบนี้ ต้องขอความเมตตา...อธิษฐานบารมีต่อท่านบุรุษผู้นั้นเสียแล้ว... :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  10. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    พระกริ่งปวเรศรุ่น1 พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข ปี 2411 เนื้อนวโลหะ หมุดหน้าผากและก้นทองคำ บัดนี้เป็นสมบัติของท่านสมาชิกธรรมเรียบร้อยแล้ว ผมคงต้องใช้จิตอธิษฐานอัญเชิญพระกริ่งปี 2411 อีกครั้ง และยังไม่รู้เมื่อไหร่จะได้รับอีกก็ไม่รู้ ส่วนที่เหลือพิมพ์เดียวกันหลายองค์ตรวจสอบแล้วเป็นปี 2434 .... ดูอีกทีครับ


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    แหม...ผมก็ชอบ...ฮาดีออก...

    และคาดว่าตัวผมเองก็น่าจะโดน เมื่อสมัยคลั่งพระเครื่องกระแสนิยมครับ...:'(
     
  12. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    ผู้ใดแม้จะมีพระสมเด็จวัดระฆังมากมายสักเพียงใด แต่หากขาดไร้ซึ่งพระผงใบลานเนื้อดำแล้วไซร้ นับว่าผู้นั้นยัง...ไม่....เท่าใดนัก... ขอให้ตั้งจิตอธิษฐานให้มั่นคงเถิด... ท่านจะเสด็จมาโปรดลูกหลานโดยเฉพาะ...(ท่านพึ่งเปิดเผยออกมาเมื่อปีกว่าๆนี้เองครับ) ปล.ถ้าจำไม่ผิด พิเศษตรงที่หลวงตาแสง แห่งวัดชลขันธ์ ลพบุรี ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่โต ร่วมอธิษฐานจิตด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2011
  13. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ต่อเนื่องกัน...ขำๆนะครับ อย่าไปทำจริง

    เจองูกับแขก ให้ตีหัวแขกก่อน
    เจอแขกกับนักการเมือง ให้ตีหัวนักการเมืองก่อน
    แต่ถ้าเจอนักการเมืองกับนักเลงพระ ให้ตีหัวนักเลงพระก่อนเลย

    จำเขามา post นะครับ หุหุ
     
  14. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ผมขอตั้งจิตอธิษฐานตามคำชี้แนะแล้วครับ

    โมทนาสาธุๆ ต้องนั่งสมาธิน้อมถวายแด่หลวงตาแสง แห่งวัดชลขันธ์ ลพบุรีท่านเสียแล้ว - รับรู้มาปีกว่าๆแล้วเช่นกันครับ ไม่คิดว่าจะมีความสำคัญถึงเพียงนี้

    ขอเจ้าประคุณหลวงตาแสง แห่งวัดชลขันธ์ ได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าผู้น้อยด้วยเถิด หากแม้นคิดล่วงเกินหลวงตาไม่ว่าจะกรรมใดๆ
     
  15. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    โห...ไปอินเดีย 5 ครั้ง ๆ ละ 7 -15 วัน??? :cool:

    ผมเอง...ได้แต่อ่านประสบการณ์ชาวบ้านนะเนี่ย :'(
     
  16. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    โอ้..จริงหรือ?...หาง่ายดายจัง!
     
  17. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    "เจ้าขรัวแสง * แสงแห่งบูรพาจารย์"

    [​IMG]


    ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์สองร้อยกว่าปีล่วงมาแล้วจะหาพระภิกษุรูปใดที่จะเป็นที่รู้จักของมหาชนยิ่งไปกว่า สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม พระมหาเถราจารย์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นไม่มี

    แต่จะหาผู้ที่รู้จักพระมหาเถรเจ้าอันเป็นที่เคารพนับถือ และเป็นบูรพาจารย์ องค์สำคัญองค์หนึ่งของสมเด็จพุฒาจารย์โต อันมีนามว่าหลวงปู่แสง แห่งวัดมณีชลขัณฑ์ เมืองลพบุรี น้อยเต็มที และมีอีกเป็นจำนวนไม่น้อยที่แทบจะไม่เคยได้ยินชื่อของหลวงปู่แสงเลย ทั้งที่หลวงปู่แสง ขรัวตาแสง หรือพระครูมหิทธิเมธาจารย์ นี้ เป็นคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นอันมากในยุคที่ท่านทรงสังขารอยู่

    พระเกจิอาจารย์หลายรูปที่มีชื่อเสียงมาจนถึงปัจจุบันนี้ ที่ได้เคยมานมัสการขอมอบตัวเป็นศิษย์ศึกษาเล่าเรียนวิชาการต่างๆ
    จากหลวงปู่แสงมีเป็นจำนวนมากเป็นที่เลื่องลือขจรไปในหมู่ผู้แสวงหาความรู้วิชาการทั้งสมถะ และวิปัสสนา คาถาอาคม ฯลฯ
    เป็นที่รู้จักไปจนถึงในรั้วในวัง เป็นที่น่าเสียดายเหลือเกินที่ประวัติขององค์หลวงปู่แสงหาได้ยากยิ่ง ทั้งที่มา และที่ไปของหลวงปู่ล้วนเป็นปริศนาจวบจนปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้จึงได้รวบรวมประวัติของหลวงปู่แสงเท่าที่มีบันทึกอยู่ นำมาเรียบเรียงให้เป็นเรื่องราวเดียวกัน เพื่อจะได้เป็นประโยชน์แก่อนุชนคนรุ่นหลังสืบไป

    พ.กลาง
    [​IMG]

    เจ้าขรัวแสง
    องค์อาจารย์ของขรัวโต

    คำว่า "เจ้าขรัวแสง" ที่ผู้เขียนใช้เอ่ยนามของหลวงปู่แสง แห่งวัดมณีชลขัณฑ์นี้
    ได้มาจากข้อความตามภาพประวัติของเจ้าประคุณสมเด็จโต ในพระอุโบสถวัดอินทรวิหาร กรุงเทพฯ
    ที่ท่านได้ให้ช่างเขียนประวัติของท่านไว้ในรูปแบบจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งต่อมาได้รับการถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือ
    แต่ในปัจจุบันภาพและข้อความเหล่านั้นมิได้คงอยู่ดังเดิมอีกแล้ว จากการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ
    เจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านได้ให้นายช่างเขียนตัวอักษรไว้ใต้ภาพเจ้าคุณอาจารย์หลายๆ องค์ของท่าน
    ซึ่งคำว่า เจ้าคุณขรัว และ เจ้าขรัว นั้น เป็นคำซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเคารพยกย่องอย่างสูง และก็แฝงไว้ด้วยเอกลักษณ์ประจำองค์ของเจ้าประคุณสมเด็จฯ ด้วย เพราะในยุคนั้น ในหลวงรัชกาลที่ ๔ และชาวพระนครต่างก็รู้จักเจ้าประคุณสมเด็จฯ ในนามขรัวโต นอกจากนี้ ยังปรากฏหลักฐานในจดหมายเหตุของรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเอ่ยนามของหลวงปู่แสงว่า ขรัวแสง เช่นเดียวกันดังจะได้แสดงเรื่องราวของหลวงปู่แสง แห่งวัดมณีชลขัณฑ์ ไว้เป็นลำดับในหนังสือเล่มนี้

    ...พระเจดีย์ที่สูงโดดเด่นอันปรากฏอยู่ในเขตวัดมณีชลขัณฑ์นั้น ชาวเมืองลพบุรีและจังหวัดใกล้เคียงเรียกกันว่า
    เจดีย์หลวงพ่อแสง แม้แต่พระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่ในซุ้มของพระเจดีย์ก็เรียกกันว่าหลวงพ่อแสง ด้วยเป็นที่ทราบกันว่า
    พระเจดีย์ และพระพุทธรูปในซุ้ม สร้างโดยหลวงพ่อแสง อดีตเจ้าอาวาสของวัดมณีชลขัณฑ์
    ประวัติของพระเจดีย์ น่าอัศจรรย์พอกับประวัติของหลวงปู่แสง

    [​IMG]

    ชาวลพบุรีเรียกท่านว่า หลวงพ่อแสง ส่วนในเอกสารเก่าๆ ที่จะกล่าวต่อไป เรียกท่านว่า ขรัวแสง บ้าง พระอาจารย์แสง บ้าง
    และผู้เขียนซึ่งเป็นผู้เยาว์อยู่ในยุคปัจจุบันจึงขอเรียกท่านว่าหลวงปู่แสง เป็นที่เลื่องลือกันว่าหลวงปู่แสงได้สร้างพระเจดีย์องค์นี้แต่ลำพังผู้เดียว เมื่อการก่อสร้างสำเร็จลุล่วงลงแล้วท่านก็หลีกเร้นปลีกวิเวกหายไปจากเมืองลพบุรีอย่างค่อนข้างลึกลับ ไม่ปรากฏว่าท่านไปจำพรรษาต่อที่ใด หรือมรณภาพลงที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่

    กาลต่อมา เมื่อมีผู้ระลึกถึงคุณของหลวงปู่แสง ก็ได้จัดสร้างวัตถุมงคลอันเกี่ยวเนื่องกับองค์ท่านไว้เป็นที่พึ่งที่ระลึก
    โดยมีทั้งสร้างเป็นรูปพระเจดีย์ และพระพุทธรูป ที่อยู่คู่องค์พระเจดีย์ ณ วัดมณีชลขัณฑ์ แล้วก็มีการจัดสร้างเหรียญ และพระผงรูปเหมือนของท่านด้วย พร้อมๆ กับความพยายามค้นคว้าและเริ่มต้นบันทึกประวัติของท่านไว้เป็นลายลักษณ์อักษร


    ---------------------------------------------------------------------------------

    หลักฐานทางเอกสารชิ้นสำคัญที่มักได้รับการกล่าวถึง คือ จดหมายเหตุ ในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งทรงกล่าวถึงขรัวแสงไว้โดยตรง
    ปรากฏในพระราชนิพนธ์เรื่อง ระยะทางเสด็จประพาสมณฑลอยุธยาเมื่อ พ.ศ.๒๔๒๑ ตอนที่ได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่วัดมณีชลขัณฑ์
    ทรงนิพนธ์ไว้ตอนหนึ่งว่า “ในพระวิหารมีพระกะไหล่ทองตั้งบนบุษบกองค์หนึ่ง เป็นพระของท่านยมราชสร้าง
    ดูภูมิวัดแลการที่ทำงามพอสมควรเป็นอย่างดีอยู่แล้ว กับพระเจดีย์สูงอีกองค์หนึ่งอยู่ข้างเกาะ สร้างมาช้านานหนักหนาแล้ว
    ตามเสด็จขึ้นมาแต่ก่อนทีไรก็เห็นก่อค้างอยู่อย่างนั้น ครั้นมาเมื่อปีวอกดูเหมือนแล้วไป พระเจดีย์องค์นี้เขาว่าเป็นของขรัวแสง คนทั้งปวงนับถือว่าเป็นผู้มีวิชา เดินตั้งแต่เมืองลพบุรีเช้าลงไปฉันเพลที่กรุงเทพฯ ได้ เป็นคนกว้างขวางเจ้านายรู้จักมาก หน้าเข้าพรรษาไปจำพรรษาอยู่วัดอื่น ถ้าถึงออกพรรษาแล้วมาปลูกโรงอยู่ริมพระเจดีย์องค์นี้ ก่อเองคนเดียวไม่ยอมให้คนอื่นช่วย ราษฎรที่นับถือพากันช่วยเรี่ยไรส่งอิฐปูนแลพระเจดีย์องค์นี้เจ้าของจะทำแล้วเสร็จตลอดไป หรือจะทิ้งให้ผู้อื่นช่วยเมื่อตายไปแล้วไม่ได้ถามดู ของเธอก็สูงดีอยู่”

    สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็เคยได้ทรงนิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องราวของพระเจดีย์วัดมณีชลขัณฑ์ และองค์ผู้สร้าง
    ซึ่งท่านเรียกว่าพระอาจารย์แสง ความว่า "ที่ท้องทุ่งพรหมาศอยู่ใกล้เมือง มีพระเจดีย์สูงที่วัดมณีชลขัณฑ์ เดิมชื่อวัดเกาะแก้วองค์ ๑ แลเห็นได้แต่ไกล ชวนให้สำคัญว่าเป็นของสร้างไว้แต่โบราณ แต่แท้จริงเป็นของพระภิกษุองค์ ๑ ชื่อพระอาจารย์แสง เป็นผู้คิดแบบสร้างขึ้นเมื่อรัชกาลที่ ๔"

    นอกจากนี้ นามของหลวงปู่แสง ยังปรากฏอยู่ในหนังสือประวัติวัดว่า
    "พระเจดีย์หลวงพ่อแสง อดีตเจ้าอาวาสองค์แรกสร้างไว้เป็นอนุสรณ์ในชีวิตท่าน โดยสร้างด้วยบุญบารมีของท่านเองไม่ได้ใช้เงินงบประมาณของวัดเลย"
    ข้อความที่กล่าวว่าหลวงพ่อแสง เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดมณีชลขัณฑ์นั้น หมายถึงท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก หลังจากเปลี่ยนเป็นคณะธรรมยุตถ้าดูตามบันทึกประวัติวัดมณีชลขัณฑ์จะปรากฏนามเจ้าอาวาสปกครองวัดมาก่อนหน้านั้น ๓ รูป
    จนมาถึง ปี พ.ศ.๒๔๐๙ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งวัดเกาะแก้วให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี คณะธรรมยุตแล้วทรงโปรดให้พระครูมหิทธิเมธาจารย์ (พระครูแสง) จากวัดโสมนัสราชวรวิหาร มาเป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะแก้ว จากนั้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ จึงพระราชทานนามวัดใหม่เป็นวัดมณีชลขันธ์ (เขียนแบบเก่า)

    ในทำเนียบประวัติเจ้าอาวาสวัดมณีชลขัณฑ์ ระบุว่า พระครูมหิทธิเมธาจารย์ มาจากวัดโสมนัสราชวรวิหาร
    มาเป็นเจ้าอาวาสวัดมณีชลขัณฑ์ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๐๙ - พ.ศ.๒๔๑๘ รวมเวลา ๙ ปี
    ซึ่งเป็นช่วงเวลาต่อเนื่องกับที่ท่านดำเนินการสร้างพระเจดีย์ ณ วัดมณีชลขัณฑ์ นั่นเอง

    ---------------------------------------------------------------------------------

    ...หลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน (พระเทพสิงหบุราจารย์) ซึ่งถือเป็นองค์ประธานการสร้างรูปหล่อหลวงปู่แสง ปี ๒๕๒๙ เคยกล่าวให้ศิษย์ฟังว่า

    …อาตมานึกถึงที่อาตมาได้บันทึกไว้เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๐ พระพุทธเจ้าหลวงได้ตรัสกับอาตมาว่า
    "พระคุณเจ้า โยมจะบอกให้ พ.ศ.๒๕๓๐ เจ้าคุณอาจารย์ของเราจะมาอยู่ในโรงอุโบสถของท่าน"
    อาตมาถามว่า "เจ้าคุณอาจารย์ไหนล่ะ" ท่านตอบว่า "เจ้าคุณอาจารย์ของเราคือสมเด็จโต พรหมรังสี พระคุณเจ้าไม่น่าจะไม่รู้จัก"
    อาตมาก็บอกว่า "โยม จะมาอยู่ได้ยังไง โบสถ์ก็จะพังแล้ว วัดก็โทรมแล้ว"
    ท่านตอบว่า "พระคุณเจ้า คนมีบุญเขาจะเอามา" อาตมาก็จดไว้ พ.ศ.๒๕๐๐ กับ พ.ศ.๒๕๓๐ ห่างกันตั้ง ๓๐ ปี
    ท่านยังบอกต่อไปว่า "ผู้มีบุญวาสนานั้นจะนำพระอาจารย์ของเจ้าคุณอาจารย์เรามาอยู่ที่วัดนี้ด้วย"
    อาตมาก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร มาทราบตอนหลังว่าเป็นหลวงปู่แสงนี่เอง ท่านได้บอกไว้หมดว่า
    ‘อาจารย์ของเจ้าคุณสมเด็จอ่อนกว่า แต่เจ้าประคุณสมเด็จต้องมายอมเป็นศิษย์ของหลวงปู่แสง เพราะท่านได้สำเร็จญาณสมาบัติ’

    ---------------------------------------------------------------------------------

    จากที่มีการบันทึกภาพประวัติของเจ้าประคุณสมเด็จฯ ไว้ในคราวนี้นี่เอง ทำให้นักค้นคว้าในยุคหลัง
    ได้วินิจฉัยเพิ่มเติมเขียนเป็นประวัติเจ้าประคุณสมเด็จฯ ในมุมมองของแต่ละท่าน โดยท่านหนึ่งคือคุณฉันทิชัย
    ได้วิเคราะห์ภาพตอนหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับหลวงปู่แสงไว้ว่า

    "อีกตอนหนึ่งเป็นภาพบ้านปลัดนุด ตัวปลัดนุดนั่งอยู่บนเรือนกับคนอีกหลายคน ตอนข้างล่างมีภาพบ้านอยู่ริมตลิ่ง
    มีพระภิกษุนั่งอยู่บนเรือนกับคนอีกหลายคน ตอนข้างล่างมีภาพบ้านอยู่ริมตลิ่ง มีพระภิกษุนั่งอยู่หลายองค์ มีผู้หญิงนั่งอยู่ ๒ คนทางข้างซ้าย และนั่งอยู่หน้าพระอีกคนหนึ่ง มีเรือจอดอยู่หน้าบ้าน มีหนังสือเขียนอยู่ข้างล่างว่า เจ้าคุณขรัว ๑ เจ้าคุณชินวร
    ภาพนี้เข้าใจว่าเป็นภูมิภาคของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาพตอนแรกแสดงความโอ่โถงของพระเกษม เช่นขุนนางในสมัยนั้นดังปรากฏมาแล้วแต่ตอนต้น ภาพตอนต่อมาแสดงว่า เจ้าพระยานิกรบดินทร์ เป็นคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาพคนขนของคงมีความหมายถึงการเตรียมทำบุญ ตอนต่อมาแสดงว่ามีการทำบุญที่บ้านปลัดนุด โดยนิมนต์ เจ้าขรัว ๑ และเจ้าขรัวชินวรทำพิธี และฉันที่บ้าน

    สำหรับเจ้าขรัว ๑ เข้าใจว่าเป็นเจ้าคุณญาณสังวรเถร (สังฆราชไก่เถื่อน สุก) อย่าลืมว่าเจ้าพระคุณสมเด็จฯ เป็นชาวอยุธยา
    และสังฆราชไก่เถื่อน ก็เป็นคนชาวอยุธยา ส่วนเจ้าขรัวชินวรนั้น ขอเดาว่าอาจเป็นขรัวแสง พระอาจารย์ด้านมายาศาสตร์
    องค์สำคัญอีกองค์หนึ่งของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ คู่กับสังฆราชไก่เถื่อน เพราะท่านชอบมาทำบุญบำเพ็ญกรณีย์ที่จังหวัดอยุธยาเป็นนิจ
    ท่านขรัวทั้ง ๒ นี้ มีอายุอยู่ในสมัยเดียวกัน และต่างเป็นพระอาจารย์ทางวิปัสสนาและมายาศาสตร์อย่างสำคัญของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ด้วยกัน และเป็นที่เชื่อกันว่าเจ้าพระคุณสมเด็จฯ มาศึกษาวิชาลี้ลับทางกฤตยาคมแห่งมายาศาสตร์ ที่จังหวัดอยุธยา และต่อมาได้ศึกษากับสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) อาจารย์เดิมที่วัดพลับอีก”

    ---------------------------------------------------------------------------------

    ในประวัติเจ้าประคุณสมเด็จโต สำนวนของตรียัมปวาย กล่าวเกี่ยวกับหลวงปู่แสงไว้ว่า

    "โดยเฉพาะในรัชกาลที่ ๒ การศึกษาวิปัสสนาธุระ เจริญรุ่งเรือง ด้วยว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงทำนุบำรุงวิทยาประเภทนี้ โดยโปรดให้อาราธนาพระภิกษุที่ทรงคุณวุฒิ ในทางวิปัสสนาธุระ ทั้งในกรุงและหัวเมืองปักษ์ใต้ฝ่ายเหนือ มารับพระราชทานบาตร ไตรจีวร กลด และบริขารอันควรแก่สมณะฝ่ายอรัญวาสี แล้วทรงแต่งตั้งเป็นพระอาจารย์บอกพระกัมมัฏฐานแก่พระสงฆ์สามเณรและคฤหัสถ์

    (ความพิสดารปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุรัชกาลที่ ๒ ปีมะเส็งตรีศก พ.ศ.๒๓๖๔ เลขที่ ๗)

    การศึกษาวิปัสสนาธุระและมายาศาสตร์ของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ นั้น สันนิษฐานว่าท่านจะได้เล่าเรียนในหลายสำนัก
    ด้วยในสมัยนั้น (โดยเฉพาะในรัชกาลที่ ๒) การศึกษาวิปัสสนาธุระเจริญแพร่หลายนัก มีครูอาจารย์ผู้ทรงเกียรติคุณอยู่มากดังกล่าวแล้ว แต่ที่ทราบเป็นแน่นอนนั้นว่า ในชั้นเดิมท่านได้เล่าเรียนในสำนักเจ้าคุณอรัญญิก (แก้ว) วัดอินทรวิหาร
    และในสำนักเจ้าคุณบวรวิริยะเถระ (อยู่) วัดสังเวชวิศยาราม และดูเหมือนจะได้เล่าเรียนจนมีความรู้เชี่ยวชาญแต่เมื่อยังเป็นสามเณรด้วยปรากฏว่าเมื่อเป็นสามเณรนั้น ครั้งหนึ่งท่านได้เอาปูนเต้าเล็กๆ ไปถวายเจ้าคุณบวรฯ ๑ เต้า กับถวายพระในวัดนั้นองค์ละ ๑ เต้า เวลานั้นไม่มีใครสนใจ มีพระองค์หนึ่งเก็บปูนนั้นไว้ แล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ สัก ๓-๔ ลูก ภายหลังกลายเป็นลูกอมศักดิ์สิทธิ์เลื่องลือกันขึ้นดังนี้ ต่อมาในภายหลัง ได้เข้าศึกษามายาศาสตร์ต่อที่สำนักพระอาจารย์แสง จังหวัดลพบุรี อีกองค์หนึ่ง”

    ข้อมูลจากหนังสือ สมุดสมเด็จ พ.ศ.๒๕๕๑ อนุสรณ์ ๒๐๐ ปี แห่งชาตกาลสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตารามโดย พระครูกัลยาณานุกูล (พระมหาเฮง อิฏฺธาจาโร) หน้า ๑๘๒ บันทึกไว้ว่า เจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านเรียนวิชาย่นระยะทางมาจากหลวงปู่แสง

    “คราวหนึ่งมีผู้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จฯ ไปในงานพิธีมงคลโกนจุก ที่จังหวัดอ่างทอง ท่านได้เริ่มออกเดินทางก่อนกำหนดเวลาเพียง ๓ ชั่วโมง มีคนสงสัยกันว่าท่านจะไปทันเวลากำหนดได้อย่างไร ถึงกับได้สอบถามไปยังเจ้าภาพในภายหลังต่อมา ก็ได้รับคำตอบว่าท่านไปทันเวลาตามที่กำหนดในฎีกาไม่คลาดเคลื่อน ว่าวิชานี้ท่านได้ศึกษามาจากพระอาจารย์แสง ที่จังหวัดลพบุรี”
    [​IMG]

    <<< ประวัติเต็มหลวงปู่แสง >>> <TABLE border=0 cellSpacing=3 cellPadding=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>bookfinal-หลวงปู่แสง.pdf (1.67 MB, 0 views)</TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  18. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    ปีที่แล้วมีชาวสิงคโปร์ ลูกครึ่งชาวไทย (ตระกูลเจ้าที่อพยพไปอยู่ที่สิงคโปร์ในสมัย ร.5 ด้วยเหตุผลทางการเมืองในสมัยนั้น) และมีองค์บารมี มีญาณสัมผัส มารู้จักกับผมในงานบรรยายพระหลายครั้ง เขาได้เข้ามาเก็บพระเนื้อดำไปจำนวนหนึ่ง จากญาติธรรมของผม(ในข่ายลูกหลานปู่โต) ผมเองเคยมีไว้จำนวนหนึ่ง แต่เมื่อญาติธรรมรู้และสัมผัสได้ด้วยตัวเอง ต่างก็ทะยอยมาขอแบ่งไป จนสุดท้ายพอเหลือแบ่งให้ท่านสาวกธรรม1 และผู้หมวดศุภชัยคนละหนึ่งองค์ แม้ทั้งคู่จะเป็นผู้ใกล้ชิดผมมาก แต่ก็ยังได้รับหลังคนอื่นซึ่งเกือบจะไม่ได้แล้วเชียว ปัจจุบันผมเหลือสามองค์ กะเก็บไว้สำหรับพ่อแม่ลูก แต่ผมไม่รู้หรอกว่า ท่านจะเสด็จไปโปรดใครอีก...??? มักเป็นเช่นนี้เสมอ...
     
  19. Natachai

    Natachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +937
    ทำเรื่องที่ทำแล้วมีความสุข...แต่พร้อมที่จะวางได้ตลอดเวลา
     
  20. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 11 คน ( เป็นสมาชิก 7 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> สาวกธรรม1, Natachai, somlatri, IT Man, Indhus, สมาชิกธรรม, nontayan
    สวัสดียามเย็นครับ วันนี้พร้อมหน้าพร้อมตากันที่สุดครับ
    เอ่อคือว่าอยากจะทราบว่ามีพี่ๆท่านใดเคยเห็นกริ่งที่อยูในพระกริ่ง ปวเรศบ้างครับ
    ว่าเป็นอะไร ลักษณะเป็นอย่างไรครับ
    </td></tr></tbody></table>
     

แชร์หน้านี้

Loading...