ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

<TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center>คำว่าอนุโมทนา

</TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>
<HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">มีคำอยู่คำหนึ่งที่ชาวพุทธพูดกันจนติดปาก คำนั้นก็คือ "อนุโมทนา" ความหมายของอนุโมทนาคืออะไร และเมื่อไหร่ที่ควรใช้คำนี้ คำตอบก็คือ...

ในหนังสือ ‘คำวัด' โดยพระธรรมกิตติวงศ์ ได้อธิบายความหมายของคำนี้ไว้ว่า

อนุโมทนา หมายถึง การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ การอนุโมทนานั้นอาจทำได้ด้วยการพูด เขียนหนังสือ หรือแสดงกิริยาก็ได้ เช่น เมื่อได้ยินเสียงย่ำฆ้องกลองที่วัดในตอนเย็น แสดงว่าพระท่านทำวัตรเย็นจบ ก็ยกมือขึ้นประนมไหว้ เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วก็ยกมือขึ้นสาธุ เป็นการอนุโมทนาบุญของเขาด้วย

เรียกการพูดแสดงความยินดีในความดีของผู้อื่นว่า "อนุโมทนากถา" เรียกหนังสือรับรองการบริจาคที่วัดออกให้แก่ผู้บริจาคทรัพย์ทำบุญว่า "อนุโมทนาบัตร หรือใบอนุโมทนา" เรียกบุญที่เกิดจากการอนุโมทนาตามตัวอย่างข้างต้นว่า "อนุโมทนามัยบุญ"

และการที่ภิกษุกล่าว สัมโมทนียกถา อันแปลว่า ถ้อยคำอันเป็นที่บันเทิงใจ ใช้เรียกการที่ภิกษุพูดแสดงความขอบคุณหรือกล่าวถึงประโยชน์และอานิสงส์ของความดี ของบุญกุศล ที่ทายกทายิกาได้ทำ เช่น ถวายอาหาร สร้างกุฏิ สร้างหอระฆัง เป็นต้น ไว้ในบวรพระพุทธศาสนา บางทีเรียกว่า อนุโมทนากถา

ส่วนในหนังสือศาสนพิธี เล่ม ๒ ฉบับมาตรฐาน โดยคณาจารย์แห่งโรงพิมพ์เลี่ยงเชียง ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ธรรมเนียมของพระภิกษุสามเณร เมื่อได้รับถวายปัจจัยสี่ ไม่ว่าจะเป็นภัตตาหาร หรือทานวัตถุใดๆ ก็ตามจากทายกทายิกา จะต้องทำพิธีอนุโมทนาทานนั้น ไม่ว่าจะได้รับรูปเดียวหรือหลายรูปก็ตาม ต้องอนุโมทนาทุกครั้ง จะละเว้นเสียมิได้ถือว่าผิดพระพุทธานุญาต ต่างแต่ว่าอนุโมทนาต่อหน้าหรือลับหลังเท่านั้น

ธรรมเนียมนี้ปฏิบัติกันมาแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว ฉะนั้นการอนุโมทนาทานจึงเป็น ประเพณีมานานในหมู่สงฆ์ การประกอบพิธีอนุโมทนาลับหลังทา ยกทายิกามีวิธีเดียว คือ การบิณฑบาตที่ต้องออกรับในสถานที่ต่างๆ ทั่วไปไม่จำกัด กรณีเช่นนี้ไม่ต้อง อนุโมทนาต่อหน้าขณะที่รับบิณฑบาต แต่กลับมาถึงวัดฉันอาหารเรียบร้อยแล้ว จึงอนุโมทนา หรือยกไปอนุโมทนาในช่วงทำวัตรสวดมนต์ เช้า-เย็นก็ได้

ส่วนพิธีอย่างอื่นนอกจากนี้ควรจะอนุโมทนาต่อหน้าเสมอไปจึงจะสมควร พิธีอนุโมทนาแบ่งออกเป็นหัวข้อใหญ่ๆ ได้ ๒ หัวข้อ คือ (๑) สามัญอนุโมทนา คือ การอนุโมทนาที่นิยมใช้ปฏิบัติกันโดยทั่วไป ไม่จำกัดงานหนึ่งงานใด ก็คงใช้คำอนุโมทนาแบบเดียวกัน (๒) วิสามัญอนุโมทนา คือ การอนุโมทนาด้วยบทสวดพิเศษ คืออนุโมทนาเฉพาะทาน เฉพาะกาล และเฉพาะเรื่อง

สำหรับคำว่า "สาธุ" แปลว่า "ดีแล้ว ชอบแล้ว" ดังนั้นการเปล่งวาจาว่าสาธุก็เพื่อแสดงความเห็นชอบ ด้วยชื่นชม หรือยกย่องสรรเสริญ เพื่ออนุโมทนาในบุญ หรือความดีที่ผู้อื่นทำนั่นเอง

ในพระไตรปิฎก ได้พูดเรื่องผลบุญของการอนุโมทนาที่ทำให้ไปเกิดในวิหารวิมานว่า

ท่านพระอนุรุทธเถระได้ถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า เหตุใดมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไป ทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ มีเสียงอันเป็นทิพย์น่าฟัง รื่นรมย์ใจ มีกลิ่นทิพย์อันหอมหวนยวนใจ เสียงของเครื่องประดับผมก็ดังเสียงไพเราะดุจเสียงดนตรี แม้พวงมาลัยบนศีรษะก็มีกลิ่นหอมชวนให้เบิกบานใจ หอมฟุ้งไปทั่วทุกทิศ ขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร ?

นางเทพธิดาตอบว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นสหายของดิฉัน อยู่ในเมืองสาวัตถี ได้สร้างมหาวิหารถวายสงฆ์ ดิฉันเห็นมหาวิหารนั้น แล้วมีจิตเลื่อมใสอนุโมทนา ก็วิมานอันเป็นที่รักนี้อันดิ ฉันได้แล้ว เพราะการอนุโมทนาด้วยจิตบริสุทธิ์แต่อย่างเดียวเท่านั้น วิมานนี้เป็นวิมานอัศจรรย์น่าดูน่าชม โดยรอบสูง ๑๖ โยชน์ เลื่อนลอยไปในอากาศ ได้ตามความปรารถนาของดิฉัน ดิฉันมีปราสาทเป็นที่อยู่อาศัย อันบุญกรรมจัดแจงเนรมิตให้เป็นส่วนๆ งามรุ่งโรจน์ตลอดร้อยโยชน์โดยรอบทิศ วิมานอันมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ น่าอัศจรรย์ น่าดูน่าชมเช่นนี้ เกิดแต่ดิฉันเพราะกุศลกรรมทั้งหลาย ควรทำบุญโดยแท้

สรุปแล้วการอนุโมทนาเป็นสิ่งดี แต่สิ่งที่ดีกว่าก็คือ การลงมือทำความดี สร้างบุญกุศลนั้นๆ ด้วยตนเอง

http://variety.teenee.com/saladharm/30792.html

 

( เลขเด็ด 019 )



ไม่ใช่เลขใบ้หวย แต่เป็นชุดเลขที่จะทำให้คุณเป็นอิสระหลุดพ้นจากความคับแคบทางจิตใจ เบิกบานแจ่มใส ลองทำความเข้าใจความหมายของเลขสามตัว 019 ข้างล่างนี้ และ นึกทบทวนอยู่ในใจเสมอ หากท่านเข้าถึงความหมายของเลข 3 ตัวนี้ โลกของเราก็จะสวยสดงดงาม ชีวิตของท่านจะก้าวหน้ารุ่งเรืองตลอดไป

--------------------------------------------------------------------------------
ความหมายของเลข 3 ตัว ​

0 สุญตา หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างว่างจากความหมายเป็นตัวตน คือ มองทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยความคิดเชื่อมโยง แล้วเราจะเห็นว่าไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่เป็นตัวตนของมันเอง สักอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราเห็นเมล็ดข้าวในจานข้าว หากรู้จักคิดเชื่อมโยง จะเห็นว่ามีเหตุปัจจัยต่างๆ นานามากมายที่ทำให้เกิดเมล็ดข้าวขึ้นมา ในเมล็ดข้าว เรามองเห็น ทุ่งนา นก หนู ท้องฟ้า กบ สายฝน เคียวเกี่ยวข้าว ความทุกข์ของชาวนา โรคฉี่หนู เถ้าแก่โรงสี กรรมกรแบกหาม ฯลฯ เป็นการมองเชื่อมโยงด้วยสายตาแห่ง ความกรุณา และ ปัญญา

การมองแบบคิดเชื่อมโยง ไม่มองอะไรเป็นแท่งเป็นก้อน จะทำให้จิตใจของเรา ไม่คับแคบ จิตว่าง เป็นอิสระ หลุดพ้น สบายใจจนบางคนถึงกับเปล่งอุทานออกมาว่า
" โอ ! สรรพสิ่งล้วน "สุญตา" (ว่างจากความหมายเป็นตัวตน) "
​

1 หมายถึง ทุก ๆ ชีวิตคือ หนึ่งเดียวกัน เริ่มต้นจากพ่อแม่ลูกหากมีความรัก สมานสามัคคีกันภายในครอบครัว คนในครอบครัวก็จะเกิดความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้เกิดความสุขอันเหลือล้นยิ่งกว่ามีเงินทองนับล้านนับแสน กลุ่มคนมีความคิดดีงามมารวมตัวกันทำกิจกรรมร่วมกัน หรือ คนในชุมชนมีความรู้สึกร่วมทุกข์ ร่วมสุขด้วยกัน หรือ ตลอดจนความรู้สึกว่าทุกคนในโลกล้วนเป็นพี่เป็นน้องร่วมโลกเดียวกัน ความรู้สึกนี้จะทำให้เราเกิดความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นความสุขอย่างเปี่ยมล้น เนื่องจากจิตใจหลุดพ้นจากความเห็นแก่ตัวที่คับแคบ ทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว อย่างที่เคยเป็นมาอีกต่อไป

9 หมายถึง ชีวิตของเราจะต้องก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป คือ แต่ละวินาทีที่ผ่านไป เป็นโอกาสที่เราจะพัฒนาตน ให้เป็นผู้ที่มีจิตใจสูงส่งดีงาม พวกเราทุกคนล้วนโชคดีที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ "มนุษย์"เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่สามารถที่จะพัฒนาตนได้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด เราสามารถที่จะพัฒนาตนจนถึงขึ้นสูงสุด คือ เข้าถึงความ สะอาด สว่าง สงบ รู้ตื่นเบิกบาน

" 019 คือเลขเด็ดที่จะทำให้คุณประสบโชคดีอย่างแท้จริงไปตลอดกาลนาน"



( อธิบายขยายความแนวความคิดของ ศ.นพ. ประเวศ วะสี จากหนังสือ "วิถีมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 สู่ภพภูมิใหม่แห่งการพัฒนา" )

http://www.igetweb.com/www/watdokmai/index.php?mo=3&art=229874

​

 

อยากทราบว่ามีใบอนุโมทนาหรือปล่าวค่ะ
ที่ร้านขายของค่ะ แล้วอยากบริจาคปัจจัยถวายพระภาคใต้กับพระที่อาพาธและต้องการให้คนในชุมชนที่ต้องการบริจาคแต่ไม่มีเวลาได้ทำบุญ เลยซื้อตู้บริจาคมาตั้งไว้ค่ะ เวลาไปบริจาคจะนำใบเสร็จหรืออนุ"มทนามาเสียบไว้ให้เค้าดูค่ะ

แต่ถ้าไม่สะดวก ไม่เป็นไรนะค่ะ เดี๋ยวไปนับเงินและโอนให้ภายในอาทิตย์หน้าค่ะ เพราะส่วนใหญ่เสียบใบไว้ไม่เห็นใครอ่านเลย อิอิ
ขอบคุณค่ะ

 

นำการถามตอบปริศนาธรรมมาฝากจากเว็บ Yokeedam

เรื่องปริศนานกยาง ​

​

กราบนมัสการหลวงปู่ เจ้าค่ะ
ได้อ่านเจอในหนังสือ เว็บไซต์ และคำบอกเล่า เรื่องปริศนานกยาง โดยมีรายละเอียดดังนี้
หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานผ่านมาได้ ๒,๐๐๐ ปีแล้ว ท้าวสักกะองค์อินทร์ได้เนรมิตตนเป็นชีผ้าขาวลงมาสู่กรุงศรีอยุธยา. ชีผ้าขาวนั้นท่องเที่ยวถามปัญหาแก่สมณะ ชี พราหมณ์ทั้งหลาย โดยบอกว่า ถ้าใครแก้ปริศนาเหล่านี้ได้ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ. คนโดยมากได้พบเห็นชีผ้าขาวเข้าไปถามปัญหาก็พากันคิดว่า พราหมณ์เฒ่านี้ท่าจะบ้า จึงไม่มีใครใส่ใจพิจารณาปัญหานัก ท้ายที่สุด ชีผ้าขาวก็กลับร่างเป็นพระอินทร์ นั่งอยู่บนอากาศแสดงปริศนานกยางไว้ดังนี้
๑. นกยางเฮย ทำไมจึงไม่ร้องขอก นกยางว่าปลามันไม่ออก
๒. ปลาเฮย ทำไมจึงไม่ออก ปลาว่า หญ้ามันรก
๓. หญ้าเฮย ทำไมจึงรก หญ้าว่า วัวมันไม่กิน
๔. วัวเฮย ทำไมไม่กินหญ้า วัวว่า เจ้าของเขาไม่ปล่อย
๕. เจ้าของวัวเฮย ทำไมจึงไม่ปล่อยวัว เจ้าของว่าท้องข้าเจ็บมาก
๖. ท้องเฮย ทำไมจึงเจ็บ ท้องว่า ข้ากินข้าวไม่สุก
๗. ข้าวเฮย ทำไมจึงไม่สุก ข้าวว่า ไฟมันไม่ลุก
๘. ไฟเฮย ทำไมจึงไม่ลุก ไฟว่า ฟืนมันเปียก
๙. ฟืนเฮย ทำไมจึงเปียก ฟืนว่า ฝนมันตกมาก
๑๐. ฝนเฮย ทำไมจึงตกมาก ฝนว่า กบเขียดมันร้องนัก
๑๑. กบเขียดเฮย ทำไมจึงร้องนัก กบว่า งูมันไล่กินพวกข้า
๑๒. งูเฮย ทำไมจึงไล่กินกบเขียด งูว่าเพราะกบเขียดเป็นอาหารข้า
ตั้งแต่นั้นมา ก็มีผู้พยายามจะแก้ปริศนานกยางนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะบอกพระอินทร์ให้รู้ได้อย่างไรดี จึงทำได้เพียงจารึกความคิดเห็นของตนลงในใบลานไว้ว่าปริศนานกยาง มีความหมายว่าอย่างไรกันบ้าง แม้อย่างนั้น ก็ไม่มีใครรู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องของปริศนานกยางนั้นคืออะไรแน่ เพราะพระอินทร์ก็ยังไม่ได้มาเฉลยให้ใครได้รู้เลยว่า ปริศนานี้แก้ได้ว่าอย่างไร
อยากเรียนถามหลวงปู่ว่า ปริศนานี้มีความหมายอย่างไรคะ?
กราบขอบพระคุณค่ะ


ด้วยปัญญาอันต่ำต้อยน้อยนิดของข้าน้อยนี้ หรือจะมีปัญญาเข้าใจปัญหาของเจ้าฟ้าผู้สูงส่งได้ จึงว่าไปตามเหตุอาเพศมี....ดังนี้แล......
๑. นกยางเฮย ทำไมจึงไม่ร้องขอก นกยางว่าปลามันไม่ออก .......สมณะผู้เจริญธรรมที่เป็นพระอริยะเจ้าทั้งหลายแล้ว (นกยาง) ไม่อาจแสดงธรรมอันเป็นเครื่องพ้นทุกข์ทั้งปวงได้.....เพราะชนทั้งหลาย (ปลา) ไม่คิดออกจากกองทุกข์ที่เป็นชาติ, ชรา, มรณะ, เพียงแต่เข้าหาสมณะเพื่อเสริมเติมตัณหาให้สมกับความอยากแห่งตนเท่านั้นเอง.....
๒. ปลาเฮย ทำไมจึงไม่ออก ปลาบอกว่า หญ้ามันรก.......ชนทั้งหลาย (ปลา) ส่วนใหญ่หลงใหลอยู่ในกามทั้งห้า จึงตกอยู่ในข่ายของโลกธรรมแปด (หญ้า).......
๓. หญ้าเฮย ทำไมจึงรก หญ้าว่า วัวมันไม่กิน.......โลกธรรมแปด (หญ้า) ที่ปรกคลุมจิตใจของชนทั้งปวงอยู่นั้นย่อมเป็นธรรมดา แม้แต่สาวก (วัว) ของพระโคดมผู้ควรละแล้วจากสิ่งนี้ ก็ยังไม่ชำระให้หมดไปจากใจของตนเอง.....
๔. วัวเฮย ทำไมไม่กินหญ้า วัวว่า เจ้าของเขาไม่ปล่อย .......ที่สาวก (วัว) ของพระโคดมไม่อาจชำระโลกธรรมแปดได้นั้น เพราะไม่อาจชนะความต้องการของพระเจ้าจิตราช (เจ้าของวัว) ผู้ครองกายานครได้......
๕. เจ้าของวัวเฮย ทำไมจึงไม่ปล่อยวัว เจ้าของว่าท้องข้าเจ็บมาก .......พระเจ้าจิตราช (เจ้าของวัว) ไม่อาจปล่อยให้วัว (สาวกของพระโคดม) ชำระกิเลสตัณหาได้เพราะว่าใจ (ท้อง) ของพวกเขายังไม่รู้จัก “พอ”......
๖. ท้องเฮย ทำไมจึงเจ็บ ท้องว่า ข้ากินข้าวไม่สุก .......เหตุที่ใจ (ท้อง) สาวกของสมณะโคดมไม่รู้จักพอนั้น เพราะยังเสพธรรมมะที่ไม่ใช่โลกุตระ (ข้าวไม่สุก) จึงไม่อาจให้ความสุขที่แท้จริงได้ เมื่อเสพแล้วจึงทุกข์เหมือนชนทั้งหลายอยู่ดี......
๗. ข้าวเฮย ทำไมจึงไม่สุก ข้าวว่า ไฟมันไม่ลุก .......ที่สาวก (วัว) ของพระโคดมไม่นำธรรมมะที่เป็นทางพ้นทุกข์มาเสพ ปัญญาญาณ (ไฟ) ที่จะแผดเผากิเลสตัณหาจึงไม่เกิด......
๘. ไฟเฮย ทำไมจึงไม่ลุก ไฟว่า ฟืนมันเปียก .......เหตุที่ปัญญาญาณไม่มีนั้น (ไฟไม่ลุก) เพราะว่าฟืน (สัตว์โลก) ชุ่มไปด้วยตัณหาทยานอยาก......
๙. ฟืนเฮย ทำไมจึงเปียก ฟืนว่า ฝนมันตกมาก .......ที่ว่าฟืน (สัตว์โลก) ชุ่มไปด้วยตัณหาทยานอยากนั้น เพราะว่ากามทั้งหลาย (ฝน) ในโลกนี้มีกำลังฟุ้งเฟ้ออยู่ดาษดื่น........
๑๐. ฝนเฮย ทำไมจึงตกมาก ฝนว่า กบเขียดมันร้องนัก .......กามทั้งหลาย (ฝน) ระบาดอยู่ทุกๆชุมชน เพราะต้องการความสุขทางใจ (กบเขียด) ที่มันเรียกร้องอ ยู่......
๑๑. กบเขียดเฮย ทำไมจึงร้องนัก กบว่า งูมันไล่กินพวกข้า .......เหตุที่ใจมันต้องการ (กบเขียดร้อง) ความสุขมาบำเรอใจนั้น เพราะมีความทุกข์ (งู) บีบคั้นอยู่ภายในจิตใจของชนทั้งหลาย......
๑๒. งูเฮย ทำไมจึงไล่กินกบเขียด งูว่าเพราะกบเขียดเป็นอาหารข้า.......เหตุที่ใจบีบคั้นชนทั้งหลายให้ทุกข์นั้น เพราะเอากามทั้งหลายที่ตั้งอยู่ใน “อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา,” มาเป็นอาหารทางใจและกาย.......
แม้จะตอบถูกหรือผิด ก็ไม่อาจแก้ไขสิ่งที่เป็นไปอยู่แล้วนี้ได้.......เพราะฝูงวัวทั้งหลาย......ไม่เห็นคุณค่าของโลกุตระธรรม.......ใครๆอื่นหรือจะช่วยดลบันดาลให้วัวทั้งหลายเห็นว่า “โลกธรรมแปด” เป็นพิษต่อจิตใจและทางพ้นทุกข์ได้......
ขออภัยด้วยนะ......ถ้าไม่ถูกใจท่านเจ้าฟ้า......

 

ขอโทษด้วยครับ ไม่มีใบอนุโมทนาบัตรให้ เพราะทุนนิธิฯ เป็นแค่เพียงกลุ่มคนที่มีเจตนารมย์ร่วมกันในการบริจาคปัจจัยเพื่อสงฆ์อาพาธตามที่ต่างๆ ซึ่งต่างจากการจัดตั้งมูลนิธิที่จะต้องมีการขออนุญาตจากรัฐ และต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนตามกฏหมายต่างๆ ที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก แถมต้องมีเอกสารหลักฐานหลายอย่างนำมาประกอบ ซึ่งเมื่อก่อนก่อตั้งทุนนิธิฯ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เคยคิดเหมือนกัน แต่คิดถึงค่าตรวจสอบบัญชีในแต่ละปีแล้ว ใช้เงินในการจ้างผู้ตรวจสอบเยอะเหมือนกัน ประกอบกับเงินเรามีไม่มาก กรรมการที่ดูแลอยู่โดยมีผมเป็นประธาน และมีท่าน อ.ประถม อาจสาคร เป็นประธานที่ปรึกษา จึงให้จัดตั้งเป็นแค่ทุนนิธิฯ หนักกว่านั้นก็คงไม่ไหว เพราะเงินในบัญชีแต่ละเดือนเหลือเพียงแสนกว่าบาท หากจ้างคนมาดูแลหรือมาทำงานรับบริจาคดูแล้วน่าจะไม่ไหวครับ เอาเป็นว่าเอาแบบสบายๆ ถึงเวลาเอาสมุดบัญชีมาดูกันในวันทำกิจกรรมทุกๆ เดือน หรือนำมาลงให้ดูหน้าเวบนี่ล่ะครับ ส่วนเรื่องอื่นๆ ตามศรัทธาครับ หลายคนที่บริจาคมาประจำทุกเดือนผมนับถือในน้ำใจมากครับ เพราะบริจาคกันมาหลายปี ใบอนุโมทนาก็ไม่มี ยกเว้นภาษีก็ไม่ได้ ทุกคนก็เอาแต่บุญเป็นตัวตั้งครับ หรือบางครั้งเราก็แจกเป็นพระพิมพ์ต่างๆ ให้ เพื่อเป็นเครื่องตอบแทนกัน และระลึกถึงกันเท่านั้นจริง....ยังไงๆ ผมก็ขออนุโมทนาและสาธุบุญในการที่จะบริจาคช่วยสงฆ์อาพาธมาล่วงหน้า และก็คงแต่มีคำสัญญาจากผมและคณะกรรมการฯ ทุกท่านครับ ว่าจะดูแลเงินของท่านให้ดีที่สุด หากผิดไปจากนี้ก็ขอให้ผมและครอบครัวอย่าได้บรรลุข้อธรรมใดๆ อย่างที่หวังไว้และขอให้เป็นตาลยอดด้วนทุกๆ ภพ ทุกๆ ชาติ ขอให้เชื่อใจกันเท่านั้นพอ โมทนาบุญล่วงหน้าครับ

​

 

นำมาลงให้อีกครั้งหนึ่งครับ นี่ล่ะทั้งกรรมการทุนนิธิฯ ทั้งที่ปรึกษา อยู่กันครบ ปีนึง อวยพรท่าน อ.ประถมฯ กันสักครั้งหนึ่ง เนื่องในวันเกิดท่าน รวมถึงได้พบปะกันในกลุ่มลูกศิษย์และหลานศิษย์รวมอายุแล้วกว่าพันปี เพราะ อ.ประถมฯ ปีนี้ 91 ปี ศิษย์รุ่นใหญ่สุด 70 ปี น้องเล็กสุดๆ ก็ยี่สิบกว่า มีหลายระดับ ครับ

 

กิจกรรมที่ รพ.สงฆ์ ประจำเดือนนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2554 ที่จะมาถึง โดยนัดพบเพื่อจัดเตรียมสังฆทานอาหารที่โรงอาหารด้านข้าง รพ.สงฆ์ในเวลา 7.30 น.-8.30 น.

จึงขอแจ้งให้ผู้ที่สนใจได้ทราบทั่วกัน โดยในวันพรุ่งนี้ผมและนายสติจะ ได้เบิกเงินจากบัญชีของทุนนิธิฯ มาเพื่อเตรียมการบริจาคโดยมีรายละเอียดการบริจาคสำหรับเดือนนี้ตามประมาณการดังนี้


1 รพ.สงฆ์

- ถวายค่าสังฆทานอาหาร 6,000.- (ประมาณการพระสงฆ์ไว้ 200 รูป โดยจะถวายเป็นอาหารกล่องๆ ละ 30.-)
- ถวายค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 5,000.-
- ถวายค่าโลหิต 5,000.-
รวม 16,000.-

2 รพ.ภูมิภาค

- รพ.แม่สอด จ.ตาก 8,000.-
- รพ.สมเด็จพระยุพราช (ปัว) 5,000.-
จ.น่าน
- รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย 8,000.-
จ.เลย
- รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 5,000.-
- รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 8,000.-
- รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 5,000.-
- รพ.สงขลา จ.สงขลา 8,000.-
- รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 5,000.-
รวม 52,000.-

รวมเงินบริจาคตามข้อ 1.+2. = 68,000.- (หกหมื่นหกแปดพันบาทถ้วน)



สำหรับใบอนุโมทนาบัตรในเดือนที่ผ่านมาตอนนี้ได้รับมาแล้ว 5 รพ. ในสัปดาห์หน้า จะได้ทยอยนำมาลงให้ได้อนุโมทนาบุญกันครับ


ส่วน พระพิมพ์สมเด็จปีระกา หรือสมเด็จเขียว หรือสมเด็จวัดบางน้ำชนที่ระบือนามในอดีตและอธิษฐานจิตโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) นั้น ในสัปดาห์หน้าเช่นกัน ผมจะได้สอบถามจากคุณลุงวุฒิลูกศิษย์รุ่นใหญ่สุดของ อ.ประถมฯ ที่อยู่ในช่วงที่เปิดกรุเมื่อปี 27 ตอนเจดีย์ล้มว่า จะยินดีนำมาบริจาคให้ทุนนิธิฯ เพื่อให้บูชาและนำปัจจัยมาทำบุญช่วยสงฆ์อาพาธตาม รพ.ข้างต้น กันสักกี่องค์ดี ถ้าได้เรื่องกันยังไงแล้วจะแจ้งให้ทราบครับ


เดือนที่แล้วแจกพระพิมพ์สมเด็จไปแล้ว หมดไปกว่า 86 องค์ เดือนนี้ในวันทำกิจกรรมคงงดก่อน แต่ตอนนี้ก็ตุนพระเครื่องสมัยปัจจุบันที่ผ่านการอธิษฐานจิตในพิธีใหญ่มาแล้วหลายสิบองค์ เอาไว้เดือนต่อๆ ไป ค่อยนำมาแจกกันฟรีๆ ครับ



พันวฤทธิ์
22/1/54

​

ต้นฉบับรูปพระพิมพ์สมเด็จปีระกา จากนายสติ กรรมการของทุนนิธิฯ ที่ถูกนำไปใช้แปะตามเวบต่างๆ โดยไม่บอกแหล่งที่มาและข้อมูลต่างๆ ของทุนนิธิฯ ที่นำมาลง ทั้งนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่ อ.ประถมฯ และนายสติที่ได้จัดทำไว้​

 

ร่วมสร้างเจดีย์หลวงปู่ท่อน ญาณธีโร วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลย

ร่วมสร้างเจดีย์หลวงปู่ท่อน ญาณธีโร วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลย




ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่ามหากุศล จำนวน84,000 กอง กองละ 1,000บาท;หรือตามกำลังศรัทธา
เพื่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและอัฐบริขาร
พระราชญาณวิสุทธิโสภณ;หลวงปู่ท่อน ญาณธโร ;วัดศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย
กำหนดวางศิลาฤกษ์ 16 ตุลาคม 2554


ท่านผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมทำบุญได้ประมาณ3 วิธี ดังนี้

1.ถวายหลวงปู่โดยตรง ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
โดยระบุในใบปวารณาบัตรว่า"เพื่อสร้างพระมหาเจดีย์"


2.ส่งธนาณัติสั่งจ่าย ตู้ปณ. นาอ้อ 42000


3.โอนเงินผ่านธนาคาร ไทยพาณิชย์
ชื่อบัญชี "พระราชญาณวิสุทธิโสภณ; เพื่อสร้างเจดีย์"
ไทยพาณิชย์ สาขา เมืองใหม่บางพลี บัญชีออมทรัพย์
เลขบัญชี 320-4-95366-3

ปล.
ท่านสามารถเช็คสอบถามการมากรุงเทพของหลวงปู่ท่อนได้ที่
โรงพยาบาลวิชัยยุทธ: โทรศัพท์:0-2265-7777, 0-2618-6200-20
แฟกซ์:0-2278-1017
ที่อยู่:114/4 ถนนเศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
(เพราะเวลาหลวงปู่ท่อนมากรุงเทพท่านจะพักที่ร.พ วิชัยยุทธ อาคารเก่า ชั้น 13 เป็นประจำครับ;
อาคารเก่าของร.พ วิชัยยุทธจะอยู่ซอยที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์เก่านะครับ ท่านที่สะดวกมาทางรถไฟฟ้าสามารถนั่งมาลงตรงสถานีอารีย์ได้และ

นั่งวินมอเตอร์ไซค์ประมาณ20บาทมาได้อย่างง่ายดายครับ ).

ท่านที่ต้องการใบอนุโมทนาบัตร
กรุณาส่งสำเนาเอกสารการทำบุญพร้อม ชื่อ สกุล+เบอร์โทรศัพท์ไปที่
วัดศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย 42000 หรือขอเป็นเจ้าภาพสมทบทุนในการสร้างพระมหาเจดีย์




หลวงปู่ท่อน ญาณธีโร



ภาพเส้นพระเกศาหลวงปู่ท่อน ญาณธีโรกลายสภาพเป็นพระธาตุ หลวงปู่ยังทรงสังขารธาตุขันธ์อยู่นะครับ คนที่โรงพยาบาล
วิชัยยุทธหลายๆท่านทราบกันดีว่า เคยมีหมอท่านนึงผ่าตัดท่านแล้ว ตกตะลึงอย่างมากเพราะพบว่ากระดูกท่าน"เป็นแก้วใส"

ภาพปาฏิหารย์หลวงปู่ท่อนครับ ถ่ายจากวัดหลวงปู่ต้น วัดบึงพลาราม ท่าบ่อ หนองคาย



หากในกระทู้นี้มีสิ่งผิดพลาดคลาดเคลื่อนหรืือไม่ถูกต้องประการใด
ข้าพเจ้ากราบขอขมาพระรัตนตรัยและองค์หลวงปู่ท่อน ญาณธีโรมาณที่นี้
และขอท่านทั้งหลายโปรดอดโทษให้ข้าพเจ้าผู้ยังโง่เขลาตราบจนข้าพเจ้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
============================
ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10700

เสียงธรรม : หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

http://www.fungdham.com/sound/ton.html

 

บางส่วนของใบอนุโมทนาบัตรที่ได้รับมาเมื่อสัปดาห์ก่อนโดยเป็นใบอนุโมทนาในส่วนที่ทุนนิธิฯ ได้บริจาคไปในเดือน ธ.ค. 53 ที่ผ่านมา ผมจึงขอนำมาลงเพื่อให้ทุกท่านได้โมทนาบุญกันครับ

​

 

ตกลงในวันทำกิจกรรมทุนนิธิฯ ที่ รพ.สงฆ์ในวันอาทิตย์ที่ 30 ม.ค. 54 นี้ ผมจีบพระพิมพ์สมเด็จปีระกา "พิมพ์เส้นด้ายขนาดกลาง" มาจาก คุณลุงวุฒิได้ 10 องค์ และจะนำมาให้ผู้ที่ไปร่วมกิจกรรมกันได้ร่วมเช่าบูชากันองค์ละ 500.- บาท หรือมากกว่านั้นเมื่อมีคนสนใจเยอะ และเมื่อหักต้นทุนค่าพระพิมพ์แล้วจะเหลือบริจาคเข้าทุนนิธิฯ 2,000.- บาท ใครอยากได้ทั้งพระพิมพ์และได้บุญช่วยสงฆ์อาพาธก็ขอเชิญไปร่วมงานกันได้ครับ มีสิทธิบูชาได้คนละองค์เท่านั้นครับ งานนี้ใครอยากได้พระในตำนานไว้บูชาอย่าพลาดครับ เพราะผมอยากให้มีไว้ใช้นั่นเอง ไม่ต้องคิดมาก เพราะไม่งั้นราคาแพงกว่านี้หลายเท่านัก

 

ขอยืนยันอีกเสียงครับขอเพียงศรัทธาหลวงปู่เท่านั้นก็จะบังเกิดผลครับ

 

ร่วมบุญทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ มค 2554
จากกลุ่มบัวสีขาว

<STYLE>@font-face { font-family: SimSun;}@font-face { font-family: Angsana New;}@font-face { font-family: Tahoma;}@font-face { font-family: ;}P.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"}LI.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"}DIV.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"}DIV.Section1 { page: Section1}</STYLE>โอนเงิน เข้าบัญชี 348-123-245-9
สถานที่ 6661 ลำดับ 2903 (เครื่องฝากเงิน)
วันที่ 28 /01/54 เวลา 7.42 น. จำนวน 200 บาท

อนุโมทนาบุญทุกท่านค่ะ ที่ร่วมทำบุญสงฆ์อาพาธ สาธุ

 

รายละเอียดการโอนเงินผ่านธนาคารและทางไปรษณีย์ธนาณัติไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ตามข้อ 2. ครับ ส่วนจำนวนพระสงฆ์ที่จะถวายสังฆทานภัตตาหารเช้าในวันอาทิตย์นี้ รอเช็คจำนวนอยู่ครับ ได้เรื่องยังไงจะได้รีบนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

พันวฤทธิ์
28/1/54

 

ประมาณ 17.00 น. ได้โอนตังทำบุญของหมู่เพื่อนในบริษัท 1000 บาท
โมทนาสาธุกับทุกบาททุกสตางค์ ที่หมู่เพื่อนทำร่วมทำบุญกันมาครับ

 

Uploaded with ImageShack.us




Uploaded with ImageShack.us





Uploaded with ImageShack.us

 

<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ผมขอเพิ่มเติมประวัติที่ท่าน อ.ประถม อาจสาครได้ทำการศึกษาและบันทึกเอาไว้และพระพิมพ์ต่างๆของพระสมเด็จ กรุวัดบางน้ำชน ฝั่งธนบุรีให้ไว้ดูศึกษากันครับ

หมายเหตุ : พิมพ์ที่ค่อนข้างหายากมากคือพิมพ์ปรกโพเม็ด และพิมพ์ปรกโพบาย(ใบ)

 

อ้างอิง

กิจกรรมที่ รพ.สงฆ์ ประจำเดือนนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2554 ที่จะมาถึง โดยนัดพบเพื่อจัดเตรียมสังฆทานอาหารที่โรงอาหารด้านข้าง รพ.สงฆ์ในเวลา 7.30 น.-8.30 น.

จึงขอแจ้งให้ผู้ที่สนใจได้ทราบทั่วกัน โดยในวันพรุ่งนี้ผมและนายสติจะ ได้เบิกเงินจากบัญชีของทุนนิธิฯ มาเพื่อเตรียมการบริจาคโดยมีรายละเอียดการบริจาคสำหรับเดือนนี้ตามประมาณการดังนี้


1 รพ.สงฆ์

- ถวายค่าสังฆทานอาหาร 6,000.- (ประมาณการพระสงฆ์ไว้ 200 รูป โดยจะถวายเป็นอาหารกล่องๆ ละ 30.-)
- ถวายค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 5,000.-
- ถวายค่าโลหิต 5,000.-
รวม 16,000.-


สำหรับในวันอาทิตย์ 30 มกราคม 2554 พรุ่งนี้ มีจำนวนพระสงฆ์ที่จะถวายสังฆทานอาหาร 180 รูป

ก็ขอกราบเรียนเชิญ เรียนเชิญ ขอเชิญ ทุกๆท่านที่มีเวลาว่างในวันพรุ่งนี้ พบกันที่โรงอาหารของทางโรงพยาบาลสงฆ์ด้านซ้ายมือนะครับ เวลา 7.30- 8.00 น. ถ้าหาไม่เจอให้ถามยามรักษาการณ์ทางด้านหน้าก็ได้ครับ

กราบขอบพระคุณและโมทนาบุญในจิตที่เป็นกุศลของทุกๆท่านด้วยครับ

 

ภาพบรรยายทุนนิธิประจำเดือนมกราคม 2554 ตอนที่ 1









ภาพบรรยายเดือนนี้ ขอเริ่มต้นด้วย การกรวดน้ำนะครับ
เพราะถือว่า ทุกครั้งที่มีการทำบุญ เราท่านทั้งหลายก็เผื่อแผ่ให้ท่านอื่นๆ ด้วย

ให้มีบุญถ้วนหน้ากันครับ





ในตอนเช้าๆ ของวันทำบุญ เราท่านก็จะมานั่งเตรียมของที่จะถวายกันครับ







บรรดาของถวายโดยส่วนใหญ่ก็จะมี ขนม นม น้ำไปด้วย แต่เป็นของที่ พี่น้องญาติธรรมที่ท่านเตรียมมากันเอง

ตามภาพก็ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ



พอจะเคลื่อนขบวนทัพธรรมน้อยๆ ก็ช่วยกันลงแรงรวบรวม ได้รถเข็นประมาณ 2 คันครับ

สาธุครับ

 

ภาพบรรยายทุนนิธิประจำเดือนมกราคม 2554 ตอนที่ 2





พอมาถึงหน้าตึกกัลยาณิวัฒนา ก็เตรียมตัวกันถ่ายรูปโดยพร้อมเพรียงกันครับ



แชะ เรียบร้อยครับ









หลังจากนั้นก็จะขึ้นมาที่ชั้น 6 เพื่ออธิฐานจิตร่วมกันครับ





และเข้าสู่ช่วงพิธีการกันสักเล็กน้อยครับ

สาธุครับ

 

ภาพบรรยายทุนนิธิประจำเดือนมกราคม 2554 ตอนที่ 3









ตอนนี้กำลังกรวดน้ำ หลังพิธีครับ

และพอเสร็จพิธีกัน ก็เริ่มถวายครับ ตั้งแต่ชั้น 6 ไล่ลงมากันถึงชั้น 2 ครับ













ระหว่างที่ถวายแต่ละชั้น คุณพระท่านก็ให้พรด้วยครับ

สาธุครับ