คำสอนของพระพุทธองค์ทั้งหมด..รวมลงอยู่ใน "ความไม่ประมาท"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย sss12, 23 กันยายน 2010.

  1. sss12

    sss12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +1,081
    อัปปมาทะ

    สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเราผู้ปฏิบัติธรรมอีกอย่างหนึ่ง คือ
    อัปปมาทะ ความไม่ประมาท คือ การมีชีวิตอยู่อย่างมีสติตลอดเวลา

    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

    เราไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้สักข้อหนึ่ง เป็นเหตุให้อริยมรรคมีองค์ 8
    ที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์ เหมือนความถึง
    พร้อมด้วยความไม่ประมาทนี้เลย


    ดังนั้น จงอาศัย ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ให้เกิด ให้มี ให้เป็น
    อัปปมาทะ โดยสมบูรณ์เถิด


    หลังจากตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ พระบรมศาสดา
    ทรงอบรมสั่งสอนพุทธบริษัท 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
    ตลอดเวลา 45 พรรษา

    เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบว่า อีกไม่นาน ก็จะทรงเข้าสู่มหา
    ปรินิพพาน ละสังขาร จะหมดลมหายใจแล้ว ท่านได้พยายามสอนดี
    ที่สุด สั้นที่สุด เป็นปัจฉิมพุทโธวาท ดังนี้

    ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า
    สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    ท่านทั้งหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด


    นี้เป็นพระวาจามีในครั้งสุดท้ายของพระตถาคตเจ้า
    คงจะพูดได้ว่า พระธรรม หรือ คำสั่งสอนของพระพุทธองค์
    ทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ รวมอยู่ในคำเดียว คือ “อัปปมาทะ”


    ผู้ที่มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อย่าประมาท
    เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นของเก่า มีแต่จะหมดไป เสื่อมไปในที่สุด
    ผู้ที่อยู่ที่สูง เมื่อตกลงมา ย่อมเจ็บหนักเป็นธรรมดา

    จึงอย่าประมาท ให้หมั่นสร้าง ทาน ศีล ภาวนา อยู่เป็นนิตย์

    ขอให้เจริญอริยมรรคมีองค์ 8 จนกระทั่งเกิดมรรคสมังคี
    สามารถละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสลงได้
    อย่างน้อยก็ให้เข้าสู่กระแสพระนิพพาน จึงจะมั่นใจได้ว่าไม่ตก
    นรก และไม่ตกอบายภูมิอย่างแน่นอน เรียกว่า ผู้ไม่ประมาท



    ตอนหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงปรารภถึงอัปปมาทะ ว่า

    ความไม่ประมาท เป็นทางอมตะ
    ความประมาท เป็นหนทางแห่งความตาย
    ผู้ไม่ประมาท ไม่มีวันตาย
    ผู้ประมาท ถึงมีชีวิตอยู่ ก็เหมือนคนตายแล้ว


    ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย
    ความประมาท คือความไม่มีสติในความคิด ไม่มีสติควบคุมจิต
    คิดฟุ้งซ่าน คิดน้อยใจ คิดเสียใจ คิดอาฆาตพยาบาท เป็นความคิดผิด
    คิดผิดเมื่อใดก็ตายจากความดีเมื่อนั้น
    จึงกล่าวว่า ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย

    ในชีวิตประจำวัน ความประมาท คือ ความขาดสติ ทำให้เกิดความ
    เสียหายและความตายจริงๆ เช่น ถ้าเดินหกล้ม เหยียบแก้ว หรือ
    ขับรถประมาท เป็นความประมาทขาดสติทั้งนั้น ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
    ทำให้บาดเจ็บ และอาจเสียชีวิตได้


    ครูบาอาจารย์จึงพูดเตือนบ่อยๆ ว่า
    ขาดสติ 3 นาที ก็บ้า 3 นาที

    ผู้ประมาท ถึงมีชีวิตอยู่ก็เหมือนคนตาย ตายจากความดีทุกประการ
    อาจจะเลวยิ่งกว่าคนตายก็เป็นได้ ต้องระวังในชีวิตประจำวัน
    ถ้าไม่ระวัง เราก็ทำบาปเพิ่มขึ้น ทำอกุศลกรรมอยู่เรื่อยๆ ตลอดเวลา

    เกียรติยศชื่อเสียง ความดีงามที่เราสะสมมาหลายสิบปีในปัจจุบันชาติก็ดี
    ความดีงามที่สั่งสมมาจากชาติก่อนๆ ก็ดี ถ้าเราประมาทขาดสตินิดหน่อย
    อาจจะสูญเสียไปหมด และเราอาจจะเสียชื่อเสียงไปทันทีก็เป็นได้

    ความไม่ประมาทเป็นทางอมตะ
    หมายถึงสภาวะที่ไม่มีความตาย ไม่มีตัวตน เป็นอนัตตา


    เมื่อละกิเลส ตัณหา อุปาทานได้ สติปัฏฐาน 4 สมบูรณ์แล้ว
    ก็ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัว ตน เรา เขา เป็นอนัตตา
    ก็ไม่มีใครตาย ไม่มีความรู้สึกว่ามีใครตาย สักแต่ว่าเป็น
    ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุอากาศ ธาตุรู้เท่านั้น
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปๆ เท่านั้น ไม่มีใครตาย

    เมื่อเราไม่ประมาท เจริญสติอยู่ตลอดเวลา
    ศีล สมาธิ ปัญญา รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
    เป็นมรรคสมังคี ก็ละสังโยชน์ เข้าสู่มรรคผลนิพพานได้


    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในธัมมจักรกัปปวัตตนสูตรว่า
    “เราไม่เกิดอีกแล้ว ความเกิดครั้งนี้เป็นความเกิดครั้งสุดท้ายของเรา”
    พระองค์ได้เข้าถึงอมตธาตุ วิสังขารธาตุ พุทธภาวะ
    คือภาวะแห่งความเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน นั่นเอง

    “สะจิตตะปะริโยทะปะนัง เอตัง พุทธานะ สาสะนัง”
    การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ
    นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

    จงเป็นผู้ยินดีในการเจริญสติทุกเมื่อ
    จงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด


    คัดลอกจาก: อานาปานสติ : วิถีแห่งความสุข ๑
    ชีวิตทั้งหมดให้อยู่ด้วยอานาปานสติ
    โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...