พลังที่มีอยู่ในทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าจะปลุกมันมาใช้เป็นรึป่าว

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย พี่เต้, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. พี่เต้

    พี่เต้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +93
    ครับผม ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ชื่อว่าเต้นะ เป็นคนที่จะคอยนำข้อคิดดีๆๆที่ทำให้ชีวิตมีความสุขมาให้ เเต่เต้ก็คงจะเอามาลงแค่บอร์ดนี้บอร์ดเดียวนะ เพราะไม่อยากย้ายเดี๋ยวยุ่ง

    พลังที่มีอยู่ทุกคนที่ผมพูดก็คือ พลังใต้จิตสำนึก ครับ พลังตัวนี้เป็นพลังที่คอยควมคุมความนึกคิดของเราทุกอย่าง ในบางทีเราจำเป็นต้องใช้พลังตัวนี้ในการดำเนินชีวิตอย่างมาก แต่โดยส่วนใหญ่ คนเราจะเรียกกันว่า กำลังใจ อ่า...คงคุ้นหูกันนะครับ เรามาทำความรู้จักกับ กำลังใจก่อนนะว่าเค้าเป็นยังไง มากจากไหน.......


    หลายๆ ครั้งในชีวิตเราเคยประหลาดใจไหมว่า ทำไมบางคนประสบเคราะห์กรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือเป็นโรคร้ายจนหมอบอกว่าไม่มีทางรอด แต่เขาเหล่านั้นกลับสามารถยืนหยัดต่อสู้จนประสบความสำเร็จในชีวิตหรือมีอายุขัยที่ยืนยาวต่อมาได้ หรือทำไมพระมหาชนกจึงมีความเพียรพยายามที่จะว่ายน้ำข้ามมหานทีวันแล้ววันเล่า แม้จะยังมองไม่เห็นฝั่ง หรือทำไมนักกีฬาพิการจึงสามารถเอาชนะความไม่สมประกอบของตนจนคว้าเหรียญทองมาได้ อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนเรามีความมานะบากบั่น และมีความตั้งมั่นที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จได้ ถ้าจะบอกว่าสิ่งนั้น คือ "กำลังใจ" ของแต่ละคน เชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกไม่ถึงหรือไม่ทันคิด

    "กำลังใจ" แม้จะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงพลังอันสำคัญนี้ หลวงวิจิตรวาทการได้เขียนในหนังสือชื่อ "กำลังใจ" ว่าการที่คนเราจะเผชิญชีวิตหรือฟันฝ่าอนาคตให้ลุล่วงไปด้วยดีได้นั้น เราจะต้องมีกำลังถึง 3 ประการด้วยกัน คือ กำลังกาย กำลังความคิด และกำลังใจ

    กำลังกาย หมายถึง ความเป็นผู้มีอนามัยดี ร่างกายแข็งแรงซึ่งเป็นความสำคัญเบื้องต้น

    กำลังความคิด หมายถึง วิชาความรู้ และมันสมองที่ดี

    ส่วนกำลังใจ หมายถึง สมรรถภาพ(ความสามารถ) ของดวงจิต ที่เป็นเครื่องส่งเสริมและควบคุมให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปโดยเรียบร้อยเหมาะสม

    กำลังกายเป็นเรื่องของร่างกาย กำลังความคิดเป็นเรื่องของมันสมอง และกำลังใจเป็นเรื่องของดวงจิตโดยตรง กำลังทั้งสามนี้มีความสำคัญเท่าๆ กัน ผู้ใดก็ตามมีพร้อมทั้งสามกำลัง นาวาชีวิตของผู้นั้นย่อมแล่นไปได้ดีและบรรลุถึงที่หมายได้ไม่ยาก แต่หากจะขาดหรือบกพร่องในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วท่านว่า ขออย่าให้เป็นเรื่องขาดกำลังใจ เพราะถ้าขาดกำลังใจแล้วจะเอากำลังกายหรือกำลังความคิดมาทดแทนกำลังใจไม่ได้เลย

    ยกตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งทำการค้าล้มเหลว มีหนี้สินล้นพ้นตัว เมียตีจาก ชายคนนี้หากขาดกำลังใจเขาก็จะรู้สึกท้อแท้ แม้จะยังมีกำลังกายดี มีกำลังความคิดที่จะใช้ความรู้ความสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อีกครั้ง แต่เขาก็จะไม่ทำและปล่อยชีวิตให้จมปลักกับความทุกข์และความโศกเศร้าอยู่ตลอดเวลา ตรงกันข้ามหากชายคนนี้เกิดเป็นโรคร้ายซ้ำแต่เขายังไม่หมดกำลังใจ เขาก็ยังสามารถใช้สมอง สติปัญญา และพลังที่เหลืออยู่ ฮึดสู้กับโรคร้ายและโชคร้ายอย่างไม่ย่อท้อ ที่สุดเขาก็จะสามารถเอาชนะชะตากรรมได้

    หรือถ้าหากเขาขาดกำลังความคิด คือไม่มีความรู้ในธุรกิจจนต้องล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ถ้าเขายังมีกำลังใจอยู่ เขาก็จะมีใจไปขวนขวายหาความรู้เพิ่ม และมุ่งมั่นจนชนะอุปสรรคทั้งหลายได้ อีกตัวอย่างที่เห็นได้ง่าย คือ เรื่องของความรัก เราจะเห็นได้ว่าชายหนุ่มหรือหญิงสาวหากอกหัก มักจะการขาดกำลังใจที่จะดำรงชีวิตอยู่ แม้จะมีความรู้ หน้าตาดี ร่างกายแข็งแรง แต่หลายคนกลับคิดไม่ตก หันไปทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายในที่สุด ในทางตรงกันข้ามผู้ที่สมหวังในรักก็จะมีแรงใจที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวจนเป็นปึกแผ่น ดังนั้นจะเห็นได้ว่า "กำลังใจ" เป็นพลังที่สำคัญยิ่ง และมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการดำเนินชีวิตของเราให้ไปสู่ความสำเร็จได้นานัปการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน การทำงาน หรือความรัก ดังที่กล่าวมาแล้ว

    โดยทั่วไปกำลังใจของคนเรานั้นจะมี 2 แบบ คือ

    1. กำลังใจแบบที่เกิดขึ้นเอง มักเกิดในสภาพจิตที่รุนแรง หรือเกิดจากความสะเทือนใจอย่างหนัก และมักให้โทษมากกว่าคุณ เนื่องจากเป็นกำลังใจที่เกิดจากอารมณ์ต่างๆ เช่น ความโกธร ความกลัว ความตกใจ ความเกลียด และความหึงหวง เป็นต้น กำลังใจที่ว่านี้ท่านว่าเป็นกำลังใจที่โลดโผน เกิดขึ้นชั่วแล่นแล้วก็ดับหายไป เช่น ภริยาบางคนกลัวสามีมาก แต่เมื่อถูกทำร้ายมากๆ เข้าก็อาจโกรธจนลืมตัว และเกิดกำลังฮึดสู้จนแทงสามีตายได้ หรือในเวลาไฟไหม้ ความตกใจก็สามารถทำให้บางคนยกของหนักได้ทั้งๆ ที่ยามปกติทำไม่ได้ เป็นต้น กำลังเหล่านี้ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของกำลังใจที่เกิดขึ้นในชั่วขณะนั้น ซึ่งมักอยู่ไม่นานและไม่ค่อยให้คุณ

    2. กำลังใจแบบที่เราก่อให้เกิดขึ้นหรือสร้างขึ้น จะเป็นกำลังใจที่ให้คุณและมีความยั่งยืนกว่า เพราะเกิดจากดวงจิตที่ตั้งมั่นจะมีชีวิตอย่างเป็นตัวของตัวเอง ไม่ปล่อยไปตามยถากรรม อีกทั้งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยแก้ปัญหาความยากลำบากในชีวิต และยังช่วยเพิ่มพูนกำลังกายและกำลังความคิดได้อีกด้วย (แบบที่เต้จะนำมาให้อ่านในตอน ต่อๆๆไปอ่ะครับ)

    ตามธรรมดาการที่จะรู้ว่าใครมี "กำลังใจ" หรือไม่ ย่อมต้องมีเหตุแสดงให้เห็น เช่น เมื่อเกิดปัญหาชีวิต เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ฯลฯ คนที่มีกำลังใจจะไม่กลัวและพร้อมจะต่อสู้เพื่อให้อุปสรรคเหล่านี้หมดไป หรือสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ย่อท้อ ผิดกับคนที่ขาดกำลังใจมักจะมีอาการตรงข้าม อันเนื่องมาจากเกิดความกลัว ความขลาดที่จะเผชิญปัญหา จึงเกิดวิตกจริต รู้สึกหดหู่ซึมเศร้าอยู่เป็นนิตย์ มองเห็นแต่ปัญหา หาทางออกไม่เจอ อย่างไรก็ดีกำลังใจเป็นสิ่งที่สร้างให้เกิดขึ้นได้ และทำได้หลายประการดังที่กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จะได้ยกตัวอย่างบางวิธีมาเสนอดังต่อไปนี้

    ขจัดความกลัว โดยทั่วไปคนจะกลัว 4 เรื่อง คือ กลัวผี กลัวคน กลัวภัยเฉพาะหน้า และกลัวเหตุร้ายจะมาถึง คนที่มีความกลัวอยู่ในนิสัยหรือที่เรียกว่า "คนขลาด" นั้น ยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต แม้จะมีความพร้อมในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ หรือทรัพย์สินเงินทอง ดังนั้นเราอาจจัดความกลัวได้ 2 วิธีคือ วิธีของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงสอนว่าสิ่งที่ขจัดความกลัวได้ผลที่สุดคือ การแผ่เมตตาจิต ปลูกฝังไมตรีให้เป็นธรรมะประจำใจ เพราะทันที่ที่เรามีเมตตาจิตเราจะไม่กลัวสิ่งใดมาทำอันตราย เพราะเราจะคิดดีต่อผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา จึงเสมือนมีเครื่องคุ้มกันภัยและคุ้มกันใจให้หายกลัว

    ส่วนอีกวิธี คือ วิธีแบบจิตวิทยา เป็นการสอนวิธีขจัดความกลัวโดยให้เชื่อในความเป็นจริง คือ ให้รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร เช่น เรากลัวบางคนเพราะเราไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร แต่หากศึกษาให้รู้ประวัติ รู้นิสัยใจคอของเขา ก็จะหายกลัว เป็นต้น ความกลัวเป็นศัตรูร้ายแรงของกำลังใจ การฝึกขจัดความกลัวจะเป็นหนึ่งในวิธีสร้างกำลังใจโดยตรง ยิ่งเรากลัวน้อยลงเท่าไร เราก็ยิ่งมีกำลังใจมากขึ้นเท่านั้น

    ขจัดความหวาดวิตก ซึ่งเป็นภัยร้ายที่ทำลายทั้งสุขภาพและความคิด ดังนั้นเราจะต้องแก้โดยหัดมองโลกในแง่ดี คิดในทางบวก คิดว่าต้อง "ทำได้" อยู่เสมอ เพราะหากเรามัวแต่กลัวปัญหาอุปสรรค และคิดว่าทำไม่ได้ ก็จะเกิดปริวิตกและทอนกำลังใจตนเอง อีกทั้งจะต้องหาอะไรทำอยู่เสมอ อย่าปล่อยตัวปล่อยใจให้ว่าง ความวิตกก็จะหมดไปเพราะมัวแต่ทำงานไม่มีเวลาไปคิดฟุ้งซ่าน ไร้สาระ

    การเป็นตัวของตัวเอง คือ มีความคิดอ่านเป็นของตนในทางที่มีเหตุมีผล มีความถูกต้องเหมาะสม หรือพูดง่ายๆ ว่ามีหลักการของตนเอง ไม่ยอมให้ใครชักจูงให้ผันผวนไปจากแนวคิดของตน คนเหล่านี้คือผู้ที่มีกำลังใจแท้ คือ มีกำลังใจที่จะต่อสู้ และกำลังใจที่จะหักห้ามตนเองไม่ให้ทำผิดจากหลักการที่ตั้งไว้

    การสร้างนิสัยสดชื่น ความสดชื่น เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ และพร้อมเติบโตก้าวหน้าต่อไป ทำให้ผู้อยู่ใกล้มีความสุขสดชื่นไปด้วย แม้ว่าในความเป็นจริงเราอาจจะมีทุกข์ แต่หากเราเอาแต่โศกเศร้าทุกข์ร้อน นอกจากจะทำให้เรารู้สึกอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว ผู้คนก็จะพากันหนีห่าง ดังนั้นเราจึงควรสร้างนิสัยสดชื่นไว้อยู่เสมอ ด้วยการสร้างสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้สดชื่นแจ่มใส เช่น ปลูกไม้ดอกในบ้าน หัดมองโลกในแง่ดี/ขบขัน ประกอบคุณงามความดี เช่น ทำบุญ จะทำให้รู้สึกอิ่มเอิบสดชื่นเช่นกัน

    นอกจากวิธีการข้างต้นแล้ว เรายังสามารถเพิ่มพูนกำลังใจให้มากขึ้นด้วยการนำข้อคิด คำคม คำสอนที่เป็นคติจากหนังสือ คำพูด หรือการดำรงชีวิตที่ดีของผู้อื่นมาเป็นแบบอย่างได้ เช่นคำคมที่ว่า อัจฉริยะมีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเกิดจากหยาดเหงื่อและความเพียรพยายาม /อย่าทำความชั่วเพราะคิดว่าผิดนิดเดียว และอย่าละเว้นทำดีเพราะคิดว่าได้กุศลน้อยนิด เป็นต้น

    การสร้างกำลังใจด้วยวิธีการต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว แม้จะต้องฝืนใจทำบ้างในเบื้องต้น แต่เชื่อว่าถ้าเราฝึกบ่อยๆ ให้เกิดความเคยชินจนเป็นนิสัย ก็จะทำให้เรากลายเป็นคนเข้มแข็งและมี "กำลังใจ" อันเป็นพลังผลักดันให้ชีวิตประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้านต่อไป



    อ่า.....จบและ หวังว่าทุกคนคงจะเข้าใจกับพลังนี้มากขึ้นนะครับ ในเวลาต่อไป เต้ก็จะนำบทความที่เพิ่มพลังตัวนี้ กับวิธีดึงเอาพลังตัวนี้มาใช้ ก็ขอให้ติดตามกันไปนะครับ......
     
  2. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สาธุครับ พลังจิตใต้สำนึกมีจริงๆครับ...
    ไม่อย่างนั้นไอน์สไตน์ไม่พูดหรอกว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
    เพราะจินตนาการเชื่อมโยงกับความรู้สึก ซึ่งเกี่ยวกับ "จิตใต้สำนึก"
    แต่สิ่งที่สำคัญมากสำหรับพลังนี้ คือ "สติ" ครับ
     
  3. ผลปตฺโต

    ผลปตฺโต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +92
    Subconscious mind power!
    อนุโมธนา.............
     
  4. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    อนุโมทนาครับ ความตั้งใจจริงจังนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าความตั้งใจและมุ่งมั่นสำคัญกว่าความโง่ที่หรือฉลาดนะครับ เพราะถ้าเราตั้งใจจริงเราจะผลักดันตัวเองให้ไปเจอในสิ่งที่ควรเอง เพราะเท่าที่ผมเจอคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆมาเนี่ยผมรู้สึกว่าแต่ละคนก็มีความตั้งใจจริงจังและพยายามอย่างยิ่งยวดด้วยกันทั้งสิ้น
     
  5. ragpon

    ragpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +954
    เอาหล่ะครับ รู้จักการสร้างกำลังใจให้ตนกันแล้ว ก็มาเน้นกันนิดนึงเรื่อง กำลังใจต่างๆที่จะพึงมีและมอบให้แก่กันและกันต้องเจือด้วยความดีงาม ถูกต้อง และคุณธรรมจะมากหรือน้อย ยิ่งมากไว้จะเพิ่มพูลเป็นอเนกอนันต์ ล้วนสร้างไว้ไม่เสียหายมีแต่ได้ กำลังจากความคิดดี ร่างกายดี วาจาดีเป็นสิ่งที่กรรมดีต้องการ ก็ขอมอบให้แก่ท่านที่มีกำลังใจที่ดีทุกๆคนพิจารณากันนะครับ
    พลังจงสถิตอยู่กับเจ้า เลือกเอาจะเป็นเจไดแบบไหน
     

แชร์หน้านี้

Loading...