ดูจิตที่รู้เห็นผิดจากความเป็นจริง เพราะดูแต่จิตสังขาร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 25 เมษายน 2010.

  1. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ครับ บริกรรมต่างกันตรงไหน ระหว่างพุทโธ กับบริกรรมว่า จิตไม่ใช่เราจิตไม่ใช่เรา
    พุทโธ มีใส่ความเห็นอะไรลงไปในคำบริกรรมนี้ใหมครับ

    ถ้า บริกรรมว่า จิตไม่ใช่เรา จิตไม่ใช่เรา บริกรรมเฉยๆ หรือ ใส่ความเห็นแทรกความหมายลงไปด้วย ถ้าบริกรรมเฉยๆ ก็ไม่ต่างกันกับพุทธโธ(แต่ที่จริงต่างกันเพราะพุทธโธ คือพระนามพระพุทธเจ้า)
    แต่ ถ้าบริกรรมว่า จิตไม่ใช่เรา แล้วใส่ความหมายแทรกความเห็นลงด้วยไปเรื่อยๆ ทุกคำบริกรรม มันต่างกันแน่นอนครับ
    โดยเฉพาะเป็นความเห็นที่เชื่อมั่นว่าถูกต้องตามตำรา แต่ ตนเองไม่ได้มีความเห็นจริงๆอย่างนั้น มีแต่ความเชื่อแล้วเพียรบริกรรม จิตไม่ใช่เรา เรารู้อย่างเดียว จิตไม่ใช่เรา เรารู้อย่างเดียว สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเราเป็นใคร แบบไม่มีเหตุผล
    แต่ถ้าพี่เล่าเห็นว่าเหมือนกันก็ตามใจ

    ****************************
    จริงๆคำบริกรรมจะบริกรรมอะไรก็ได้ แต่ส่วนมากเราก็ต้องรู้ความหมายของคำที่เราบริกรรมด้วย สมมุติว่า บริกรรมว่า ขี้ๆๆๆ จริงๆ ท่านก็ว่า จิตรวมได้ หรือ บริกรรมชื่อของคนรัก จิตก็รวมได้ เมื่อก่อนตอนเด็ก ผมก็บริกรรมว่า แม่ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ

    ความหมายของคำบริกรรมก็มีความสำคัญ
    พุทโธ คือพระนามของพระพุทธเจ้า ถ้าบริกรรมพุทโธ โดยรู้ว่าหมายถึงพระพุทธเจ้า ก็เหมือนระรึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ถ้าตายลงตอนนึกพุทโธก็ต้องไปสู่สุคติ

    แต่ถ้าใครเลือกบริกรรมว่า ขี้ๆๆๆ เกิดตายลงตอนนี้จะไปเกิดที่ไหนหนอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2010
  2. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    โทษทีนะครับ ไม่รู้เรื่อง:'(
     
  3. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    แล้วคุณจะเถียงกับหลวงปู่เจี้ยะเหรอ เพราะท่านเป็นคนยกอุบายว่า

    บริกรรมว่า "ขี้" ก็ทำให้เกิดสัมมาสมาธิได้

    ก็ถ้าตัวเอง เห็นคำบริกรรมมีความหมาย ก็นั่นไง เล็งเห็นเข้าไปสิว่า

    ตัวเองนั้นแหละ ที่บริกรรมโดยติดสัญญา

    แล้วถ้าบริกรรมแล้ว จิตไปเห็นสัญญาอันเป็นขี้จนเกิดยินดี ก็รู้เข้า
    ไปสิว่า ได้ยินดีกินขี้ เป็นเปรตะไปแล้ว

    แล้วถ้าบริกรรมแล้ว จิตไปเห็นสัญญาอันเป็นขี้จนเกิดยินร้าย ก็รู้เข้า
    ไปสิว่า ได้ยินร้ายกับการปัดขี้ ตกนรกภูมิไปแล้ว

    ภพชาติเขามีไว้ให้รู้ทุกข์ ก็รู้ไปสิ แล้วมันก็รู้เองแหละว่า ควรเล็ง
    เห็นอย่างไรกับ ยินดี ยินร้าย

    แล้วพอเล็งเห็นยินดี ยินร้าย จิตพี่ชาติยังแนบอยู่อีกเหรอ จิตมันไม่
    แนบแล้วเขาเรียกว่าอะไรเล่า แล้วจิตที่มันไม่แนบกับอารมณ์มัน
    เป็นสภาวะมีตัวตนหรือเปล่าเล่า ในเมื่อไม่มียินดี ยินร้ายแล้ว

    ไปฝึกดูสิ แล้วจะเลิกไร้สาระกับการเลือก คำบริกรรม
     
  4. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อ่านหนังสือหนะ ยังไงก็ต้องรู้เรื่อง เรื่องมัชฌิมศีลนี่ ไม่ได้เป็นภาษาที่
    ยากอะไรเลย

    แต่ทำไมถึง บอกว่าไม่รู้เรื่อง

    ก็เพราะ ไม่ยอมรับคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าไง ใจมันปิด
    เพราะรักสิ่งหนึ่ง เพราะชังสิ่งหนึ่ง เลยเลือกที่จะไม่ขอเข้าใจแม้คำสอน
    ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า

    ซึ่งกำหนดให้เป็น ข้อปฏิบัติ ง่ายๆ สมาทานได้ทันที ยากอะไรที่ไหน!?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2010
  5. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    เอ้า อ่านไม่รู้เรื่องหรือ ไม่ได้เถียงเลยนะว่าบริกรรมอะไรได้หรือไม่ได้ อย่ามามั่วหาว่าผมพูดอย่างนั้นนะ

    แต่แค่บอกว่าคนเรามักจะรู้ความหมายของคำบริกรรม เวลาบริกรรมแม้ไม่นึกถึงความหมายแต่มันก็รู้ความหมาย ถ้า บริกรรมว่าอะไร ตอนตาย ถ้าบริกรรมแล้วจิตไม่รวม ก็น่าจะไปอย่างที่จิตรู้ความหมายนั้น เท่านั้น หวังว่าคงเข้าใจนะ

    ความหมายของคำบริกรรมมันไม่ไร้สาระหรอกครับคุณ หากปุ๊บปับไกล้ตาย บริกรรมจิตรวมไม่ได้ มันก็ได้อย่างน้อยแค่ระรึกถึงคำบริกรรม ความหมายของคำบริกรรม มันก็ไปตามที่นึกนั้น

    แต่ถ้าชอบบริกรรมว่า จิตไม่ใช่เรา จิตไม่ใช่เรา เรารู้เฉยๆ เรารู้เฉยๆ จิตไม่ใช่เรา ก็เชิญสิครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2010
  6. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ผมไม่รู้ว่าคุณจะสื่ออะไร ยกมาทำไม เข้าใจใหมครับ
     
  7. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ถ้าบริกรรมว่าขี้ๆๆๆ จิตรวมได้ใหมผมก็ไม่เถียงว่าได้

    แต่ถ้าระหว่างบริกรรม เกิดต้องตายในระหว่างที่จิตยังไม่รวมหละ ยังมีวิตกวิจาร ยังรู้ความหมายของคำที่บริกรรม จะเป็นยังไง
    นี้ผมถึงบอกว่า บริกรรมพุทโธ ดีกว่าและไม่เหมือนกับการ บริกรรมว่า จิตไม่ใช่เรา จิตไม่ใช่เรา อย่างที่คุณเล่าปังบอกว่ามันเหมือนกันหละ
    แล้วก็อย่ามาพูดดีกว่าว่าที่คุณนึกกันว่า จิตไม่ใช่เราเหมือนคำบริกรรม พุทโธ
    พวกคุณกลัวเป็นสมาถะจะตาย แต่ตกลง ภาวนาว่าจิตไม่ใช่เราอยู่หรือครับนี้
     
  8. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ก็บอกอยู่หยกๆว่า อย่าไปบริกรรมแล้วติดในสัญญา หากติดสัญญาไม่ว่า
    มันจะมีความหมายอะไร มันพาไปทุคติครับ พาไปโมหะภูมิทั้งหมดนั้นแหละ

    ดูอย่างพระวัลกลิสิ ระลึกถึงพระพุทธองค์อยู่ตลอดแล้วเป็นไง ก็เกือบไป
    เพราะโมหะนั้นมันพาไปจนถึงการคิดฆ่าตัวตาย ทุคติหรือสุขคติกันหละ
    ในการน้อมนึกถึงพระพุทธองค์

    แต่ดีที่ท่านแก้กลับมาได้ ไม่ติดสัญญาอารมณ์นั้น เล็งเห็นทันว่าไปยินดี
    มากเกินไป พอระงับได้ ก็แก้ได้จนลุล่วง

    ดังนั้น หากยังเข้าใจว่า ความหมายของคำบริกรรม มันจะพาไปตามที่นึกนั้น
    ก็พิจารณาเสียใหม่ดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2010
  9. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ภาวนา เขาแปลว่า ทำให้มันเจริญขึ้น เรียกอีกแบบว่า ทำให้มันปรากฏตาม
    ความเป็นจริง

    ถ้าความหมายของคุณจะ ภาวนาก็ดี บริกรรมก็ดี หมายถึง ท่องปาวๆละก้อ
    ก็ต้องขอบอกว่าทางเราไม่ได้ทำอย่างนั้น ไม่ได้ติดสัญญาตื้นๆแบบนั้น

    เรา บริหารจิตต่างหาก ทำจิตสิกขาต่างหาก เพื่อให้เห็นการปรากฏของอธิจิต
    เนืองๆ หรือที่คุณเรียกว่า จิตพุทโธ นั่นแหละ

    นี่อย่าบอกนะว่า จิตพุทโธนี่ คุณยังคิดสังขยาปนกันระหว่าง บริกรรมพุทโธ
    กับ จิตพุทโธ คือเนื้อหาสาระเดียวกัน
     
  10. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    เชิญถามสบายเถอะ ผมขี้เกียจ

    คุณก็แค่พยามรักษาทิฐิความเห็นของคุณที่เชื่อมั่นมาตลอดเรื่องดูจิต เห็นพยายามมาตั้งแต่เว็ปแห่งหนึ่งเขาประกาศเลิกเผยแพร่คำสอนของครูดูจิต....
    คุณก็ออกมาบอกว่าเว็ปนั้นเขาทำตามคำสั่งของครูดูจิตนั้น ที่ให้เลิกเผยแพร่
    จนสุดท้าย เว็ปนั้นเขาก็ประกาศออกมาเป็นข้อๆ ....
    คุณก็ยังหาเหตุผลมาอ้างปกป้องความเห็นของคุณเองได้สารพัด

    ขี้เกียจคุยแบบแถๆ เพราะประเด็นที่คุยมันก็จะแตกออกไปเรื่อยๆแบบไม่มีเหตุผลด้วย เหนื่อยเปล่าๆ
     
  11. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ใครเขาคุยกันด้วยเหตุนั้น นั่นมันสัญญาของคุณที่แนบติดแกะไม่ออกต่างหาก

    ใครจะแสดงธรรมะอะไร ปิดเปิดอะไร มันก็เรื่องของเขา ใช่เรื่องปัญหาธรรม
    ที่คุณเล็งเห็นว่า บริกรรมอะไรสัญญานั้นจะพาไปอย่างนั้น ซะเมื่อไหร่กัน

    คุยกันที่หัวข้อธรรมสิครับ

    นี่จะรอปิดคำสุดท้ายด้วยซ้ำหากคุณยังคิดว่า เนื้อหาของคำบริกรรมคืออรรถ
    สาระที่แฝงไว้ ที่นำพาไป ผมก็จะตั้งโจทย์ให้คัณไป บริกรรมคำว่า "นิพพาน" ดู

    แล้วจะรู้เรื่องเองแหละว่า สัญญาหนะ มันเชื่อถือไม่ได้ ใครเขาบริกรรมเพื่อ
    ดูเนื้อหาสาระสัญญามาเป็นที่พึ่งที่อาศัยกันเล่า นอกจากพวกภาวนายังไม่
    เป็นแล้วยังคิดว่าคนอื่นภาวนาผิด
     
  12. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ในทางปฏิบัติมีปัญหาแน่ครับ
    เพราะเราคิดไปก่อนว่าจิตไม่ใช่เรา
    จะเกิดเป็นสัญญาอารมณ์ ขวางการปฏิบัติได้

    เนื่องจากการจะทราบได้ว่าจิตไม่ใช่เรานี่
    เป็นแง่ของวิปัสสนา ไม่ใช่สมถะ

    เมื่อเป็นแง่ของวิปัสสนา แล้วมีสัญญาอารมณ์เข้ามาแทรก
    การรู้จริงเห็นจริง จึงรู้จึงเห็นไม่ได้ เพราะสัญญาอารมณ์นั้นเป็นกิเลส
    เราหมายไปก่อนแล้วว่าจิตไม่ใช่เรา สัญญาอารมณ์นั้นจะกวนอยู่อย่างนั้นล่ะครับ
    เข้าถึงความจริงไม่ได้หรอกครับ

    ในทางปฏิบัติเกิดแน่
    กิเลสแทรกทันที
     
  13. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    สัญญาล้วนๆ แต่ไม่สนครับผม
     
  14. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    มาอีกคนแล้ว ก็อธิบายไปเสียยกใหญ่ว่า เราวางอารมณ์เห็นอย่างไร

    เรายกจังหวะไหน บริหารการเห็นกันอย่างไร

    คุณก็ยืนพื้น "สัญญา" เสียตะพึด แล้วยังไปติดข้องในความหมายเข้าไปอีก
    เห็นซ้อนกันสองเด้ง

    เอาง่ายๆครับ คนที่ภาวนาเป็นหนะ เขาไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณคิดว่าเขา
    ทำ เขาติดหลอก

    แล้วคนที่เขาทำเป็นแบบนั้นหนะมี

    แล้วคนที่ทำเป็นนั้น เขาแนะนำให้คนปฏิบัติได้ตามตนได้หนะ ก็มี

    ส่วนอะไรที่คุณคิดว่า สัญญามาปิดมากั้นอะไรที่แบบที่คุณเห็นหนะ
    (คุณเป็น)หนะ อันนั้นมันเรื่องของคุณล้วนๆ

    แล้วที่พูดว่า มีสัญญาแล้วกิเลสแทรก อันนั้น เขาไม่พูดกัน เขาจะ
    เล็งเห็นกันว่า หากอัตตานุทิฏฐิ หรือ สักกายทิฏฐิ หรือ ทิฏฐิ ปรากฏ
    นี้กิเลสมันแทรกได้เสมอ

    แล้วทีนี้ ก็อย่าไปคิดว่า เขาละสักกายทิฏฐิได้ พิการการตีความซ้ำซ้อน
    เข้าไปอีก เพราะเขาไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับ สักกายทิฏฐิตรงนั้น เขาพิจารณา
    มาที่กิเลสที่มันแทรกไปแทรกมา ดูแขกจรไปจรมา ดูไปเรื่อยๆ จนกว่า
    จะเป็นกลางต่อการเห็นด้วยสติสัมปชัญญะ พอมีสติสัมปชัญญะได้ตรง
    จุดนี้เขาจึงเริ่มนับหนึ่งกัน เขาจึงชื่นชมกันว่าเจริญสติเป็น เรียกว่าเอา
    สังขารการปรุงแต่งมาอาศัยระลึกเพื่อฝึกสติ ให้สติมันว่องไว

    หลังจากเจริญสติเป็น ว่องไวมากเข้า คราวนี้ก็ภาวนาต่อไป ในกาย เวทนา
    จิต ธรรมะ

    ซึ่งก็ยังอีกยาวเลย ไม่ใช่เห็นแค่นี้แล้วจะสำเร็จอะไร ใช่ว่าจะเที่ยงแท้
    ต่ออะไร

    แต่ที่แน่ๆ คือ กิเลสมันย้อมจิตไม่ติดไปเรื่อยๆ โลกมันก็ห่างไปเรื่อยๆ
    เพราะสติสัมปชัญญะมันทัน

    และมันก็เป็นการฝึกกำจัดอภิชญา โทมนัส กำจัดตัณหาเข้าไปตรงๆ

    สิ้นกิเลสไปตรงๆ
     
  15. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ผมพูดไม่รู้เรื่องหรือ เนื้อหาสาระ ความหมายของคำบริกรรม มันมีประโยชน์ผมพูดถึงในระดับตื้นๆคือแค่ระรึกถึงคำบริกรรมแล้วจิตยังไม่รวม มันมีประโยชน์ สัญญาก็สัญญา เพราะถ้าตายตอนนี้มันมีประโยชน์เข้าใจใหม
    คุณบอกว่าคำไหนก็เหมือนกัน ผมบอกว่าไม่เหมือนกันตรงนี้คือตอนที่จิตไม่รวม มีแค่ระรึกถึงคำบริกรรมแล้วตาย บริกรรม ขี้ จิตไม่ใช่เรา พุทโธ พระพุทธเจ้า ระรึกถึงตอนตายผลเหมือนกันหรือ
    พูดถึงตอนตายที่จิตไม่รวมเข้าใจใหม เซ็ง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2010
  16. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ก็เข้าใจไง แต่คุณจะเอาเรื่องตื้นเขินแค่นี้ มาบอกว่า คนอื่นเขา
    ภาวนาแล้วติดแต่เรื่องแค่นั้น มันไม่ใช่ ก็เลยอธิบายไงว่าเขา
    ก้าวหน้าไปมากกว่าที่คุณปรักปรำเขา

    แต่ถ้าพี่ชาติจะเล่นมุข เรื่องที่พูดมาถูกหรือผิด จะเอาแค่นั้น ทำที
    เป็นเสวนาธรรม แต่ขอยืนยันเอาประโยชน์แค่ยืนยัน ร้อยแก้วร้อย
    กรองเพียงแค่นี้ ก็เชิญเซ็งต่อไปเถอะ

    เพราะมันเป็นเรื่อง ขายข้าวแกงไง
     
  17. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    แล้ว ถ้าพี่ชาติ ยังมีความคิดว่า จิตจะต้องรวมถึงให้ผลดีได้ เนื้อหา
    สาระหรือดอกผลจากการบริกรรมถึงปรากฏได้ ก็ไปพิจารณาเสียใหม่ด้วย

    ถ้าพี่บริกรรมขี้ แล้วจิตพี่รวมนะ พี่ก็ไปอยู่ที่กองขี้ เป็นพรหมรักษากองขี้
    มีขี้เป็นวิมานสะอาดบริสุทธิอยู่ชั่วกาลนาน
     
  18. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    จะบอกให้
    รู้จริงแล้วมาเล่า กับ จำมาเล่า... มันต่างกัน
    สัญญา กับ ปัญญา ก็ต่างกัน...

    เพิ่มเติมอีกหน่อย....
    ยกมาสั้น ๆ แค่ จะเป็นสัญญาอารมณ์ได้นะ
    แต่เวลาตอบกลับมา ทั้งคำศัพท์ อะไรต่าง มีเพิ่มมาอีกมากมาย

    เค้าเรียก สัญญาแตกตัว!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2010
  19. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ไม่ได้เล่นมุก แต่ที่คุณเริ่มคุย คุณคุยถึงอะไร ต้องเท้าความไปอีกหรือ คุณคุยว่าเหมือนกัน บริกรรมอะไรก็เหมือนกัน
    ผมก็ชี้ให้เห็นตรงที่มันเหมือนกัน และ ไม่เหมือนกันไงเล่า แล้วคุณออกทะเลไปไหน
    **************************
    ใครก้าวหน้า...ผมก็เห็นรับรองกันอยู่แค่ที่คุณเป็นคนเองรับรองเองคนเดียวนั้นหละ ก็เหมือนที่เคยรับรองผมนั้นหละ
    ก็รับรองโดยตั้งอยู่บนความรู้สึกเห็นแก่หน้าเท่านั้น
     
  20. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ก็จะชี้ทำไมเล่า ในส่วนที่ไม่ตรงกัน

    หากชี้ส่วนที่ตรงกันได้ ก็ชี้สิ แล้ว ยอมรับเสียด้วย

    ส่วนที่ไม่ตรงกัน หากปราถนาจะเสวนากัน เขาก็เอากระดานเสวนาไว้
    ถกให้มันมาตรงกัน ไม่ใช่ถกเพื่อทำให้มัน แตกแยก ไม่ตรงกัน

    * * * * * *

    แล้วเรื่องผมรับรองเห็นแก่หน้าอะไรนี่ คิดออกมาได้แค่นี้หรือ

    ไปเอาความคิดมาจากไหนหละ ไปปรึกษาใครมาหละ ถึงได้
    คิดว่าผมทำทุกอย่างเพื่อเอาหน้า ไหนลองบอกมาสิว่าคุณไป
    ถามใครมา ใครคนนั้นน่าเชื่อถือได้แค่ไหน ลองแถลงมา

    แต่ถ้าไม่รู้ไม่ชี้ จะบอกผมว่า คุณพอใจที่จะปรักปรำผมว่าทำ
    เพื่อเอาหน้า ก็พิจารณาดูให้ดี ว่าตอนนี้ผมทำกับคุณผมได้
    หน้าจริงหรือ คิดไปเองหรือเปล่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...