พลังเอกภพยูเรอัส

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anumota, 17 มิถุนายน 2009.

  1. จ๋าเอง

    จ๋าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +333
    ยังรู้สึกขอบคุณตัวกลมสำหรับข้าวกล่องคราวที่แล้วอยู่เลยนะคะ พรุ่งนี้เจอกันพร้อมหน้า ที่คอร์สอียิปต์จ้า (และคอร์สอื่นๆด้วย 555+++ ไม่พลาดแน่จ้า )
    ..ไม่ต้องตื่นแต่เช้ามาทำข้าวกล่องอีกนา เกรงใจจะแย่จ้ะ
    แต่อร่อยจิงๆ .. หนุกด้วยที่ได้ล้อมวงกินด้วยกัน
    แล้วเจอกันจ้า บ๊าย บายก่อนนะ จุ๊บ จ๊บ
     
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    สวัสดีครับเพื่อนๆชาวยูเรอัส
    พอดีมีสมาชิกท่านนึงส่งข่าวมาครับ (คุณโมกลา)
    บอกว่าลูกชายได้ส่งผลงานเข้าประกวดเครื่องไฟฟ้าในอีก 90 ปีข้างหน้า

    และได้รับคัดเลือกและติด 1 ใน 8 ชิ้นสุดท้ายที่เข้ารอบ
    ฝากเพื่อนๆสมาชิกช่วยกันเข้าไปโหวตกันเยอะๆนะครับ
    โหวตที่ www.electroluxdesignlab.com/the-competition/

    ผลงานชื่อ :Teleport Fridge refrigerator (ตู้เย็นแห่งอนาคต)

    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/LDJbVL6CgfA&hl=en&fs=1& width=560 height=340 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always">


    สวัสดีค่ะ

    โมกลาค่ะ

    ขอเข้าเรื่องเลยนะค่ะคือลูกชายเขาส่งผลงานการออกแบบเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านในอีก ๙๐ ปีข้างหน้า เข้าประกวด fly_pig ปรากฎว่าผลงานเขาได้รับเลือก เป็น ๑ใน ๘ผลงาน (จาก ๗ ประเทศ) ตอนนี้เขานำผลงานทั้ง ๘ มาลงในเวบให้คนเข้าไปโหวต เลยอยากขอรบกวนคุณ mead ช่วยเข้าไปโหวต

    และถ้าพอมีเวลาที่จะช่วยกระจายข่าวขอแรงสนับสนุนให้เด็กไทยได้ไปสร้างชื่อเสียงบนเวทีโลกได้ จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

    โหวตที www.electroluxdesignlab.com/the-competition/

    ผลงานชื่อ Teleport Fridge refrigerator
     
  3. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    เสาร์ อาทิตย์ นี้ มีใคร ไป เข้าอบรม อะไร กันบ้าง

    วันเสาร์นี้ เรื่อง อียิปต์ “องค์ความรู้และปริศนาลึกลับต่างๆ”
    วันอาทิตย์ พลังเอกภพยูเรอัสระดับ 1(เปิดรับรุ่นใหม่)

    มากัน เยอะ ๆ นะ

    จะได้ มาช่วย กัน ...
    มาช่วย เมืองไทย ช่วยคนไทย...... แล้วค่อย กระจาย ไปยังทั่วโลก
     
  4. Joypor

    Joypor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +1,024
    คุณดาวคะ เสาร์นี้คงไม่ได้ไปร่วมอบรมด้วย ไม่ทราบว่าจะเป็นการผิดมารยาทหรือเปล่า หากจะขอให้คุณดาวมาเล่าเรื่องที่อาจารย์สอนให้พวกเราฟังบ้างคะ

    ส่วนตัวอยากไปฟังอาจารย์แทบทุกเรื่อง แต่ติดขัดที่ต้องมีเวลาให้กับครอบครัวบ้าง ก็เลยต้องเก็บวันเวลาเพื่อการเรียนในระดับต่อๆไปคะ ตอนนี้เพิ่งเรียนถึงระดับ 2 คะ
     
  5. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    หน้าที่ของจิตวิญญาณ

    ตั้งใจว่าจะเอาเรื่องเท็ดดี้ใน power point มาให้อ่านกันแต่ Upload ไม่ได้เสียดายจังค่ะ
    ก็เลยเอาเรื่องนี้มาให้อ่านกันเล่น ๆ ค่ะ (smile)(smile)(smile)
    ............................................................
    เรามักจะไม่ได้ตระหนักว่า ภาวะจิตของเราเป็นอย่างไรในประสบการณ์หนึ่งๆทั้งยามตื่นและยามฝัน แต่สิ่งที่เราทำได้ง่ายกว่าการจดจำภาวะจิต คือการจดจำและระลึกถึงเหตุการณ์ เช่น วันที่เรารับปริญญานั้นเรารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่ง หรือเพียงครั้งเดียวในชีวิตของหลายๆคน

    หากเราเริ่มต้นด้วยการระลึกถึงประสบการณ์วันนั้นและพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆ ในที่สุดเราจะเผชิญกับภาวะจิต หรืออารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้ไม่มากก็น้อยการกลับไปสู่ภาวะจิต ของความฝันที่เราเคยไปมาแล้ว ทำได้ในลักษณะเดียวกันคือเริ่มต้นด้วยการระลึกถึงเหตุการณ์ในความฝัน

    แต่บ่อยครั้งเราก็ไปเผชิญกับภาวะจิตหรือประสบการณ์ในความฝันที่เรียกได้ว่า เคยไปมาแล้วโดยไม่ได้ตั้งจิตเช่นเดียวกับการที่เราอาจเผชิญกับโอกาสที่ได้ถวายดอกไม้ให้กับสมเด็จพระราชินีซึ่งทำให้เราระลึกถึงความรู้สึกที่เราเคยได้รับเมื่อครั้งรับปริญญาบัตร เป็นต้นทั้งหมดนี้หากกล่าวตามธรรมชาติความเป็นจริงที่ท่านอาจารย์อนาลัยอธิบายให้เราฟังจะต้องกล่าวว่า ภาวะจิตของเราเหนี่ยวนำให้เราได้มีโอกาสรับปริญญาบัตรครั้งหนึ่งและภาวะจิตคล้ายคลึงกันนั้นเหนี่ยวนำให้เราได้มีโอกาสถวายดอกไม้อีกครั้งหนึ่ง

    แต่เราทั้งหลายก็มักจะเข้าใจในมุมกลับว่าเรารู้สึกปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในตนเอง เพราะเราได้รับปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ และเราก็รู้สึกปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในตนเอง เพราะเราได้ถวายดอกไม้ถึงพระหัตถ์เราตระหนักไม่ได้ว่า ความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในตนเองต้องเกิดขึ้นก่อนอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในตนเองจึงเหนี่ยวนำประสบการณ์อันน่าปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในตนเองมาสู่ชีวิตของเราไม่ใช่ในทางกลับกัน<V:p</V:p
    ____________________________
    เราทุกคนมีหน้าที่ในยามฝันไม่ต่างไปจากที่เรามีหน้าที่ในยามตื่นแต่หน้าที่ในยามฝันเป็นหน้าที่ของจิตวิญญาณที่ไม่ได้ใช้ร่างกายเนื้ื้อหนังในการทำให้เป็นผลสำเร็จชีวิตและความตายปราศจากรอยต่อ ปราศจากจุดเริ่มต้นและปราศจากจุดจบเพราะอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน

    เรากำลังทำหน้าที่ของจิตวิญญาณที่เป็นร่างกายเนื้อหนังอยู่-เดี๋ยวนี้
    เรากำลังทำหน้าที่ของจิตวิญญาณที่ปราศจากร่างกายตัวตนอยู่-เดี๋ยวนี้แต่เราก็รู้เห็นมันได้เพียงเฉพาะในยามฝัน
    เรากำลังเผชิญกับภาวะหลังความตายและภาวะก่อนมาถือกำเนิดเพื่อศึกษาหาความรู้และแก้ไขตนเองอยู่-เดี๋ยวนี้แต่เราก็รู้เห็นมันได้เพียงเฉพาะในยามฝัน
    แต่ทั้งหมดก็เป็นไปพร้อมกันหมด-เดี๋ยวนี้เป็นปัจจุบัน

    ดังนั้นการเลือกของเราปราศจากคำว่าก่อน-หลัง
    เราทุกคนมีจิตวิญญาณที่กำลังทำหน้าที่อยู่โดยปราศจากร่างกายตัวตนอยู่ณ ปัจจุบันนี้ พร้อมกันกับที่เรากำลังทำหน้าที่ด้วยร่างกายเนื้อหนัง

    โลกแห่งความเป็นจริงที่เรารู้จักยามตื่นคือโลกทางภายภาพที่ฉายออกมาจากโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติของจิตวิญญาณอันเป็นโลกทางจินตภาพ หน้าที่ของเราทั้งหลายยามตื่นจึงเป็นเสมือนภาพสะท้อนของหน้าที่ของจิตวิญญาณโดยตรงแต่คนจำนวนมากมักจะไม่ได้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของหน้าที่และแบ่งแยกหน้าที่ของร่างกายเนื้อหนังออกจากหน้าที่ของจิตวิญญาณโดดสิ้นเชิง

    บุคคลที่ทำหน้าที่โดยแบ่งแยกมักถึงจุดหนึ่งของชีวิตที่ต้องถามตนเองว่า " นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่? และทำไปเพื่ออะไร?" ไม่ว่าเขาจะประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีทั้งลาภ ยศ ชื่อเสียง และทรัพย์สินมากมายเพียงใดหากหน้าที่ทางโลกของเขาเบี่ยงเบนไปในทิศทางที่ตัดขาดจากหน้าที่ทางจิตวิญญาณเขาจะเผชิญกับความรู้สึกหลงทางในที่สุด

    แต่คนจำนวนมากก็ไม่ได้หลงทางตลอดชีวิตเราพบเห็นผู้ที่นำความรู้ความสามารถ ทักษะ หรือผลผลิตจากความสำเร็จของเขา เช่นทรัพย์สิน ไปใช้ในทิศทางที่เกิดประโยชน์สุขต่อคนหมู่มากเสมอๆเพราะหน้าที่หลักของจิตวิญญาณทั้งหลายคือการสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน

    พี่นักเขียนมีพื้นฐานการศึกษาและหน้าที่การงานที่น่าจะเหนี่ยวนำให้ไปทำหน้าที่อื่นๆได้แก่ งานออกแบบสถาปัตยกรรม และ งานผลิต software และระบบการศึกษา on-line ซึ่งเป็นหน้าที่ที่สร้างผลผลิตสำเร็จรูปให้ผู้อื่นใช้งานแต่พี่นักเขียนก็มีเจตนาและเป้าหมายส่วนตน คือมีเป้าหมายที่จะถ่ายทอดข้อมูลความรู้และวิธีการสร้างผลผลิตนั้นๆไม่ใช่สร้างและหยิบยื่นผลิตสำเร็จรูปให้ผู้อื่น

    เมื่อทำอาชีพสถาปนิกแม้จะมีงานออกแบบก่อสร้างส่วนตัวแต่ก็เป็นอาจารย์สอนหนังสือ เมื่อทำงานด้านออกแบบ software และระบบการศึกษา on-line แม้จะ design และ develop software แต่ก็ทำหน้าที่วิทยากรจัด workshop สอนให้คนอื่นๆ design และ develop software และระบบการศึกษา on-line แทนที่จะทำหน้าที่ออกแบบและผลิตผลงานสำเร็จรูปให้เขาเอาไปใช้กันในโลกของความฝันพี่นักเขียนก็ทำหน้าที่เดียวกันคือถ่ายทอดข้อมูลความรู้และวิธีการให้ผู้อื่นเสมือนมัคคุเทศก์ที่แนะนำให้ผู้อื่นเดินทางได้ด้วยขาของเขาเองไม่ใช่ขับรถพาเขาไปโดยไม่ต้องรู้ทาง

    พี่นักเขียนเชื่อว่าการเลือกทำหน้าที่ของพี่นักเขียน เป็นไปพร้อมๆกันกับการเลือกของผู้อื่นเช่่นเดียวกับการที่ีพี่นักเขียนเลือกทำหน้าที่อาจารย์สอนหนังสือ หรือทำหน้าที่วิทยากร workshop พี่นักเขียนเลือกทำหน้าที่ผู้ถ่ายทอดข้อมูลความรู้และวิธีการส่วนผู้เข้าเรียนหรือเข้ารับการอบรมก็เลือกที่จะมารับถ่ายทอดข้อมูลความรู้และวิธีการเหล่านั้น เรียกได้ว่าเป็นการเลือกของทั้งสองฝ่ายที่คล้องจองกัน ตามกฏแห่งการดึงดูดของจักรวาลที่ย่อมดึงดูดสิ่งที่คล้องจองและสนับสนุนกันและกันมาสู่ประสบการณ์หนึ่งๆและก่อเกิดให้เป็นความเป็นจริงขึ้นได้

    ทุกสิ่งล้วนเป็นไปด้วยการสนับสนุนซึ่งกันและกันเสมอหากมีแต่ผู้ให้-ไม่มีผู้รับ การให้นั้นก็บรรลุผลสำเร็จไม่ได้ และในทางกลับกันหากมีแต่ผู้รับ-แต่ปราศจากผู้ให้ การรับนั้นก็บรรลุผลสำเร็จไม่ได้กล่าวได้ว่าทั้งการให้และการรับเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นปัจจุบันเสมอ เพียงแต่ว่า ณจุดที่เรารู้เห็นเราจะเห็นการให้หรือการรอรับเกิดขึ้นก่อนกันเท่านั้น

    หน้าที่ทั้งหลายของเราทุกคนทั้งในโลกทางกายภาพและในโลกทางจินตภาพของจิตวิญญาณล้วนเป็นหน้าที่ที่เกิดจากการเลือก ตามบุคลิกภาพอันเป็นแก่นแท้ของเราแต่ละคนบุคลิกภาพเป็นสิ่งที่ปรากฏในโลกทางกายภาพ เมื่อเราเป็นเราและเมื่อเราเป็นบุคคลตัวตนอื่นๆ ในโลกอื่น มิติอื่น ชาติภพอื่นและปรากฏในโลกทางจินตภาพที่เป็นจิตวิญญาณอีกด้วยเพราะบุคลิกภาพเป็นคุณสมบัติที่สถิตย์อยู่ในจิตวิญญาณ ไม่มีวันสูญสลาย

    บ่อยครั้งเราเผชิญกับรูปกายตัวตนที่เราไม่ได้รู้จักจริงๆในโลกยามตื่นแต่ตัวตนในความฝันก็รับเอาบุคคลตัวตนที่แปลกหน้าเหล่านั้นว่า เขาคือพี่ของเราพ่อแม่ของเรา เพื่อนของเรา หรือเขาคือเรา สิ่งที่ระบุุให้เรารู้ถึงการเป็นใครไม่ใช่รูปกาย แต่เป็นบุคลิกภาพที่ไม่มีวันสูญสลายไม่ว่าจะบุคลิกภาพนั้นจะปรากฏด้วยรูปกายใด บุคลิกภาพนั้นก็ยังคงเดิมเป็นส่วนของตัวตนที่ถาวรไม่ว่าจะมีรูปกายใดๆหรือปราศจากรูปกายก็ตาม

    หน้าที่ทั้งหลายทั้งยามตื่นและยามฝันล้วนเป็นหน้าที่ที่เราทั้งหลายเลือก ตามความปรารถนา ตามบุคลิกภาพตามอารมณ์อันลุ่มลึกของการเป็นบุคคลตัวตนรวม หรือจิตวิญญาณรวมของเราไม่มีผู้ใดรับหน้าที่ที่ถูกบีบบังคับให้ทำโดยไม่มีทางเลือกนอกเสียจากเราจะเชื่อว่า-เราไม่มีทางเลือกบางคนที่ทำหน้าที่การงานที่ตนไม่ชอบหลายปี และรู้สึกเสมือนว่าไม่มีทางเลือกเมื่อใดที่เขาตระหนักได้ว่า เขามีสิทธิ์เลือกเขาจะพบกับอิสระแห่งความปรารถนาของตนเอง

    เราสามารถค้นหาหน้าที่ในความฝันของตนเองได้จากการสำรวจความฝันเราแต่ละคนจะมึความฝันที่ซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่าตลอดชีวิตอยู่อย่างน้อยหนึ่งเรื่องเราจะต้องหาความหมายของมันให้พบเพราะความฝันอาจเป็นเพียงสัญญลักษณ์และไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเรากำลังทำหน้าที่อะไรอยู่อย่างชัดเจนบางคนฝันซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่าตลอดชีวิตว่าไปโรงเรียน ทั้งที่เรียนจบไปนานแล้วแต่หน้าที่และความปรารถนาของจิตวิญญาณของเขาก็คือการเรียนหรือการหาความรู้ต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด นอกจากฝันว่าไปโรงเรียนเราควรจะค้นให้พบว่าอะไรคือความท้าทายของการเข้าโรงเรียนในความฝันนั้นๆ เช่นการสอบให้ผ่าน? การทำงานบางอย่างให้สำเร็จ? หรือการทำบางสิ่งบางอย่างให้ทันเวลา?

    ประสบการณ์ที่ปรากฏในความฝันจะสะท้อนให้เราเห็นความท้าทายเหล่านั้นในยามตื่น การสอบให้ผ่านอาจเป็นสัญญลักษณ์ของการเอาชนะใจตนเอง เอาชนะความโลภ ความเห็นแก่ตน และความใจแคบเราจะพบว่าประสบการณ์ชีวิตมากมายที่เรามีโอกาสที่จะเอาชนะใจตนเองได้ผ่านพ้นไปครั้งแล้วครั้งเล่า และเราก็ยังเอาชนะใจตนเองไม่ได้ความฝันจึงสะท้อนให้เห็นความท้าทายที่ยังไม่บรรลุผลสำเร็จ

    หน้าที่ของเราแต่ละคนแตกต่างกันไปตามทางเลือก หลายคนอาจเข้าใจว่าหน้าที่ของจิตวิญญาณ หมายถึงการทำหน้าที่บางอย่างเพื่อคนหมู่มากเสมอไปแต่หากจิตวิญญาณของเราไม่ได้เลือก-มันก็ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นเราค้นหาได้ไม่ยากว่ามันเป็นเช่นนั้นหรือไม่จากการพิจารณาหน้าที่การงานในโลกยามตื่นของตนเองหากเราพบว่า เรากำลังทำหน้าที่ที่จดจ่อกับการเอาชนะตนเอง การพัฒนาตนเองและช่วยเหลือเกื้อกูลบุคคลรอบตัวเราจำนวนหนึ่ง ไม่มากมายนักแต่ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีคุณค่า และพอใจกับการทำหน้าที่นั้นๆจิตวิญญาณของเราก็เลือกที่จะทำหน้าที่ใน scale นั้นๆ

    คำว่าเล็กหรือใหญ่ แคบหรือกว้างสูงหรือต่ำต้อยปราศจากความหมายสำหรับจิตวิญญาณ ทุกหน้าที่มีความหมาย มีค่ามีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
    บุคคลที่ทำหน้าที่ใน scale ทางโลกที่เรียกว่าแคบหรือเล็ก หรือทำหน้าที่ที่มนุษย์เรียกว่าต่ำต้อยกำลังทำหน้าที่ใน scale และในจุดยืนและมุมมองที่จิตวิญญาณที่ไปถือกำเนิด ณ จุดอื่นๆไม่มีโอกาสจะทำได้ หน้าที่ของบุคคลนั้นๆ ใน scale นั้น ณจุดที่ดูเสมือนจะต่ำต้อยหรือเล็กจิบจ้อยมีค่ายิ่งเพราะเป็นจุดที่เติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ของจิตวิญญาณได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ที่สุด

    สมัยที่พี่นักเขียนกลับไปทำงานเมืองไทย 20 กว่าปีมาแล้วพี่นักเขียนได้รู้จักวิศวกรท่านหนึ่งซึ่งใกล้เกษียณเช้าวันหนึ่งท่านเล่าให้พี่นักเขียนฟังว่า เช้านั้นท่านนั่งรถเมล์แอร์มาทำงานได้นั่งหลังคนขับซึ่งอัธยาศัยไม่ดี ใจร้อนปิดประตูและออกรถตั้งแต่ผู้โดยสารยังก้าวขาขึ้นไปบนรถไม่เรียบร้อยทำให้สตรีคนหนึ่งหกล้มและบาดเจ็บอย่างไม่น่าจะต้องเกิดขึ้นเลยวิศวกรท่านนี้บอกกับพี่นักเขียนว่า "ผมมีความตั้งใจซึ่งไม่เคยมีมาก่อนว่าหากผมเกษียณแล้ว ผมจะไปขับรถเมล์แอร์เพราะมันเป็นอาชีพที่ผมสามารถสร้างความสะดวกสบายให้คนจำนวนมากได้อย่างมหาศาลไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร หากทำให้ดีที่สุดก็น่าจะรับพรได้รายวันผมเชื่อว่าผมจะมีความสุขมากๆ"

    จุดที่วิศวกรท่านนี้เลือกที่จะทำหน้าที่ผู้อำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับคนจำนวนมากย่อมมีคนจำนวนมากที่เผชิญกับเหตุการณ์วันนั้นและเหตุการณ์อื่นๆซึ่งเรียกร้องหรือเลือกที่จะได้นั่งรถเมล์คันที่คนขับทำหน้าที่ของเขาในทิศทางที่วิศวกรท่านนั้นเลือกความคิดของทั้งสองฝ่ายย่อยเหนี่ยวนำให้เขาได้ก้าวไปสู่เส้นทางแห่งความเป็นไปได้ร่วมกันตามกฏแห่งการดึงดูดของจักรวาล ณ วันนี้ หากใครนั่งรถเมล์แอร์ไปทำงานพบคนขับชราผู้มีอัธยาศัยดี เขาอาจจะเป็นวิศวกรที่เลือกทำหน้าที่นั้นก็เป็นได้ไม่ใช่ชายแก่ที่จำต้องไปขับรถเมล์เพราะไม่มีทางเลือก

    ไม่ว่าเราแต่ละคนจะมีอาชีพและหน้าที่การงานทางโลกอย่างไรเรากำลังทำหน้าที่ที่สะท้อนหน้าที่ของจิตวิญญาณของเราเสมอ
    เราควรหาให้พบว่าหน้าที่ของเรานั้นจะก่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อผู้อื่นและสนับสนุนเกื้อกูลผู้อื่นได้อย่างดีที่สุดได้อย่างไร

    หากเราค้นพบและลงมือทำเราจะพบว่า แม้ผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถเมล์ รับส่งผู้โดยาสารในแต่ละวันที่ดูเสมือนจะเป็นหน้าที่ที่ไม่ได้ทรงเกียรติในสังคมหากนำไปเปรียบกับผู้ที่นั่งเก้าอี้นวมที่อยู่หลังโต๊ะทำงานแสนหรูและเซ็นต์เช็ควันละหลายสิบล้านพลิกผันชีิวิตคนจำนวนมากมายในแต่ละวันได้ด้วยการตัดสินใจอันเต็มไปด้วยอำนาจของเขาหน้าที่ของบุคคลทั้งสองเป็นหน้าที่ที่ไม่ได้ดี หรือเลวไปกว่ากันจะดีหรือเลวไปกว่ากันอยู่ที่ทัศนคติของผู้ที่ทำหน้าที่นั้นๆว่าในแต่ละวันเขาได้สร้างประโยชน์สุขให้แก่ผู้อื่นได้มากเพียงใด คิดถึงแต่ตนเอง หรือใช้อำนาจหน้าที่การงานของตนสร้างความสะดวกสบาย หรือสร้างความเดือนร้อนให้ผู้อื่น

    ผู้ที่หาหน้าที่ของจิตวิญญาณไม่พบมักจะหาหน้าที่ในโลกยามตื่นไม่พบไปด้วย บางคนทำอาชีพหนึ่งอยู่เมื่อเห็นผู้อื่นทำอีกอาชีพหนึ่งประสพความสำเร็จอย่างสูง ได้ลาภ ยศ ชื่อเสียงเงินทอง ก็อยากจะทำเช่นนั้นบ้าง แต่จิตวิญญาณทั้งหลายมีความเป็นเอกลักษณ์การที่บุคคลตัวตนหนึ่งๆจะประสพความสำเร็จเสมอเหมือนอีกบุคคลตัวตนหนึ่งๆจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเรานำความสำเร็จของบุคคลหนึ่งมาใช้เป็นแรงบันดาลใจของเราไม่ได้ ในทางตรงกันข้ามเราควรนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจและควรจะตระหนักด้วยว่าเราจะบรรลุความสำเร็จในทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์ของเรา ด้วยหน้าที่ ณจุดยืนของเราได้อย่างไร?

    หากเราค้นพบหน้าที่ทางโลกที่ตรงกับหน้าที่ของจิตวิญญาณเมื่อใดเราจะมีความสุขกับสิ่งที่ทำและพบว่าเราทำหน้าที่นั้นๆได้ดีโดยปราศจากความคาดหวังในผลตอบแทนเพราะสิ่งที่เราได้รับคือความสุขที่หาสิ่งใดมาเปรียบเทียบไม่ได้ แม้เงินทอง ลาภยศชื่อเสียง ก็ปราศจากความหมาย
    denceedenceedencee
     
  6. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166

    น่าเสียดาย ครับ
    แต่ ก็ นั่น แหละ ทุกคน มี งาน มี หน้าที่ ประจำ กัน ทุกคน
    แม้นผม เอง ปกติ ก็ คิดว่า ตนเอง มีเวลา ว่าง มากอยู่ พอควร

    ก็ ยังมี เหตุ มีความจำเป็นบ้าง เหมือนกัน
    อย่างพรุ่งนี้ .... ผม เอง ก็ มีธุระ แต่เช้า แต่ก็ จะรีบไปให้ทัน

    กะไว้ ว่า ตื่น สักตี สี่ รีบไปทำธุระ ให้เสร็จ สัก เก้าโมง
    มาถึง สัก 10.00 น. อาจ สายไปหน่อย ก็ ยังดี กว่าไม่ได้มา......55

    .............................................
     
  7. พรนารายณ์

    พรนารายณ์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    พรุ่งนี้ไปเหมือนกันครับพ่อแม่พี่น้อง แต่ไปสายเหมือนกันเลย (วันเสาร์เป็นวันที่ต้องทำธุระส่วนตัว)
     
  8. ตัวกลมๆ

    ตัวกลมๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +5,941
    ยินดีกับผลงานลูกชายคุณโมกลาค่ะ เก่งจริงๆเลย ขอให้ได้ที่ 1นะคะ

    วันเสาร์ที่29 สิงหา2552 เรียนหัวข้ออิยิปต์ อาจารย์พาเที่ยวตามแผนที่หมดแล้วจ้ะ
    [​IMG]

    อาจารย์บอกว่าน่าเสียดายแทนคนที่ไม่ได้มาเรียน จริงๆเกี่ยวข้องกับการเรียน
    ทำให้เราเข้าใจถึงสัญลักษณ์ที่เคยเห็น เหมือนนำเที่ยว ฟังแล้วก็อยากไป
    (ง่ะ ได้แค่อยาก เรือท่องเที่ยวตั้ง 5ชั้น รถไฟก็หรู้หรู) เราได้รู้จักลักษณะภูมิประเทศ
    แผนที่และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับพลัง หุบเขากษัตริย์ วิหารลักซอร์ อาบูซิมเบล
    และมีคลิปต่างๆ เช่น ทางลับของปิรามิด รูปช่องทางเข้าของสฟิงซ์

    มีรูปจานบินพร้อมลายมือ อธิบายของ ดร.เทพพนม เมืองแมนคราวที่ให้อาจารย์จัดทริปให้ดูด้วย
    แล้วยังได้รู้จักเทพต่างๆของอียิปต์ เช่น ไอซิส โอซิริส ฮอรัส เลยได้รู้จักThe eye of Horus
    [​IMG]
    ดูจากภาพฝาผนังเขาแล้ว วิทยาการล้ำยุค แล้วมีรูปเครื่องบิน เรือดำน้ำบนผนัง
    ได้ยังไงหนอ

    มีรูปสัญลักษณ์ยูเรอัสตามผนังและคานเสาหลายๆที่
    [​IMG]

    นอกจากนี้อาจารย์ก็ยังให้พลังและสั่งสอนเรื่องการเรียน การทำหน้าที่ด้วยความรักและเมตตา
    ขอบพระคุณอาจารย์กิตติชัยที่สละเวลามาสอนพวกเรานะคะ
    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CTT%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:Calibri; panose-1:2 15 5 2 2 2 4 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1610611985 1073750139 0 0 159 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin-top:0cm; margin-right:0cm; margin-bottom:10.0pt; margin-left:0cm; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:Calibri; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} span.content2-16b {mso-style-name:content2-16b;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
     
  9. พรปู่

    พรปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +277
    ขอบคุณอาจารย์กิติชัย ที่สอนเรื่องอียิปต์ในวันเสาร์ที่ผ่านมาครับ จะหาข้อมูลเพิ่มเติมทาง google ว่ามีอะไรที่น่าตื่นเต้นอีกมากมาย


    เฮียดาวได้พาพวกเราไปกิน ส้มตำในพุทธบูชา อร่อยดี
     
  10. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ขอโทษทุกๆท่าน และ กราบขออภัยท่านอาจารย์กิติชัย ที่ไม่สามารถไปเรียนได้ตามตั้งใจ

    จนวินาทีสุดท้ายผ่านไป ต้องยอมรับว่าไม่มีวาสนาได้ร่วมเรียนวิชานี้

    ขอให้ทุกท่านมีความสุข สุขภาพแข็งแรง และช่วยเหลือผู้อื่นต่อไปมากๆดังที่ทุกท่านได้มีจิตอันเป็นกุศลดีอยู่แล้ว ขออนุโมทนากับทุกๆท่าน
     
  11. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    พลาด รอบนี้
    ถ้ายัง ตั้งใจ จริง............... โอกาส หน้า ยังมี อยู่ ครับ

    รอฟัง ข่าว เปิด อบรม รอบ ต่อไป

    หลัง จาก เดือน ตุลาคม ไป แล้ว
    รอ ให้ อาจารย์ กลับ จากต่างประเทศ แล้ว คงมี เปิด ใหม่ ครับ
     
  12. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    สติสัมปะชัญญะกับมาตรวัดความจริง

    หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมขจรวรรณเอา post เก่าๆ ของพี่นักเขียนมาให้พวกเราอ่าน เป็นเพราะว่าหลังจากเรียนวิชาพลังจักรวาลไปได้ระดับหนึ่งก็พบว่าเราเต็มไปด้วยคำถาม - คำตอบมากมาย ซึ่งเป็นคำตอบที่มาจากภายในบ้าง, จากความบังเอิญที่มีคนมาพูดประโยคต่างๆ ให้ฟังบ้าง, จากหนังสือที่หยิบมาด้วยความบังเอิญบ้าง หนังสือ 10 เล่มนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราเดินข้างไปในร้านหนังสือซึ่งเดินผ่านไปแล้วแต่ก็ยังหันกลับมาเจอหน้าปกพอดีแล้วก็สะดุดชื่อของผู้เขียนที่ว่า โนวา อนาลัย หลังจากนั้นก็เริ่มศึกษาหนังสือชุดนี้มาร่วม 2 ปีมาแล้วซึ่งก็พบว่านี่คือคำตอบที่เราต้องการ จึงเอามาให้พี่น้องชาวยูเรอัสอ่านดูซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่เรียนระดับ 7 ที่ผ่านไปแล้วไม่มากก็น้อยนะคะ^_^
    .....................................


    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 4.5pt 4.5pt 4.5pt 4.5pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8 1pt inset; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: #ece9d8 1pt inset; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #f7f3f7; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: #ece9d8 1pt inset; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8 1pt inset; mso-border-alt: inset windowtext .75pt">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณkhajornwan<V:p</V:p<O:p</O:p
    จากหน้า 11 - 12<O:p</O:p

    สรรพสิ่งทั้งหลายที่เธอรู้เห็นในร่างมนุษย์
    เป็นเพียงจินตนาการของความไม่รู้
    จิตวิญญาณในร่างมนุษย์ทุกสิ่งคือ
    " ผู้ที่กำลังเรียนรู้ "<O:p</O:p





    หมายความว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็แสวงหาความรู้เหมือนกันทุกคนเพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครเป็นผู้รู้ที่แท้จริงถูกต้องมั้ยคะ? แล้วหากเป็นลักษณะการติดต่อสื่อสารและแปลงความรู้หรือคำสอนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนหรือจากจักรวาลเราจะพิจารณาได้อย่างไรว่าคำสอนหรือความรู้ที่ถ่ายทอดมานั้นถูกต้องหรือไม่?
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    คำกล่าวของท่านอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>อนาลัย หมายถึงว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็กำลังแสวงหาความรู้ด้วยกันทั้งสิ้นไม่มีผู้ใดสามารถรู้จักธรรมชาติของโลกแห่งความเป็นจริงได้ทั้งหมด เพราะตราบใดที่จิตวิญญาณยังเป็นร่างกายเนื้อหนังอยู่เราจะรู้เห็นโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมดยังไม่ได้ แต่เราเรียนรู้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

    การติดต่อสื่อสารหรือรับถ่ายทอดข้อมูลความรู้จากองค์ความรู้เป็นสิ่งที่เราทุกคนทำได้และเราก็ทำมาตลอดชีวิตเพื่อนำความรู้เหล่านั้นมาใช้ในการดำรงชีวิตเป็นร่างกายเนื้อหนังบางคนก็นำความรู้เหล่านั้นมาใช้มากกว่าเพียงแค่ดำรงให้ชีวิตอยู่รอดซึ่งเราก็เห็นตัวอย่างได้มากมายจากผู้ที่ดูเสมือนจะมีความรู้ความสามารถซึ่งไม่ได้เรียนรู้จากทางโลกแม้แต่ตัวเราแต่ละคน หากเราพิจารณาให้ดีเราก็จะพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เสมือนว่าเราจะคิดได้เอง ทำได้ด้วยตนเองโดยไม่มีผู้ใดสอนเรา เราไม่เคยไปร่ำเรียนมาจากไหนแต่เรามักมองข้ามที่มาของข้อมูลความรู้เหล่านี้ไปโดยสิ้นเชิงบางคนรับรู้ได้ในความฝัน บางคนรับรู้ได้ยามตื่นเสมือนความคิดที่ผุดขึ้นมาและเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ตนนึกคิดได้เองโดยไม่ได้ตระหนักว่าตนเองไปรับเอามาจากไหนได้อย่างไร แต่ก็รับเอาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันโดยปริยาย

    การพิจารณาว่าข้อมูลความรู้ที่ปรากฏนั้นถูกต้องหรือไม่ทำได้ไม่ยากเพราะข้อมูลความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงทั้งหลายล้วนเป็นข้อมูลความรู้ที่เกี่ยวพันกับจิตวิญญาณอันเป็นแก่นแท้ของเราโดยตรงจิตวิญญาณจึงเป็นมาตรวัดที่ดีที่สุดที่จะพิจารณาความเป็นจริงของข้อมูลความรู้เหล่านี้

    จิตวิญญาณก็คือข้อมูล-ความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ
    ที่ถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

    การสำรวจและพิสูจน์ความเป็นจริงของข้อมูลทั้งหลายจึงวัดได้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เพียบพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะหากข้อมูลความรู้ที่เราเชื่อว่าเป็นองค์ความรู้นั้นขัดแย้งกับข้อมูล-ความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพที่มีอยู่ในจิตวิญญาณเราจะมีความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้นเสมอข้อมูลความรู้เหล่านี้ไม่ใช่ของใหม่สำหรับจิตวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่จิตวิญญาณไม่เคยรู้จักแต่มันเป็นเสมือนข้อมูลความรู้ที่มาเตือนความจำอันลุ่มลึกที่เราลืมเลือนไปหากเตือนแล้วนึกออกเมื่อไรจะเกิดความรู้สึกดื่มด่ำเสมือนได้พบคนรักเก่าหรือกลับบ้านเก่าที่เราจากมานานแสนนานเราจะเกิดความตื้นต้นสัมผัสได้กับพลังงานต้นกำเนิดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความผูกพันธ์ความรู้สึกดังกล่าวนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง

    บางคนที่มีความเชื่อที่รับมามากมายจากการศึกษาทางโลกเมื่อมาศึกษาข้อมูลความรู้ที่พี่นักเขียนเรียกว่าองค์ความรู้จากภายในเหล่านี้มักจะเกิดความรู้สึกขัดแย้งอย่างรุนแรงเพราะแม้ว่าเขาจะมองเห็นหรือสัมผัสกับความรู้สึกที่ดีมากมายจากสาระเหล่านี้แต่มันไม่ได้คล้องจองกับความเชื่อของเขาแต่ถึงกระนั้นบางสิ่งบางอย่างก็จะทำให้เขาไม่หันหน้าหนีหรือทิ้งข้อมูลความรู้เหล่านี้ไปโดยปริยายเขากลับจะตั้งคำถามมากมายเพื่อพิสูจน์ความเป็นจริง เสมือนคนที่จากบ้านไปนานกลับมาถึงหน้าบ้านแล้วไม่แน่ใจว่าใครมาอาศัยอยู่ในบ้านเก่าอยากจะเข้าบ้านแต่ก็ไม่ไว้ใจว่าใครอยู่ในบ้าน หรือคนที่กลับไปพบคนรักเก่าก็ไม่แน่ใจว่ายังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าแต่จะหันหลังให้โดยไม่ตรวจสอบความเป็นจริงก็ทำไม่ได้ เป็นต้น

    ส่วนผู้ที่ไม่ได้หยิบจับหนังสือ ไม่ได้ศึกษาไม่ได้สัมผัสกับข้อมูลความรู้เหล่านี้เลย แต่มาสะดุดกับเพียงแค่ชื่อของหนังสือได้ยินได้ฟังหรือได้อ่านสาระเพียงสั้นๆไม่มากพอที่จะทำให้เข้าใจข้อมูลทั้งหมดได้ลึกซึ้งพอเรียกว่าสัมผัสเพียงเปลือกนอกก็ด่วนตัดสินข้อมูลความรู้เหล่านี้โดยไม่ได้ไปถึงเนื้อในของข้อมูลและตัดสินไปตามความเชื่อที่มีจำกัด เสมือนคนที่ยังไม่ทันเงยหน้าขึ้นพิจารณาว่ามันคือบ้านเก่าของตนเอง หรือยังไม่ทันมองเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนรักเก่าด้วยซ้ำไป ก็ตัดสินว่าไม่ใช่ หรือไม่รู้จัก หรือไม่ถูกต้อง

    คำถามนี้เป็นคำถามที่ดีที่สุดสำหรับพี่นักเขียนและสำหรับพวกเราทุกคน เพราะการที่เราจะรับข้อมูลความรู้ใดๆรวมทั้งข้อมูลความรู้จากหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยโดยปราศจากการพิสูจน์ปราศจากการตั้งคำถาม ย่อมเป็นการไม่ถูกต้องและขาดการใช้ปัญญาโดยแท้เพราะข้อมูลความรู้เหล่านี้เป็นสิ่งที่ผ่านมาทางพี่นักเขียนซึ่งเป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นพี่นักเขียนไม่กล้าแม้แต่จะใส่ชื่อของตนเองบนหน้าปก-ในปก-หรือเนื้ือในของหนังสือเพราะเชื่อว่าการนำชื่อของตนเองไปปรากฏในหนังสือจะทำให้เกิดวิตกวิจารณ์ได้มากแทนที่ผู้อ่านจะพิจารณาข้อมูลความรู้เหล่านั้นว่าเป็นของจริงหรือไม่-โดยพิจารณาจากสาระของข้อมูลก็อาจจะไปพิจารณาจากและตัดสินความเป็นจริงของข้อมูลจากความน่าเชื่อถือ หรือคุณสมบัติส่วนตัวของบุคคล ยิ่งคนที่รู้จักคนใกล้ตัวหรือผู้ที่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของพี่นักเขียนมาก่อนก็ยิ่งรังแต่จะทำให้เกิดวิตกวิจารณ์และตัดสินต่างๆนานามากมายยิ่งไปกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก

    การมาทำหน้าที่ตอบคำถามของพี่นักเขียนเป็นสิ่งที่พี่นักเขียนหนักใจที่สุดแต่ก็ไปรับปากกับครูบาอาจารย์ในความฝัน(อีกจนได้)เพราะเมื่อตนเองรับข้อมูลความรู้เหล่านั้นมาเขียนเป็นหนังสือมีเวลาถอดความหลายเดือนและอยู่กับความเงียบสงบที่ทำให้ความคิดหลั่งไหลออกมามากมายจากภาวะที่พี่นักเขียนเรียกว่าสัมผัสกับองค์ความรู้ที่พี่นักเขียนเรียกท่านว่า-อาจารย์อนาลัยแต่เมื่อมานั่งหน้าจอ-เผชิญกับคำถามมากมาย พี่นักเขียนไม่ทราบมาก่อนว่าจะพบคำถามเช่่นไร จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ดีพอหรือไม่ และจะเอาคำตอบมาจากไหนแต่เมื่อรับมาทำหน้าที่ต่อไปก็เชื่อว่า ตนเองได้รับข้อมูลความรู้มาแล้วก็คงจะได้รับการสนับสนุนที่จะได้รับคำตอบมาขยายความหนังสือต่อไปตามหน้าที่จึงทำไปด้วยความเชื่ออย่างหมดใจพอๆกันกับการรับข้อมูลความรู้ที่นำไปเขียนหนังสือ

    กล่าวได้ว่าช่วงเวลา 2 เดือนเศษที่พี่นักเขียนมาทำหน้าที่ตอบคำถามพวกเราอยู่ในห้องวิทย์ฯเป็นช่วงเวลาทดสอบตนเองคือทดสอบว่าตนเองสื่อสารกับองค์ความรู้และถ่ายทอดข้อมูลความรู้เหล่านั้นมาจากองค์ความรู้หรือไม่แม้ว่าจะมาจนถึงทุกวันนี้ พี่นักเขียนก็ตระหนักว่าทุกวินาทีมีความหมายมีความสำคัญและจำเป็นต้องตรวจสอบและพิสูจน์ตนเองเสมอไม่น้อยไปกว่าที่พวกเราทุกคนควรจะต้องตรวจสอบ ต้องพิสูจน์ด้วยตนเองว่าข้อมูลความรู้ที่พี่นักเขียนนำมาถ่ายทอดต่อไปในห้องวิทย์ฯนี้เป็นสิ่ิงที่ถูกต้องและเรียกได้ว่าองค์ความรู้หรือไม่

    ปัจจัยสำคัญคือไม่ว่าเราจะมีพื้นฐานความรู้-ศาสนาหรือความเชื่อใดๆที่แตกต่างกันแต่เราต่างก็ยอมรับเป็นเสียงเดียวกันได้เสมอว่าการพิสูจน์ข้อมูลความรู้ทั้งหลายจะเป็นไปได้ก็ด้วยการมีสติสัมปชัญญะที่คมชัดซึ่งหมายความว่าเราจะต้องเผชิญกับข้อมูลความรู้ด้วยการใช้ความคิด-ใช้ปัญญาสำรวจอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราอีกทีหนึ่งเพราะแม้ว่าอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดจะเป็นมาตรวัดโดยตรงของจิตวิญญาณแต่บ่อยครั้งอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราที่ไม่เป็นกลางและปราศจากสติสัมปชัญญะก็คล้อยตามความเชื่อที่ผิดและกลายเป็นมาตรวัดที่ใช้การไม่ได้

    สติสัมปชัญญะอันคมชัดคือสติสัมชปัญญะที่สำรวจความเชื่อของตนเองควบคู่ไปกับการรู้เห็นเสมอเพื่อให้เราตระหนักได้ว่าอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นนั้นคล้อยตามความเชื่อที่ผิดความเชื่ออันจำกัดหรือมีความเป็นกลาง-คือเป็นไปตามความรู้อันเป็นธรรมชาติความเป็นจริง

    ไม่ว่าศาสตร์แห่งศาสนาใด หรือวิทยาศาสตร์สาขาวิชาใดก็คงไม่ปฏิเสธว่าสติสัมปชัญญะคือปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เราเป็นคนได้ครบคนหรือเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นเมื่อเรานำเอาสติสัมชปัญญะซึ่งเป็นปัจจัยอันสูงสุดของการเป็นมนุษย์มาใช้เป็นปัจจัยที่ควบคุมมาตรวัดอันได้แก่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นจากการรับข้อมูลความรู้ใดๆเราย่อมจะตระหนักได้ว่ามันคือมาตรวัดที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด-ที่เราจะพึงมี-และนำมาใช้ได้เสมอ
    <O:p>qsquqsquqsqu</O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2009
  13. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    Update รายชื่อค่ะ

    หวังว่าคุณโอสถจะมีโอกาสได้เรียนในครั้งต่อไปนะคะqsqu
    ...............................................
    ตารางการอบรมเดือนกันยายน
    วันเสาร์ที่ 5 กันยายน 2552 (9.00-16.30 น.) พลังเอกภพระดับ 2
    วันเสาร์ที่ 12 กันยายน 2552 (9.00-16.30 น.) โยคะแนวใหม่เพื่อสุขภาพ
    1. คุณโอสถ ............................................... 1 ที่
    <O:p</O:p
    วันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2552 (9.00-16.30 น.) พลังหินบำบัด 1 (ระดับพื้นฐาน)
    วันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2552(9.00-16.30 น.) พลังเอกภพระดับ 4 (ครั้งที่ 1)<O:p</O:p
    1. คุณตัวกลมๆ ................................... 1 ที่
    2. คุณพรปู่ ........................................ 1 ที่
    3. คุณจ๋า .......................................... 1 ที่

    4. คุณโอสถ ....................................... 1 ที่

    วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2552 (9.00-16.30 น.) พลังเอกภพระดับ 3
    วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน 2552 (9.00-16.30 น.)การกลับมาของแอตแลนติส( ระดับ 8 )
    1. คุณตัวกลมๆ .................................... 1 ที่
    2. คุณดาวทะเลทราย ................................... 1 ที่
    3. ขจรวรรณ + พี.พี. ................................... 2 ที่
    4. คุณจ๋า .................................................... 1 ที่
    5. คุณKung................................................ 1 ที่
    6. คุณnoonung 13......................................1 ที่
    วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2552 (9.00-16.30 น.) พลังเอกภพระดับ4 (ครั้งที่ 2) ลมหายใจสฟิงคซ์
    1. คุณตัวกลมๆ ................................... 1 ที่
    ระเบียบปฏิบัติสำหรับผู้เข้าอบรมทุกท่าน
    เนื่องจากที่ผ่านมาเมื่อมีการเปิดอบรมใหม่ทุกครั้ง และการอบรมในระดับสูงต่อๆ ไป หลายท่านมีความประสงค์ ขอแจ้งชื่อว่าจะเข้าอบรม แต่ท้ายที่สุดปรากฏว่าไม่มาเรียนตามที่แจ้งไว้ ผู้สอนจึงเห็นควรว่า เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปตามความเหมาะสม จึงกำหนดให้มีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเป็นค่าอบรมก่อนเรียน เพื่อให้ทุกท่านมีโอกาสเลือกตัดสินใจว่าจะเข้าอบรมหรือไม่ และพร้อมที่จะสละเวลาส่วนตัว ภารกิจต่างๆ เพื่อเข้าอบรมตามวันเวลาที่กำหนดไว้

    และเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในการเรียนชั้นสูงๆ ขึ้นไป (หลายครั้งที่ผ่านมา ค่อนข้างวุ่นวายกับการลงทะเบียน) เพื่อเป็นการตัดปัญหาดังกล่าว จึงขอให้ผู้สนใจเรียนทุกระดับ กรุณาปฏิบัติตามทุกท่าน

    จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
    อาจารย์ กิติชัย สุรทิณฑ์
    โทร. 086-080-5164

    กรุณาโอนเข้า
    ชื่อบัญชี ”นายกิติชัย สุรทิณฑ์ “
    ธนาคารกรุงไทย สาขาธนบุรี-ปากท่อ
    บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 063-0-02410-3

    หรือธนาคารกรุงเทพ สาขาสำนักงานใหญ่ สีลม
    บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 101-4-92551-3

    และกรุณาแฟกซ์มาที่เบอร์ 02-415-5279 (อัตโนมัติ)
    หรือนำสลิปใบฝากเงินมาแสดงในวันอบรม โดยแจ้งชื่อคอร์สที่สนใจจะเข้าอบรม วันที่จะเรียน พร้อมชื่อ นามสกุลผู้สมัครเรียน จำนวนกี่คนที่จะเรียน

    สถานที่เรียน : บริษัทยูเรอัสจำกัด ชั้น 3 ตึกธนาคารกรุงไทย สาขาธนบุรี – ปากท่อ ดูแผนที่จากหน้า 12

    ค่าอบรม : 500 บาท ต่อ หลักสูตร (เป็นค่าหนังสือ อาหารว่าง ชา กาแฟ)
    * ยกเว้น หลักสูตรระดับ 4 ต้องเรียน 2 วัน ค่าอบรม 1,000 บาท:cool:
     
  14. ตัวกลมๆ

    ตัวกลมๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +5,941
    ตัวกลมกับพี่จ๋ายังเรียนระดับ 3อยู่เลยค่ะพี่ขจรวรรณ ถ้าอ.เปลี่ยนเป็นระดับ8จริงๆ ก็อดเรียนรอบนี้
    โอนค่าหน่วยกิตจากแอตแลนติสเป็นระดับ5แทน :p รออาจารย์กลับมาสอนหลังตุลาค่ะ

    วันอาทิตย์ที่
    13 กันยายน 2552 (9.00-16.30 น.)การกลับมาของแอตแลนติส( ระดับ 8 )
     
  15. พรปู่

    พรปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +277
    เป็นลางสังหรณ์ว่า คุณตัวกลมๆ เลยระดับ 8 อย่างแน่นอน


    ฟันธง
    and
    confirm
     
  16. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    เรื่อง การกลับมา ของแอตแลนติส เป็น เรื่องหนึ่ง ในระดับ 8

    รอ นิดหนึ่ง ให้ อาจารย์ สรุป ก่อน ว่า จะให้ คนที่สนใจ เข้า ฟัง ด้วย ได้ ไหม
     
  17. ตัวกลมๆ

    ตัวกลมๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +5,941
    ก็อยากเรียนให้ตลอดรอดฝั่งน้อ แต่ไม่รู้ว่าความสามารถจะผ่านหรือเปล่าน่ะสิคะพี่พรปู่
    ยังไงก็มาเรียนด้วยกันเน้อ อย่าทิ้งกัน วันที่เรียนพี่จ๋าก็สอนท่าดัดข้อมือ ดัดนิ้วมาให้
    เพราะว่ามือเริ่มบ่นว่าใช้งานเยอะ วางคีย์บอร์ดทั้งวัน นี่ก็โรคคนทำงานแบบหนึ่ง
    พี่ำไพโรจน์มีเรื่องเล่าไปบุกโน่นนี่นั่นเยอะเลย แต่มาไม่ทันฟัง
    พี่ดาวทะเลทรายพาไปลองส้มตำเจ้าอร่อย แต่คุณด้ำดำตามไม่ทัน เลี้ยวหลายรอบ
    ขอบคุณพี่ขจรวรรณ ขยันหามาให้อ่านนะคะ
     
  18. จ๋าเอง

    จ๋าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +333
    ยังไงเรา 3 คนก้อไปด้วยกับอยู่แล้วนี่นา พรปู่ อิ อิ อิ
    ไม่ปล่อยใครไว้หรอกน่า เนอะตัวกลม;aa6_heart+love_
     
  19. จ๋าเอง

    จ๋าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +333
    อ่านเจอ เลยเอาฝากกันค่ะ มีหลายตอนหน่อยนะคะ:VO

    พลังจักรวาลและพลังชีวิต

    พลังที่กระจายอยู่ทั่วจักรวาล เรียกสั้นๆ ว่า “พลังจักรวาล” ปกติ พลังจักรวาลมีมากมายหลายแบบ มีทั้งที่เกิด
    จากสิ่งไม่มีชีวิต เช่น พลังความร้อนจากไฟ และที่มาจากสิ่งมีชีวิต เช่น พลังความร้อนจากกายสัตว์, พลังชีวิต
    หลังคนตายแล้วสลายออกสู่บรรยากาศ ฯลฯ เหล่านี้ ...รวมเรียกว่าพลังจักรวาลทั้งสิ้น แต่พลังจักรวาลที่นิยม
    ฝึกกัน จะเป็นพลังจักรวาลที่มาจากสิ่งมีชีวิต หรือที่เรียกว่า “พลังออร่า”
    เนื่องจากพลังจากสิ่งไม่มีชีวิตนั้น หากเราซึ่งเป็นมนุษย์ได้รับมากหรือน้อยเกินไป หรือไม่เข้ากับสภาพร่างกาย
    ก็จะเกิดปัญหาต่อสุขภาพมาก เช่น พลังความร้อน หากได้รับมากเกินขีดสมดุล จะทำให้ร้อนใน พลังความเย็น
    หากได้รับมากเกินจะทำให้ป่วยง่าย ดังนั้น ผู้ฝึกพลังจักรวาลจึงนิยมฝึกพลังจักรวาลที่มาจากสิ่งมีชีวิต เพราะผู้
    ฝึกก็เป็นสิ่งมีชีวิต จึงมีพลังที่คล้ายกันเข้ากันได้ดีและไม่ค่อยมีปัญหา

    ในบทความที่จะกล่าวต่อไปนี้ จะขออธิบายพลังจักรวาลชนิดต่างๆ ดังต่อไปนี้

    พลังจักรวาลสาย “เอี๊ยง”

    คือ พลังจักรวาลที่เกิดจากภายใน เป็นพลังภายในของเราเอง ที่ถูกกระตุ้นให้แสดงพลังออกมา เช่น ในยาม
    คับขัน จวนตัวจะถูกทำร้าย เป็นต้น ... พลังเอี๊ยงนี้มีมากมายหลายชนิด รวมเรียกกันกว้างๆ ว่า “ เ ก้ า เ อี๊ ย ง ”
    ซึ่งเก้าเอี๊ยงจริงๆ ที่ฝึกกันในนิยายกำลังภายในนั้นมาจากการฝึกอานาปานสติ พร้อมออกกำลังกายไปด้วย เพื่อ
    ขจัดความหนาวเย็นที่พระสงฆ์ได้รับ ... เ ป็ น พ ลั ง ค ว า ม ร้ อ น ใ น ร่ า ง ก า ย และมีประโยชน์หลาย
    ด้าน ที่สำคัญคือ ช่ ว ย ใ น ก า ร ฟื้ น ฟู พ ลั ง ภ า ย ใ น ส า ย อื่ น ๆ ช นิ ด อื่ น ๆ ใ น ร่ า ง ก า ย ไ ด้
    ด้ ว ย กรณีที่สูญเสียพลังภายในเพราะสาเหตุต่างๆ
    ผู้ฝึกพลังเก้าเอี๊ยงมาดี จะสามารถฟื้นฟูกลับคืนสภาพได้รวดเร็วกว่าบุคคลธรรมดา ข้อดีอีกประการของพลังเอี๊ยง
    คือ การกระตุ้นความเป็นตัวของตัวเอง ทำให้เป็นผู้นำ มีภาวะผู้นำมากขึ้น แต่ถ้ามากเกินไป จะกระทบกับสังคม
    รอบข้าง กลายเป็นคนบ้าอำนาจได้เหมือนกัน ดังนั้น ธรรมชาติ จึงสร้างสรรค์พลังอีกรูปแบบที่ตรงกันข้ามไว้
    คานสมดุลกัน นั่นคือ พ ลั ง เ ก้ า อิ ม ที่ผู้ฝึกมักเป็นหญิง และสามารถดูดซับพลังภายในของชายได้ ทำให้ฝ่าย
    ชายที่มีพลังเก้าเอี๊ยงมากเกินไป ขาดความทะเยอทะยานบ้าอำนาจในที่สุด

    นอกจากพลังเก้าเอี๊ยงแล้ว พลังในกลุ่มเอี๊ยงหรือพลังภายในของมนุษย์ ยังมีอีกหลายชนิด เช่น พ ลั ง กุ ณ ฑ า ริ ณี
    ที่อยู่บริเวณอวัยวะเพศ เมื่อได้รับการกระตุ้นทางเพศ พลังก็จะถูกกระตุ้นให้นำออกมาใช้ และถ่ายเทให้เซลสืบ
    พันธุ์ที่ผสมกันแล้ว เพื่อเป็นปราณเริ่มต้นสำหรับทารกจะใช้ในการพัฒนาอวัยวะร่างกายต่อไป อนึ่ง พลังภายใน
    มีหลายชนิดหลายประเภท แต่จะไม่อธิบายมากกว่านี้ เพราะไม่ชำนาญในพลังชนิดอื่นๆ จึงเน้นแต่เก้าเอี๊ยง

    พลังจักรวาลสาย “อิม”

    คือ พลังจักรวาลที่เกิดจากภายนอกเข้าไปส ะ ส ม ใ น ร่ า ง ก า ย .. ซึ่งเกิดจากการทะลวงจักระในร่างกาย
    เพื่อเปิดรับพลังจากภายนอก ..แล้วฝึกดูดซับพลังจากภายนอกมาเก็บสะสมไว้ในตัวของผู้ฝึก เพื่อใช้ประโยชน์
    ด้านต่างๆ พลังอิมนี้มีหลายชนิด ในการฝึกพลังอิม มักเป็นผู้หญิงฝึกจะเหมาะสม เพราะเพศหญิงไม่มีบทบาท
    ทางสังคมมาก เป็นช้างเท้าหลัง แต่ต้องคอยคุมไม่ให้ฝ่ายชายดุดันหรือบ้าอำนาจมากเกินไป ในสมัยโบราณ
    สำนักปฏิบัติจะสอนให้ผู้หญิงที่มีหน้าตาสวยงามฝึกพลังอิม เพื่อหวังได้เป็นพระสนม จากนั้นผู้หญิงบางคนจะถูก
    ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เมื่อแต่งงานกับผู้ชายแล้ว จะดูดซับพลังจากผู้ชายนั้นทีละน้อย จนฝ่ายชายลด
    ความทะเยอทะยานลง ความบ้าอำนาจก็ลดลง เป็นการหยุดความบ้าอำนาจของผู้ชายในวงการการเมืองใน
    สมัยโบราณ การใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือทางการเมืองนี้มีมานานแล้ว และยังได้รับการบันทึกไว้ในตำราพิชัย
    สงครามของประเทศจีนจนถึงทุกวันนี้ด้วย

    อนึ่ง บางท่านแม้เกิดเป็นชาย แต่มีบุญกรรมตามวาระทำให้จักระเจ็ดเปิดเองโดยไม่รู้ตัว เมื่อจักระเปิดแล้ว พลัง
    จักรวาลบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดระบบพลังอิมขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างที่เรียกว่า “พลังมารแทรก” เป็น
    ต้น การถูกแทรกโดยพลังสายอื่นที่ตนไม่ได้ฝึกนี้ เป็นอันตรายต่อการฝึกมาก ทำให้ถูกครอบงำด้วยพลังชนิดนั้น
    ๆ ทำให้มีความคิดผิดทาง เป็นมิจฉาทิฐิได้

    ผู้ที่ฝึกพลังเก้าเอี๊ยงหากถูกทดสอบด้วยการถูกพลังจักรวาลครอบงำนี้ หากมีพลังเอี๊ยงสูงถึงจุดหนึ่ง จะเอาชนะ
    การครอบงำด้วยพลังจักรวาลที่เข้ามาแทรก หรือครอบงำเราได้ เช่น พลังจากมารหรือเทพก็ดี ที่ครอบงำให้เรา
    เชื่อ ให้เราทำตามที่ท่านบอก .. หากเรามีพลังเอี๊ยงเหนือกว่าแล้ว ก็จะไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำ และเดิน
    ทางชีวิตของตนอย่างที่เป็นตัวของตัวเองได้

    ทว่า การฝึกพลังเก้าอิม ก็มีข้อดีบางประการ คือ ทำให้เราได้รับพลังจากจักรวาลที่ดีนำทางชีวิต เหมาะสำหรับ
    ผู้หญิงที่เป็นช้างเท้าหลัง สมควรได้รับการนำทางด้วยพลังจักรวาลที่ดี พลังจักรวาลที่ลงมาครอบเราไว้นั้น
    จะนำทางเรา ขับดันให้ทำสิ่งต่างๆ ตามแนวทางที่ดีต่อไป เช่น บางคนไปรับขันธ์องค์ฤษีมา และได้ทำสมาธิ
    อยู่อย่างวิเวกสันโดษ ก็จะมีการดำเนินชีวิตอยู่ด้วยดี แต่หากไม่ได้รับพลังจักรวาลนี้ครอบไว้ ก็อาจไปทำอย่าง
    อื่นที่เลวร้ายก็ได้ การฝึกพลังเก้าอิมนี้ แต่เดิมตามตำราจีนโบราณ จะเริ่มฝึกดูดซับพลังจากพลังของสิ่งไม่มี
    ชีวิตที่มีความเย็น เป็นพลังสายเย็นตรงข้ามกับพลังเก้าเอี๊ยง เช่น การดูดซับพลังจากอัญมณี เช่น หยกเย็น
    เป็นต้น ทว่า ภายหลังมีผู้เข้าใจผิดไปฝึกดูดซับพลังจากหลุมศพ และได้พลังจากคนตายซึ่งเป็นพลังดำที่
    หมองหม่นไป ทำให้ทำสิ่งเลวร้ายต่างๆ โดยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ภายหลังประเทศไทย มีอาจารย์ผู้ค้นพบ
    วิชชานี้ และได้ปรับแนวทางในการฝึกใหม่ให้รับพลังจักรวาลที่ดี ..แบบโยคีโบราณกระทำกัน คือ การรับพลัง
    จักรวาลจากเทพพรหมชั้นดี เป็นเครื่องนำพาชีวิตเราไปสู่ทางที่ดีงามbubu
     
  20. จ๋าเอง

    จ๋าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +333
    เรียนรู้ธรรมชาติ จากพลังเก้าอิม

    พลังงานมีทั้งอยู่ภายในร่างกายและภายนอกร่างกาย.. สำหรับบทความบางฉบับได้กล่าวถึงพลังงานภายในร่างกายที่เรียกว่า พลังงานความร้อนจากการสันดาป หรือที่นักฝึกจิตชาวจีนโบราณเรียกชื่อว่า “ เ ก้ า เ อี๊ ย ง” แล้ว ในฉบับนี้จะกล่าวถึง พลังงานภายนอกร่างกายบ้าง โดยจะเริ่มศึกษาจากพลังงานที่มีความเย็น... ซึ่งจะตรงกันข้ามกับพลังงานภายในร่างกายที่มีความร้อน

    การฝึกรับพลังงานภายนอกที่มีพลังความเย็น ในขณะที่ร่างกายมีความร้อนนี้ ช่วยให้จับความรู้สึกของพลังงานภายนอกที่มีความเย็นขณะเข้ามาสู่ร่างกายได้ชัดขึ้น เนื่องจากภายในร่างกายของเรามีความร้อนอยู่ก่อนนั่นเอง ทำให้ง่ายต่อการฝึกในขั้นต้น ดังนั้น.. ในบทความฉบับนี้จะขอเสนอการฝึกเรียนรู้พลังงานธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรา ที่สามารถเคลื่อนย้ายถ่ายเทได้เหมือนพลังงานทั่วๆ ไป จากพลังงานความเย็นก่อน เพื่อให้ง่ายต่อการจับความรู้สึก แล้วจึงพัฒนาไปสู่พลังงานชนิดอื่นต่อไป

    ธรรมชาติรอบตัวเรามีพลังงานความเย็นอยู่จริงหรือไม่?

    ปกติ เราจะสามารถจับพลังงานในรูปความร้อนได้ดี และอาศัยคลื่นพลังงานความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ในแบบต่างๆ เราเรียกพลังงานความร้อนว่า “พลังงาน” ในขณะที่ที่ใดมีความเย็นหรืออุณหภูมิลดลง เราก็มักเผลอสรุปไปในทันทีว่า พลังงานคงจะลดลง แท้จริงแล้วคลื่นพลังงานมีหลายชนิดและทำให้ร่างกายรู้สึกได้แตกต่างกัน เช่น ร้อนก็ได้ เย็นก็ได้ แตกต่างกันไปตามแต่ละชนิดของคลื่นพลังงาน... นักฝึกจิตสัมผัสพลังงานที่ตาเปล่ามองไม่เห็นที่มีความชำนาญจะสามารถบอกและแยกแยะพลังงานแต่ละชนิดได้ดี ยกตัวอย่างเช่น พ ลั ง ง า น ค ว า ม ร้ อ น .. ในทางวิทยาศาสตร์สามารถจับได้ในรูปคลื่นรังสีอิ น ฟ า เ รด .. มีสีแดงเป็นส่วนใหญ่...ในขณะที่ตาทิพย์สามารถจับคลื่นพลังงานชนิดนี้ได้ละเอียดกว่ากล้องอินฟาเรด...เพราะสามารถเห็นเป็นแสงสีทั้ง สี แ ด ง, ส้ ม, ท อ ง และเ ห ลื อ ง .... ทั้ง 3 สีมี ค ลื่ น ค ว า ม ถี่ ต่ า ง กั น แต่จัดอยู่ในกลุ่มที่ให้ความรู้สึกร้อนได้เหมือนกัน..ทว่าคลื่นรังสีที่ตามองไม่เห็นแต่วิทยาศาสตร์รับรองและพิสูจน์ได้ว่ามีจริงนั้น มีมากกว่าหนึ่งชนิด .. รังสีอินฟาเรดมีความร้อนเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานธรรมชาติเท่านั้น ยังมีพลังงานในธรรมชาติอีกมากมายที่เราไม่ค่อยรู้จักนัก เช่น รังสี อุ ล ต ร า ไ ว โ อ เ ล ต ที่มี สี ม่ ว ง ... ตาทิพย์จะจับคลื่นรังสีประเภทนี้ได้หลายสีเช่น ม่ ว ง , ค ร าม , น้ำ เ งิ น, เ ขี ย ว ... เมื่อเราตากแดดในตอนเช้า เราต้องการคลื่นรังสีคลื่นยาวที่พอจะเข้าถึงตัวเราได้ในแนวเฉียงหรือแนวนอน ทำให้เราไม่ค่อยร้อน แต่ในตอนกลางวัน คลื่นเหล่านี้ส่องตัวเราในแนวตั้งฉากทำให้ร้อนกว่าปกติ ... พร้อมด้วยรังสีคลื่นสั้นอีกหลายชนิด ดังนั้น เราจึงตากแดดตอนเช้าเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดีจากผิวหนังที่สร้างขึ้นเมื่อแสงแดดกระตุ้น รังสีที่เราต้องการรับนั้นคือ รังสีอินฟาเรด... ซึ่งก็คือ คลื่นพลังงานประเภทเดียวกับพลังเก้าเอี๊ยง

    สำหรับนักฝึกจิตโบราณหลายท่านอดทนนั่งรับพลังจากอาทิตย์นี้ทั้งวันจนผิวไหม้เกรียมก็มี แต่พระพุทธเจ้าได้กล่าวแล้วถึงทางสายกลางที่ไม่ใช่การทรมานตน ดังนั้น ก า ร รั บ พ ลั ง ง า น จ า ก ด ว ง อ า ทิ ต ย์ จึ ง ค ว ร รั บ เ ฉ พ า ะ ต อ น เ ช้ า ๆ เมื่อสายแล้วก็ควรเลิกรับพลังงาน

    คลื่นรังสีในธรรมชาตินอกจากดวงอาทิตย์แล้ว ยังมีอยู่ในสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ดวงจันทร์, ผลึกแก้วจากธรรมชาติ, หยก, หินชนิดต่างๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีพลังงานตามธรรมชาติอยู่ไม่แตกต่างจากคลื่นพลังงานแสงอาทิตย์... เพียงแต่จะเป็นคลื่นพลังงานคนละประเภทกัน และมีประโยชน์แตกต่างกันเท่านั้นเอง

    สำหรับ ค ลื่ น พ ลั ง ง า น จ า ก หิ น เช่น ห ย ก นี้จะมีความเย็น เป็นพลังเย็นจากนอกร่างกาย ... อนึ่ง ความรู้สึกเย็นนี้ เกิดขึ้นได้สองสาเหตุ คือ หนึ่ง เพราะร่างกายสูญเสียพลังงานความร้อนไป หรือ สองเพราะร่างกายได้รับพลังงานเย็นเข้ามาก็ได้ สำหรับ น้ำแข็ง ทำให้ร่างกายต้องสูญเสียความร้อนออกไป และเมื่อสูญเสียพลังงานความร้อน หรือพลังเก้าเอี๊ยงถึงระดับหนึ่งแล้ว ร่างกายก็ไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคได้จนต้องป่วย เป็นต้น ... ตรงกันข้ามกับการได้รับพลังงานเย็น พลังเย็นเป็นพลังงานประเภทหนึ่ง ที่ไม่ได้เกิดจากการสูญเสียพลังงานความร้อน แต่เกิดจากร่างกายได้รับพลังงานชนิดนี้ แล้วรู้สึกจับสัมผัสได้ว่าเย็น เราเรียกพลังงานภายนอกที่มีความเย็นนี้ตามการค้นพบของชาวจีนโบราณว่า “เ ก้ า อิ ม ” ซึ่งมีอยู่จริงไม่ใช่มีแต่ในนิยายเท่านั้น


    พลังเก้าอิมในธรรมชาติมีอยู่ที่ใดบ้าง?

    ชาวผิวขาวโบราณรู้จักการใช้หินรักษาโรค หิ น มีหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ และหินหลายชนิดจะให้ความรู้สึก “เย็น” เมื่อสัมผัสร่างกาย นอกจากนี้ชาวผิวขาวโบราณบางท่านยังรู้จักการใช้ “โ ค ล น ” ที่มีแร่ธาตุมากมายในการรักษาโรคอีกด้วย เราเรียกกรรมวิธีเหล่านี้กันในสมัยปัจจุบันว่า “ ส ป า ” บ้าง “หินบำบัด” บ้าง แร่ธาตุและหินเหล่านี้ นอกจากจะมีสารอาหารแล้ว บางชนิดไม่ได้มีสารเคมีซึมเข้าไปสู่ร่างกายได้เลยนอกจากพลังงานเท่านั้นที่จะส่งผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ เช่น หินต่างๆ หิ น ต่ า ง ช นิ ด . . ต่ า ง สี กั น จ ะ มี พ ลั ง ง า น ต่ า ง กั น ... หินเหล่านี้เมื่อมีอยู่ในธรรมชาติจะรักษาพลังงานไว้ได้อย่างดี แ ต่ เ มื่ อ ถู ก เ จี ย ร ะ ไ น แ ล้ ว พ ลั ง ง า น จ ะ สู ญ เ สี ย ไ ป ...การใช้หินเหล่านี้เพื่อถ่ายเทพลังงานเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ จึงต้องเลือกใช้หินที่มีพลังงานอยู่จริง และยังไม่สูญเสียพลังงานธรรมชาติไปหมด

    ตามบันทึกโบราณซึ่งได้เล่าเป็นนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ได้กล่าวถึง การฝึกพลังเย็นโดยการนอนบนเตียงหยกเย็น ... นี่ก็เป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนโบราณรู้จักใช้ประโยชน์จากพลังงานที่มีความเย็นที่อยู่ในหยก เฉกเช่นเดียวกันชาวผิวขาวโบราณที่ใช้หินธรรมชาติเพื่อบำบัดรักษาโรค อนึ่ง พลังงานที่มีความเย็นแผ่ออกมานี้ มีอยู่ตามถ้ำบ้าง ผาหินบ้าง ที่ที่มีหินธรรมชาติสะสมอยู่มากบ้าง หรือจากพื้นดินที่มีแร่ธาตุความเย็นอุดมสมบูรณ์บ้าง ...ผู้ฝึกพลังเย็นสามารถเลือกหาสถานที่ฝึกเพื่อสะสมพลังงานความเย็นจากธรรมชาติเหล่านี้ได้ แต่ปัจจุบันหาได้ยากมาก เพราะแหล่งหินต่างๆ ในธรรมชาติถูกระเบิดทำลายเพื่อเอาไปใช้ในการผลิตสินค้าต่างๆ ทำให้พลังงานที่มีความเย็นสูญเสียออกไปกระจายอยู่ตามธรรมชาติ และส่งผลกระทบต่อธรรมชาติด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...