เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 พฤษภาคม 2025 at 22:05.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,948
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,757
    ค่าพลัง:
    +26,623
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,948
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,757
    ค่าพลัง:
    +26,623
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ หลังจากเจริญพระกรรมฐานและทำวัตรเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ออกเดินทางไปยังวัดราษฎร์ประชุมชนาราม หมู่ที่ ๒ ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

    ตามการนิมนต์ของท่านพระครูกาญจนปริยัติคุณ (ชุมพร ปิยธมฺโม ป.ธ. ๓) เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม ที่ขอให้มาเป็นประธานในการบวงสรวงยกฉัตรพระเจดีย์ริมน้ำ ซึ่งบรรดาพี่น้องมอญพม่าร่วมกันเป็นเจ้าภาพสร้างขึ้นมาอย่างสวยงาม อยู่ริมแม่น้ำแควน้อยด้านหลังวัดท่ามะขาม หรือวัดราษฎร์ประชุมชนารามแห่งนี้ โดยที่เลียนแบบทรงของพระเจดีย์บูพะยา (พระเจดีย์น้ำเต้า) ริมฝั่งแม่น้ำอิระวดีที่เมืองพุกาม

    บรรดาพี่น้องมอญพม่านั้นมีความนิยมในการสร้างพระเจดีย์เป็นอย่างยิ่ง คล้าย ๆ กับพี่น้องชาวไทยของเราที่นิยมสร้างพระพุทธรูป เนื่องเพราะเขาตีความจากพระไตรปิฎก คำว่าอุเทสิกเจดีย์ ก็คือพระเจดีย์อันเป็นเครื่องระลึกถึง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงได้นิยมการสร้างเจดีย์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะที่เมืองปะกานตามสำเนียงพม่า หรือที่คนไทยเรียกว่าเมืองพุกามนั้น ถึงกับเคยสร้างพระเจดีย์ใหญ่ ๆ เล็ก ๆ รวมกันแล้วหลายพันองค์ จนกระทั่งเมืองพุกามกลายเป็นพื้นที่กึ่งทะเลทรายไปเลย..!

    กระผม/อาตมภาพวิเคราะห์แล้วว่า เกิดจากการที่ขุดดินไปปั้นเป็นอิฐ แล้วก็ตัดไม้มาเผาอิฐเพื่อสร้างพระเจดีย์ จึงทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของหน้าดินหมดไป ตลอดจนกระทั่งป่าไม้ก็หมดไปด้วย กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้งกึ่งทะเลทราย มีพืชที่ขึ้นได้อยู่ก็เป็นไม้จำพวกทนแล้งไม่กี่อย่างเท่านั้น..!

    ถึงมาอยู่เมืองไทยแล้ว พี่น้องมอญพม่าก็ยังนิยมสร้างเจดีย์ แม้แต่ที่วัดท่าขนุน พระพุทธเจติยคีรีบนยอดเขาวัดท่าขนุนนั้น ก็เป็นพระเจดีย์ทรงมอญ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่ามีสถานที่ให้ บรรดาพี่น้องมอญพม่าก็จะร่วมแรงร่วมใจกันก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงินทอง สิ่งของ ตลอดจนกระทั่งข้าวปลาอาหาร ดังนั้น..ทางวัดราษฎร์ประชุมชนาราม (วัดท่ามะขาม) เท่ากับได้พระเจดีย์ขึ้นมาแบบไม่ต้องเสียอะไรเลย ยกเว้นว่าถึงเวลาแล้วยอมให้เขามีงานรื่นเริง ประมาณว่าละครพม่า อะไรเหล่านั้นเป็นต้น

    ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพจึงปล่อยให้เขาทำอย่างเต็มที่ โดยที่ตนเองทำการบวงสรวง แล้วบรรจุยอดฉัตรเจดีย์จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย โดยที่ท่านพระครูกาญจนปริยัติคุณนั้น ได้นำเอาธงมหาพิชัยสงครามของวัดท่าซุง และพระยอดธง ๘๐ ปี พระเทพเมธากร ที่กระผม/อาตมภาพสร้างถวายหลวงพ่อเจ้าคุณณรงค์ - พระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทฺโธ ป.ธ. ๔) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนารามแห่งนี้ บรรจุพร้อมกับแก้วแหวนเงินทองต่าง ๆ
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,948
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,757
    ค่าพลัง:
    +26,623
    เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้ขออนุญาตลา เพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังอีกงานหนึ่ง ก็คือการไปร่วมรดน้ำศพคุณแม่บุญธรรม นนท์แก้ว โยมแม่ของท่านเจ้าคุณประไพ - พระสุพรรณวชิราภรณ์, ดร. (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ. ๓) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมเรียนของกระผม/อาตมภาพมา ตั้งแต่สมัยประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาพุทธศาสนา ปริญญาโทพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการเชิงพุทธ แล้วหลังจากนั้น ท่านก็แยกไปเรียนปริญญาเอกต่างหาก บอกว่าเดินทางมาเรียนทางวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ไม่ไหว ค่าใช้จ่ายมากไปหน่อย

    แต่ก็ยังคบหาสมาคมกันมา ตั้งแต่ท่านเป็นพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี มาเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผู้อำนวยการวิทยาสงฆ์สุพรรณบุรี ศรีสุวรรณภูมิ จนกระทั่งขึ้นมาเป็นเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี และขึ้นเป็นพระราชาคณะที่พระสุพรรณวชิราภรณ์

    ท่านสละเวลาในแต่ละวัน ไปดูแลโยมแม่ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์ พูดง่าย ๆ ว่าขยับร่างกายไม่ได้ไปซีกหนึ่ง ไปพูดคุย ไปช่วยเข็นรถเข็น ให้โยมแม่ได้เห็นวิวทิวทัศน์นอกบ้านอยู่ทุกวัน กระผม/อาตมภาพยังเห็นว่าโยมแม่บุญธรรมนั้น สุขภาพจิต สุขภาพกายดีขึ้นมาก แล้วล่าสุดวันก่อน ท่านก็ยังส่งคลิปมาให้ดู กำลังล้อเล่นกับโยมแม่ว่า "ขอไปทำงานคณะสงฆ์ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเอาหัวหงอก ๆ มาให้โยมแม่ดูใหม่" เนื่องเพราะโยมแม่ได้แซวท่านว่า เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ๆ ไม่นึกว่าจะได้เห็นลูกหัวหงอกกับตา ปรากฏว่าเช้าวันนี้ ท่านบอกว่าพี่สาวจะไปปลุกให้โยมแม่กินข้าว ไม่ทราบเหมือนกันว่าสิ้นลมไปตอนไหน ? เพราะว่าตอนไปเรียกก็แข็งเย็นไปทั้งตัวแล้ว..!

    เมื่อท่านส่งข่าวมา กระผม/อาตมภาพก็วิ่งไปถึง ปรากฏว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่สมบุญ - พระครูสุวรรณธรรมานุยุต วัดลำพันบอง ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ อายุ ๑๐๔ ปี มาถึงสถานที่นั้นก่อน เมื่อกราบหลวงปู่สมบุญแล้ว ก็ได้นั่งคุยกับท่านเจ้าคุณประไพ ในเรื่องของอดีตท่านเจ้าคุณแย้ม - พระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) ว่า "เราทุกคนเห็นเหมือนกันหมดว่า อดีตท่านเจ้าคุณแย้มนั้นไม่ทราบว่าไปคิดผิดอีท่าไหน ต้องเสียเงินให้เขามากมายขนาดนั้น..!"

    กระผม/อาตมภาพมีความเห็นตรงกับท่านเจ้าคุณประไพว่า "ถ้าพวกเราต้องเสียเป็นแสนเป็นล้าน ตูก็ทำให้ตายคาที่ไปทั้งคู่
    ทั้งเขาและเรานั่นแหละ..!" ไม่มีหรอกที่จะยอมตายคนเดียว ด้วยการหาเงินมาให้เขาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งท่านเจ้าคุณประไพก็บอกว่า "ก็ท่านไม่ยอมบอกใคร ถามอะไรก็ไม่บอก เก็บเอาไว้เครียดอยู่คนเดียว เที่ยวไล่ยืมเงินคนโน้นคนนี้ จนกระทั่งผมต้องไปช่วยยืมให้ด้วย..!"

    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนใจว่า คนเราถึงเวลาก็มีโอกาสคิดผิด ตัดสินใจผิดได้เหมือนกัน ถ้าหากว่ายอมเสียหายให้เขาเปิดคลิปประจาน ก็เท่ากับว่าฝ่ายหญิงประจานตัวเอง เพราะว่าเป็นฝ่ายอาบน้ำแล้วถ่ายคลิปก็ส่งไปให้ท่าน หลังจากที่ท่านรับแล้วถามกลับมา ก็แคปหน้าจอเอาไว้ บอกว่าจะส่งออกไปให้สาธารณชนดู ท่านเองก็มัวแต่ไปกลัวเสียหาย ก็เลยกลายเป็นเครื่องปั๊มเงินให้กับเขาไป..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,948
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,757
    ค่าพลัง:
    +26,623
    เมื่อคุยกันจนกระทั่งหลวงพ่อเจ้าคุณสะอิ้ง - พระเดชพระคุณพระธรรมพุทธิมงคล (สะอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ. ๘) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ วรวิหารมาถึง กระผม/อาตมภาพเข้าไปช่วยประคองคนแก่ ท่านยังบอกว่า "เป็นอย่างไรบ้างหลวงพ่อเล็กผู้มีฤทธิ์ ?" กระผม/อาตมภาพเรียนถวายว่า "มีฤทธิ์ไม่จริงแล้วครับหลวงพ่อ ช่วงที่ผ่านมาผมป่วยเกือบตาย..!" ท่านยังบอกว่า "เรื่องของการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติธรรมชาติของมนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม"

    แล้วท่านก็ไปกราบหลวงปู่สมบุญ บอกว่า "นิมนต์อยู่ ๑๒๐ ปีนะครับหลวงปู่" กระผม/อาตมภาพได้ยินก็หัวเราะก๊ากเลย บอกว่า "หลวงพ่อครับ..คนนิมนต์ต้องอยู่เป็นเพื่อนกันนะครับ..!" เล่นเอาท่านบอกว่า "เฮ้ย..เอาแค่อยู่ได้ก็แล้วกัน" หลังจากนั้นก็ชวนกันไปรดน้ำศพคุณแม่บุญธรรม เสร็จแล้วกระผม/อาตมภาพมอบปัจจัยไทยธรรมร่วมบุญงานศพของคุณแม่บุญธรรม เมื่อท่านเจ้าคุณประไพรับเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางกลับ เพราะว่าฝนฟ้ามืดไปหมด ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะไปเจอฝนหนักกลางทางเมื่อไร..!?

    โดยเฉพาะช่วงนี้ถนนหนทางจากสุพรรณบุรี - ตลิ่งชันเส้นนั้น ได้ซ่อมเป็นระยะทางที่ยาวเหยียดมาก ๆ แล้วช่วงบ่ายวันอาทิตย์แบบนี้ คนสุพรรณซึ่งกลับบ้านมา ก็เริ่มเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อที่จะเตรียมทำงานในวันพรุ่งนี้ ปะเหมาะเคราะห์ดีไปตามรถ ๑๐ ล้อ หรือ ๑๘ ล้อสักสองคันเท่านั้น ชีวิตนี้ก็เป็นอันว่าอับเฉาแน่นอน..! เพราะว่าต้องค่อย ๆ คลานตามกันจนกว่าจะพ้นเขตก่อสร้าง ซึ่งเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตร..!

    เมื่อไปกราบลา หลวงพ่อสะอิ้งท่านก็ยังดึงเอาไว้ว่าให้ถ่ายรูปหมู่ด้วยกันก่อน แล้วกระผม/อาตมภาพถึงขอตัวเดินทางกลับเข้าสู่ที่พัก มาถึงแล้วก็รีบบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน หลังจากนี้ก็จะรีบสรงน้ำ เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่รายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...