สมเด็จนางพญางิ้วดำ วัดใหม่บ้านดอน และครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัตดีปฏิบัติชอบ

สาธุ...ด้วยนะครับ ใจเย็นๆนะครับไม่ต้องรีบ จะ10 เดือน 1 ปี 5 ปี ก็จะได้เล่าเป็นตำนาน

 

เห็นว่ามีสมเด็จนางพญางิ้วดำวัดใหม่บ้านดอน ปี17 (ไม้งิ้วดำทั้งองค์) สร้างเพียง150องค์(หนึ่งร้อยห้าสิบองค์) ท่านใดมีลงให้ชมเป็นบุญตาด้วยนะครับ

 

หลวงปู่เกลี้ยง กับ หลวงปู่หมุน ท่านอายุยืนมาก

 

ดูจำนวนการสร้างแล้วน่าค้นหา แต่หายังไงก็ไม่เคยเจอ ไปเดินสนามพระก็บ่อย ไม่เคยพบเลย ไม่หาแล้ว ถ้าบุญถึงองค์สมเด็จคงมาหาเอง 555+

 

สวัสดีครับ

อยากจะขอแจ้งว่า เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 6 เมษายนที่ผ่านมานี้ผมเพิ่งได้นำพระหลวงปู่ทวด พิมพ์นาคปรกไม้งิ้วดำแกะ (โดยได้จุดธูปขออนุญาต บอกกล่าวหน้ารูปหลวงปู่ทวดที่ผมบูชาอยู่ที่บ้าน เมื่อช่วงปลายปี 2565 และได้นำไปขอบารมีของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก เมื่อช่วงต้นปี 2566 ) เข้าไปถวายวัดใหม่บ้านดอนเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมะบูชา สังฆบูชา และเพื่อเป็นการชำระหนี้สงฆ์

โดยผมได้เรียนแจ้งกับพระคุณเจ้าที่ทำหน้าที่แทนท่านเจ้าอาวาส ถึงวัตถุประสงค์และที่มาของการถวายพระหลวงปุ่ทวดพิมพ์นาคปรกไม้งิ้วดำแกะนี้โดยไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายใดๆจากวัดแม้แต่สตางค์แดงเดียวครับ

ถ้ามีเพื่อนสมาชิกสนใจและมีโอกาสเดินทางผ่านวัดใหม่บ้านดอน ขอเชิญแวะเข้าไปลองสอบถามที่วัดครับ

*** ผมสร้างถวายวัดใหม่บ้านดอน โคราช จำนวน 108 องค์ครับ เพิ่งมาเห็นว่า ผมเคยบอกไว้ในกระทู้ว่าจะสร้าง 120 องค์ แต่ตอนสั่งล๊อตสุดท้ายผมไม่ได้เข้ามาอ่าน เลยสั่งแค่108 องค์ครับ

 

ผมมีครับ แต่ไม่ขอลง เนื้อจะเหมือนแก้วดำ ได้มาเพราะปฏิบัติธรรมและและอยากได้ก็ได้จริงๆ จากนั้นใช้เวลา 5-6 ปี ในการสร้างความเข้าใจเรื่องคุณไม้พญางิ้วดำ จึงได้พอประมวลความได้ว่า คนได้ต้องมีศีลเป็นพื้น เพราะท่านจะคอยจับจ้องโทษมหันต์ เนื่องจาก มหาฤิทธิ์นี้คือผู้ตัองอาญาจากการกระทำผิด นัยนึงคือท่านก็จ้องให้คุณและให้โทษสาสม ต้องอยู่ในศีลในธรรมสูงมากครับ ที่เหลือใช้ปัญญากะเกณฑ์เอาว่าเนื้อหาคืออะไร

 

พูดง่ายคือโลกยุคนี้เวลาที่เหลือนั้พอแค่คุณรักษาศีลปฏิบิตืธรรมแล้วคุณจะรอดครับ โดยท่านจะมาให้มหาฤิทธิ์บำรุงคุณไม่ห่าง ไม่ให้คุณจ่องโทษให้ภัย จนกว่าหมดอายุขัยหรือสุดวิสัยที่รักษา แต่ถ้าคุณมีศีลคุณไม่ต้องกังวล ศีลนั่นคู่กับพระไตรสรณคมน์ ยึดถือให้ดี ผมเป็นนักค้นคว้าความความศักดิ์สิทธิ์ของไม้พญางิ้วดำจนเข้าใจ(ระดับนึง) ขอบอกท่านต้องให้โทษลงทัณฑ์เสมอกับอีบ้าไอ้บ้าผู้เหลวไหล เพราะท่านทดสอบอย่างเดียว พอดีมายุคนี้ท่านเล่นหนัก คือชิบหาบตายโหงบรรลัยกันเลยทีเดียวท อย่าบ้าโลกครับ หาสัดส่่วนกันเอง สำรวมกอยู่ในศีลภาวนาแล้วถ้าจะบ้าโลกควรพิจารณาให้ดี เพราะทุกวันนี่โลกงานเข้าหนัก ที่รอดๆกันอยู่ก็ใช่ว่าจะดี รักษาเมืองไทยให้อยู่ได้ถือว่าสำคัญมาก ส่วนมี่เหลือศึล บุญ ภาวนา ก่อนเลย

 

ขออัพเดท พระอาจารย์องค์นี้ครับ ผมได้รับเกศาท่านมาตั้งแต่ปี 2560 ช่วงเดือนตุลาคม 2567 ผมเปิดดูแล้วตกใจว่าเกศาของท่านแปรสภาพเป็นเม็ดใสๆกลมๆ แล้วครับ ก่อนหน้านัั้นก็หมั่นเปิดดูอยู่บ่อยๆ แล้วก็ไม่เคยเปิดดู มาเป็นปีๆ พอเดือนตุลาคม มาเปิดดู โอ้วว เกศาท่านแปรเป็นพระธาตุ

 

เส้นเกศาของหลวงพ่อ ใส่ไว้ในผอบ บูชาอยู่ที่บ้านครับ ตั้งแต่ผมได้มาพอผมมีเวลาว่างผมก็เข้าห้องพระ จะชอบหยิบเกศามาส่องดูการเปลี่ยนแปลง จนเว้นช่วงไปเป็นปี พอหยิบมาส่องดู อ้าว เกศาท่านแปรเป็นพระธาตุจริงสมกับที่ได้ยินเกี่ยวกับตัวท่านมาก่อนหน้านั้นครับ

 

ประสบการณ์แปลกๆ กับหนังสือของหลวงปู่ทอง วัดพระธาตุจอมทอง จ.เชียงใหม่ครับ




เรื่องนี้เพิ่งเกิดไปเมื่อวันอังคารที่ 3 ธันวาคม 2567 สามอาทิตย์ที่ผ่านมา
หนังสือเล่มนี้ผมได้มาจากพี่ผู้หญิงคนนึงที่นับถือพระเจ้าตากสิน แกเป็นลูกศิษย์หลวงปุ่ทอง เคยไปเข้ากรรมฐานกับหลวงปู่ที่วัด แกให้ผมมาเมื่อปี 2563-64 ผมก็รับตามมารยาท ได้มาก็ไม่สนใจเอาวางไว้ที่ชั้นหนังสือในห้องพระตั้งแต่ตอนนั้น ไม่เคยหยิบขึ้นมาอ่านเลยครับ

ตู้วางหนังสือก็มีหลายชั้นหลายช่อง ผมก็จำไม่ได้เลยว่าเอาหนังสือเล่มนี้วางไว้ตรงไหน จนมาเมื่อวันอังคารที่ 3 ธันวาคม ผมก็นั่งคุยกับพี่ผู้หญิงคนนึง เพิ่งจะย้ายห้องทำงานมานั้งอยู่ใกล้กัน ก็คุยกันแกก็เล่าให้ฟังว่า แกเคยไปถือศีลปฏิบัติที่วัดพระธาตุจอมทอง กับหลวงปู่ทอง ผมก็นึกขึ้นได้ว่า ผมมีหนังสือของท่านได้มาหลายปี แล้ว แต่ก็ได้แต่นึกอยู่ในใจ ไม่ได้บอกพี่ผู้หญิงไป

จนตกดึกเที่ยงคืนกว่า พอสวดมนต์ไห้วพระเสร็จก็นั่งสมาธิ โดยเปิดแอร์ แป้บเดียวมีเสียงดังเหมือนน้ำแอร์หยดใส่ถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษ ดังเป๊ะ เป๊ะ ติดต่อกันไม่หยุด ผมเลยทนไม่ไหว ก็ลุกขึ้นไปเปิดไฟ แล้วมาดูใต้แอร์ว่ามันมีน้ำแอร์รั่วออกมาแน่ เสียงดังจนทนไม่ไหว แต่มันแปลกตรงที่ว่าพอผมลุกขึ้นไปเปิดไฟ เสียงก็เงียบลง อันนี้แปลกมากครับ
ผมก็พยายามดูว่าน้ำแอร์มันรั่วตรงไหน หายังไงก็หาไม่เจอ เลยปิดไฟนั่งสมาธิต่อ พอนั่งปุ๊ป เสียงมาอีกแล้วเป๊ะ แป๊ะ เป๊ะ นึกในใจ อะไรกันวะเนี่ย เมื่อกี้เปิดไฟดูจนทั่ว ทั้งเอามือคลำใต้แอร์ตรงตำแหน่งท่อน้ำทิ้ง ก็ไม่มีเปียกตรงไหนเลย เลยคิดสงสัยคงจะมีปลวกกินหนังสือที่ตู้หนังสือแน่ ผมเลยต้องหยิบหนังสือที่ตั้งเป็นกองๆ อยู่ชั้นล่างของช่องวางหนังสือ ผมก็หยิบกองหนังสือขึ้นมาทั้งกองแล้วหยิบออกมาทีละเล่มเพื่อจะดูว่าปลวกมันกัดกินอยู่ตรงไหน ปรากฎว่า เจอหนังสือหลวงปู่ทองเล่มนี้
อ้าวเฮ้ย หนังสือหลวงปู่ทองมาอยู่ตรงนี้เองเหรอ สิ่งที่นึกขึ้นมาได้ตอนนั้นคือ เฮ้ย อะไรมันจะขนาดนั้น เลยได้คิดต่อไปว่าสงสัยหลวงปู่ทองอยากจะให้เราเอาหนังสือเล่มนี้ไปให้พี่ที่ทำงานที่เพิ่งคุยกันไปช่วงตอนบ่ายหรือเปล่าหว่า ก็ยังสรุปไม่ได้แน่ชัดว่า เสียงดังเป๊ะๆ มันเกิดจากอะไรกันแน่

ผมเลยปิดไฟ นั่งสมาธิต่อ ปรากฎว่า เสียงเป๊ะๆ แป๊ะๆ เงียบครับ โอ้ว อะไรมันจะขนาดนั้นตอนนั้นนึกอยู่แบบนี้จริงๆครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
นั่งสมาธิในห้องพระมา 20่ ปี ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย

 

พระเกศาธาตุ ผมก็จำไม่ได้ว่าเป็นของหลวงปู่ท่านใด ได้มาก็นำมาใส่ผอบครับ พอมีเวลาว่างผมก็ชอบหยิบมาส่องดู ส่องอยู่หลายปีครับ ก็เห็นยังคงเป็นเส้นเกศาเหมือนเดิมทุกครั้ง ในใจก็คิดว่าเส้นเกศาท่านจะแปรบ้างไหมหนอ จนมาเมื่อช่วงกันยายน-ตุลาคม ปี 2567 ก็หยิบมาส่องเหมือนเคย อ้าวท่านแปรจริงครับ ท่านแปรให้เห็นกับตาเลยจากเส้นเกศามาเป็นก้อนกลมใสทรงเหมือนไข่เป็ด แบบย่อส่วน โอ้ว สาธุ สาธุครับ

 

ประสบการณ์แปลกๆ (อีกแล้ว) กับหนังสือ 100 ชื่อลือนาม สงครามไทย-พม่า



คืนวันที่ 29 ธันวาคม 2567 ก่อนที่จะเดินทางไปพักผ่อนที่ เขื่อนศรีนครินทร์ กาญจนบุรี

เหตุการณ์นี้เหมือนกับตอนที่ผมเจอหนังสือหลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง ครับ เหมือนกันมากจนงง ช่วงดึกๆประมาณเที่ยงคืนผมปิดไฟนั่งสมาธิในห้องพระ พอนั่งไปสักพัก มาอีกแล้ว เสียงเป๊ะ เป๊ะ แป๊ะ ในใจก็นึกว่าอะไรอีกวะเนี่ย มีอะไรให้ค้นหาอีกเหรอ ก็เพิ่งผ่านไป 3 อาทิตย์เอง เหมือนเดิมอีกแล้ว คราวนี้ก็รู้งาน ก็ทำเหมือนเดิมคือดูว่ามันมีน้ำแอร์รั่วตรงไหน ค้นอย่างละเอียดก็ไม่เจอ ก็มาค้นหนังสือที่ชั้นวางอีก แต่คราวนี้ค้นนานกว่ารอบที่แล้วครับ เพราะไม่มีเหตุอะไร นอกเสียจากว่า วันพรุ่งนี้30 ธันวาคม ผมจะเดินทางไป กาญจนบุรี มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ผมก็ลองค้นดูหนังสือเหมือนเดิม ก็มาเจอหนังสือเล่มนี้ ตามรูปด้านบนครับ ซึ่งผมซื้อไว้นานมากแล้วน่าจะสิบปีเศษๆ ตอนที่เจอหนังสือเล่มนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่ครั้งนี้จะเกี่ยวกับหนังสือเล่มนีัหรือไม่ ด้วยความที่ชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เป็นทุนเดิม ผมก็เปิดอ่านไล่อ่านไปทีละชื่อของบุคคลสำคัญ ที่จริงก็เคยอ่านแล้ว มารอบนี้ก็เปิดอ่านไปเรื่อยๆ จนเปิดไปเจอหนัา ของขุนเณร คราวนี้แหล่ะ ถึงบางอ้อ อ๋อ มิน่าล่ะ ถึงมีเสียงตอนนั่งสมาธิ ผมก็อ่านต่อไปเรื่อยๆ หูก็คอยฟังเสียงเป๊ะ เป๊ะ แป๊ะ แป๊ะ เอ้อ ไม่น่าเชื่อเสียงดังเป๊ะ เป๊ะ เงียบ ไม่มีเสียงแล้ว ....555 ตอนนั้นก็ได้คิดว่า เขาอยากให้เราทำบุญด้วยมั๊งในวันที่เราพักที่เขื่อนเจ้าเณร สงสัยคงมาสื่อให้เรารู้

ตอนไปพักที่เขื่อนเจ้าเณร ตอนเช้าทั้งสองวันผมก็ตื่นไปตลาดเอราวัณ ไปซื้อกับข้าวรอใส่บาตรพระที่มาจากวัดเจ้าเณรใกล้ๆตลาดเอราวัณนั่นเองครับ

หลังจากกลับจากเขื่อนศรีนครินทร์ ผมก็พยายามสังเกตุดูว่า มันจะยังมีเสียงดังตอนนั่งสมาธิอีกไหม ถ้ามีอีกแสดงว่า สิ่งที่เจอมาก่อนหน้านี้เป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อ มโนไปเองอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรอีกเลยครับ จนกระทั่งถึงวันนี้ วันที่ 28 มีนาคม 2568 ก็ไม่มีเสียงอะไรแบบที่ผ่านมา ผมเจอไปสองครั้ง พอจะนั่งสมาธิก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า จะมีเสียงอะไรอีกป่าวเนี่ย จะต้องให้ผมทำอะไรอีกป่าวว้า ภานวาว่า อย่ามีเลย อย่ามีเลย อะไรทำนองนี้ครับ

 

ประสบการณ์แปลกๆ (อีกแล้ว) กับหนังสือ 100 ชื่อลือนาม สงครามไทย-พม่า



คืนวันที่ 29 ธันวาคม 2567 ก่อนที่จะเดินทางไปพักผ่อนที่ เขื่อนศรีนครินทร์ กาญจนบุรี

เหตุการณ์นี้เหมือนกับตอนที่ผมเจอหนังสือหลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง ครับ เหมือนกันมากจนงง ช่วงดึกๆประมาณเที่ยงคืนผมปิดไฟนั่งสมาธิในห้องพระ พอนั่งไปสักพัก มาอีกแล้ว เสียงเป๊ะ เป๊ะ แป๊ะ ในใจก็นึกว่าอะไรอีกวะเนี่ย มีอะไรให้ค้นหาอีกเหรอ ก็เพิ่งผ่านไป 3 อาทิตย์เอง เหมือนเดิมอีกแล้ว คราวนี้ก็รู้งาน ก็ทำเหมือนเดิมคือดูว่ามันมีน้ำแอร์รั่วตรงไหน ค้นอย่างละเอียดก็ไม่เจอ ก็มาค้นหนังสือที่ชั้นวางอีก แต่คราวนี้ค้นนานกว่ารอบที่แล้วครับ เพราะไม่มีเหตุอะไร นอกเสียจากว่า วันพรุ่งนี้30 ธันวาคม ผมจะเดินทางไป กาญจนบุรี มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ผมก็ลองค้นดูหนังสือเหมือนเดิม ก็มาเจอหนังสือเล่มนี้ ตามรูปด้านบนครับ ซึ่งผมซื้อไว้นานมากแล้วน่าจะสิบปีเศษๆ ตอนที่เจอหนังสือเล่มนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่ครั้งนี้จะเกี่ยวกับหนังสือเล่มนีัหรือไม่ ด้วยความที่ชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เป็นทุนเดิม ผมก็เปิดอ่านไล่อ่านไปทีละชื่อของบุคคลสำคัญ ที่จริงก็เคยอ่านแล้ว มารอบนี้ก็เปิดอ่านไปเรื่อยๆ จนเปิดไปเจอหนัา ของขุนเณร คราวนี้แหล่ะ ถึงบางอ้อ อ๋อ มิน่าล่ะ ถึงมีเสียงตอนนั่งสมาธิ ผมก็อ่านต่อไปเรื่อยๆ หูก็คอยฟังเสียงเป๊ะ เป๊ะ แป๊ะ แป๊ะ เอ้อ ไม่น่าเชื่อเสียงดังเป๊ะ เป๊ะ เงียบ ไม่มีเสียงแล้ว ....555 ตอนนั้นก็ได้คิดว่า เขาอยากให้เราทำบุญด้วยมั๊งในวันที่เราพักที่เขื่อนเจ้าเณร สงสัยคงมาสื่อให้เรารู้

ตอนไปพักที่เขื่อนเจ้าเณร ตอนเช้าทั้งสองวันผมก็ตื่นไปตลาดเอราวัณ ไปซื้อกับข้าวรอใส่บาตรพระที่มาจากวัดเจ้าเณรใกล้ๆตลาดเอราวัณนั่นเองครับ

หลังจากกลับจากเขื่อนศรีนครินทร์ ผมก็พยายามสังเกตุดูว่า มันจะยังมีเสียงดังตอนนั่งสมาธิอีกไหม ถ้ามีอีกแสดงว่า สิ่งที่เจอมาก่อนหน้านี้เป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อ มโนไปเองอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรอีกเลยครับ จนกระทั่งถึงวันนี้ วันที่ 28 มีนาคม 2568 ก็ไม่มีเสียงอะไรแบบที่ผ่านมา ผมเจอไปสองครั้ง พอจะนั่งสมาธิก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า จะมีเสียงอะไรอีกป่าวเนี่ย จะต้องให้ผมทำอะไรอีกป่าวว้า ภานวาว่า อย่ามีเลย อย่ามีเลย อะไรทำนองนี้ครับ