พระยอดธงหลวงพ่อหวล วัดพุทธไทสวรรค์ จ.อยุธยา หลวงพ่อปลุกเสกเดี่ยว ปี พ.ศ.2557 บูชาองค์ละ 99 บาท

ศึกษาประวัติได้คะ วัตถุมงคลของท่านนั้นมีไม่กี่รุ่นที่ทำขึ้นมา ไว้จะเอาลงให้ได้ชมได้ศึกษาแบ่งปันความรู้กัน คอยติดตามกันนะคะ

 

กระทั่งตอนที่หลวงปู่เกตุได้รับการอาราธนาไปเป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะแก้วหลังจากที่หลวงพ่อแจงมรณภาพแล้วนั้น หลวงปู่เกตุก็ได้นำลูกศิษย์ติดตัวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียว นั่นคือเด็กชายดำ ระหว่างนั้นเองที่หลวงปู่เกตุจึงได้สอนมนต์คาถาต่างๆและกัมมัฏฐานให้เด็กชายดำอย่างเป็นทางการ เพื่อจะได้มาเป็นลูกมือช่วยในการทำวัตถุมงคล โดยอาศัยหลักคิดที่ว่าเด็กๆยังมีจิตใจบริสุทธิ์สะอาด ไม่มีเรื่องกิเลสตัณหามากอย่างผู้ใหญ่ จึงทำให้จดจำและเข้าถึงสมาธิได้อย่างรวดเร็ว ท่านจึงให้เด็กชายดำยกครูและให้เด็กชายดำเตรียมใบมะตูมมา ๗ ใบห่อเกลือ ๗ เม็ด จากนั้นหลวงปู่เกตุจึงเสกด้วยคาถา “ นะอุปุทะลุปัญญา สัพพะพุทธา.......” เมื่อเสกเสร็จแล้วก็ให้หลวงปู่ดำกินเข้าไป แล้วท่านก็ว่า “ กินแล้วมึงจะได้จำคาถาอาคมได้มากกว่าใคร ” ซึ่งต่อมาก็ดูจะเป็นจริงตามคำของหลวงปู่เกตุ เพราะหลวงปู่ดำสามารถจดจำพุทธาคมและเข้าถึงกัมมัฏฐานที่หลวงปู่เกตุสอนให้ได้อย่างรวดเร็วเกินเด็กทั่วไป และยังไม่มีศิษย์ของหลวงปู่เกตุผู้ใดได้กินใบมะตูมเสกแบบนี้สักคน จึงนับว่าหลวงปู่ดำท่านเป็นศิษย์ที่พิเศษสุดเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

หลังจากนั้นหลายปี หลวงปู่เกตุเกิดมีปัญหากับกรรมการวัดเกาะแก้ว ท่านจึงพาหลวงปู่ดำย้ายกลับมาอยู่ที่วัดเกตุวนารามตามเดิม แล้วก็ทำการบรรพชาให้เด็กชายดำเป็นสามเณรดำ และให้อยู่ศึกษาต่อกับท่านสักระยะหนึ่ง จนเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องส่งสามเณรดำไปเรียนนักธรรมและบาลีแล้ว ท่านจึงนำสามเณรดำไปฝากไว้ที่วัดสระแก้วปทุมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ระหว่างนั้นสามเณรดำก็ต้องเดินทางไปๆมาๆเพราะต้องคอยกลับมาช่วยหลวงปู่เกตุในการทำวัตถุมงคลตลอดเวลาโดยเฉพาะการทำปลัดขิกและตะกรุดมหากระดอน อีกทั้งเวลาที่หลวงปู่เกตุจะเดินทางไปต่อวิชาจากครูบาอาจารย์ต่างๆท่านก็จะตามสามเณรดำไปอุปัฏฐากท่านด้วยตลอด ทำให้สามเณรดำได้ยินได้ฟังวิชาไปพร้อมๆกับหลวงปู่เสมอ ต่อมาสามเณรดำได้อุปสมบทที่วัดสระแก้วประทุมทอง โดยมี พระครูศีลสารสัมบัน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์บุญเรือง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดบัว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อบวชเป็นพระแล้วพระอาจารย์ดำก็ยังไปๆมาๆดูแลและช่วยทำวัตถุมงคลให้หลวงปู่เกตุอยู่เช่นเดิมกระทั่งภายหลังพระอาจารย์ดำได้มาเรียนอภิธรรมและวิปัสสนาชั้นสูงต่อที่วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ หลวงปู่เกตุจึงได้ฝึกศิษย์รุ่นใหม่ช่วยทำแทน ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวกันว่าวัตถุมงคลของหลวงปู่เกตุปลุกเสกแทบทั้งหมดในช่วงเวลานั้นล้วนมาจากการลงของพระอาจารย์ดำซึ่งต่อมาก็คือหลวงปู่ดำ กตนาโถ ซึ่งเป็นทั้งศิษย์เอกและบุตรบุญธรรมที่เลี้ยงมากับมือของหลวงปู่เกตุ หลวงปู่เกตุท่านจึงไว้ใจ ถ่ายทอดวิชาให้แบบจัดเต็มครบถ้วนโดยไม่ปิดบังบางส่วนเอาไว้เหมือนตอนถ่ายทอดให้ศิษย์อื่นๆ และนอกจากหลวงปู่ดำสำเร็จวิชามหากระดอนแบบเต็มๆแล้ว ท่านยังเป็นลูกรักที่สามารถเชิญหลวงปู่เกตุลงประสิทธิวัตถุมงคลได้ทุกครั้ง ทำให้วัตถุมงคลของท่านเข้มขลังดุจเดียวกับวัตถุมงคลที่หลวงปู่เกตุเสกเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งไม่มีใครทำอย่างหลวงปู่ดำได้

ดังนั้นวิชามหากระดอนของหลวงปู่ดำจึงเป็นที่สุดแห่งวิชามหากระดอนแท้ๆหนึ่งเดียวในยุคปัจจุบัน

 

มีวัตถุมงคล หลวงปู่ดำ วัดหนองแฝก เช่นปลัดขิก ตะกรุดมหากระดานให้บูชามั้ยครับ

 

ปลัดขิกมหากระดอน บูชาตัวละ 399 บาท

 

รบกวนสอบถามยังมีให้บูชาไหมครับ ?
- เสือเขาควายเผือกแกะ รุ่นแรก สร้าง 108 ตัว ปี 58
- เสือพยัคฆ์รัตนมาลา เนื้อชนวนตะกรุดเก้าปล้อง สร้าง 500 ตัว บูชาตัวละ 499 บาท
ขอบคุณครับ.

 

มีคะ แจ้งรายละเอียดทางข้อความนะคะ

 

หลวงปู่ดำอยู่กับหลวงปู่เกตุมาตั้งแต่เป็นเด็ก มาอยู่เป็นเด็กวัดอยู่อุปัฏฐากอย่างใกล้ชิดกับหลวงปู่เกตุ และศึกษาเล่าเรียนหนังสืออยู่ที่วัดเกตุวนาราม ต.กกแรด อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย พออายุได้ ๑๐ จึงได้บวชเป็นเณร คอยเรียนวิชากับหลวงปู่เกตุเรื่อยมา วัตถุมงคลที่โด่งดังของหลวงปู่เกตุก็ได้แก่ตะกรุดมหากระดอนและปลัดขิก หลวงปู่เกตุท่านได้ไว้ใจให้หลวงพ่อดำเป็นคนช่วยเขียนและม้วนตะกรุดมหากระดอนให้ ซึ่งตอนนั้นหลวงพ่อดำก็ได้รับวิชาไปโดยปริยาย และนอกจากนี้หลวงพ่อดำยังได้ติดตามหลวงปู่เกตุไปเรียนวิชากับหลวงพ่อแจง วัดแกะแก้ว และหลวงพ่อฝ้าย รวมถึงหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ครั้งหนึ่งหลวงปู่เกตุได้พาหลวงพ่อดำติดตามไปที่วัดหนองโพ โดยให้หลวงพ่อดำเป็นคนสะพายย่ามให้ นั่นแสดงถึงความไว้วางใจ ด้วยความสงสัยหลวงพ่อดำจึงถามหลวงปู่เกตุว่าจะไปทำอะไร หลวงปู่เกตุตอบว่าจะพาไปดูช้างห้างด้วน และการไปดูช้างหางด้วนครั้งนี้นี่เองทำให้หลวงพ่อดำได้เรียนวิชาการทำมีดหมอของหลวงพ่อเดิมมาด้วย
หลวงปู่เกตุได้ให้คาถาบทหนึ่งแก่หลวงพ่อดำ หลวงปู่เกตุท่านสั่งให้หลวงพ่อดำไปเอาใบมะตูมมา ๗ ใบ เกลือ ๗ เม็ด จากนั้นท่านให้หลวงพ่อดำห่อเกลือห่อเกลือ แล้วท่องคาถาว่า
นะอุปุทะลุปัญญาสัพพพุทธา.......กินเข้าไปมึงจะได้มีปัญญาดี และเป็นคาถาที่หลวงพ่อดำใช้มาโดยตลอด

 

ในทัศนะของผู้เขียนคิดว่าปลัดขิกมหากระดอนนี้ เป็นปลัดขิกที่ครบเครื่องจริงๆเพราะบรรจุวิชาและเคล็ดต่างๆไว้อย่างมากมาย เป็นลำดับดังนี้
๑.ส่วนหัวปิดด้วยปลอกลูกปืนที่เสกด้านมหาอุด อาศัยเคล็ดที่ว่าหัวลูกปืนไม่เคยพุ่งกลับเข้าหาปลอก มีความหมายคือ ลูกปืนจะไม่วิ่งมาทางผู้ที่มีปลัดขิกนี้
๒.ตัวปลัดขิกทำจากไม้กันเกรา และ ยังลงอักขระหัวใจโจร กันหะ เนหะ เท่ากับมีคำว่า “กัน” ถึงสองกัน (มหากัน กัน) เป็นเคล็ดที่เชื่อว่าสามารถป้องกันอันตราย คุณไสย์ ภูตผี ปีศาจ เพทภัยและอัปมงคลต่างๆได้
๓.ถ้ามีเหตุอันสุดวิสัยเกินกว่าอานุภาพของวิชาตามเคล็ดข้อ ๑.และ ๒.จะรับไหวแล้ว ตะกรุดมหากระดอนที่อยู่ภายในตัวปลัดขิกก็จะแสดงอานุภาพในทางสะท้อนกลับไปสู่ผู้ที่คิดร้ายกับเรา

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใช่ว่าอานุภาพของปลัดขิกมหากระดอนจะเป็นไปตามแต่เคล็ดต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้น เพราะหลวงปู่ดำท่านต้องปลุกเสกตัวปลัดตามวิชาการทำปลัดขิกที่มีมนต์คาถาซึ่งมีอานุภาพสารพัดทางตามใบฝอยที่ท่านให้มากับปลัดขิกดังนี้

 

มีคะ ปลัดขิดมหากระดอน 400 บาท ตะกรุดมหากระดอนขอเช็คราคาแล้วจะนำมาแจ้งให้ทราบอีกทีนะคะ

 

ปลัดขิกมหากระดอนหลวงปู่ดำ ในหัวปลักฝังตะกรุดมหากระดอนจิ๋วและปิดด้วยปลอกลูกปืน

 

ตอนที่ ๓
จากวิชามหากระดอนของหลวงปู่เกตุที่ ปืน ๗ กระบอกระดมยิงไม่ออกสู่ปลัดขิกมหากระดอนของหลวงปู่ดำผู้เป็นบุตรบุญธรรม
วิชามหากระดอนหรือมหาสะท้อนในทางไสยศาสตร์ไทยภาคกลางนั้นมีความหมายเดียวกัน ส่วนไสยศาสตร์ไทยล้านนาเรียกวิชานี้ว่า ก่าสะต้อน หรือแปลได้ว่า กันสะท้อน นั่นเอง ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นวิชาทำนองเดียวกัน เพียงแต่นำมาลงในวัสดุรูปแบบต่างๆกันไปในแต่ละสำนัก พุทธคุณล้วนเป็นไปในแนว คุ้มครองป้องกัน ศาสตราวุธ คุณไสย และโรคภัยต่างๆ มีอานุภาพในการสะท้อนกลับ ไม่ว่าใครทำดีทำชั่วกับผู้ใช้ตะกรุด ผลดีผลชั่วนั้นจะย้อนคืนไปยังผู้ทำเป็นร้อยเท่าพันทวี พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าๆล้วนแล้วแต่มีวิชาเหล่านี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น

 

-สายหลวงเงิน วัดบางคลาน ที่ถ่ายทอดสู่หลวงปู่แจง วัดเกาะแก้ว จ.พิษณุโลก สายนี้ใช้ไม้รอดถานพระ (ไม้รอดส้วมที่รื้อจากกุฏิพระโบราณ, ไม้ด้ามตาลปัตร และไม้กระท้อน) ท่านจะหาฤกษ์ แล้วนำไม้ทั้งสามชนิดไปกลึง ให้เป็นรูปลักษณะคล้ายๆ ลูกสะกด ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร แล้วจารอักขระพร้อมปลุกเสกกำกับ ตะกรุดมหากระดอนของหลวงพ่อแจงนี้ พบน้อยกว่าตะกรุดทุกชนิดของท่าน แต่กลับมีประสบการณ์เหนือกว่าตะกรุดชนิดอื่น

 

-สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่ถ่ายทอดสู่หลวงปู่เกตุ วัดศรีเมือง จ.สุโขทัย หรือ หลวงปู่พุฒ วัดเขาไม้แดง จ.ชลบุรี หรือ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ สายนี้จะลงบนแผ่นโลหะ โดยมากจะเป็นตะกั่ว หรือบางทีก็ใช้เสกลงในพระเครื่อง อย่างพระเนื้อผง ของหลวงปู่พุฒ วัดเขาไม้แดง ที่เกิดประสบการณ์คนถูกไล่ยิงแต่ไม่โดนสักนัด ส่วนคนไล่ยิงกลับโดนกระสุนของตัวเองที่ไปกระทบของแข็งกระดอนกลับมาเข้าทะลุสมองตายคาที่แถวอ่างเก็บน้ำบางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หรือบางทีท่านก็นำวิชานี้ไปทำเป็นลูกสะกดอย่างของหลวงปู่รุ่ง วัดท่ากระบือ ซึ่งใช้ไม้กระท้อนมาเหลา ปัจจุบันวิชาตกทอดสู่หลวงปู่ทอง วัดดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และท่านได้นำมาทำออกให้บูชาในช่วงที่ผ่านมา ท่านเสกจนดาวขึ้นเต็มท้องฟ้าและเกิดประสบการณ์มากมายทำให้ของหมดลงในพริบตา

 

-สายหลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล จ.นครสวรรค์ ถ่ายทอดผ่านหลวงพ่อเดิมสู่หลวงพ่อกัน ซึ่งเรื่องนี้เองผู้เขียนได้เคยคุยกับหลานชายหลวงพ่อเดิม แกเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลวงพ่อประเทือง วัดหนองโพ แกเล่าให้ฟังว่า แกเคยเอารูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเดิมพิมพ์คอตึง ที่ท่านลงวิชานี้ไว้มาลองยิง โดยนำไปแขวนไว้กับต้นไม้ ปรากฏว่ายิงนัดแรกไม่ถูก ยิงนัดสองก็ไม่ถูกอีก พอยิงนัดที่สามปรากฏว่ากระสุนกระดอนกลับมาเข้าปากแก ทำให้ฟันหน้าหักไปสองซีก แล้วกระสุนก็วิ่งเข้าไปตุงอยู่ในคอ ดีแต่ว่าไม่เข้าทะลุลำคอ ส่งผลให้ฟันแกหลอมาถึงปัจจุบัน แกบอกว่าทีนี้เข็ดเลย แถมยังเตือนทุกคนให้เลิกลองของได้แล้ว ไม่อย่างนั้นอาจจะเจอดีอย่างแกก็ได้ ถ้าเกิดว่าหลวงพ่อ หลวงปู่ผู้เป็นเจ้าของวัตถุมงคลนั้นลงวิชามหากระดอนนี้ไว้

 

จอง 1 ตัวครับ

 

รับทราบจ้า

 

ถ้าเกิดว่าหลวงพ่อ หลวงปู่ผู้เป็นเจ้าของวัตถุมงคลนั้นลงวิชามหากระดอนนี้ไว้
-สายสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ที่ถ่ายทอดผ่านพ่อเนียม วัดน้อย จ.สุพรรณบุรี สู่ลูกศิษย์องค์สำคัญๆ ไม่ว่าหลวงพ่อปานวัดบางนมโค ที่ถ่ายทอดสู่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำและหลวงปู่เลี่ยม วัดทรงกระเทียม หรือถ่ายทอดให้หลวงพ่ออ่ำ วัดชีปะขาวผู้เป็นหลานชาย(อาวุโสกว่าหลวงพ่อปานมาก) ที่ถ่ายทอดผ่านปู่หลวงพ่อทองเหมาะแล้วถ่ายทอดสู่หลวงพ่อทองเหมาะในยุคปัจจุบัน วิชานี้หลวงพ่อปานได้นำหัวใจใส่ไว้ในยันต์ประจำตัวด้วย แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ พระเกจิอาจารย์ยุคใหม่ๆที่อ้างตัวเป็นลูกศิษย์หลานศิษย์ที่ออกมาคุยโวนั้นหารู้ไม่ วิชานี้ในสายหลวงพ่อเนียมกับสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่านั้นมีหัวใจแบบเดียวกัน ไม่รู้ว่ามีการสืบทอดหรือการแลกเปลี่ยนวิชากันอย่างไร แต่เนื่องจากเป็นวิชาที่มีอันตรายสูงกับผู้ที่คิดร้ายเพียงน้อยนิด พระเกจิอาจารย์ท่านจึงระมัดระวังเป็นอย่างมากที่จะถ่ายทอดสู่ลูกศิษย์รุ่นถัดไป ทำให้ผู้ที่ได้รับการสืบทอดในวิชาเหล่านี้และทำได้จริงแทบหาไม่เจอ เท่าที่พบและยืนยันได้ ณ ตอนนี้ คือหลวงพ่อทองเหมาะ ธมฺมทีโป วัดชีปะขาว พระเกจิอาจารย์ของจริงสายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย จ.สุพรรณบุรี และ หลวงปู่ดำ กตนาโถ แห่ง วัดหนองแฝก ลูกบุญธรรมหลวงปู่เกตุ วัดศรีเมือง พระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เพียงสองรูปเท่านั้น

 

ซึ่งวิชามหากระดอนในสายหลวงพ่อเนียมวัดน้อยก็ใช่ย่อย เพราะมีตัวอย่างประสบการณ์ที่มีผู้บันทึกไว้ผู้เขียนคัดลอกมาให้ท่านได้อ่านกันดังนี้
วันนั้นผมได้รับการชักชวนแกมบังคับจากพรรคพวกกันให้ไปเป็นเพื่อน เนื่องจากพวกเพื่อนๆของผมเชื่อว่า อาจารย์สักท่านนั้นมีวิชามหาเสน่ห์จริง ก็เลยอยากจะได้ของแรงๆกับเขาบ้าง ส่วนผมคนเรียนอาคมมาดูทีเดียวก็รู้แล้วว่าอาจารย์นี้มันขี้โม้ แต่ไม่อยากขัดคอเพื่อนและก็เสียไม่ได้ที่มันมาลากผมไป ก็เลยยอมไปด้วย แต่ในใจก็คิดว่าดีเหมือนกันที่จะมีโอกาสได้ดูลีลาของอาจารย์พวกนี้ว่ามีกลเม็ดในการหากินอย่างไร พอไปถึงก็นั่งดูอาจารย์แสดงไปเรื่อยๆ สังเกตว่าน้ำมันที่ใช้สักนั้นไม่ธรรมดา เพราะพอสักเสร็จผมเห็นว่าสีหน้าคนที่ไปรับการสักดูหมองๆไปหรืออาจจะเป็นเพราะว่าเจ็บ แต่ยังไม่ทันได้สรุปอะไร ก็ถึงคิวเพื่อนผมพอดี พออาจารย์เริ่มลงเข็มสักอีเป๋อที่หน้าขาเพื่อนผมสองสามฉึกเท่านั้น อาจารย์แกร้องโอ๊ย!!!..และเอามือลูบหน้าขาแกใหญ่ ผมเองดูอยู่เพลินๆก็พลันตกใจไปด้วย จากนั้นแกก็ถามเพื่อนผมว่าคุณมีของอะไร เพื่อนผมก็ตอบว่ามีตะกรุดนี่เพียงดอกเดียว ว่าแล้วอาจารย์แกก็ชี้หน้าขาของเพื่อนผมให้เพื่อนผมดูว่าแกแทงเข็มสักให้ไม่เข้า ตะกรุดของเพื่อนผมนี่เหนียวจริงๆ ผมหันไปดูในขณะเดียวกับที่อาจารย์เอากระดาษทิชชู่เช็ดหมึกสักออก ก็ตกใจตามแกว่าเหมือนกัน มันไม่เข้าจริงๆเป็นจ้ำแดงๆเท่านั้น

 

ส่วนเพื่อนผมอีกคนเลยถามว่าแล้วอาจารย์ร้องทำไม อาจารย์แกบอกว่ามันมาเจ็บที่ขาผมมาก แบบเจ็บจี๊ดสะดุ้งเลย แกบอกนี่วิชาอะไรวะ ไม่เคยเจอ ทันใดนั้นผมก็ประติดประต่อเรื่องราวได้ทันที จึงยิงคำถามออกไปหาอาจารย์สักว่าแกใส่ของผีไว้ในน้ำมันใช่หรือไม่ อาจารย์แกหันขวับมาจ้องตาผมทันที ถามว่าคุณรู้ได้อย่างไร ผมตอบแกไปว่าผมเดาเอา แกจึงยอมรับว่าใช่ เพราะใส่แล้วของจะแรงแต่จริงๆผมว่าแกไม่สุจริตใจ แกคิดผูกลูกศิษย์ให้ติดแกมากกว่า โดยใช้ผีที่แกเซ่นประจำเป็นสื่อบังคับให้ลูกศิษย์เอาตังมาให้แกบ่อยๆ ภายหลังผมได้ข้อมูลมาว่ามีลูกศิษย์ผู้หญิงที่ไปสักเสน่ห์ตกเป็นนางทาสบำเรอกามารมณ์แกมากมายเพราะไอ้น้ำมันผีนี่เอง สรุปว่าวันนั้นแกเจ็บขามากจนสักไม่ได้เลยขอให้เพื่อนผมกลับก่อนแล้วค่อยมาสักใหม่วันหลัง แต่ก่อนกลับแกถามว่าเป็นตะกรุดอะไรของใครที่ไหน เพื่อนผมก็เลยบอกไปว่าเป็นของหลวงพ่อทองเหมาะ วัดชีปะขาว อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี อาจารย์แกกัดฟันบอกขอบใจ พวกผมเดากันว่าเดี๋ยวแกต้องไปหาหลวงพ่อทองเหมาะ ซึ่งต่อมาก็ปรากฏว่าจริงตามนั้น อาจารย์คนนี้ไปหาหลวงพ่อฯเพื่อจะให้แก้ของผีที่เคยแต่สักใส่คนอื่นแต่ขณะนี้ได้กระดอนเข้าตัวและแก้ไม่ได้ ปรากฏว่าผีนั้นได้กินตัวแกอย่างแรงเป็นร้อยเท่าพันทวี อาจารย์ผู้นี้เจ็บขาจนเดินไม่ได้ต้องให้คนหามไปสารภาพบาปกับหลวงพ่อฯ หลวงพ่อฯจึงให้สาบานว่าจะเลิกทำแบบนี้ต่อไปก่อน จึงจะถอนให้ อาจารย์ขี้โม้นี้ยอมสาบานแต่โดยดี หลวงพ่อฯจึงสงเคราะห์ให้ปรากฏว่าลุกเดินปร๋อกลับบ้านได้เองและปัจจุบันได้ปิดสำนักไปทำมาหากินอย่างอื่นเรียบร้อยแล้ว