พระยอดธงหลวงพ่อหวล วัดพุทธไทสวรรค์ จ.อยุธยา หลวงพ่อปลุกเสกเดี่ยว ปี พ.ศ.2557 บูชาองค์ละ 99 บาท

วัดตะพาน อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาทไว้ และหลวงพ่อสำเภาก็ได้ประกาศความเข้มขลังให้ญาติโยมประจักษ์มาตลอด
หลวงพ่อสำเภาเกิดประมาณปี พ.ศ.๒๔๒๐ ท่านมีภูมิลำเนาถิ่นฐานบ้านเกิดอยู่บ้านปากแพรก เมืองกรุงเก่า อยุธยา ในสมัยหนุ่มนั้นท่านได้ขึ้นชื่อว่า เป็นเสือปล้นที่น่ากลัวคนหนึ่งในยุคนั้นเลยทีเดียว ท่านมีชุมโจรของท่านเองอยู่แถบอำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนอายุได้ ๓๐กว่าๆ พ่อกับแม่ต้องขอร้องให้เลิกเป็นโจรและให้ไปอยู่ที่อื่น เพราะทางการกำลังตามตัวท่านอยู่ ท่านจึงหนีมาอยู่ที่เมืองลพบุรี และได้แต่งงานมีครอบครัว จึงเลิกเป็นโจร หันมาประกอบสัมมาชีพโดยปกติสุข จนวันหนึ่งได้เห็นพระบิณฑบาตในตอนเช้า ท่านจึงนึกขึ้นมาว่า ตัวเราที่ผ่านมาก็ทำแต่กรรมชั่วไว้ มิเคยได้บวชเรียนให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ เมื่อปรึกษาภรรยาแล้วจึงตัดสินใจบวช ที่วัดบ้านดาบ โดยมีหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์แช่ม วัดบ้านดาบ (หลวงพ่อแช่มท่านนี้เป็นเกจิยุคเก่าที่ขึ้นชื่อมากของเมืองลพบุรี แถมยังเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) หลังจากบวชแล้วก็ศึกษาพระธรรมวินัยและวิชาต่างๆจากหลวงพ่อแช่ม วัดบ้านดาบ

 

ขณะเดียวกันวัดสะพานที่เมืองชัยนาท หลวงพ่อคง(วัดบางกะพี้) ซึ่งว่ากันว่าท่านเป็นพระอาจารย์องค์หนึ่งของทั้งหลวงปู่ศุขและหลวงพ่อแช่ม ได้เล่าให้พระอาจารย์ทั้งสองท่านฟังเรื่องวัดสะพานจะกลายเป็นวัดร้างเพราะหลวงปู่เล็ก เจ้าอาวาสในขณะนั้นได้มรณภาพ (หลวงปู่เล็กท่านนี้เก่งมากเรื่องราวของท่านเล่ากัน๓วันก็ไม่จบ) หลวงพ่อคงซึ่งเป็นเจ้าคณะแขวงท่านเสียดายกลัวว่าชาวบ้านจะรุกที่วัดจนวัดหายไปในที่สุด ท่านจึงอยากได้พระดีๆมาเป็นเจ้าอาวาสแทน หลวงพ่อแช่มได้ยินดังนั้นจึงกลับไปถามหลวงพ่อสำเภาว่า "อยากมาจำวัดอยู่ที่เมืองชัยนาทไหม?" หลวงพ่อสำเภา เห็นเป็นโอกาสดีที่จะได้ตัดห่างทางครอบครัวไม่ให้เกิดห่วงใดๆจึงตอบตกลงที่จะมาจำพรรษาที่วัดสะพานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

เมื่อหลวงพ่อสำเภามาถึงวัดสะพานในขณะนั้นอาณาบริเวณภายในวัดยังเป็นป่ารกอยู่มาก หลวงพ่อสำเภาจึงได้ขอแรงญาติโยมจำนวนหนึ่งที่ได้ติดตามหลวงพ่อมาตั้งรกรากหลายครอบครัว ให้ช่วยกันแผ้วถางป่า และซ่อมแซมศาสนสถานที่เสื่อมโทรมให้พอใช้การได้ จากนั้นค่อยๆพัฒนาวัดขึ้นตามกำลังไปทีละเล็กละน้อย เวลาว่างหลวงพ่อก็ได้ไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า (จะเห็นได้จากรูปที่ทั้งสองท่านยืนเคียงคู่กันในงานฌาปนกิจศพ หลวงพ่อคง วัดบางกะพี้ ประมาณปี พ.ศ.๒๔๕๖)...มากไปกว่านั้นยังมีผู้กล่าวว่า หลวงพ่อสำเภาท่านมีวิชามากมาย อาทิวิชา ๗ ตัน วิชาเต่าเรือน วิชาควายธนู วิชารักษาโรคทั้งคนและสัตว์แถมยังได้ลายแทงของอาจารย์คง ผู้เป็นอาจารย์ของขุนแผน ให้ไปเอาตำราอยู่ในโพรงต้นไม้ในป่า

 

ภายในเวลาเพียงไม่นาน จากวัดที่ใกล้ทรุดโทรมก็กลายเป็นวัดเจริญขึ้นมาอย่างมาก ทั้งศาลาการเปรียญหลังใหญ่,หอระฆัง,โบสถ์ จนถึงกับมีการสร้างโรงเรียนประถมขึ้นมาในนามว่า "โรงเรียน สำเภาผดุงวิทย์" มีเด็กมาเรียนหลายร้อยคนถือว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองสุดขีดก็ว่าได้ มีผู้คนมาร่วมทำบุญกับหลวงพ่อมากมายในยุคนั้น ว่ากันว่า ท่านมีวิชารักษาคนบ้า คนวิกลจริต ให้หายเป็นปกติ ในแต่ละวันจะมีแต่ชาวบ้านพาญาติพี่น้อง ที่เป็นบ้า เสียสติ เพราะเหตุใดก็แล้วแต่ มาเพื่อขอให้หลวงพ่อช่วยรักษาให้เต็มลานวัดและไม่มีรายใดผิดหวังเลย โดยหายกลับเป็นคนปกติภายในสามวันเท่านั้น เรื่องนี้ยิ่งทำให้ชื่อเสียงหลวงพ่อดังออกไปอีก ผู้คนแห่แหนมาจากทั่วสารทิศ เพื่อมาขอบารมีหลวงพ่อให้ช่วยเหลือในทุกๆเรื่อง..

 

เมื่อท่านเป็นพระที่ดี ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากทุกคน ทำให้ชาวบ้านเกิดศรัทธา และได้ขอสมณศักดิ์ให้ท่านที่ "พระครูพิศาลชโยดม" อันเป็นสมณศักดิ์สูงสุด ของท่านสร้างความปราบปลื้มใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก...แต่สุดท้ายแล้วของชีวิตไม่ว่าผู้ใดก็ตามต่างก็ต้องมีปลายทางสุดท้ายของชีวิตเหมือนกันทั้งนั้น หลวงพ่อได้มรณภาพลง ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ สิริอายุรวม ๘๘ ปีพอดี ยังความเศร้าโศกเสียใจมายังผู้ที่รักและศรัทธาหลวงพ่ออย่างมากมาย
เกี่ยวกับวิชาพญาเต่าเรือนที่หลวงปู่นาค วัดดอนเสือ ได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อสำเภานั้น มีมูลเหตุมาจากลูกสาวเจ้าของโรงสีใหญ่ที่ตกเป็นภรรยาน้อยนายอำเภอ แต่เกิดมีปากเสียงกันจนนายอำเภอทอดทิ้งไม่มาหา ไม่มาอยู่ด้วย เหมือนเมื่อครั้งได้กันใหม่ๆ ทำให้ลูกสาวเจ้าของโรงสีถึงกลับกินไม่ได้นอนไม่หลับวิ่งโร่มาหาหลวงปู่นาคให้ช่วย แต่หลวงปู่นาคในขณะนั้นไม่มีวิชาทำนองนี้ เลยพาลูกสาวเจ้าของโรงสีไปหาหลวงพ่อสำเภา ที่วัดสะพาน ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก เมื่อหลวงพ่อสำเภาเห็นหลวงพ่อนาคพาโยมมาขอความช่วยเหลือ ก็เลยให้โยมไปหาแผ่นทองคำขนาดเล็กมาแล้วนำวิชาพญาเต่าเรือนมาลงเป็นตะกรุดให้ จากนั้นก็ให้โยมเอาไปใส่ในขวดน้ำหอม ที่ใช้ประพรหมเป็นประจำ พร้อมทั้งสอนเคล็ดการใช้ต่างๆให้ไป ปรากฏว่าภายในเวลาสามวัน นายอำเภอผู้เป็นสามีของลูกสาวเจ้าของโรงสีก็กลับมาหวานชื่นเหมือนเดิม เรื่องนี้อยู่ในสายตาของหลวงปู่นาคมาตลอดว่าวิชาของหลวงพ่อสำเภานี้แน่จริง หลวงปู่นาคจึงไปขอเรียนวิชากับท่านตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยวิชาแรกที่หลวงปู่นาคขอเรียนจากหลวงพ่อสำเภาก็คือวิชาพญาเต่าเรือนนี่เอง

 

เมื่อหลวงปู่นาคได้เรียนวิชานี้สำเร็จแล้ว หลวงพ่อสำเภาก็ได้มอบตะกรุดพญาเต่าเรือนให้ดอกหนึ่ง พร้อมกำชับว่าไม่ต้องไปเรียนวิชาอะไรที่ไหนให้มากหรอก วิชาพญาเต่าเรือนนี้เพียงวิชาเดียว ก็สร้างวัดดอนเสือได้แล้ว พอหลวงพ่อนาคฟังหลวงพ่อสำเภาพูดจบ ก็รับตะกรุดจากมือท่านแล้วก็กราบลาท่านกลับวัดดอนเสือ และเริ่มใช้วิชาพญาเต่าเรือนของหลวงพ่อสำเภานี้ตลอดมา โดยหลวงปูนาคใช้ภาวนาตลอดเวลา และใช้เป็นคาถาหลักในการปลุกเสกวัตถุมงคลทุกอย่าง

 

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/ylp7oACvNYgSvrjL" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/9cc/qaha1r.jpg" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/ylp7oeDPwi4yJ9Zg" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/d0d/fUkYfn.jpg" /></a>

 

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/ybD5G8NK22JsmHHQ" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/5b2/vOWZkA.jpg" /></a>

 

[FONT=&quot]มากไปกว่านั้นหลวงปู่นาคยังพกตะกรุดพญาเต่าเรือนดอกที่หลวงพ่อสำเภาให้ท่านมาติดตัวไว้ในย่ามเป็นเวลาหลายสิบปี ตลอดเวลามีแต่ผู้คนมาฝากตัวเป็นศิษย์ มาช่วยหลวงปู่ก่อสร้างเสนาสนะต่างๆ จนวัดดอนเสือได้กลายเป็นวัดที่ใหญ่โต สวยงาม ไม่ว่าหลวงปู่จะมีโครงการให้การศึกษาแก่เด็กๆหรือโครงการทำอะไรขึ้นมาก็มีแต่คนนำปัจจัยมาร่วมทำบุญบริจาคกันอย่างล้นหลาม ทำให้โครงการต่างๆสำเร็จลงอย่างรวดเร็ว แบบว่าถ้าใครเห็นก็ต้องตกใจ อย่างเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๗ หลวงปู่ได้ประกาศต่อหน้าญาติโยมที่มาทำบุญว่าจะสร้างศาลาธรรมสังเวช (ศาลาสวดศพ) ขึ้นหนึ่งหลัง โดยหลวงปู่ได้นำปัจจัยส่วนตัวของท่านบริจาคทำบุญเป็นตัวอย่างก่อนหนึ่งแสนบาท ก็มีญาติโยมร่วมทำบุญทันที ต่อมาพอข่าวแพร่สะพัดออกไปก็ยิ่งมีญาติโยมเดินทางมาร่วมทำบุญกับท่านอยู่ตลอด หลวงปู่ก็เริ่มลงมือสร้างทันที [/FONT] <style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 0 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:auto; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1593834753 1342185546 32 0 65687 0;} @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 0 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:auto; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1593834753 1342185546 32 0 65687 0;} @font-face {font-family:Calibri; panose-1:2 15 5 2 2 2 4 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:auto; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-520092929 1073786111 9 0 415 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-unhide:no; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; margin-top:0cm; margin-right:0cm; margin-bottom:10.0pt; margin-left:0cm; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:Calibri; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-language:TH;} .MsoChpDefault {mso-style-type:export-only; mso-default-props:yes; font-size:10.0pt; mso-ansi-font-size:10.0pt; mso-bidi-font-size:10.0pt; font-family:Calibri; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-bidi-font-family:"Cordia New";} @page WordSection1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.WordSection1 {page:WordSection1;} --> </style>

 

เมื่อผู้เขียนเดินทางไปกราบท่านในวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๗ ก็ต้องตกใจ เพราะหลวงปู่ท่านบอกว่าข้าทำฐานรากศาลาธรรมสังเวชเสร็จแล้วโว๊ย ตอนนี้กำลังจะเข้าแบบเทเสาคอนกรีต ว่าแล้วท่านก็พาไปดู ปรากฏว่าท่านทำเสร็จแล้วจริงๆ หลวงปู่นาคใช้เวลาเพียง ๒๒ วันหลังจากประกาศสร้าง ศาลาธรรมสังเวชของท่านคืบหน้าไปจนขึ้นเสาได้แล้ว รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างสำเร็จรวดเร็วขนาดนี้ ผู้เขียนจึงถามหลวงปู่ว่า “เป็นเพราะวิชาเต่าเรือนใช่ไหม?” หลวงปู่ท่านตอบว่า “เป็นเพราะอะไรข้าไม่รู้ แต่ที่รู้ๆข้าภาวนาคาถาพญาเต่าเรือนที่ถ่ายทอดให้เองไปอยู่ตลอดเวลา”

 

ผู้เขียนฟังแล้วเลยได้โอกาสขอตะกรุดพญาเต่าเรือนที่หลวงพ่อสำเภาท่านมอบไว้ให้หลวงปู่ โดยบอกกับท่านว่า ” หลวงปู่ครับ ตะกรุดพญาเต่าเรือนที่หลวงพ่อสำเภาให้มานั้น ผมจองนะ หากวันใดหลวงปู่ไม่ได้ใช้แล้วมอบให้เป็นมรดกกับผมด้วยได้ไหม?” หลวงปู่ท่านตอบว่า “ดอกนั้นหายไปนานแล้ว ตะกรุดพญาเต่าเรือนนี่กันขโมยไม่ได้ มันเอาแบบยกย่ามไปเลย” พูดแล้วท่านก็หัวเราะ ฮ่าๆๆ แล้วก็บอกต่อว่า “ดอกที่ข้าพกอยู่ในปัจจุบัน เป็นดอกที่ข้าทำเอง แต่สู้เต่าเรือนพญาเขาควายแกะที่ทำให้พวกเอ็งใช้ไม่ได้หวะ เต่ารุ่นนี้ตอนเสกนี่มันขึ้นดีจัง แสดงว่าถ้ามีรูปมีทรงเป็นเต่านั้นขึ้นกว่าเขียนแต่ยันต์อย่างเดียว” แล้วท่านก็บอกต่อว่า “ตอนนี้ที่ข้าหมดแล้วนะ มันมาเอากันทุกวัน ที่มอบให้เอ็งไปน่ะ เก็บไว้ให้ดีนะ” พูดแล้วท่านก็หัวเราะชอบใจ ผู้เขียนก็เลยกราบเรียนท่านว่า “ได้ข่าวว่าพวกศูนย์พระทางกทม.ที่มาเอาไปก็ออกให้บูชากันจนเกลี้ยงแล้วเหมือนกัน เพราะคนเช่าไปมีประสบการณ์ทางเมตตา โชคลาภค้าขายดีจริงๆ สงสัยหลวงปู่คงต้องสร้างให้อีกสักรุ่นหละครับ” หลวงปู่เลยเมตตาตอบว่า “ข้าจะบอกอะไรให้เอ็ง คอยดูต่อไปก็แล้วกัน”.....

 

แอบบทราบมาว่า เต่านะหน้าทองรุ่นนี้จะมีพิธีใหญ่คะ อย่าพลาดกันนะคะ เพราะทั้งชนวนมวลสาร และการจะทำพิธีหลวงปู่นาคท่านก็ได้บอกกล่าวหลวงปู่ศุขไว้แล้ว รออ่านบทความในตอนต่อไปที่จะเอามาลงนะคะ

 

รายการจองตามนี้เลยคะ

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/ykJrTM05nCRs08ev" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/900/HOsMRm.jpg" /></a>

 

<a href='http://upload.siamza.com/1998614' target='_blank'><img border='0' src='http://upload.siamza.com/file_upload/modify/230515/1998614.jpg' /></a>

 

<a href='http://upload.siamza.com/1998615' target='_blank'><img border='0' src='http://upload.siamza.com/file_upload/modify/230515/1998615.jpg' /></a>

 

เริ่มที่คุณอัควุฒิ แอดแฮค พอหลังจากบูชาเต่าเรือนของหลวงปู่นาคไปถูกหวย ๑๗๔ งวด ๑๖ ม.ค. ๕๘ แล้ว ก็ได้สั่งบูชาเพิ่มกับคุณกุ้ง เมืองอินทร์ อีก ๑ ตัว โดยให้ส่งไปทางพัสดุไปรษณีย์ แล้วคุณอัควุฒิได้นำเต่านี้ไปเลี่ยมให้เพื่อนสาวคนสนิทได้แขวนบูชา ปรากฏว่าได้เกิดประสบการณ์ปาฏิหาริย์ขึ้นทันที เมื่อเพื่อนสาวของคุณอัควุฒิ ได้ขี่มอเตอร์ไซต์ไปธุระกับเพื่อน โดยขี่ไปคนละคันด้วยความเร็วสูงพอประมาณ แต่อยู่ๆก็เกิดมีสุนัขกำลังหนีอะไรมาก็ไม่ทราบ วิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถของเธอ เธอเล่าว่าในตอนนั้น เธอเห็นแล้วว่ามีสุนัขวิ่งมา แต่จะเบรกก็คงเอาไม่อยู่แน่ รถคงสะบัดล้มกลิ้ง พอจะหักหลบเบี่ยงออกไปก็ไม่ได้เพราะติดรถของเพื่อนเธอที่ขี่คู่กันมา รถต้องเกี่ยวกันล้มแน่ เธอจึงตัดสินใจจับแฮนด์รถให้แน่นที่สุดแล้วหลับตาพุ่งชน ตอนนั้นเพื่อนของเธอก็ร้องเสียงหลงเช่นกัน แต่ด้วยอานุภาพทางแคล้วคลาดของเต่าเรือนเขาพญาควายแกะ ปรากฏว่ารถมอเตอร์ไซทั้งสองคันกลับไมได้ชนอะไรเลย พอทั้งสองสาวจอดรถดูปรากฏว่าต้องงงไปตามๆกัน เพราะไม่เห็นสุนัขแล้ว และเธอทั้งสองรอดมาได้อย่างไร

 

ประสบการณ์จริงหลังจากบูชาเต่าเรือนหลวงปู่นาค วัดดอนเสือ (deejai)(deejai)(deejai)(deejai)

 

ตอนนี้มีเหลือให้บูชาแบบไหนบ้างครับ ?

 

ตอนนี้มีตระกรุดรักซ้อนดอกละ ๓๐๐ บาท เหลือ ๕ ดอกเท่านั้น และน้ำมันดอกรักซ้อน บูชาขวดละ ๓๐๐ บาทตอนนี้เหลือ ๓ ขวดค่ะ ส่วนรายการจองเต่านะหน้าทองทุกเนื้อยังจองได้ค่ะ

 

คุณอัษฏายุทธ สมศรี ชาวอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ได้อ่านเรื่องราวการสนทนาเกี่ยวกับประสบการณ์เต่าเรือนเขาพญาควายแกะของหลวงปู่นาคของเพื่อนๆในเฟสบุ๊คของคุณกุ้ง เมืองอินทร์ จนรู้สึกเกิดศรัทธาเต่าเรือนรุ่นนี้ขึ้นมา โดยเฉพาะเรื่องการถูกหวยซึ่งมีมากมายนั้น แทบไม่น่าเชื่อ เลยลองหาเช่าบูชาดูบ้าง เมื่อได้เต่าเรือนของหลวงปู่มา ๒ ตัว จึงเอาไปเลี่ยมหนึ่งตัวแล้วอธิษฐานขอพรจากเต่าดูเผื่อจะมีโชคอย่างที่เขาร่ำลือกัน ปรากฏว่าพรที่ขอเป็นจริงทำให้คุณอัษฏายุทธถูกหวย แต่ตอนนั้น ใจหนึ่งก็เชื่อว่าเป็นเพราะอานุภาพของเต่าเรือนรุ่นนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็ยังกังขาว่าอาจจะบังเอิญก็ได้ จึงทำการอธิษฐานขอพรอีกครั้งและก็ไปซื้อหวยของประเทศมาเลเซียอีก ก็ปรากฏว่าถูกหวยของมาเลเซียอีก ครั้งนี้จึงทำให้คุณอัษฏายุธเชื่อแบบ ๑๐๐% เลยว่า โชคลาภที่เกิดและได้มานั้น มาจากเต่าเรือนเขาพญาควายหลวงปู่นาคแน่ๆ จึงได้แชร์เรื่องราวประสบการณ์ถูกหวยของเต่าเรือนรุ่นนี้ทางหน้าเฟสของคุณกุ้ง เมืองอินทร์ ให้เพื่อนๆได้รับรู้กัน