จิตผู้รู้ กับ ขันธ์ 5

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย อินทรบุตร, 5 ธันวาคม 2012.

  1. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ขันธ์ 5 เอ๋ย
    เจ้าหลอกให้เราเชื่อมานานแล้ว ว่าเจ้าเป็นตัวเรา เรามีอยู่ในตัวเจ้า และเจ้าก็มีอยู่ในตัวเรา

    เรานั้นหลุดพ้นจากความเห็นผิดว่า รูปของเจ้า เป็นตัวเรา มานานแล้ว
    แต่เจ้านั้นสมคบกับอวิชชา ฉลาดยิ่งนัก พวกเจ้าไม่อยากถูกทำลายลงไป ไม่อยากหายไป พวกเจ้าจึงคอยหลอกเราเรื่อยมา ว่า เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ต่างๆ เหล่านี้ เป็นตัวเรา เป็นของเรา

    บัดนี้ เราเห็นแล้ว ว่าเจ้านั้นไม่ใช่เราเลย
    รูปของเจ้า ก็ไม่ใช่เรา เป็นเพียงธาตุทั้ง 4 ของโลก มาประกอบกันขึ้นชั่วคราว
    เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แม้อารมณ์ ความคิด ความรู้สึกต่างๆ นี้ ก็ไม่ใช่เรา เป็นเพียงกลุ่มก้อนของสภาวะ ที่ตัวเรา ได้ไปรับรู้เข้า ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป เท่านั้น

    บัดนี้ เมื่อเราค้นหาตัวเรา เราไม่เจอส่วนหนึ่งส่วนใดของตัวเราในเจ้าเลย เราจึงแจ้งแล้วว่า เจ้า ไม่ใช่เรา และ เรา ไม่ใช่เจ้า

    สิ่งที่เจ้าหลอกเรามานาน บัดนี้ เราได้เห็นทันแล้ว

    นับตั้งแต่นี้ไป เราจะขอเริ่มเดินแยกห่างจากเจ้าออกไป และทางเดินของเจ้า กับ เรา จะไม่กลับมาบรรจบกันอีกต่อไป
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    คำอธิบายหลวงปู่หล้า เขมะปัตโต
    ลองดูนะ



    หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ตอบ :

    เมฆก็ตามหมอกก็ตาม จิตก็ตาม อาการของจิตก็ตาม เจตสิกก็ตาม จะใส่ชื่อลือนามสักเพียงใดก็ตาม ถ้าเราไม่มีในที่นั้นๆ ของเราก็ไม่มีในที่นั้นๆ พิษสงก็ไม่มีในที่นั้นเอง เหตุนั้นการพิจารณาว่าเราไม่มีในที่นั้น เราไม่มีในที่ใดๆ ทั้งนั้น ของเราก็ไม่มีในที่ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เรื่องก็จบกัน ณ ที่นั้นไป ทำท่าทำทางวางเป็นอันผิดทั้งนั้น เพราะมันเป็นกริยาเป็นเหตุ เป็นกรรม เป็นวิบากในตัว

    ยกอุทาหรณ์สมมติหยาบๆ คือ เราก็ตาดีมองไปที่สว่าง เราไม่ได้สมมติให้ความมืดหนีไป ณ ที่นั้นเอง เมื่อเราไม่มีในที่ใดๆ แล้ว ก็ไม่ควรมีอะไรมาสร้างปัญหาขึ้นให้หนักใจ หนักธรรม ชาวโลกเขาพูดอะไรก็พูดไปตามเขาซะ ไม่ควรเอาสมมติมาเป็นสงครามกับปรมัตถ์ ไม่ควรเอาสังขารคือผู้รู้ไปเป็นสงครามกับพระนิพพาน ใครเป็นผู้รู้พระนิพพานก็พระนิพพานนั่นเอง ทรงอยู่ซึ่งพระนิพพานสังขารและผู้รู้จะไปทรงมิได้ จงให้เข้าใจว่า ผู้รู้นั้นเองเป็นสังขารอันละเอียด มีผู้ไปยึดถือเอาเป็นเจ้าของก็เป็นเหตุเป็นกรรมเป็นวิบาก เป็นภพ เป็นชาติ เป็นอุปาทาน อวิชชา ตัณหา สารพัดจะบัญญัติใส่ชื่อลือนาม และก็ไม่สำคัญตัวว่าเป็นพระนิพพานด้วย จึงเรียกว่าพระนิพพานทรงไว้ซึ่งพระนิพพาน

    ธรรมอันนี้เป็นธรรมอันละเอียดและ เป็นธรรมสันทิฏฐิโกสุดท้ายของพระพุทธศาสนาละเอียดมาก จะเอาโลกและสังขารไปเทียบย่อมไม่ได้ ก็มอบไว้แก่เจ้าตัวแต่ละรายจะรู้ตามเป็นจริง พระบรมศาสดาจึงยืนยันว่า เรารู้พระนิพพานตามเป็นจริงของพระนิพพาน แต่เราไม่ติดอยู่ในพระนิพพาน เรารู้สังขารตามเป็นจริงของสังขารแต่เราไม่ติดอยู่ในสังขาร (ถ้าเราติดอยู่ในสังขารก็ดีติดอยู่ในพระนิพพานก็ดี ก็เท่ากับว่าเราไม่รู้สังขารไม่รู้พระนิพพาน นกบินในอากาศวันยังค่ำก็ไม่มีรอยใช่หรือไม่ มีดเฉือนน้ำในที่ใดๆ วันยังค่ำก็ไม่มีรอยใช่หรือไม่)

    ด้วยเดชพระพุทธศาสนา พวกเราทั้งหลาย (คำว่า “เรา” ตามสมมติ) อย่าได้มาท่องเที่ยวทะเลหลงนี้อีกเลย ทะเลหลงย่นมาในปัจจุบันแล้ว ข้ามก้าวเดียวสั้นๆ ก็พอเป็นบุคคลาธิษฐาน ถ้าสำคัญว่าตัวข้ามก็ผิดอีก ความสำคัญตัวนี่เอง มันเป็นมหากิเลสพร้อมทั้งกองพลด้วย เหตุนั้นพระบรมศาสดาจึงผลักทิฎฐิของพระโมฆราช ไม่ให้ถามปัญหาก่อนเพื่อนให้ถามทีหลังหมู่ เพราะเหตุว่ามานพ ๑๖ คนไปถามปัญหาพระโมฆราช สำคัญตัวว่าฉลาดกว่าเพื่อน มันเป็นมหาอุปาทานสำคัญตัว ท่านจึงให้ถามครั้งที่สาม และจึงให้ถามหลังเพื่อนๆ ทั้งหลายด้วย พระบรมศาสดาก็เทศน์อนัตตาเพื่อให้พระโมฆราชไม่สำคัญตัวในอัตตาและอนัตตา

    สำคัญว่าตนเป็นอัตตา อัตตาเป็นตนก็ไม่ถูก สำคัญว่าอนัตตาเป็นตน ตนเป็นอนัตตาก็ไม่ถูกอีก เพราะมันยังมีอุปาทานอันละเอียดอยู่ เหตุฉะนี้พระอนาคามีติดอยู่ในมานะ ๙ มานะ ๙ ข้อนั้นก็คือสำคัญตัวอันละเอียด นั่นเอง
     
  3. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ขอบพระคุณครับท่านปราบ ยังเดินทางไม่ถึง ก็คงยังต้องค้นคว้าต่อไป จึงจะเข้าใจธรรมะส่วนนั้นที่ท่านยกมาเป็นธรรมทานได้ครับ
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    <img src='http://image.dogilike.com/shareimg/contentimg/2012/pungpond/26-7-55/article-2179207-14390311000005DC-459_964x997.jpg' width=200>

    ถ้าปรารภแบบนี้ แล้ว กระโดดงับจิต

    สู้กลับไป ยึดถือกายอย่างเดิม ดีเสียกว่า !
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2012
  5. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ภาพแจ๋วดีครับท่านเล่าปัง

    เดินทางก็อาจจะยังวกวนไปมาบ้าง ตามประสาผู้ยังไม่แจ้ง
    ตอนนี้ก็ยังตามหาอยู่ต่อไป ว่า จิตเรา ตัวเรา อยู่ที่ไหนกันแน่
    เห็นมีไอ้ตัวที่ปลอมตัวมาเป็นจิตเราอยู่เยอะเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ตัวจริงสักตัว
    ท่านเล่าปังมีธรรมทานอะไรจะแนะนำเพิ่มเติมไหมครับ
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    หุหุ น้องม๋างับจันทร์ แถม กลางวันแสกๆ อีก หุหุ
     
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอ้าแล้วกัน หากปรารภ สวนกระแสแบบนี้ ทำไมไม่พูดแต่แรกหละ

    ไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรหรอก ไม่ต้อง ฟังเป้าหมายการภาวนาว่าต้อง
    เห็นอะไรยังไงด้วย

    เพราะว่า

    เนี่ยะ ความบริบูรณ์มันอยู่ตรงปากคอกเสมอ

    ส่วน

    อันนี้ เลยออกนอกๆ ไปและ เกินความพอดีของสติตั้งมั่น
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    มี อดีตอุบาสกท่านหนึ่ง ท่านเล่าว่า หลวงปู่ดูลย์กำหนดจิตอยู่นาน
    เงียบอยู่ตั้งนาน ไม่พูดสอนอะไร แต่พอลืมตาขึ้นมา ก็กล่าวว่า

    " พระกรรมฐานที่มีชื่อเสียงในเวลานี้ ส่วนใหญ่เป็น ผีใหญ่ "

    แล้วท่านก็เงียบไป ไม่ได้กล่าวอะไรอีก


    ****************************************


    ผีใหญ่ ก็มีหลวงพ่อท่านหนึ่งอธิบายให้อุบาสกนั้นฟังว่า ผีใหญ่ก็คือ
    อนาคามี ซึ่งจัดว่ายังมีอวิชชาครอบงำอยู่

    *******************************************

    คำสอนส่วนใหญ่ในเวลานั้น ก็จะวนอยู่ที่การทิ้งขันธ์ ไปเจอ เราตัวจริง


    *******************************************

    หากไปบางเว็บไซท์ ในเวลานี้ พระที่ดังๆ ดังมากๆ ดังคับโอ่ง ก็ยังกล่าว
    เทศว่า

    เนี่ยะ หากใครชอบ ปฏิจสมุปบาท ก็จะพอเห็นเลาๆว่า

    สัมผัส เป็นปัจจัยให้เกิด "........."

    ดังนั้น หากพิจารณา "..........." อย่างมีอาสวะอยู่ ก็ไม่แปลก
    ที่อาจจะกล่าวไปว่า " จิตมีการกระทำ เป็นการ สัมผัสธรรม "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2012
  9. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    สรุปตั้งมั่นเห็นไม่เที่ยง เห็นแปรปรวนไปเรื่อยๆ เห็นสภาวะธรรมไปเรื่อยมีเท่านี้หล่ะครับ
    ทุกข์ใหญ่ๆเดิมพันระดับชีวิต อะ เดี๋ยวรู้

    ดูสิ่งที่เกิดกับจิต โลภ โกรธ หลง มันมีกำเริบกับจิตได้อยู่ไหม

    ละเอียดไปเรื่อยๆจะไหวที่กายเหรอ
    ไหวที่กาย ยังหยาบอยู่มากนะ ยังละเอียดได้อีกครับ
     
  10. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ทีนี้ หากคุณ ขุนอิน จะขยาย เพ่งตรงไปที่

    แล้วบังเอิญว่า ท่านขุนอินแยกราง จาก1 เป็น1000 ได้ขึ้นมา

    ก็ต้องเข้าใจนะว่า หากยังปรารภ " ตอนนี้ก็ยังตามหาอยู่ต่อไป "
    แม้ ท่านขุนอิน จะแยกรางได้จาก1 เป็น 1000 แต่ยังพิจารณา
    อยู่ต่อไป ตรงเนี่ยะ จะจัดว่าเป็น " การพอกพูลสุญญาตาวิหาร "

    ดังนั้น คำว่า สุญญตาวิหาร มันไม่ใช่เรื่อง มี 1 หรือ มี 1000 หรือ
    มี ตัวจริง มีตัวปลอม มันอยู่ที่ จะ1 จะ 1000 ก็ยังเอามาเป็นสิ่ง
    อาศัยระลึก เพื่อเจริญสติ กริยาที่อาศัยระลึก ตรงนี้แหละ สุญญาตาวิหาร

    วิหารธรรมของพระพุทธองค์ จึงไม่ใช่ เรื่องนั่งในเมือง หรือ แยกร่าง
    เป็นของจริงของปลอม สุญญาตาวิหารของพระพุทธองค์ยังคงมี
    ครบไม่ว่าจะหนึ่ง จะพัน หรือไม่

    แยกรางได้เป็นพันเลยนะท่านขุนอิน แต่ ยังเป็น สุญญตา ว่าด้วยสุญญตาเท่านั้น

    แล้ว มันเป็นการ ฝึก อธิจิต ฝึก สมาธิ เองนะ ยังไม่ได้กล่าวเรื่องเจริญปัญญา
     
  11. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    เมื่อรู้ ว่าขันธ์ห้า เป็นอย่างไรแล้ว มาฝึก อินทร์ทั้งห้า ให้แข็งแรงดีกว่าครับ

    เมื่ออินทร์ทั้งห้า แข็งแรง ก็ ดับกิเลส ที่มาจากขันธ์ห้าได้สบายครับ

    สาธุครับ
     
  12. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    โอ้โฮ..เพ้อเจ้าเว้ยยส์ ไปกันใหญ่หยุดๆๆๆๆๆๆก่อน...ดื่มน้ำก่อน คอเป็นเอ็นเลย อิออิ:'(
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เชยจริงๆ เลย

    เค้าก็เขียนไว้แล้วนี่ ตะเองว่า " บังเอิญ "

    นี่แปลว่า เรื่องมันยังไม่เกิดเลย

    เรื่องยังไม่เกิด เจ้าคุณปู่ จะสั่งหยุดทำซิ้มอะไร

    เดี๋ยวปัด เดี่ยว ซออู้ " คำหวาน " ให้ฟังซะนี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2012
  14. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ขออภัยนะขอรับ อย่าหาว่าข้าพเจ้าดูถูกดูหมิ่นคุณเลยนะขอรับ

    ความคิดอย่างคุณนั้น เขาเรียกว่า "ความคิดของคนตอแหล" เพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน อกัตตญู ไม่มีวันพบทางสว่างในศาสนาอย่างแน่นอน คุณกลับไปพิจารณาใหม่นะว่า รูปกายและอวัยวะทุกส่วนที่มันประกอบเป็นร่างกายของคุณนั้น มาจากไหนกันแน่ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครที่หลอกคุณ ร่างกายของคุณหลอกคุณ หรือว่า ความคิดของตัวคุณหลอกตัวคุณเอง ความไม่เที่ยงของสังขารทั้งปวง เป็นเรื่องธรรมดา

    คุณจงระลึกไว้เสมอว่า คุณเป็นมนุษย์ มีบทบาทหน้าที่อย่างไร อย่าเอาแต่ "คิดตอแหล เพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน อกัตตญู ไม่รู้คุณผู้สร้างคุณมาแถมยังไม่รู้จักบุญคุณของตัวคุณเอง ดูหมิ่นดูถูกตัวเอง เหมือนคนบ้า เพราะคุณคิดว่า ร่างกายของคุณไม่ใช่ของคุณ ไปหลงมัวเมาอยู่กับอวิชชา คือความไม่รู้ ถ้าร่างกายที่คุณคิดว่าไม่ใช่ของคุณ แล้วคุณจะใส่เสื้อผ้า รับประทานอาหาร ฯลฯ ทำไมหรือขอรับ ก็มันไม่ใช่ของคุณ ไม่ใช่ตัวคุณ
    ขออภัยนะขอรับ อย่าหาว่าขัดคอ หรือ ก่อกวนเลยขอรับ บุคคลประเภทอย่างคุณ ทำศาสนา เสื่อมโทรมไปมากต่อมากด้วยความเขลาคือความไม่รู้จริง นั่นแหละขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2013
  15. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    มันเกิดขึ้นมาเช่นนั้นเอง ธรรมชาติของมันเป็นเช่นนั้นเอง
    ถ้า telwada อยากจะยึดขันธ์ 5 มาครอบครองเป็นของตนต่อไป ก็เชิญยึดต่อไปเถิด
     
  16. Samuraicross

    Samuraicross สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +15
    สรุปเราก็รู้เขาก็รู้ จับเอาความรู้ของต่างคนที่ต่างรู้ เมื่อต่างคนต่างมีแต่รู้ ใครเล่าจะได้รู้?
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ขันธ์5รูป-นาม ในระดับโลกธัมม์มันก็เป็นของเรานั่น
    เเต่เป็นสิ่งที่เอาไว้พิจารณาให้เข้าใจเเละเอาไว้อาศัย
    ทำความดี ไม่ได้เอาไว้ยึดเพราะยิ่งยึดก็ยิ่งเป็นภาระ
    เเต่หากเราเกิดมาไม่มีขันธ์ 5หรือมีไม่สมบูรณ์
    (หากกัมม์วิบากทำให้พิการ)เราคงทำความดีได้ลำบาก

    ในระดับโลกุตตรธัมม์ก็ไม่ต้องใช้ขันธ์อีกเเล้วเพราะ
    ไดทำความดีตามหลักอริยสัจ4 มรรค8 เสร็จสมบูรณ์เเล้ว
    มีเเต่ธาตุรู้ที่เสวยความสุขที่บริสุทธิ์อย่างเดียวคงที่แม่เปลี่ยนเเปลง!!!
    จิตที่บริสุทธิ์ไม่ต้องเเบกภาระอะไร อีกต่อไป!!

    พระพุทธเจ้าใช้เวลาบำเพ็ญจากจุดเริ่มต้น...มาถึงจุดนี้
    ด้วยพระสัมมาสัมโพธิญาณของพระองค์เองใช้เวลา 10ชาติกว่า
    4 อสงไขย เราพวกเวไนยสัตว์ผู้มีสัทธาเลื่อมใสหากปฏิบัติตาม
    พระธัมม์คำสอนโดยมีครูบาอารย์ที่ได้มรรคผลเเล้วคอยเป็นพี่เลี้ยง
    คอยชี้ทางให้เดินตามรอยพระบาทไม่ขาดไม่เกิน ก็มีโอกาสพบมรรคผล
    เช่นกัน ไม่ถึงนิพพานก็ยังได้เข้าสู่กระเเสพระนิพพานก็ยังดี!!ไม่เสียชาติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2013
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ไม่ต้องไปอวดรู้ กันอีกเเล้ว!!
    พระธัมม์คำสอนมีให้เวไนยสัตว์ถือเอาเป็นมรรค
    เดินตามรอยพระพุทธองค์โดยมีครูบาอาจารย์
    ที่ได้มรรคผลเเล้วคอยเป็นผู้ชี้ทางให้
    ไม่ขาดไม่เกิน (ผู้ได้มรรคผลเเล้วย่อมอยู่ในโอวาทไม่ขาดไม่เกิน)
    ทั้งนี้ ทั้งนั้นอ่านหนังสือปีละ8 บรรทัด คงไม่เพียงพอ
    ต้องใ่ช้การสดับตรับฟังเข้าช่วย จะย่นเวลาได้เยอะ!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2013
  19. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ถ้าไม่ใช้ขันธ์นี่ พูดไม่ได้ ทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลยนะ

    มันเป็นเรื่องของการใช้ขันธ์ โดยไม่ไปหลงกลให้ขันธ์พาไปเกิด

    ถ้าสงสัยก็ถามผู้ที่ท่านทราบว่าเป็นพระอริยเจ้าเอา ว่าจริงตามนี้ไหม
     

แชร์หน้านี้

Loading...