รู้สภาวะแล้ว จิตยินดียินร้ายให้รู้ทันอีก

ขอบคุณคะ ก็แล้วแต่ ละกลเม็ด ของแต่ละคน ลองดูแล้ว เอามาปรับใช้กับตัวดู บ้าง ก็น่าจะลองแยกดู บางที ขั้นแต่ละขั้น ก็ มาในวิสัยทัศน์ของแต่ละบุคคลคะ

 

กิเลสมันผาดโผนมาก
ธรรมก็ต้องผาดโผนอย่างนี้ล่ะมันถึงทันกิเลส

ตีกิเลสให้มันหนีกระเจิดกระเจิงอย่างนี้แหละ

 

ถูกต้องแล้ว เอาเลยเตช เดี๋ยวข้าช่วย กั๊กๆ

 

มันหนีหางจุกตูดไปแล้วครับลุง

 

เฮ้อ เหมือนดูหนังบู๊ กำลังภายในเลย เหนื่อยละ ไปเดินดีกว่าเดี๋ยวขาดทุน 22.15 ละ
ขอบคุณ ทุกท่านอีกครั้งคะ

 

อย่าคิดมากครับเรื่องธรรมดา
เล่นไปตามบทบาท

 

เอาล่ะผมจะปล่อยให้คุณบ้าไปคนเดียวแล้วกัน

เอานะ ผมขอตัว

 

กิเลสมันผาดโผนจริงๆ

 

ดีแล้ว ต้องให้กิเลสมันหางจุกตูดไปแบบนั้นแหละ
การพิจารณาธรรมในใจ มันก็ต้องแบบนี้ ต้องมีเหตุมีผลต่อสู้ในใจจนกว่าธรรมจะเข้ามาอยู่ในใจ
เพราะ คนทุกคนรู้ว่า ดี ชั่ว มันเป็นอย่างไร แต่เวลาทำชั่วได้เพราะใจขณะนั้นมันมีความชั่วครอง
ทำดีได้เพราะ ธรรมครอง นี่ต้องใช้เหตุผลจนยอมรับธรรมเข้ามาให้เรารู้สึกตามธรรม

 

เดี๋ยวนะๆๆๆ ทุกท่าน สังเกตุ มั๊ย ทำไมเวลา ไม่ตรง ดูดิ เวลาผิดหรือเปล่า นี้ดูสองเครื่องแล้วนะ ดูดิ 22.15 กับ 10.11 รบกวนคะ

 

เวลาเค้าตั้งเอาน่ะครับ ตั้งไม่ตรงก็ไม่เหมือนกัน

 

ถ้ากิเลสผุดขึ้นแบบนี้ ไม่เป็นภัย เพราะว่า เราเห็นมันชัดเจน รู้ว่าความทุเรสเป็นแบบนี้
ใจเรามันก็ไม่เอาอยู่แล้ว
แบบนี้เรียกว่า กิเลสวิ่งหนีหางจุกตูดออกจากใจเราแล้ว
หมดราคาแล้ว นี่แหละที่เรียกว่า ยิบๆแย็บๆ

 

อนุโมทนา จขกท ด้วยครับ เส้นทางร้อยแปด แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ มรรค

 

จะว่าเส้นทางร้อยแปดลงสู่จุดเดียวกัน ไม่ได้หรอก เราอย่าไปคิดว่าท่านเป็นพระแล้วจะถูกต้อง
ต้องเผื่อใจเอาไว้พิจารณา ว่าถ้าเพี้ยนไปจากที่พระศาสดากล่าว เราก็ต้องฉุกคิดบ้าง
ต้องคิดว่า คนที่เขามาเตือน เขาจะไปจับผิดคิดร้ายทำไม ให้มันเกิดมนทิลกับตน
พระองค์อื่นๆที่ท่านปฏิเสธ แต่ท่านจะไม่พูดรายละเอียดหรอก เหมือนข้าวนาเดียวกันจะบอกอย่่างไรหละว่าต้นนั้นไม่ดี ต้นนี้ดี

พูดตรงไปตรงมา หลวงพ่อปราโมช ยังติดยังข้องอยู่ ท่านได้วิปัสสนาญาณไม่กี่ตัว แล้วประมาท
เนื่องจากท่านไม่ฝึกวินัยและสมาธิให้แน่นก่อน จู่โจมเข้าที่ปัญญา แล้วหลงติดอยู่ในวิปััสนูกิเลส

 

คนรู้ธรรมะ ชอบจะเอาชนะคนอื่น คนมีธรรมะ ชอบจะเอาชนะตัวเอง

โทสะ มากน้อยก็ คือ โทสะ ตัวเดี่ยวกัน มันชั้งน้ำหนัก ว่า นิดหน่อย มากน้อย มันก็ เกิดมาจาก อารมณ์

ถ้าไม่มี สติ ก็ จะคุม อารมณ์ ไม่ได้ครับ ก็จะ ฟุ่ง

พระพุทธเจ้า ตรัส ไว้ว่า มี สติ ก็ สามารถ จะ ได้ทุกอย่าง ครับ

 

อยากรู้ไหม เจริญมหาสติของแท้เขาทำกันอย่างไร

ฐานกายนี้ ต้องทำให้จิตมีกำลังก่อน ส่วนฐานอื่นๆ ยังไม่สามารถแจ้งได้หมด ต้องหมั่นระลึกเท่าที่ระลึกได้

จะไปแจ้งใน อริยมรรคโน่น เป็นสัมมาสติ ต้องเจริญในมรรค ถึง 4 ระดับคือ โสดาปัตติมรรค สกิทาคามีมรรค อนาคามีมรรค และ อรหัตมรรค
ท่านต้องอบรม ตั้งแต่ทิฎฐิ การใช้ชีวิต วาจา ความเพียร ย่นหดลงมาเหลือ แต่จิตที่หมุนวน
องค์ธรรมทั้งหมดนำมาเป็นกำลังเสริมให้จิตใจขณะพิจารณากิเลส
สติปัญญาต้องทันกันหมด

นี่จึงเรียกว่า มหาสติ มหาปัญญา ไม่ได้ดูถูก ไอ้แบบนั่งดูเฉยๆนั่นมันแบบขนม

 

อนุโมทนา คุณ ขันธ์ ด้วยครับที่แนะ
พอจะทราบข่าวเกี่ยวกับพระท่านนี้ มาเช่นกัน ในเรื่องสอนดูจิต แต่ก่อนเคยฟังท่านสอน เท่าที่เคยฟังมาโดยจริตส่วนตัวแล้ว ท่านสอนเรื่องไตรสิกขาเข้าใจง่ายดีครับ แต่ติดตรง วิปัสสนากับสมถะ เหมือนมันจะขัด ๆ นิดนึง ก็พยายามจะพิจารณาด้วยสติไว้เสมอ ๆ เช่นกันครับ แต่ท่านคงจะไม่มีเจตนาร้าย แก่ใครหรอกมั้งครับ

 

ทีนี้ คนบางคนบอกว่า แบบทำสมาธิ พระป่า มากจัง โหดจัง อยากได้ลัดสั้น

ก็ต้องบอกว่า เอาแค่เรียนปริญญากว่าจะจบ ยังต้องใช้ความพยายาม
นี่จะตัดภพตัดชาติ เพียรไม่เท่ากับอ่านหนังสือสอบ ก็อย่าไปเลยนิพพาน อยู่เสพสุขกับกิเลสนี่แหละง่ายดี

ทีนี้ ก็มีแง่ให้คิดอีกอย่างหนึ่งคือ อะไรก็ตามที่ทำทุกวัน เบาๆง่ายๆ แต่ตรงทาง มันจะสำเร็จเข้าสักวันหนึ่งแน่ๆ ดังที่หลวงตาท่านเข้าถึงธรรมปั๊บท่านกำหนดรู้เลยว่า ที่เป็นแบบนี้ได้เพราะมีสายทาง

นี่เรียกว่า ญาณทบทวน สายทางที่เดินมา แล้วรู้หมดว่า กรรมแบบนี้แบบนี้พาเรามา

ค่อยๆทำไป ฝึกไป ของหนักก็เบาไป รู้เห็น ไปเรื่อย สมาธิมากไปเรื่อย แจ้งไปเรื่อย

พิจารณา

 

ความรู้ผมก็ไม่มากนะครับ แต่ผมอ่านธรรมะของหลวงปู่ดูลย์แล้ว ชอบมาก รู้สึกว่าเป็นสาระสำคัญล้วนๆ

 

อื้อฮือ หายเหงาเลยแบบนี้