พระพุทธศาสนาสอนเรื่องจิตกับอารมณ์เท่านั้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 7 มีนาคม 2011.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ก็พยายามตอบเท่าทีพอตอบได้
    วิมุตติ มี๒วิมุตติ
    ตทังควิมุตติ หลุดพ้นชั่วคราว(ฌาน๔) ยังไม่คงที่ ยังเปลี่ยนแปลงได้อยู่
    วิมุตติหลุดพ้น คือพุทธะ ผู้รู้ถูก ผู้ตื่นจากการหลับไหล ผู้เบิกบานในธรรมตามความเป็นจริง
    เป็นผู้คงทีแล้ว พ้นแล้ว ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว ทั้งหมดมีพระพุทธพจน์รองรับ

    หลักการง่ายๆไม่ต้องตีความมากมาย เมื่อรู้จักฐานที่สงบมั่นคงดีแล้ว
    เวลาที่ต้องออกมาใช้ในชีวิตประจำวัน ก็ต้องมีการกระทบกระทั่งกับอารมณ์อยู่ตลอดเวลา
    เมื่อกระทบอารมณ์แล้วยึด(เป็นทุกข์)เข้ามาของๆตน จิตก็วุ่นวายสับสนใช่หรือไม่?
    แต่พอกระทบอารมณ์(ทุกข์)แล้ว รู้ว่า นั่นไม่ใช่ที่ๆสงบ
    ไม่ส่งออกซะอย่าง หรือส่งออกไปแล้วก็ตาม ดึงกลับ งอกลับ หวนกลับ
    สู่ฐานที่ตั้งที่สงบมั่นคง จิตก็ไม่วุ่นวายสับสนใช่หรือไม่?

    ของแบบนี้ต้องลงมือปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนา(สัมมาสมาธิ)
    จนหาฐานของจิต ที่สงบมั่นคงได้เองแล้ว ดีกว่าคำตอบนี้เป็นไหนๆ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  2. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    พี่ธรรมภูต วิมุติมี 5

    ปหาน วิเวก นิโรธ โวสัคคะ ก็เป็นลักษณะเดียวกัน

    แต่จะเป็น 2 หรือ 3 หรือ 5 ก็แล้วการแบ่งไปตามประเภท ก็ว่ากันไปตามตำรา ตามชื่อเรียก

    แต่ติดใจตรงที่พี่ธรรมภูต อาจจะใช้คำผิด ที่บอกว่า ตทังควิมุตติ หลุดพ้นชั่วคราว คือด้วยอำนาจของฌาน

    ซึ่งในตำราอภิธรรมกล่าวไว้ว่า ตทังควิมุตติ คือ พ้นด้วยธรรมอันเป็นคู่ปรับ

    ส่วนที่พ้นจากกิเลสด้วยอำนาจการข่มไว้หรือฌาน คือ วิขัมภนวิมุตติ ไม่ใช่หรือ

    ตทังคปหาน/วิมุตติ/นิโรธ/ พ้นชั่วคราว (สีล)

    วิกขัมภนปหาน/วิมุตติ/นิโรธ/ พ้นด้วยการข่มไว้ (สมาธิ)

    สมุจเฉทปหาน/วิมุตติ/นิโรธ/ พ้นเด็ดขาด (มัคค)

    ปฏิปัสสัทธิปหาน/วิมุตติ/นิโรธ/ พ้นสนิท (ผล)

    นิสสรณปหาน/วิมุตติ/นิโรธ/ พ้นเลย (นิพพาน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2012
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    หลงวันหลังทำให้ตอบง่ายหน่อยสิ ใช่หรือไม่ใช่
    ช่วยกระชับสักนิดก็ดีนะ

    จิต เป็นธาตุรู้ เป็นนามธรรม ไม่ใช่นามขันธ์
    ก็อย่างที่บอก อ่านช้าๆเพื่อทำความเข้าใจ
    อย่าอ่านเพื่อรีบจะตอบสิ
    รูปที่มีจิตครองเท่านั้น จึงเกิดนามขันธ์อีก๔ได้ใช่หรือไม่?
    ทำไมคนตายจึงไม่มีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณหละ?เพราะอะไร?



    เพราะอวิชชามีจึงมีทุกข์ เพราะอวิชชาดับทุกข์จึงดับ
    ทุกข์และอวิชชาล้วนเกิดขึ้นที่ไหน? ตอบแบบตรงไม่ต้องออกนอกประเด็นไปมาก ที่ไหน?


    ไม่ใช่อุปาทานมากมายหรอก แค่อุปาทานขันธ์ตัวเดียวก็ ก็ครอบที่พูดมาทั้งหมดแล้ว

    ไปเช็คกับพระพุทธพจน์ได้เลย


    ถ฿งไม่ใช่จิต แต่ก็ไม่พ้นไปจาก ที่ทำให้เกิดชีวิตินทรีย์

    จะไปงงอะไร ก็ไปโรงพยาบาล แล้วเดินไปห้อง"ดับจิต"
    ถามเค้าดูก็จะรู้เองว่า เพราะอะไรจึงเรียกว่า "ดับจิต"
    จิตดับ คือจิตดับจากอารมณ์หนึ่งไปสู่อีกอารมณ์หนึ่ง ตลอดเวลาที่กระกับอารมณ์
    ดับจิต ก็คือ.....มีเวลาไปถามเอาเองจะได้หายงง


    ข้อนี้เห็นด้วย ไม่มีปัญหาอะไร ^^




    เช่นกันครับ คุณธรรมภูติ :cool:[/QUOTE]
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ดีครับที่ช่วยเสริม ผมต้องการเพียงให้ เห็นการแยกออกแบบหยาบๆ
    ก็จะได้ แบบชั่วคราว กับแบบถาวรเท่านั้นครับ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  5. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    [/QUOTE]

    คำถามครับ จิตดับ คือการดับอารมณ์

    จิตดับ คือการดับขันธ์ หรือคืนขันธ์

    ในที่นี้ จิตหมายถึงอะไร

    หรือ จิตเราดับได้ในชีวิตประจำวัน ผมชัก งง
     
  6. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    อ่อครับ เจริญในธรรมครับ
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ลีโอ ไอ้นี่มันบ้า

    55+ ใครที่ไม่บ้า ก็จะรู้ว่าไอ้นี่มันบ้า

    รูปารมณ์ อารมณ์คือรูป ใช่หรือไม่?

    คงเห็นแล้วนะ คนที่ยังไม่หายบ้า ที่โดนอวิชชาครอบงำ55+

    ที่พูดมาล้วนเป็นอารมณ์ของจิตทั้งสิ้น

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ................ไม่สิพี่หลง ผม อธิบายว่า แสบจี้ด นั้น พี่ก็รู้อยู่แล้วว่า อาการที่เรารู้ กับ บัญญัติ มันคนละเรื่องกัน....แล้วอาการนี่ ก็ รู้ได้เฉพาะตน คนอื่นจะคิดว่า รู้แบบ เราไม่ได้อยู่แล้ว.....:cool:
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..............ไม่ต้องรอ หรอกพี่หลง พิจารณาได้เลย กาย เวทนา จิต ธรรม เพราะ การรู้ว่า ไม่มีอะไรเกิด กับ มีอะไรเกิดขึ้นมาก็รู้.....................ส่วนอานาปานสติ ก็ช่วยได้นะครับ นั่น คือ การมีสติเหมือนกัน...มันถึงจะเห็นการเปลี่ยน ของสภาพธรรม ว่าเป็น อนิจจัง:cool:
     
  10. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    นี่แสดงให้เห็นเลยว่าภาวนายังไม่ถึง
    การปฏิบัติขณะที่อยู่ในสติปัฏฐาน 4

    ตากระทบรูป เกิดเป็น จักษุิวิญญาณ
    เกิดแล้วดับไป
    เป็นแค่เพียงสักว่าเท่านั้น

    ไม่ปรากฎรูปารมณ์ขึ้นมา
    อย่างนี้จะมีแค่จิตกับอารมณ์อย่างนั้นเหรอ

    จักษุวิญญาณ เกิดมาแล้วดับไป
    เป็นแต่เพียงสักว่า
    รูปารมณ์ไม่เกิด

    อย่างนี้มีแค่จิตกับอารมณ์อย่างนั้นเหรอ
     
  11. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    แสบจิีด เป็นสมมุติที่มั่นหมายขึ้นมา

    เข้าว่าเป็นเวทนาเพราะมันมีอาการปรากฏให้รู้ หมายถึง ยึดเวทนา ถ้าเข้าใจความหมายผิด ขออภัย

    ไม่มีเจตนาสร้างมานะ ข่มว่าทางนี้ดี ทางนี้ไม่ดี อธิบายตามที่ถามเผื่อใช้พิจารณาเทียบเคียงเท่านั้น

    อันนี้ก้พูดบ่อยนะ เวลาประจักษ์ธรรม ญาณมันเกิด มันสภาวะธรรมมาลองรับเสมอ

    รู้ตรงไหน ก้เกิดตรงนั้นเลย เดินๆอยู่ก็ประจักษ์ญาณได้ ^^


    เรื่องรอ คงไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาให้มันเกิด

    แต่หมายถึง สติรู้ อยู่ที่ทวาร ๖ ครับ อารมณณ์กระทบทวารใดก้รู้

    พูดบ่อยมาก ว่ารู้ตรงที่กระทบอารมณ์

    เราไม่รู้หรอกว่าทุกๆขณะ วิบากจะส่งผลทางทวารใด ตามที่เคยได้สร้างมาบ้าง

    เรื่องอานาปาไม่ต้องเน้นบ่อยก็ได้ เข้าใจแล้ว ว่ารู้ทั่วกองลม

    กายสังขารระงับ จิตสังขารระงับ ก็ดูจากกองลม สติอยู่ที่รู้ลักษณะลมเข้าออก

    ผู้พิจารณาลมบ่อยๆ มีคุณมาก ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2012
  12. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ยังขยายไม่ชัดเลย

    ตรงนี้ละ ที่คุณธรรมภูติเข้าใจว่า จิตไม่ใช่ขันธ์

    ถ้าดับจิตไม่มีขันธ์๔ นั้นจิตเดิมแท้เลยนะ ไม่มีเหตุปรุงแต่ง ผมว่าเข้านิพพานไปไม่ดีกว่าหรือ

    เพราะว่า รูปนามดับ ก็หมดปัจจัยปรุงแต่งแล้ว

    ก็พูดเองไม่ใช่หรือ จิตหลุดพ้นจากขันธ์ เป็นวิมุตติ

    ก็พูดเองไม่ใช่หรือว่าตายไป เหลือแต่จิตรู้ ไม่มีปรุง ไม่มีเวทนา สัญญา สังขารปรุงแต่ง

    นั้นก็สภาพ วิมุตติ ในสำนักธรรมภูติดีๆนี่เอง ^^



    ส่วนคำว่า จิตดับ คือไร อธิบายหน่อยสิ

    ก็ตนเชื่อเองไม่ใช่หรือ ว่า จิตดวงเดียว ไม่เกิดไม่ดับ ที่ดับคืออาการจิต

    พิจารณาดีๆนะครับ ก่อนเที่ยวไปตั้งกระทู้ในพันทิป ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2012
  13. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608


    พระอรหันต์...........ฟังเรื่องของ..........พระอนาคามี.......รู้เรื่อง
    พระอนาคามี..........ฟังเรื่องของ..........พระสกทาคามี.....รู้เรื่อง
    พระสกทาคามี.........ฟังเรื่องของ..........พระโสดาบัน......รู้เรื่อง
    พระโสดาบัน...........ฟังเรื่องของ..............ปุถุชน.........รู้เรื่อง


    เต่า......................ฟังเรื่องของ...............ปลา...........รู้เรื่อง




    พระอรหันต์..............ฟังเรื่องของ....

    ปลา+เต่า+ปุถุชน+พระโสดาบัน+พระสกทาคามี+พระอนาคามี........รู้เรื่อง???????????


    พระธรรมจงคุ้มครองเหล่าสหธรรมมิก ให้รู้จักพระนิพพาน ที่แท้จริง
    ในเร็ววันด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  14. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    จะมาถามเราทำไม ว่า

    ท่านเป็นเต่า เป็นปลา เป็นปุถถุชน เป็นผู้ทรงศีลผู้สละทางโลกแล้ว

    ที่จริง ที่ซัก ตอบกระทู้กัน มันเป็นเรื่องทัศนะ

    ต่างตนก็ยืนทิฏฐิตามที่ตนประจักษ์ สำคัญตามเหตุผลตน

    คนกลางฟังรู้บ้าง ไม่รู้บ้าง ตัดสินอารมณ์ ปลงใจเชื่อยังไม่ได้

    เพราะฟังเขาว่าต้องเป็นอย่างนี้ หรือเห็นมาแล้วว่าเป็นอย่างนี้

    ผู้นี้จึงกล่าวถูก ลักธินี้จึงถูก ผู้นั้นจึงกล่าวผิด เป็นเรื่องเต่าคุยกับแมวบ้าง


    เมื่อมันถูกเราไม่ถูกเขา ก็ดูไปสิว่ามันลงได้กับพระไตรปิฏกรึเปล่า ขัดแย้งกันรึเปล่า

    ถ้าขัดกัน สิ่งที่คิดว่าถูกอาจไม่ถูกทางก็ได้ ผมอาจจะกล่าวผิดก็ได้

    ขอนิมนต์ ท่านผู้ทรงศีลผู้เจริญแล้ว จักทบทวนเถิด ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2012
  15. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    อย่ากล่าวเรื่องทุ่มเถียงแก่งแย่งกัน แต่จงกล่าวเรื่องความพ้นทุกข์


    ภิกษุ ท.! พวกเธออย่ากล่าวถ้อยคำที่ยึดถือเอาแตกต่างกัน ว่า "ท่าน
    ไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้, ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้, ท่านจักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยได้
    อย่างไร ท่านปฏิบัติผิด, ข้าพเจ้าซิปฏิบัติชอบ, คำควรกล่าวก่อน ท่านกล่าว
    ทีหลัง คำควรกล่าวทีหลัง ท่านมากล่าวก่อน คำพูดของท่านจึงไม่เป็นประโยชน์
    คำพูดของข้าพเจ้าเป็นประโยชน์. ข้อที่ท่านเคยถนัด มาแปรปรวนไปเสียแล้ว.
    ข้าพเจ้าแย้งคำพูดของท่านแหลกหมดแล้ว, ท่านถูกข้าพเจ้าข่มแล้ว เพื่อให้ถอน
    คำพูดผิด ๆ นั้นเสียหรือท่านสามารถก็จงค้านมาเถิด:" ดังนี้.พวกเธอไม่พึง
    กล่าวถ้อยคำเช่นนั้นเพราะเหตุไรเล่า? เพราะการกล่าวนั้น ๆ ไม่ประกอบด้วย
    ประโยชน์ ไม่เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์
    ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน.

    ภิกษุ ท.! เมื่อพวกเธอจะกล่าว จงกล่าวว่า "เช่นนี้ ๆ เป็นความ
    ทุกข์, เช่นนี้ ๆ เป็นเหตุให้เกิดทุกข์, เช่นนี้ ๆ เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,
    และเช่นนี้ ๆ เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์;" ดังนี้. เพราะ
    เหตุไรจึงควรกล่าวเล่า ? เพราะการกล่าวนั้น ๆ ย่อมประกอบด้วยประโยชน์
    เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์ เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลาย
    กำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน.

    ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทำความเพียร
    เพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า "นี้เป็นทุกข์, นี้เป็นเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์, นี้เป็นความ
    ดับไม่เหลือแห่งทุกข์, นี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์," ดังนี้เถิด.


    - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๕/๑๖๖๒.
     
  16. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    จิตตินนท์ราศีจับเลย

    อนุโมทนาในพระธรรมที่นำมาแสดง และ หยั่งให้เกิดสติ ครับ
     
  17. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    ยะทา หะเว
    ปาตุ ภะวันติ ธัมมา
    อาตาปีโน ฌายะโต พรัมหมะณัสสะ
    อะถัสสะ กังขา วะปะยันติ สัพพา


    ในกาลใดแล ธรรมทั้งหลายปรากฏแก่
    พราหมณ์ผู้เพียรเพ่งอยู่
    ในกาลนั้น ความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป


    อาตาปีโน ฌายะโต พรัมหมะณัสสะ = พราหมณ์ผู้เพียรเพ่งอยู่
    ขอให้สหธรรมมิก หลงเข้ามา ได้พบธรรมอันเป็นเอก เป็นหนึ่ง เป็นสัจจะ อกาลิโก มีอานุภาพไม่จำกัดกาล
    ให้เร็ววัน ด้วยความเพียรเพ่ง ของท่านเองด้วยเทอญ

    ส่วนข้าพเจ้าเองก็กำลังเพียรเพ่งอยู่เช่นกัน สาธุ สาธุ สาธุ
     
  18. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075

    สาธุในการงาน มีสติ สัมปชัญญะ และความเพียรนั้นๆ

    สาธุ สาธุ สาธุ<!-- google_ad_section_end -->
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หลงเอ๋ยหลงแล้วอย่าหลงไปไกลนัก
    เมื่อรู้ว่าหลงควรหวนกลับ จะได้ไม่หลงแล้วหลงเลย
    ก็เพราะคิดแต่จะพูดในสิ่งที่ตนเองอยากพูดออกมาเท่านั้น
    และเชื่อว่าที่รู้หนะถูกแล้ว หลักในพระพุทธพจน์มีให้เทียบเคียงก็ไม่เอา
    จึงไม่คิดที่จะฟังใครหรืออ่านของใครให้เข้าใจโดยใจเป็นธรรมเลย
    ถามแล้วช่วยตอบแบบ ใช่หรือไม่ใช่ ให้ชัดเจนว่า ใช่เพราะอะไร? ไม่ใช่เพราะอะไร?
    พระนิพพานเมื่อไม่มีเหตุที่ทำให้ปรากฏขึ้นมา จะปรากฏขึ้นมาเองได้หรือไม่?
    พระนิพพานปรากฏขึ้นมาเพราะอวิชชาดับไปใช่หรือไม่?
    พระนิพพานเป็นสภาวะคือความสิ้นไปแห่งราคะ โทสะ โมหะใช่หรือไม่?
    พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เองบรรลุพระนิพพานใช่หรือไม่?
    พระพุทธองค์ขณะที่ยังทรงดำรงชีพอยู่ด้วยเหตุแห่งรูป-นามใช่หรือไม่?

    จิตมีธรรมชาติออกรู้รับอารมณ์ เพราะอวิชชาครอบงำจิตอยู่ใช่หรือไม่?
    เมื่อจิตรู้รับอารมณ์ได้ ก็สามารถฝึกฝนจิตให้รู้ แตไม่รับอารมณ์เข้ามาใช่หรือไม่?
    การที่จิตรู้ว่าโกรธ แต่ไม่รับอารมณ์ที่ทำให้โกรธเข้าเป็นของจิต ย่อมได้ใช่หรือไม่?
    มีพระพุทธพจน์รับรองไว้ว่า "จิตของเราสิ้นการปรุงแต่ง=วิสังขาระคะตัง จิตตัง"

    อย่ารีบเหมาเอาเองสิว่า ผู้รู้กับสิ่งที่ถูกรู้ เป็นรูป-นาม
    ผู้รู้คือจิต สิ้งที่ถูกรู้คือรูป-นามหรืออารมณ์นั่นเอง
    ร่างกายที่ตายไป ไม่มีจิตครองจะมีจะมีนามขันธ์๔ได้หรือ
    เอารูป-นามขันธ์๕ที่ไหนมาเป็นพระนิพพาน พระนิพพานไม่ใช่อะไรทั้งนั้น
    พระนิพพานคือความบริสุทธิ์ ปราศจากกิเลสคือราคะ โทสะ โมหะ ใช่หรือไม่?

    จิตไม่ใช่นิพพาน นิพพานก็ไม่ใช่จิต อย่าคิดเองสิ ทำพระพุทธพจน์เสียหายหมด
    ถ้าไม่มีผู้ที่พ้นแล้วจากกิเลสมาบอกว่า เราพ้นแล้ว จะรู้มั้ยว่า พระนิพพานมีอยู่จริงใช่หรือไม่?
    เมื่อผู้พ้นก็ไม่มีอยู่จริง ผู้จมปรักในกองทุกข์ก็ย่อมไม่มีเช่นกันใช่หรือไม่?
    พระพุทธพจน์ชัดๆว่า"วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ ตณฺหานํ ขยมฌฺชคาแปลว่า
    จิตของเราสิ้นการปรุงแต่ง บรรลุพระนิพพานเพราะตัณหาแล้ว"
    พระพุทธองค์ทรงสอนว่า ไม่ให้จิตปรุงแต่งสิ่งใดๆทั้งสิ้น(วิสังขาร)
    คืออย่าให้จิตไปเที่ยวออกไปยึดถืออะไรๆมาเป็นของๆเรา เพราะสิ้นตัณหา(ทะยานอยาก)แล้วใช่หรือไม่?
    กลัวอะไรนักหนากับคำว่า"เรา" มีไว้ใช้สื่อสารให้เข้าใจกัน ว่าผู้พูดคือใคร คำว่า"เรา"ไม่ใช่มีไว้ให้ยึด

    ใครชัดๆสิว่า อะไร/ใคร เป็นสิ่งที่มาดับผ้พ้นอีดทีหนึ่ง? อย่าเบียงประเด็นไปไกลๆอีกล่ะ
    ที่บอกว่าดับด้วยปัญญาหนะ ปัญญามาจากไหน เกิดขึ้นเองลอยๆหรือ?
    สติ สมาธิ ปัญญาล้วนเกิดขึ้นที่ไหน? เอาแบบชัดๆเช่นเคย
    พระพุทธองค์ดับกิเลสหมดสิ้นด้วยปํญญาญาณของพระพุทธองค์ใช่หรือไม่?
    แล้วปัญญาญาณของพระพุทธองค์ทรงตั้งอยู่ที่ไหน? เอาแบบชัดๆเช่นเคย

    ถ้าไปบอกใครว่า ศาสนาพุทธของเรา ไม่มีผู้พ้นจริง เป็นเพียงสมมุตติ(ติต่าง)ขึ้นมาเอง สนุกๆเท่านั้น
    แบบนี้ใครหน้าไหนมันจะยอมเข้ามาปฏิบัติหรือเชื่อพระพุทธศาสนาอีกล่ะ
    ในเมื่อเป็นของโกหกพกลมมีแต่ของที่ไม่มีอยู่จริง เพราะผู้พ้นทุกข์จริงๆไม่มีใช่หรือไม่?
    ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลงจึงไม่เชื่อ ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    เพราะหลงคิดเองว่า เป็นเพียงสมมุติ ไม่มีอยู่จริง มีแต่ทุกข์ แต่ผู้พ้นทุกข์ไม่มีอยู่จริง? เวรกรรมๆ
    ต่อไปนี้ขอจงอย่าแอบอ้างเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์บังหน้าอีกเลย
    ในเมื่อเชื่อว่า ในโลกนี้มีแต่ของที่ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงสมมุติเท่านั้น...เอวัง
    เจริญในธรรมทุกๆท่าน

     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ***
    ^
    ^
    หลงเอ่ยพูดเองเออเอง ถึงกับยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่า
    กำลังพูดเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ของจิตทั้งสิ้น
    เป็นโมหะของหลงจริงๆเลยนะ พอมีพวกหน่อยเหมือนเคยได้ช่อง กล่าวโทษเสียเลย55+

    ที่พูดมาข้างบนทั้งหมดมีสิ่งไหนบ้างที่ไม่เกี่ยวเนื่องด้วยอารมณ์?
    อายตนะ ตามีรูปเป็นอารมณ์ หูมีเสียงเป็นอารมณ์ฯลฯ
    ธาตุทั้งหลายที่ผสมปนเปอยู่ทั้งหลาย ล้วนเป็นอารมณ์ของจิตทั้งสิ้นใช่หรือไม่?
    ศรัทธาความเชื่อทั้งหลาย ก็ล้วนเป็นอารมณ์ของจิตใช่หรือไม่?
    ทุกข์ควรกำหมดรู้ว่า อารมณ์ทั้งหลายล้วนเป็นทุกข์ ควรละเสีย

    ถ้าคิดว่าจะไม่ฟังใคร ต้องแน่ใจมั่นใจในตนเองก่อนสิ
    ขนาดที่ตอบคำถาม ก็ยังพยายามเลี่ยงเพราะไม่แน่ใจตนเองเลย....
    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
    __________________
     

แชร์หน้านี้

Loading...