พระพุทธศาสนาสอนเรื่องจิตกับอารมณ์เท่านั้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 7 มีนาคม 2011.

  1. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ถั่มต้มนะค๊าบ

    เจตสิกล้วนเป็นอารมณ์จิต เป็นฝ่าย สัญญาขันธ์ เวทนาขันธ์ สังขารขันธ์

    ซื่ง ขันธ์ ๓ นี้ก็เป็นฝ่ายนามธรรม

    วิญญาณขันธ์ หรือ จิต หรือ มโน สามารถรู้อารมณ์ได้


    ถัวต้มนะค๊าบ

    รูป คือ รูปขันธ์ จำแนก เป็นมหาภูติรูป ๔

    จำแนกเป็นภาวะ จำแนกเป็น รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เป็นฝ่ายรูปธรรม

    ตรงนี้ จิตเป็นนาม สามารถไปรู้รูปได้

    เพราะ ขึ้นชื่อว่าจิต ย่อมมีธรรมชาติรู้ เมื่อมีรู้ย่อมมีสิ่งที่ถูกรู้

    เหมือนไฟกับแสงไฟ แยกออกจากกันไม่ได้


    ถั่วต้มนะครับ ไหนเลยเกินกว่าจิตกับอารมณ์

    ที่ใดมีนามรู้ ที่นั้นไม่พ้นจากอารมณณ์ถูกรู้ ในรูปนาม

    แต่ต้องไม่ลืมว่า พระนิพพานก็พ้นความเป็นรูปนามนะค๊าบ ^^

    ในปฎิจสมุปบาท มีปรากฏอยู่นะค๊าบ
     
  2. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    อ้างอิง......
    พระบาลีในพระพุทธพจน์ก็ชี้ชัดไว้ว่า “เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส” เมื่อจิตที่เป็นธาตุรู้ ทรงไว้ซึ่งความรู้เป็นสมาธิได้รับความบริสุทธิ์ ย่อมเป็นการชี้ชัดว่า จิตที่เป็นธาตุรู้นั้น รู้สักแต่ว่ารู้ บริสุทธิ์ไม่มีสิ่งอื่นเจือปนคือไม่มีอารมณ์กิเลสและอุปกิเลสทั้งหลายเข้ามาเจือปนให้จิตเสียคุณภาพไป คือรู้สักแต่ว่ารู้ จิตเป็นวิสังขาร สิ้นการปรุงแต่ง ไม่ผสมปนเปกับอารมณ์กิเลสหรืออุปกิเลสแม้เพียงเล็กน้อย

    ฯลฯ
    และัทรงสอนให้ชำระจิตให้บริสุทธิ์ โดยการปฏิบัติสัมมาสมาธิ ตามหลักอริยมรรค ๘ เพื่อให้จิตสงบตั้งมั่นหลุดพ้นจากการครอบงำปรุงแต่งของอารมณ์ เพื่อถึงที่สุดทุกข์ หรือพระนิพพานนั่นเอง

    เรียน ท่านธรรมภูติ

    อธิบายได้ทะลุแจ่มแจ้งดีครับ อยากถามท่านสัก 2 ข้อ เพื่อเป็นความรู้ มิใช่ลองของ

    1.เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ สิ้นการปรุงแต่ง จบกิจแล้ว มันจะมั่นคงอยู่อย่างนั้นตลอดไปไม่มีเสื่อมเลยได้อย่างไร ??
    2.จิตไม่มีสิ่งใด ๆ มาทำให้มัวหมอง มีความบริสุทธิ์แล้ว ด้วยการปฏิบัติที่จิต เราจะเชื่อมโยงกับการใช้ปัญญา(วิปัสสนา)อย่างไร ??

    หากเป็นคำถามที่ไร้สาระ ประทานโทษด้วยครับ..
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075

    จิตคือธาตุรู้ หากแสดงความเป็นธาตุ

    จิตเป็นนามรู้ หากแสดงความเป็นนามรู้

    จิตเป็นวิญาณ หากแสดงความเป็นนามขันธ์



    ส่วนรู้แล้วปล่อยรู้เป็นภาษาพูด โดยนัยแล้ว

    เกิดจากความเข้าไปรู้สัจจะ เห็นแจ้งจึงคลายความยึดมั่น

    ทั้งนี้เป็นไปตามเหตุ สิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้ดับสิ่งนี้จึงดับ


    จิตมีธรรมชาติ มันรู้เฉยๆ

    ที่รู้ผิด รู้ถูก เป็นเพราะขณะนั้น เกิดจากอำนาจของโมหะปิดบังความไม่รู้ทุกขสัจ

    และ เกิดจากปัญญาที่เข้าไปรู้ทุกขสัจ

    นี้ก็เป็นอารมณ์ของจิต เป็นส่วนของนาม ในสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่ง

    ที่ยึดมั่นเป็นเรา เพราะ โมหะที่สั่งสมมา หากสาวลึกลงเป็นจะเป็นเรื่องของอุปทาน

    ซื่อย่อยกันเป็นลำดับขั้นอีกก็ได้ อุปทานกาย อุปทานขันธ์ อุปทานจิต อุปทานธาตุ



    ถั่วต้มนะค๊าบ

    มีรู้ที่ไหน มีสิ่งที่ถูกรู้ที่นั้นเช่นกัน

    กายนี้ก็เป็นรูป เนื่องจากธาตุ๔ ประชุมกัน

    ธาตุนี้ก็เป็นรูป ใบไม้ ต้นหญ้า ก้อนหิน ก็เป็นรูปอันเกิดแต่ธาตุ ๔

    รูปนี้ไม่มีจิต จึงไม่สามารถรู้อะไร


    แน่นอนครับ

    ก้อนหิน ดินทราย ไม่มีวิญญาณ ย่อมไม่รู้อารมณ์

    แต่ลักษณะธรรมในรูปก็ไม่ได้ขาดแคลน สูญหายไปไหน

    ก็ หินอันเกิดแต่ปฐวี ย่อมมีความแข็งเป็นลักษณะ

    อุณหภูมิ ร้อนเย็น ย่อมปรากฏเตโชเป็นลักษณะ

    ความเป็นกลุ่ม ก้อน ยึด แตกสลาย ย่อมปรากฏปฐวีเป็นลักษณะ

    ความกลิ้ง ความไหว ย่อมปรากฏวาโยเป็นลักษณะ

    นี้คือธาตุภายนอก ที่มีธาตุหนึ่งเป็นใหญ่ และ ๓ธาตุที่เหลือประชุมอยู่ด้วย

    ธาตุภายในก็ไม่ต่างกัน


    ชีวิตินทรีย์ คือความดำรงค์ ความคงอยู่ชั่วขณะแห่งธรรมนั้นๆ ไม่ใช่จิต

    ไม่เนื่องด้วยอารมณืแล้วครับ

    นามขันธ์ เป็นปัจจัยแก่กัน ที่ปรุงแต่งคือสังขารขันธ์

    เวทนา สัญญา ก็จัดเป็น อารมณื การปรุงแต่งเช่นกัน

    แต่หน้าที่หลักชัดเจน ท่านจึงแยกออกมาเป็นขันธ์

    ตรงนี้เริ่มงงแล้ว ไหนเคยกล่าวว่าจิตดวงเดียว ไม่เกิดไม่ดับ

    มาถึงตรงนี้กลับกล่าว ดับจิตไม่ใช่จิตดับ

    ถ้าดับจิตไม่มีขันธ์๔ ผมว่าเข้านิพพานไปไม่ดีกว่าหรือ

    เพราะว่า รูปนามดับ ก็หมดปัจจัยปรุงแต่งแล้ว

    พึงทราบว่า เมื่อกายอยู่ไม่ได้ จิตย่อมแสวงหาภพใหม่ ตามอำนาจกรรม

    พุทธพจน์ตรัส สัตว์มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นที่อาศัย

    ทีนี้หากกล่าว จิตดวงเดิมไปปฏิสนธิ เกิดเป็นเดรัจฉา เป็นเทวดา นั้นเป็นเพราะปัจจัยของกรรมนำเกิด

    หรือว่าจิตกู กูเลือกเกิดได้



    ข้อนี้เห็นด้วย ไม่มีปัญหาอะไร ^^


    เช่นกันครับ คุณธรรมภูติ :cool:
     
  4. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    ขอบคุณท่านธรรมภูต


    ขอขอบคุณท่านธรรมภูต ที่ตอกย้ำเรื่อง วิญญาณขันธ์ ไม่ใช่ จิต ผมจึงเอาธรรมนี้มาเพ่งพิสูจน์
    เพ่งพิสูจน์ เพ่งพิสูจน์ เพ่งพิสูจน์

    จนกระทั่งผมพุ่งไปค้นหาคำตอบ และ เจอ!

    ตอนนี้ผมพอจะเข้าใจแล้ว
    อยู่ที่ราชบุรี ขอบคุณท่านธรรมภูตอย่างมากมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2012
  5. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เจออะไรหรอครับ ^^
     
  6. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    อาหลงสงสัยเป็นด้วยเหรอเนื่ย นึกว่ามั่นใจในสิ่งที่รู้เหมือนอาเคขวัญ
     
  7. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ไม่สงสัยหรอก เกรงว่าเข้าทางเข้าลักธิ จิตไม่ใช่ขันธ์ ๕ ^^
     
  8. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    อ้าวแล้วอาหลงว่ามันใช่ขันธ์ ๕ ไหมละครับ จริงๆแล้วคำตอบของอาหลงก็มีแล้วนะ อะไรก็ตามที่เป็นสิ่งซึ่งอาศัยสิ่งนั้นอยู่เป็นของๆสิ่งนั้นหรือไม่ อันนี้ให้อาหลงตอบ เช่น บ้านที่เราอาศัยอยู่นั้นในความเป็นจริงเมื่อบ้านพังหรือไม่มีบ้านนี่เราไปอยู่ไหน ก็คงต้องหาบ้านอยู่จริงไหมอาหลง (ถ้ามีตังค์หาซื้อก็ซื้อไปแต่ถ้าไม่มีคงต้องไปนอนวัดแต่นอนวัดบางทีก็ถูกสมภารไล่ตะเพิดว่าไหม) ไม่มีใครเป็นของใครหรอกเป็นเพียงสิ่งอาศัยเท่านั้น
    สาธุคับ
     
  9. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ไม่รอให้ถามกลับนะ ตอบมันตรงนี้เลย ^^

    คำว่า โลก ทางธรรมท่านหมายเอาจิตก็ได้ อายตนะก็ได้ ธาตุก็ได้ ขันธ์ก็ได้

    ในที่นี้จะกล่าววิญญาณขันธ์

    ก็โลกทางอายตนะ ย่อยได้อีก ๖ ทวารวิถี

    เกิดจากธรรม ๓ อย่าง ผัสสะกัน

    โลกทางตา มีการเห็นเป็นอารมณ์ รู้ได้เฉพาะปัจจุบัน เกิดจักขุวิญญาณ

    โลกทางหู มีการได้ยินเสียงเป็นอารมณ์ รู้ได้เฉพาะปัจจุบัน เกิดโสตวิญญาณ

    ไล่ไป จมูก ลิ้น กาย ต่างก็สามารถรู้ได้เฉพาะทาง เฉพาะอายตนะ

    ทีนี้ โลกทาง หมายถึงมโน หรือจิต หรือมโนวิญญาณ สามารถรับรู้ได้ ๓ กาล

    คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต มีธรรมชาติรู้ และที่อเมซิ่งคือ จิตสามารถรู้จิตเองได้



    ทีนี้เข้าเรื่องเลย

    ะรรมชาติจิต เกิดดับ แต่เพราะความตั้งมั่นแห่งสมาธิ

    จิตจึงตั่งมั่นเกิดดับซ้ำอยู่อย่างนั้น จนเข้าใจว่าไม่เกิดไม่ดับ

    ทีนี้ใครภาวนาถึงตัวรู้ที่พูดๆกัน จนกายดับ เวทนาระงับ ด้วยอำนาจความมีอารมณ์เดียวแห่งจิต

    เหมือนขันธ์ดับหาย เหลือแต่จิตรู้

    บางท่านว่านี้ล่ะ ขันธ์ไม่ใช่จิต เห็นอย่างนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิมาก

    เพราะ ขณะที่ผู้รู้ปรากฏอยู่ แน่ใจหรือว่า ขณะนั้นไม่ถูกขันธ์๓ปรุงแต่งอยู่


    คำถาม

    ขณะรู้เฉยๆ ก็เฉยนั้นคืออะไรเล่า อุเบกขาเวทนา อุเบกขาโมหะ หรือ อุเบกขาฯลฯ

    ขณะรู้ นั้น มีความคิดไหม จำสภาวะได้ไหม ถ้ามีนั้นก็เป็นกิจ สัญญา

    ขณะรู้นั้น คิดดีไหม หรือสงสัย หรือ สุข ถ้ามีขะนั้นสังขารทำกิจปรุงอยู่

    ขณะรู้นั้น มีความรู้สึกว่าจิตนี้เป็นเราไหม ถ้ามีนั้นก็ไม่ใช่ปัญญา แต่เป็นโมหะ เป็นอัตตาที่ยึดมั่น

    พึงทราบว่า

    จิตรู้จิตเองได้ แต่เหตุให้ระลึกรู้ นั่นคือสติ ที่เห็นความไม่ใช่เรา ความไม่เที่ยง นั้นเปนปัญญาที่ดับอัตตา

    เหตุที่สำคัญผิดว่าวิญญาณไม่ใช่จิต เพราะจิตไปรู้วิญญาณที่ปรากฏทางอายตนะ ๕

    ตา หู ลิ้น จมูก กาย ว่านี่ไงวิญาณ รู้แข็ง ยังมีผู้รู้ว่ารู้แข็งอีกทีเห็นไหม

    จิตไม่ได้ไปแข็งกับมันด้วยเลย ความเห็นอย่างนี้ มันเข้าทางนิกายจิตอมตะวาท

    เข้าม สสัสตทิฏฐิ สำคัญว่าจิตเที่ยง จิตเดิมแท้


    หากอยากพิสูจน์ง่ายๆ ให้ลองกำมือดู จะรู้สึกแน่นแข็ง อันเกิดจากธรรม ๓ อย่าง ผัสสะกันทางกาย

    ตรงโผฏฐัพพะ เกิดกายวิญญาณ ที่ทำกิจรู้แข็ง

    ทีนี้ เมื่อระลึกให้ดี ทางมโน หรือจิตนี่แหละที่ระลึกรู้ความแข็งที่กายวิญญาณอีกที

    ก็มโนทวารนี่ล่ะ ที่ใช้พิจารณารู้ธรรมต่างๆได้ ที่เข้าใจกันว่าเป็นจิต

    แล้วไประลึกจิตรู้จิต มันก็ระลึกได้เรื่อยๆเหมือนหูกินหาง

    ท่านให้ดูความไม่เที่ยง ความเกิดดับ ควาเป็นไตรลักษณ์
     
  10. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    เออ ก็เอาตามนั้นแหละ อ่านประโยคเดียวพอ ขันธ์ทั้งหลายมีอะไรน่าสนใจบ้าง เพราะขันธ์ทั้งหลายมีองค์ประกอบขึ้นเป็นขันธ์ได้เพราะอาศัยธาตุสี่ขันธ์ และดำรงอยู่ได้ด้วยอาศัยธาตุรู้หรือจิต จิตไม่ได้เที่ยงแต่ไม่ได้อาศัยความจำเพาะเจาะจงว่าจิตต้องเป็นสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งนี้ มิเช่นนั้นเราคงต้องมองหาจิตไปทั่วทุกสรรพส่วนของร่างอันประกอบขึ้นด้วยธาตุสี่ขันธ์ห้านี้เพราะทุกๆอณูของเซลล์ในร่างกายเรานี้มีองค์ประกอบของขันธ์ทั้งห้าทั้งหมดทั้งปวง ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปก็เป็นจิตได้ เวทนาก็เป็นจิตได้ สัญญาก็เป็นจิตได้ สังขารก็เป็นจิตได้ วิญญาณก็เป็นจิตได้ สรุปคือคุณพิจารณาจิตจากสิ่งที่คุณเห็นจากตำราหรือพิจารณาเห็นจากความเป็นจริงว่า เพราะมีจิตไงจึงรู้ว่ามีสิ่งเหล่านั้นและจิตจริงแท้ไม่ได้เที่ยงตรงต่อสิ่งเหล่านั้น ไม่ใช่ไปว่า จิตเที่ยงไม่เกิดไม่ดับ ซะที่ไหน ลองพิจารณาเสียใหม่ ไม่ต้องไปยกตำรงตำราที่ไหนมาให้ผมอ่านหรอก ที่ผมเคยคุยกับพี่เขาและหลายๆคนก็ลงเอยด้วยเพราะเหตุมันเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ว่ามันเที่ยงหรือไม่เที่ยงหรอกครับ แบบที่อาหลงยกมาเนี่ย ผมอะตาลายจริงๆเพราะมันเยอะ แต่สรุปรวมแล้วมีเท่านั้นแหละ พอเข้าใจไหมเพียงเท่านี้
    สาธุคั๊บ
     
  11. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ...............พี่หลง รู้ อริยสัจสี่ ดีกว่า.........เชื่อผมป่ะ:cool:(จำไว้หน่อยนะครับ...พอมีอะไรนึกถึงคำนี้นะครับ):cool:
     
  12. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075

    ผมให้หลักคิดงาๆนะครับ

    นิพพาน ไม่มีเหตุเกิดสูญจากกิเลส รวมไปถึงอัตตาด้วย

    หมายถึง หมดเหตุแห่งรูปนามด้วย


    ทีนี้ จิตมีธรรมชาตรู้อารมณ์

    เมื่อมีจิต ก็ต้องมีอารมณ์ (ว่างก็เป็นอารมณ์)

    เมื่อมีสิ่งที่ร้ ย่อมมีสิ่งที่ถูกรู้ หมายถึง มีรูปนาม

    ทีนี้มีคนบอก จิตพ้นขันธ์ เป็นนิพานบ้าง จิตคือนิพพานบ้าง

    ถามหน่อย มีจิต ก็ต้องมีอารมณ์ แปลว่า มีรูปนาม

    ในนิพานไม่มีรูปนามแล้วนะครับ


    ทีนี้ไปยึดคำว่า ผู้พ้น ซึ่งเขาว่าคือ จิต เข้าไปรู้นิพพาน

    ถามหน่อ ตราบใดที่มีความรู้สึกว่าเป็นตัวผู้พ้น ยังมีผู้พ้น นั่นเป็นอัตตาไหม บรมอัตตาไหม

    เอาอัตตาไปเข้านิพพาน มันดูไม่มีเหตุผลนะ

    นิพพานในพุทธศาสนา ต้องดับผู้พ้น ดับความเป็นผู้พ้นจึงเรียกว่านิพพาน

    มันก็ต้องดับด้วยปัญญา พระพุทธองค์ตรัสเสมอ ว่าไม่ยึดมั่นถือมั่นใดในโลกนี้ด้วย

    สักว่าอาศัย สักว่าระลึก พิจารณาให้ลึกๆนะครับ



    ถ้าสำคัญจิตเป็นเรา จิตเที่ยง ไม่เกิดไม่ดับ มันเข้าทางนิพานพรหมหรือไม่

    เข้าทางนิพพานอาตมัน นิพานพราห์มหรือไม่

    ต่างกัน ผู้พ้น กับ ไม่ตัวผู้พ้นแล้ว นั้นแหละเฉือนกันนิดเดียวครับ ^^
     
  13. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    แพททริก จริงๆผมไม่อยากกล่าวเรื่องอะไรที่มันไกลสติปัฏฐาน หรือรูปนามเลย

    ลำพังเจริยสติปัฏฐานก็พอแล้ว ขอบใจน้องชายที่เตือน ^^

    อานะ ไม่กล่าวแล้ว มันกลายเป็นอวดรู้

    ประโยคข้างบนไม่จำเป็นต้องเชื่อครับ ให้ค้นคว้าพิสูจน์เอาเอง
     
  14. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
     
  15. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เพิ่งนึกขึ้นได้ เรื่องนี้พุทธองค์เคยตอบคำถาม นิรครณ์ไปแล้ว

    ว่า เรื่องนิพพานที่พุทธองค์ค้นพบไม่ใช่ของใหม่อะไร

    ประมาณ ถูกถาม เราจะแยกแสงไฟออกจากกองไฟได้อย่างไร

    ลองค้นเอานะคบ จำชื่อพระสูตรไม่ได้ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มกราคม 2012
  16. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย ตลอดกาลเพียงใด เราไม่รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้ว ซึ่งอุปาทานขันธิ์ทั้งห้าเหล่านี้ โดยปริวัฎสี่ ตรงตามที่เป็นจริง เราไม่ปฎิญญาอยู่เพียงนั้นว่า เป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะแล้ว ซึ่งอนุตรสัมโพธิญาน ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราห์ม พร้อมทั้งเทวดาและ มนุษย์.....................................ภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล เราได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้ว ซึ่งอุปาทานขันธิ์ทั้งห้าเหล่านี้โยปริวัฎสี่ ตรงตามที่เป็นจริง เมื่อนั้นแหละ เราจึงปฎิญญาได้ว่า เป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะแล้ว ซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาน ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมูสัตว์พร้อมทั้งสมณพราห์ม พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์.......................ภิกษุทั้งหลาย ปริวัฎสี่นั้นเป็นอย่างไรเล่า? ปริวัฎสี่นั้นคือ...................1)เราได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งรูป ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งความก่อขึ้นของรูป ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้ว ซึ่งความดับไปไม่เหลือของรูป ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของรูป2)เราได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งเวทนา ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งความก่อขึ้นของเวทนา ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งความดับไม่เหลือของเวทนา ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของเวทนา 3)เราได้รู้ชัดแจ้งแล้วซึ่งสัญญา ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งความก่อขึ้นของสัญญา ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งความดับไม่เหลือของสัญญา ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของสัญญา4) เราได้รู้ชัดแจ้งแล้วซึ่งสังขารทั้งหลาย ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งความก่อขึ้นของสังขารทั้งหลาย ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งความดับไม่เหลือของสังขารทั้งหลาย ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของสังขารทั้งหลาย5)เราได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งวิญญาน ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งความก่อขึ้นของสัญญา ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วซึ่งความดับไม่เหลือของวิญญาน ได้รู้ชัดแจ้งยิ่งแล้วให้ถึงซึ่งความดับไม่เหลือของวิญญาน ............ภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้แหละชื่อว่า ปริวัฎฎ์ สี่อย่างนั้น----- -ขนธ.สํ.17/72-75/112-117.:cool:
     
  17. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ....................ถูกพี่ ใครจะรู้จักนิพพานจริงจริง นอกจากผู้ที่...........?..............:cool:รู้ทุกข์(ปัญจุปาทานขันธิ์5) รู้สมุทัยของทุกข์(ราคะตัณหา) รู้จักความดับ (ทุกข์) และทางให้ถึงความดับทุกข์...........ดีกว่า:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2012
  18. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    เชื่อนะแต่...ไม่ใช่เชื่อแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเชื่อ เพราะของแบบนี้พิสูจน์ได้จริงๆ ไม่ใช่ แค่เพียงรู้ว่าคำหรืออักษรมาผสมกันแล้วแบบนี้เรียกว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นี่ผมจำไว้ขึ้นใจได้ดีมากเลยคั๊บ
     
  19. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เมื่อเช้าผมลงเรื่อง สัลเลขสูตร ว่าด้วยเครื่องขัดเกลากเลส

    เป็นพระสูตรเกิดขึ้น เพราะมีผู้หลงผิดสำคัญผิดว่าหลุดพ้นในพุทธกาล

    ยึดเอา ปฐมฌานเป็นเครื่องพ้นบ้าง

    ยึดเอา ฌาณ ๒ ๓ ๔ รูป อรูป เนวสัญญา อากานัสสัญญาเป็นเครื่องพ้นบ้าง

    อะไรทำนองนี้ ต้องศึกษาครับ

    เรื่องถาวะ เห็นจิต พบตัวรู้ คิดว่าคนทำสมาธิเป็นคงทราบลักษณะนี้ดี

    แต่กุกุกจะรับประทาน ตัดสินอารมณืไม่ได้ วิจจิกิจฉารับประธาน ไม่เข้าใจว่าคืออะไร เรียกว่าอะไร

    หรือ ทิฏฐิ รับประทาน ตัดสินเห็นเป็นเที่ยง เห็นเป็นตัวผู้พ้น ทั้งที่สงบจากนิวรณ์

    อันนี้ก็แล้วแต่พิจารณา อาจไม่เหมือนกันทุกคนก็ได้ ผมอาจกล่าวไม่ถูกก็ได่้
     
  20. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ผมคั้นกะทิ ในกระทู้วิปัสสนา ของคุณจินนี่

    ลองไปอ่านดูสิ แล้วจะเข้าใจที่ผมย้ำให้รู้ลักษณะ ไม่ใช่ไปรู้ชื่อ ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...