หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    ห้องพระงามดี มีสมเด็จปู่องค์ปฐมด้วย หุหุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  2. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    พ่อแม่ครูอาจารย์แนะผมในห้องพระที่บ้านว่า...
    ในห้องพระไม่ต้องจุดธูปก็ได้ เพราะควันธูปมีคาร์บอนไดออกไซด์
    ผมจึงนมัสการถามต่อว่า...การจุด/ไม่จุด ไม่มีผลต่อการอัญเชิญ...ใช่หรือไม่ครับ
    คำตอบน่าจะเดาได้...ซึ่งผมน้อมรับและจักปฏิบัติตามนั้น...

    เทพเทวา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์ พระเพลิง พระพลาย พระพิรุณ พระแม่โพสพ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา แม่นางกวัก ฯลฯ
    บางคนแม้จักกล่าวสักเคฯกี่รอบ จุดธูปเท่าไหร่...ท่านก็ไม่เสด็จลงมา แต่บางคน แม้เพียงน้อมจิตไปหาท่านก็เสด็จมาโปรด...ทำไมเป็นเช่นนั้น
    การกระทำใดๆหากเป็นกุศลล้วนๆ ไม่เจือด้วยราคะ กิเลส เงื่อนไขใดๆ ไม่ต้องบอก...ท่านก็มาร่วมโมทนา

    (ปรับปรุงคำชี้แนะมาอีกที)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2011
  3. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    พระแก้วไพฑูรย์

    เป็นพระแก้วเกิดจากหินธรรมชาติมีอายุหลายล้านปีมาแล้ว ใครจะเป็นผู้แกะหินเป็นพระพุทธรูปนั้นไม่ทราบแต่เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในการปกครองของเจ้านายเมืองอุบลมานานแต่บรรพบุรุษของพระปทุมวราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง)
    ได้ถวายเป็นสมบัติของวัดหลวงคู่กับพระแก้วบุษราคัมเมื่อเจ้านายทางกรุงเทพมหานครมาปกครองเมืองอุบล ในสมัยรัชกาลที่ 5 เจ้านายพื้นเมืองอุบลราชธานีเกรงว่าเจ้านายทางกรุงเทพจะบังคับเอาพระแก้วทั้งสององค์ไปเป็นสมบัติของส่วนตัวจึงได้พากันเอาพระแก้วทั้งสององค์แบกออกจากกันไปซ่อนไว้โดยมิดชิดไม่ยอมแพร่งพรายให้คนทั่วไปรู้

    ต่อมาเมื่อสร้างวัดศรีอุบลรัตนาราม (วัดศรีทอง) โดยเจ้าอุปฮาชโท บิดาของพระอุบลเดชประชารักษ์ (เสือ ณ อุบล)จึงได้ไปเชิญเอาพระแก้วทั้งสองออกมาจากที่ซ่อน สำหรับพระแก้วบุษราคัมนั้นได้ถวายแด่พระเดชพระคุณพระเทวธัมมี (ม้าว)ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม)และเป็นลัทธิวิหาริกของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มาจากกรุงเทพคงจะมีความเกรงใจไม่กล้าที่จะขอเอาพระแก้วบุษราคัมพระแก้วไพฑูรย์ไปจากเมืองอุบลราชธานี

    ส่วนพระแก้วไพฑูรย์นั้นทายากของเจ้านายพื้นเมืองอุบลราชธานีเอาไปเก็บรักษาไว้เพราะเป็นสมบัติอันล้ำค่าของบรรพบุรุษต่อมาภายหลังจึงได้นำมาถวายพระครูวิลาสกิจจาทรเจ้าอาวาสวัดหลวงให้เป็นสมบัติของวัดหลวงตามเดิม ดังปรากฏอยู่ทุกวันนี้นับว่าพระไพฑูรย์องค์นี้เป็นสมบัติของวัดหลวงและของเจ้านายเมืองอุบลราชธานีมาแต่โบราณโดยแท้

    พระแก้วไพฑูรย์เป็นหนึ่งในแก้วอันเป็นรัตนชาติ คือ เพชรดี มณีแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองใสสดบุษราคัม แดงแก่กำโกเมนเอก สีหมอกเมฆนิลกาล มุดาหารหมอกมัว แดงสลัวเพทาย สังวาลสายไพฑูรย์

    หากจะยกองค์พระขึ้นส่องจะเห็นเป็นคล้ายสายฝนหยาดลงมาจากฟ้าอันเป็นนิมิตหมายแห่งความอุดมสมบูรณ์ฝนตกตามฤดูกาลของสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของเมืองอุบลราชนี้มีพระแก้วบุษราคัมพระแก้วไพฑูรย์ จึงได้พากันเอาไปซ่อนเสียโดยนำออกจากวัดหลวงไปในสมัยนั้นภายหลังทายาทเจ้าเมืองอุบลราชธานีเห็นว่าวัดหลวงไม่มีพระสำคัญจึงได้นำมาถวายให้เป็นสมบัติของวัดหลวงและเป็นของคู่บ้านคู่เมืองสืบไป พระแก้วไพฑูรย์จึงได้กลับมาประดิษฐานวัดหลวงตามเดิมดังที่เห็นอยู่ในขณะนี้

    ที่มา : เวบไซด์ ไก้ด์อุบล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  4. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]

    ตามตำนานการกวนเกษียณสมุทรนั้นฝ่ายเทวดาซึ่งนำโดยพระอินทร์ปรารถนาที่จะมีชีวิตเป็นอมตะ เพื่อจะได้รบชนะฝ่ายอสูร
    จึงได้ไปขอพรจาก พระนารายณ์ พระองค์จึงแนะนำให้ทำพิธี "กวนเกษียณสมุทร" เพื่อจะได้น้ำอมฤตมาดื่มกินจะทำให้ชีวิตยืนยาว

    โดยพญานาคท้าววาสุกรีนั้นได้รับตำแหน่งสำคัญคือเอาตัวเองไปพันกับภูเขามันทละแล้วให้เทวดากับอสูรมาช่วยกันชักเย่อตัวท้าววาสุกรี
    ครั้นจะให้อสูรมาช่วยก็คงจะยาก พระอินทร์จึงออกอุบายกับเหล่าอสูรว่า เมื่อกวนเสร็จแล้วจะแบ่งน้ำอมฤตให้ดื่ม เพื่อจะได้เป็นอมตะ
    ฝ่ายอสูร จึงยอมร่วมมือแต่โดยดี แต่การกวนต้องใช้ระยะเวลายาวนานซึ่งจะทำให้เขามันทละลึกลงจนถึงโลกมนุษย์ซึ่งโลกอาจจะแตกได้
    ร้อนถึงพระนารายณ์จำต้องอวตารลงมาเป็นเต่ายักษ์ เพื่อเอากระดองมารองรับภูเขามันทละเอาไว้

    มหกรรมการกวนเกษียณสมุทรได้ดำเนินไปเนิ่นนานพันปี จึงได้ปรากฏสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น 10 อย่าง
    ซึ่งหนึ่งในนั้น คือนางอัปสรจำนวน 35 ล้านองค์ ออกมาร่วมร่ายรำอำนวยพรให้กับเทวดาทั้งหลายที่กำลังร่วมกันกวนเกษียณสมุทรกับอสูร
    เพื่อช่วยให้เกิดความเพลิดเพลินไม่รู้สึกเหนื่อย พระนารายณ์ได้มีบัญชาให้ ไปเป็นบาทบริจาริกาให้กับเทวดาที่ทำพิธีกวนเกษียณสมุทร
    หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "กูรมาวตาร"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  5. santacros

    santacros สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +22
    ขอบคุณมากครับ :)
     
  6. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    อันเกษียรสมุทรนั้นตั้งอยู่ในทิศตะวันออกของจักรวาลมีน้ำสีขาวคือเกษียร(แปลว่าน้ำนม) ไหลเต็มอยู่ตลอดปี การจะกวนเกษียรสมุทรเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำอมฤตเป็นการใหญ่ที่หมู่เทวดาเพียงลำพังจะกระทำกันเองไม่ได้เพราะมีเรี่ยวแรงน้อย ดังนั้นจึงหลอกล่อเหล่าอสูรโดยสัญญาว่าเมื่อได้น้ำอมฤตแล้วก็จะแบ่งกันดื่มเพื่อความเป็นอมตะตลอดไป

    เหล่าอสูรได้ฟังดังนั้นก็กระหยิ่มยิ้มย่องตกลงสมานฉันท์<!--emo&:blush:--><!--endemo-->ร่วมแรงร่วมใจในพิธีครั้งนี้โดยเริ่มจากช่วยเหล่าเทวดาถอนเขามันทละซึ่งมีความสูงพ้นพื้นดิน 11000 โยชน์ และหยั่งฐานรากอยู่ใต้ดินอีก 11000 โยชน์ เพื่อใช้เป็นไม้กวนเกษียณสมุทร โดยใช้พญานาควาสุกรีผู้เป็นพี่ของพญาเศษะ(เส-สะ หรือ พญาอนันตนาคราชหรือพญานาคพันเศียรที่เป็นแท่นบรรทมของพระนารายณ์) ต่างเชือกพันกับเขามัทละทั้งยังโปรยสมุนไพรอันเป็นทิพย์ลงในเกษียรสมุทรอีกด้วย ฝ่ายเทวดารู้ว่าเมื่อพญาวาสุกรีถูกชักลากไปมาจนเวียนหัวจะสำรอกพิษออกทางปากจึงออกอุบายเยินยอเหล่าอสูรว่าเป็นผู้มีกำลังมากสมควรได้รับเกียรติให้ถือฝั่งหัวพญานาคส่วนเหล่าเทพผู้มีฤทธิ์น้อยจะขอถือฝั่งหางเอง ข้างฝ่ายอสูรได้ยินคำเยินยอเช่นนั้นก็หลงเข้าใจว่าปวงเทวาให้เกียรติจึงรับคำจะถือฝั่งเศียรพญานาคเอง <!--emo&:wub:-->[​IMG]<!--endemo--> .....แหมช่างคิด

    พระนารายณ์ในฐานะองค์ต้นดำริการกวนเกษียณสมุทรจึงต้องมีส่วนช่วยให้การครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเป็นอันมาก โดยพระองค์ประทับนั่งเหนือเขามันทละที่ใช้ต่างไม้พาย แล้วแบ่งภาคหนึ่งลงช่วยเหล่าเทพชักพญาวาสุกรีเนื่องจากลำพังหมู่เทวะเองมีกำลังน้อย พระนารายณ์ยังทรงแจ้งด้วยทิพยญาณว่าเกษียณสมุทรเมื่อถูกเขามันทละกวนไปเรื่อยๆจะทะลุแล้วน้ำจะไหลไปท่วมมนุษยโลกพระองค์จึงแบ่งภาคเป็นเต่า(กุรมะ=กุ-ระ-ตะ) ใช้กระดองรองรับเกษียรสมุทรไว้จึงเป็นที่มาของ กุรมะวตาร อันเป็นปางที่สามในนารายณ์สิบปาง ระหว่างที่กวนเกษียรสมุทรอยู่นั้น พญาวาสุกรีถูกดึงไปมาก็เกิดเวียนหัวจึงสำรอกพิษร้ายซึ่งกระเด็นไปโดนเหล่าอสูรเป็นที่ปวดแสบปวดร้อนจึงเป็นเหตุให้เหล่าอสูรมีหน้าตาผิวพรรณตะปุ่มตะป่ำนับแต่นั้นเป็นต้นมา <!--emo&:wub:-->[​IMG]<!--endemo--> ยังดีที่ไม่ใช่อ้วก <!--emo&:lol:-->[​IMG]<!--endemo-->

    พิธีดำเนินไปได้พันปีเกษียณสมุทรพลันบังเกิดหม้อบรรจุพิษ "หะราหระ" ลอยออกมาเป็นลำดับแรก อันหม้อ หะราหระนั้นเป็นพิษร้ายแรง หากตกลงยังมนุษยโลกก็จะบังเกิดเป็นเพลิงกรดเผาโลกให้เป็นจุลไปได้ พระศิวะมหาเทพทรงทราบด้วยทิพยญาณว่าพิษร้ายนี้ไม่มีใครจะกำจัดลงได้เว้นแต่พระองค์เอง เมื่อดำริดังนั้นแล้วจึงทรงดื่มพิษหาลาหละนั้น ฝ่ายพระแม่ปรวาตีเห็นพระสวามีกลืนพิษร้ายจึงได้กดพระศอพระศิวะไว้เพื่อไม่ได้พิษไหลลงสู่พระอุทรได้ ด้วยความร้ายกาจแห่งพิษนั้นยังผลให้พระศอพระศิวะเป็นสีดำพระองค์จึงมีอีกพระนามหนึ่งว่า นิลกัณฐ์ หรือผู้มีคอสีนิลนับแต่นั้นเป็นต้นมา

    สิ่งวิเศษลำดับที่สองที่ลอยขึ้นมาคือวัว "กามเธนุ" แปลว่าแม่โคอันพึงปรารถนา รู้จักกันในอีกนามหนึ่งว่าโคสุรภีซึ่งต่อมาให้กำเนิดวัวอุศุภราชหรือนันทิเกศวรอันเป็นเทพพาหนะทรงของพระอิศวร โดยมีเทวดานามเวตาลเป็นพ่อ (บางตำนานว่ากัศยปมุนีปรารถนาจะนำโคกามเธนุไปเป็นพาหนะแต่ติดว่าเป็นโคเพศเมียจึงเนรมิตตนเป็นพ่อโคเข้าผสมด้วยโคกามเธนุจนเกิดลูกโคสีขาวบริสุทธิ์ตั้งชื่อให้ว่า อุศุภราช มีลักษณะงดงามตามตำราจึงได้นำไปถวายพระอิศวรเพื่อเป็นเทพพาหนะ บางตำรากล่าวว่านนทิเกศวรแท้จริงแล้วคือเทพบุตรนามว่า นนทิ เป็นผู้เฝ้าสัตว์ในเขาไกรลาสและหัวหน้าแห่งปวงศิวะสาวก เมื่อพระศิวะปรารถนาจะไปยังที่ใด นนทิก็จะแปลงกายให้เป็นโคเผือกเพื่อเป็นเทพพาหนะ) อันแม่วัวกามเธนุนั้นเป็นโควิเศษสามารถเนรมิตสิ่งต่างๆตามที่เจ้าของปรารถนาได้

    สิ่งที่สามคือม้าสีขาวนามว่า "อุจเจศรวัส" ซึ่งต่อมาพระอาทิตย์นำไปเทียมราชรถและเป็นต้นเหตุของการพนันระหว่างนางวินตาและนางกัทรุในตำนานการเกิดของครุฑ

    สิ่งที่สี่คือช้างไอราวัตหรือช้างเอราวัณซึ่งเป็นช้างผือกสีขาวมีสามเศียรอันเป็นเทพพาหนะของพระอินทร์

    สี่งที่ห้าคือเกาสตุภมณีซึ่งเป็นเพชรล้ำค่าที่สุดในสามโลก ต่อมาพระนารายณ์นำไปประดับพระอุระ

    สิ่งที่หกคือต้นกัลปพฤกษ์ซึ่งเป็นต้นไม้ทิพย์สามารถอำนวยความสำเร็จให้แก่ผู้ขอพรได้

    สิ่งที่เจ็ดคือพระแม่ลักษณมีซึ่งเป็นเทพแห่งโชคลาภเงินทอง ต่อมาพระนารายณ์รับไปเป็นพระชายา

    สิ่งที่แปดคือสุระ (ที่มาของคำว่าสุรา) เป็นน้ำเมาชนิดหนึ่งเกิดขึ้นพร้อมเทวีวารุณีซึ่งเป็นเทวีแห่งการทำเหล้า

    สิ่งที่เก้าคือเหล่านางอัปสรซึ่งแปลว่าผู้เกิดจากการเคลื่อนไหวของน้ำลอยขึ้นมาจากเกษียรสมุทร 35 ล้านองค์

    ทันใดนั้นพลันเกษียรสมุทรเกิดคลื่นน้ำไหลวนปั่นป่วนปรากฏเทพบุตรนามว่า "ธนวันตริ" ทูนคนโทบรรจุน้ำอมฤตลอยขึ้นมาเป็นลำดับสุดท้าย

    ด้วยเกรงว่าเหล่ายักษ์จะแย่งชิงน้ำอมฤตไปดื่ม พระนารายณ์จึงแปลงกายเป็นเทวีหน้าตางดงามนามว่า "โมหิณี" หลอกล่อให้ยักษ์ตามพระองค์ไป ฝ่ายอสูรเห็นหญิงงามก็พากันลืมเรื่องน้ำอมฤตแล้ววิ่งตามพระนารายณ์แปลงในทันที เหล่าเทพเห็นสบโอกาสเหมาะจึงแบ่งกันดื่มน้ำอมฤตในทันใด<!--emo&:lol:--><!--endemo--><!--emo&:lol:--><!--endemo-->

    ในหมู่ยักษาทั้งหลายที่พากันหลงใหลสะคราญโฉมของพระนารายณ์แปลงยังมียักษ์อยู่ตนหนึ่งนามว่าราหูเป็นยักษ์ที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมเหมือนอิ๊กคิวซัง ไม่หลงกลต่อกับดักของเหล่าเทวดา ราหู ซึ่งรู้ในอุบายนี้จึงแปลงกายให้เหมือนเทวดาแล้วไปแฝงอยู่ในหมู่เทพเพื่อดื่มน้ำอมฤต แต่พระอาทิตย์และพระจันทร์เห็นผิดสังเกตเพราะราหูซึ่งถึงแม้แปลงเป็นเทวดาแต่ยังมีเงาทอดลงพื้นจึงเพ่งด้วยทิพยเนตรก็แลเห็นเป็นร่างยักษาแฝงอยู่ เมื่อแจ้งในความจริงเช่นนั้นแล้วพระอาทิตย์และพระจันทร์จึงนำความไปฟ้องพระนารายณ์ ทันใดนั้นพระองค์จึงขว้างจักรสุทรรศนะไปต้องกายราหูขาดเป็นสองท่อน แต่ด้วยฤทธานุภาพแห่งน้ำอมฤตที่ราหูดื่มไปแล้วทำให้ถึงแม้ร่างกายถูกตัดออกเป็นสองส่วนก็ไม่สิ้นชีพ

    ราหูเจ็บแค้นที่พระอาทิตย์และพระจันทร์ไปเพ็ดทูลพระนารายณ์จนทำให้กายขาดสองท่อนจึงสาบานที่จะจับพระอาทิตย์และพระจันทร์กินเสียหากโคจรมาเจอกัน ฝ่ายพระจันทร์นั้นโคจรอยู่ในวิมานเบื้องต่ำจึงมักเจอกับราหูอยู่บ่อยๆต่างกับพระอาทิตย์ซึ่งโคจรอยู่สูงจึงไม่ค่อยพบกับราหูนัก ราหูนั้นมีกายเพียงครึ่งเดียวจึงทำให้กลืนพระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เพียงชั่วคราวก็หลุดออกมา ด้านกายท่อนล่างของราหูนั้นเรียกว่าพระเกตุ เป็นต้นกำเนิดของดาวหางและอุกกาบาตทั้งปวง

    ด้านฝ่ายอสูรหลังจากที่ตามนางโมหิณีและถูกเหล่านางอัปสรมอมสุราพึ่งสร่างจึงพบว่าฝ่ายเทวดาได้ดื่มน้ำอมฤตหมดแล้วก็บังเกิดความโกรธหมายจะเข้าโรมรันแต่เหล่าเทวะได้ดื่มน้ำอมฤตแล้วจึงเป็นอมรไม่มีวันตายอีก ฝ่ายยักษาสู้ไม่ได้ก็พ่ายแพ้กลับไปไม่กล้าเข้ามารุกรานสวรรค์อีก

    หมู่ยักษ์เมื่อได้พบบทเรียนเช่นนี้แล้วจึงปวารณาตนไม่ดื่มเครื่องดองของเมาอีกจึงเป็นที่มาของคำว่า "อสูร" (อ+สุระ) หมายถึงผู้ไม่ดื่มสุรา ต่างกับเหล่าเทวะที่ยังดื่มสุราดังเช่นคำเรียกที่อยู่ของเทวดาที่ว่า "ฟากฟ้าสุราลัย" (สุระคือเหล้า สนธิกับคำว่าอาลัยแปลว่าที่อยู่) หมายถึงที่อยู่ของผู้ดื่มสุราคือสวรรค์นั้นเอง
     
  7. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    พระแก้วโป่งข่ามหรือพระแก้วไพฑูรย์ที่ผมและท่านสมบัติมี และได้ผ่านพิธีอธิษฐานจิตแล้ว มีพลานุภาพเกินที่จะอธิบายได้ คุณสันติและคุณจ็อกกี้ได้ประจักษ์ด้วยตัวเองมาแล้ว ผู้ใดมีไว้ในครอบครอง นับว่าได้พระพุทธแก้วไพฑูรย์โป่งข่ามอันล้ำค่า ไม่เชื่อลองมาสัมผัสดูนะครับ


    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    14 ธันวาคม 2554


    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN4637.jpg
      DSCN4637.jpg
      ขนาดไฟล์:
      199.2 KB
      เปิดดู:
      3,587
    • DSCN4638.jpg
      DSCN4638.jpg
      ขนาดไฟล์:
      275 KB
      เปิดดู:
      3,345
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2011
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    สองปางนี้...หายากจังครับ
    ครูชาติจะมาหาในศุกร์-เสาร์นี้...ก็จะช่วยหานะครับ
    เห็นอยากได้จัง แต่หามีอีกไม่ หุหุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  9. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    ปริศนาของหลวงปู่โต
    [FONT=Verdana, sans-serif]ผมขอคัดลอกข้อความบางส่วนจากเว็บไซต์ somdejto.com [/FONT][FONT=Verdana, sans-serif]http://www.somdejto.com/[/FONT][FONT=Verdana, sans-serif] และต้องขอบพระคุณเจ้าของเว็บไซต์สมเด็จโตดอทคอมเป็นอย่างสูงนะครับ การนำมาเผยแพร่ในกระทู้นี้ก็เพื่อประโยชน์และความกระจ่างบางอย่าง ที่กำลังทยอยเปิดเผยขึ้นในช่วงกึ่งกลางพระพุทธศาสนานี้ [/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]
    [/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]ข้อความต่อไปนี้ เป็นปริศนาที่เกี่ยวข้องกับเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และบางส่วนกำลังจะเปิดเผยขึ้น[/FONT]

    ขอเจริญในธรรม
    [FONT=Verdana, sans-serif]ดร.นนต์[/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]..............................................................................[/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]
    [/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]ข้อความจากเว็บ Somdejto.com บางส่วนมีดังนี้[/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif][/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]จากวัตถุมงคล พระเครื่องที่พระองค์ท่านทรงสร้างไว้ และทรงทรงจารไว้ว่า...[/FONT]


    [​IMG]


    อักขระต่างๆ มีความหมายดังนี้ :-



    [​IMG]


    หมายถึง ธาตุดิน


    [​IMG]


    หมายถึง ธาตุน้ำ


    [​IMG]


    หมายถึง ธาตุลม


    [​IMG]


    หมายถึง ธาตุไฟ


    อักขระทั้งสี่นี้คือ หัวใจพระพุทธศาสนา


    ตัวเลขที่ปรากฏอาทิเช่น ๔๕๕, ๙๙๙, ๙๙, และ ๙ มีความหมายดังนี้ :-


    [​IMG]


    หมายถึง ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยมา ๔ พระชาติ และเสด็จสวรรคตเมื่อพระชนมายุ ๕๕ พรรษาในทุกพระชาตินั้น


    [​IMG]


    หมายถึง จำนวนพระชาติที่ได้ทรงบำเพ็ญพระมหาบารมีพร้อมด้วยไตรทวาร (กาย, วาจา, ใจ) เป็นพระมหาโพธิสัตว์ ในระหว่างทรงบำเพ็ญพระมหาบารมี ๓๐ ทัศน์ ได้ทรงบรรพชา คือ บวชเป็นพระโดยตลอดทุกพระชาติ และอยู่ในเมืองไทยมาตลอดระยะเวลา ๓๒ อสงไขย


    [​IMG]


    หมายถึง ในระหว่างทรงบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศน์นั้น ทรงพระนามว่า “โต” ติดต่อกันมาเป็นเวลาถึง ๙๙ พระชาติ


    [​IMG]


    หมายถึง พระชาติที่ได้มาประสูติหลังจากทรงบำเพ็ญพระมหาบารมีมาครบ ๓๐ ทัศน์แล้ว ๙ พระชาติ และพระชาติสุดท้ายทรงพระนามว่า “โต” (สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ดังนี้:-





    พระชาติที่ ๑ เป็นพระอชิตะ (ได้รับการทำนายจากพระพุทธองค์) ในประเทศอินเดีย
    พระชาติที่ ๒ เป็นพระย่ามใหญ่ (ย่ามผ้า) ในประเทศจีน
    พระชาติที่ ๓ เป็นพระมหากษัตริย์ ต้นราชวงศ์ถัง ในประเทศจีน
    พระชาติที่ ๔ เป็นพระถังซำจั๋ง (ผู้อาราธนาพระไตรปิฎก) ในประเทศจีน
    พระชาติที่ ๕ เป็นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (สร้างเมืองไทย) ในประเทศไทย
    พระชาติที่ ๖ เป็นสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (จัดระบบการปกครอง) ในประเทศไทย
    พระชาติที่ ๗ เป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชา (ทรงใช้ปัญญาบารมี) ในประเทศไทย
    พระชาติที่ ๘ เป็นสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (สร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศ) ในประเทศไทย
    พระชาติที่ ๙ เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี (เจริญพระพุทธศาสนา) ในประเทศไทย





    [​IMG]


    หมายถึง รวมดวงจิตเป็น ๑ ไม่เป็น ๒ (ไม่แตกแยก)
    "โต" เป็น ๑ เสมอ ไม่เป็น ๒ รองใคร


    จากเรื่องราวทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้จัดเสนอมานั้น ก็เพราะข้าพเจ้าได้ตระหนักในพระมหาบารมีของพระองค์ท่านได้ใช้พระมหาบารมีของพระองค์ท่าน ในการดำเนินชีวิตมาตลอดระยะเวลากว่า ๓๖ ปี ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ แล้วจึงได้นำเสนอ ให้ท่านผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธารับทราบเพิ่มเติม ได้กราบไหว้บูชาพระองค์ท่านได้ถูกต้อง มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความเชื่อมั่น ความศรัทธา จะได้เพิ่มพูนสติปัญญา และแบ่งภาระของผู้ที่กำลังศึกษาพระราชประวัติของพระองค์ท่านอยู่ อีกประการหนึ่งเพื่อเป็นการ ยับยั้งความคิด และให้สติ แก่บุคคลบางคน (เท่าที่ข้าพเจ้าได้พบมา) ที่จะเขียนพระราชประวัติของพระองค์ท่านอยู่ ตลอดจนวิธีการติดต่อกับพระองค์ท่านในแนวต่างๆ และบางท่านเข้าใจว่า พระองค์ท่านเป็นพรหมบ้าง เป็นท้าวมหาพรหมบ้าง (เพราะใช้พระฉายานามว่า พรหมรังสี) บ้างก็ว่า เป็นพระอรหันต์ได้เข้าพระนิพพานไปแล้วบ้าง บ้างก็ว่า ถูกทำโทษ ถูกกักบริเวณบ้าง ฯลฯ จะได้พิจารณาศึกษาให้มากขึ้น และใช้ความระมัดระวังมากขึ้น เพื่อประโยชน์สุขแก่ตัวท่านเอง ท่านผู้อ่าน ท่านผู้ปฏิบัติทั่วไป จะได้กระทำได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และใช้เวลาอันพอสมควรไม่มากจนเกินไปนัก และที่สำคัญจะได้เข้าถึงพระองค์ท่านมากยิ่งขึ้น...!



    ..................................................................................................................................................................


    ข้อความของ ดร.นนต์


    พระชาติที่ ๑ เป็นพระอชิตะ (ได้รับการทำนายจากพระพุทธองค์) ในประเทศอินเดีย .....พระอชิตะคือ พระศรีอาริยเมตไตรย

    พระชาติที่ ๒ เป็นพระย่ามใหญ่ (ย่ามผ้า) ในประเทศจีน
    พระชาติที่ ๓ เป็นพระมหากษัตริย์ ต้นราชวงศ์ถัง ในประเทศจีน
    พระชาติที่ ๔ เป็นพระถังซำจั๋ง (ผู้อาราธนาพระไตรปิฎก) ในประเทศจีน
    พระชาติที่ ๕ เป็นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (สร้างเมืองไทย) ในประเทศไทย
    พระชาติที่ ๖ เป็นสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (จัดระบบการปกครอง) ในประเทศไทย
    พระชาติที่ ๗ เป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชา (ทรงใช้ปัญญาบารมี) ในประเทศไทย
    พระชาติที่ ๘ เป็นสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (สร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศ) ในประเทศไทย
    พระชาติที่ ๙ เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี (เจริญพระพุทธศาสนา) ในประเทศไทย


    ดังนั้น.....ปัจจุบัน
    ฤาพระชาติที่ ๑๐ จะเป็น............




     
  10. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    การบำเพ็ญบารมีแห่งพระโพธิสัตว์เจ้า ยากยิ่งที่ปุถุชน จักทราบได้
    พระชาติที่ 10...ทรงเป็นใครหนอ ??? ข้อยก็บ่กล้า post
    [​IMG][​IMG]
    [​IMG]
    - พระพิมพ์ในกรอบทององค์นี้มวลเบา เคลือบรักอีกที พลังอ่อนนุ่ม แต่ไม่ทราบว่าเป็นพระอะไร ของทางเหนือ
    ...ได้มาจากคนไข้ใน รพ.ที่เชียงใหม่ (รวมกรอบทอง)
    - หนังเสือที่อยู่ในกรอบเงิน (กรอบอีกด้าน...แตกตอนไหนก็ไม่รู้) แรงดีจริงๆ
    ...ได้มาจากหลวงปู่...วัดพระธาตุช่อแฮ (ประจำปีขาล) จ.แพร่
    (ปกติหลวงปู่องค์นี้ ไม่มอบของขลังให้ใคร:จากการบอกเล่าของสามเณรในวัด)
    - ของสองสิ่งนี้เป็นสมบัติของน้องสาวคนหนึ่ง ที่มีเรื่องราวแปลกๆกับตัวเธอหลายอย่างในอีกมิติหนึ่ง
    - การได้มาครอบครอง ก็ไม่ต้องซื้อหา/บูชามา แต่ท่านมอบให้เปล่าๆ
    ปล: ไม่ได้นับถือพุทธ 100% แต่เหน็บพระ หุหุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1240028.jpg
      P1240028.jpg
      ขนาดไฟล์:
      243.3 KB
      เปิดดู:
      3,522
    • P1240029.jpg
      P1240029.jpg
      ขนาดไฟล์:
      259.4 KB
      เปิดดู:
      3,111
    • PC020498.jpg
      PC020498.jpg
      ขนาดไฟล์:
      159.7 KB
      เปิดดู:
      2,533
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  11. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    [​IMG]
    พระศรีอารย์ประทานพรสุขสมบัติ
    กราบ กราบ กราบ

    พระบูชาองค์นี้:อธิษฐานแทนองค์พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า
    พระผู้ทรงพระมหาเมตตาต่อสามแดนโลกธาตุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  12. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    ด้วยความยินดีครับ.....เป็นสถานที่ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ได้ไปโปรดญาติธรรมเมื่อคราวพาคุณอู๊ดไปกราบหลวงปู่หงษ์เมื่อ 24พ.ย.2554
     
  13. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    ถ้าหากเจอมากว่าหนึ่งก็เผื่อๆด้วยนะครับ.....หึหึ
     
  14. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG] [​IMG]
    ยินดีครับ อยากให้มีกัน
    ปล: ต้อง 'แก้ว ขาว ใส' เท่านั้น หุหุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  15. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    หากตั้งนิพพานไว้.....ก็ต้องนึกถึงสมเด็จปู่่องค์ปฐมเป็นอารมณ์ เป็นที่หมายเดียวที่เราจักไปเมื่อถึงเวลานั้น(หลบอบายไว้ก่อน หึหึ)

    เห็นภาพแค่ครึ่งเดียวก็ทราบว่าเป็นสมเด็จปู่...(สายตาเฉียบ...คมมาก)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2011
  16. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    เสียดายมาก...ที่ไม่ได้ฝากคุณพิเชฐทำบุญกับหลวงปู่หงษ์
    หากได้ไปกราบท่านอีก ขอฝากปัจจัยร่วมทำบุญด้วยเด้อ...
     
  17. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    - รัตนตรัย มาจากคำว่า “รัตน” แปลว่า แก้วหรือสิ่งประเสริฐ
    - นิพพาน ท่านก็เปรียบเหมือนเมืองแก้ว
    - บันไดแก้ว คือบันไดที่ทรงพระดำเนินโดยพระพุทธเจ้าของเรา

    พระเจ้าจักรพรรดิเป็นผู้ครอบครองแก้ว 7 ประการ อันได้แก่
    1. จักรแก้ว (จกฺกรตฺตนํ) เมื่อผู้ที่จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ พระองค์ทรงรักษาศีลอุโบสถ ชำระจิตให้สะอาดแล้วทรงทำสมาธิ จักรแก้วก็บังเกิดขึ้น ทำจากโลหะมีค่า ส่องแสงสว่างไสว แล้วพาพระเจ้าจักรพรรดิพร้อมเหล่าเสนาบดีลอยไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปทั้ง 4 ประเทศต่างๆ ก็ยอมสวามิภักดิ์ ไม่มีการสู้รบกัน เมื่อจะถวายเครื่องบรรณาการพระเจ้าจักรพรรดิก็ไม่ยอมรับแต่พระราชทานโอวาทศีล 5 ให้
    2. ช้างแก้ว (หตฺถีรตฺตนํ) ช้างแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาช้าง มีชื่อว่า อุโบสถ สีขาวเผือก สง่างาม มีฤทธิ์เดชสามารถเหาะได้ คล่องแคล่วว่องไว ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า
    3. ม้าแก้ว (อสฺสรตฺตนํ) ม้าแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาม้า มีชื่อว่า วลาหกะ เป็นอัศวราชผู้สง่างาม ขนงาม มีหางเป็นพวง ตรงปลายคล้ายดอกบัวตูม มีฤทธิ์เดชเหาะเหินเดินบนอากาศได้ คล่องแคล่วว่องไง ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า
    4. มณีแก้ว (มณิรตฺตนํ) มณีแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นแก้วมณีเปล่งแสงสุกสกาว ใสแวววาวยิ่งกว่าเพชร เปล่งรังสีแสงสว่างไสวโดยรอบถึง 1 โยชน์ คอยบันดาลความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่างให้บังเกิดขึ้น ดึงดูดสมบัติทั้งหลายมาให้ สามารถเลี้ยงคนได้ทั้งชมพูทวีปโดยไม่ต้องทำมาหากิน เมื่อพระมหาจักรพรรดิทรงทดลองแก้วมณีกับกองทัพ โดยติดแก้วมณีไว้บนยอดธงนำทัพ แก้วมณีก็เปล่งแสงสว่างไสว ทำให้กองทัพเดินทางได้สะดวกสบาย เหมือนเดินทัพในเวลากลางวัน
    5. นางแก้ว (อิตถรตฺตนํ) นางแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นหญิงที่มีบุญญาธิการ รูปร่างน่าดูชม ผิวพรรณเปล่งปลั่งผ่องใส สวยงามกว่ามนุษย์ทั่วไป พูดจาไพเราะ ไม่โกหก มีกลิ่นดอกบัวหอมฟุ้งออกจากปาก มีกลิ่นจันทน์หอมฟุ้งรอบกาย นางแก้วเป็นผู้คอยปรนนิบัติพระเจ้าจักรพรรดิอย่างไม่ขาดสาย ตื่นก่อนนอนทีหลังพระเจ้าจักรพรรดิ คอยฟังรับสั่งของพระเจ้าจักรพรรดิ ประพฤติชอบต่อพระเจ้าจักรพรรดิเสมอ
    6. ขุนคลังแก้ว (คหปติรตฺตนํ) คฤหบดีแก้ว หรือขุนคลังแก้ว สามารถนำทรัพย์สินมาให้แด่พระเจ้าจักรพรรดิได้ ขุมทรัพย์อยู่ที่ไหน ขุนคลังแก้วเห็นหมด
    7. ขุนพลแก้ว (ปริณายกรตฺตนํ) ปริณายกแก้ว หรือขุนพลแก้ว คือพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นขุนศึกคู่ใจ เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ มีความฉลาดเฉลียว รู้สิ่งใดควรไม่ควร คอยให้คำแนะนำปรึกษาแด่พระเจ้าจักรพรรดิอยู่เสมอ

    แก้ว จึงประเสริฐยิ่งในการสร้างสิ่งที่ประเสริฐยิ่ง

    พระพุทธปฐวีธาตุที่พ่อแม่ครูอาจารย์มอบให้เหล่า นรธ. ก็เป็นแก้วที่ประเสริฐเช่นกัน ; กันบางส่วนไว้...รอบรรจุพระเจดีย์ฯด้วยกันนะครับ
     
  18. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ปริศนาแห่ง...พระศรีอาริย์มาเป็นจ้าวโลก
    นกยางไม่ร้องขอกเพราะปลาไม่ออก

    ในโลกปัจจุบันยุคแห่งโลกาวิวัฒน์ที่ความเจริญทางด้านวัตถุก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นที่น่าฉงน?ว่า ทำไมคนในโลกกลับมีความสุขน้อยลง และดูเหมือนว่าปัญหาในการดำรงชีวิตกลับมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปัญหาทางด้านศีลธรรม จริยธรรมอันเป็นความเจริญทางด้านจิตใจ ดูจะเป็นสมการผกผันกับความเจริญทางด้านวัตถุอย่างน่าเป็นห่วง ทุกวันนี้ หากเราฟังข่าวคราวไม่ว่าในประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆทั่วโลก ล้วนแล้วแต่มีเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และภัยอันเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเอง หลายๆสิ่งเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ก็สามารถนำมาใช้คาดการณ์ล่วงหน้าและรับ มือได้ทัน แต่ก็มีไม่น้อยที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยียังไปไม่ถึง แต่หากจะบอกว่าสภาพการณ์หลายๆอย่างที่อุบัติขึ้นในสมัยปัจจุบัน..
    นกยางตัวใดเมื่อไม่มีปลาจะจับกิน ก็ชอบแต่จะจับเหงาหงอยสงบเงียบอยู่ในพุ่มไม้ฉันใด การเกิดของพระศรีอาริย์ในสมัยยุคนี้ ก็ต้องมาหลบลี้หนีเร้นเช่นเดียวกับนกยางดุจเดียวกับถ้อยคำของพระอิศวรผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้เป็นปริศนาในตำนานแต่โบราณไว้ดังนี้...
    • นกยางเฮย - ทำไมจึงร้องขอก? นกยางว่า “ปลามันไม่ออก”
    • ปลาเฮย - ทำไมจึงไม่ออก? ปลาว่า “หญ้ามันรกมาก”
    • หญ้าเฮย - ทำไมจึงรกมาก? หญ้าว่า “วัวมันไม่กิน”
    • วัวเฮย - ทำไมจึงไม่กิน? วัวว่า “เจ้าของมันไม่ปล่อยข้า”
    • เจ้าของเฮย - ทำไมจึงไม่ปล่อยวัว? เจ้าของว่า “ข้าเจ็บท้องมาก”
    • ท้องเฮย - ทำไมจึงเจ็บมาก? ท้องว่า “ข้ากินข้าวไม่สุก”
    • ข้าวเฮย - ทำไมจึงไม่สุก? ข้าวว่า “ไฟมันไม่ลุก”
    • ไฟเฮย - ทำไมไม่ลุก? ไฟว่า “ฟืนมันเปียก”
    • ฟืนเฮย - ทำไมจึงเปียก? ฟืนว่า “ฝนมันตกมาก”
    • ฝนเฮย - ทำไมจึงตกมาก? ฝนว่า “กบเขียดมันร้องนัก”
    • กบเขียดเฮย - ทำไมจึงร้องนัก? กบเขียดว่า “งูมันไล่กินพวกข้า”
    • งูเฮย - ทำไมจึงไล่กินกบเขียด? งูว่า “กบเขียดมันเป็นอาหารของข้า”
     
  19. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    คำปริศนานี้มีความหมายว่า..
    -นกยางไม่ร้องขอกนั้น ได้แก่พระศรีอาริย์ไม่ปรากฏเป็นพระบรมจักรธรรมิกราชให้โลกเห็นทันใจ
    -ปลาไม่ออกนั้น ได้แก่มวลมนุษย์ทั้งหลายที่ไม่ปรารถนาพบองค์พระศรีอาริย์ หรือผู้มีบุญอันประเสริฐ ที่จะมาเป็นที่พึ่งอันวิเศษ
    -หญ้ารกมากนั้น ได้แก่มวลมนุษย์ทั้งหลายหนาแน่นไปด้วยบาป กระทำความชั่วทั้งกายและวาจาใจ ด้วยอำนาจของโลภะ โทสะ โมหะ เข้าครอบงำสันดาน คือ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดลูกเมียท่าน กลาวเท็จ และฉ้อโกง ทั้งมึนเมาไปด้วยสุราเมรัย
    -วัวไม่กินหญ้านั้น ได้แก่มวลมนุษย์ทั้งหลายไม่ละความชั่ว ประพฤติความดี ไม่มีศีล ๕ กรรมบถ ๑๐ ไม่มีหิริโอตตัปปะไม่เชื่อฟังคำสอนของพระเจ้า เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม และชั่วช้าเลวทราม ๑๐๘ ประการ
    -เจ้าของวัวไม่ปล่อยวัวนั้น ได้แก่ประมุขและรัฐบุรุษทั่วโลกไม่อบรมชีวิตจิตใจของพลเมืองให้เป็นพลเมืองที่ดีตามหลักแห่งศีลธรรม ทั้งไม่ปลดปล่อยให้พลเมืองได้รับอิสรภาพและเสรีภาพแต่ก็ได้ใช้บ่วงแห่งกฎหมายมัดคอพลเมืองให้กระชับแน่นเข้ากับหลักแห่งลัทธิคลั่งชาติ
    -เจ้าของวัวเจ็บท้องนั้น ได้แก่รัฐบาลทั่วโลกเต็มไปด้วยโลภโมโทสัน เต็มไปด้วยความกระทายในอันที่จะกอบโกยเอาทรัพย์สินเงินทองของประชาชนพลโลกแม้ว่าจะได้มากเท่ามากเพียงไรก็ยังไม่พอกับความกระหาย ซ้ำยังดิ้นร้นกระวนกระวายอยู่อีก
    -กินข้าวไม่สุกนั้น ได้แก่รัฐบาลทั่วโลกพยายามบีบคั้นพลเมืองในทุกแง่ทุกด้าน ทั้งในด้านภาษีอากร ด้านกรรมกร ด้านปรับสินไหม และในด้านเศรษฐกิจอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งแต่ละอย่างล้วนใช้อำนาจบาตรใหญ่ (เพราะได้มาด้วยการบีบคั้นมิใช่อะลุ่มอล่วย) เรียกว่า “กินข้าวไม่สุก”
    -ไฟไม่ลุกนั้น ได้แก่รัฐบาลทั่วโลกใช้อำนาจเป็นธรรมไม่ใช่ใช้ธรรมเป็นอำนาจ บ้านเมืองจึงเสื่อมเศร้า และมืดมนอนธการเพราะเต็มไปด้วยโมหะ ไม่มีศีลธรรม ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีความอะลุ่มอล่วยต่อพลเมือง จึงไม่เป็นที่ชอบเนื้อชอบใจแก่ผู้น้อย อนึ่ง ปัญญา แปลว่า “แสงสว่าง” ไฟไม่ลุก จึงหมายความว่ารัฐบาลทั่วโลกหมดปัญญาที่จะปกครองบ้านเมืองโดยสันติวิธีได้เสียแล้ว
    -ฟืนเปียกนั้น ได้แก่ผู้ปกครองประเทศชาติศาสนา เต็มไปด้วยกิเลสและลาภยศ ชุ่มโชกไปด้วยความสุขสมบูรณ์ และเปียกปอนไปด้วยสุรานารีพาชีฯลฯ “ฟืนเปียก” จึงหมายความว่าชีวิตของนักการเมืองและนักปกครอง เปียกชุ่มไปด้วยตัณหา ราคะ อาสวะกิเลส
    -ฝนตกมากนั้น ได้แก่นักการเมืองและนักปกครองแห่งนานาชาติจำเป็นจะต้องใช้มติ และอำนาจส่วนรวมเพื่อบริหารการปกครองและการสัมพันธภาพระหว่างชาติต่อชาติ และระหว่างสังคมภายในชาติของตน ปัญหานี้จึงหนักไปในด้านเศรษฐกิจและการเงิน เพราะเมื่อความสัมพันธ์กับนานาชาติมีมากขึ้นเพียงใดเศรษฐกิจและการเงินก็ต้องมีงบประมาณเพิ่มขึ้นเพียงนั้น ตลอดจนอาวุธยุทธภัณฑ์ ซึ่งเกี่ยวกับความปลอดภัยของชาติ ก็แต่ล้วนเกี่ยวกับการเงินก้อนเบ้อเร่อ ขนาดปิดหีบไม่ลงทุกๆ ปี คราทีนี้ก็จำเป็นจะต้องดีดลูกคิดบนรางแก้วหรือทำนาบหลังราษฎรกันขึ้นอีกปัญหานี้จึงหมายถึงรัฐบาลทั่วโลกใช้เงินเป็นห่าฝน คือว่า “ฝนตกมาก” ดังกล่าวแล้ว
    -กบเขียดร้องนั้น ได้แก่ประชาชนพลโลกทั่วไป พากัน เป็นเดือดเป็นแค้นถึงการหักหลังแห่งรัฐบาลของตน เมื่อจะก่อกำเนิดเป็นลัทธิประชาธิปไตย นักปฏิวัติอ้างว่า จะกำจัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่พลเมือง (กบเขียด) เพื่อให้พลเมืองอยู่ดีกินดี จะไม่ให้พลเมืองอดตายเหมือนระบอบเก่า จะเลิกทำนาบนหลังราษฎรจะบำรุงบ้านเมืองอย่างนั้นอย่างนี้ ประหนึ่งสร้างวิมานบนอากาศให้พลเมืองอยู่ ครั้นแล้วตัวและพรรคพวกก็ถลำเข้าไปนอนกอดหมอนเอ้เต้จันเย ในตึกในรามในอาคารใหญ่ๆ อย่างหรูหราปล่อยให้พลเมืองนอนกับดินกินกับหญ้า และท้องหิวอยู่ตามถนนตามเคย ส่วนภาษีอากรก็ต้องหาส่งให้แก่รัฐบาลจนตัวหกก้นขวิดเมื่อบ้านเมืองตกอยู่ในภาวะคับแค้นด้วยข้าวยากหมากแพง ก็ยิ่งทุรนทุรายและทุเรศทุรังหนักยิ่งขึ้น ผลสุดท้ายฝูงราษฎรก็กลับกลายเป็นกบเขียดร้องระเบ็งเซ็งแซ่ไปทั่วทุกหัวระแหง และต่างก็ชะเง้อคอเพื่อหานายใหม่กันทั่วไป
    -งูไล่กินกบเขียดนั้น ได้แก่รัฐบาลของโลกทั่วไป มีหน้าที่แต่จะประชุมกันออกกฎหมายบนโต๊ะกลม เพื่อปกครองบ้านเมืองและบีบรัดพลเมืองในด้านต่างๆ ไม่มีเวลาจะทำมาหากินกับใครภาษีอากรจึงเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐของรัฐบาลทั่วไป เมื่อเก็บรวบรวมมาใส่หีบไว้ในคลังได้มากเท่าใด ก็เป็นรายรับอันวิเศษเท่านั้นแล้วประชุมกันทำงบประมาณรายจ่ายในปีต่อไปบางปีก็งบมากเกินไปค่อนข้างจะเปิดหีบไม่ลง ซึ่งจะให้งบมันน้อยลงไปนะไม่ค่อยมารัฐบาลใดเขาทำกันดอก ตลอดพงศาวดารของโลก ด้วยเหตุนี้ เมื่อได้ยินเสียงกบเขียดมันร้องขรมถมทึกหนักยิ่งในทำนอง “งูเฮย-ทำไมจึงไล่กินกบเขียด?” งูจึงตอบว่า “เพราะกบเขียดมันเป็นอาหารของตูข้า?” ปริศนาปัญหาข้อนี้หมายถึง “ประชาราษฎรเป็นทาสของรัฐบาลทั่วโลก”

    มูลเหตุประการดังกล่าวนี้เอง ซึ่งเป็นหมอกร้ายมาปิดบัง มิใช่ผู้มีบุญอันประเสริฐ (นกยางขาว) มาปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกได้ ถ้าโลกนี้ยังไม่ถึงแก่ล่มจมแล้ว ฝูงมนุษย์ก็มัวเมาอยู่ในกิเลสกามและวัตถุกามจนเงยหน้าอ้าปากไม่ขึ้น และไม่ปรารถนาจะพบผู้วิเศษใดๆ อีก เมื่อไม่ถึงคราวจำเป็นแล้ว ผู้มีบุญที่กล่าวนี้ก็ไม่มีมาให้เราเห็น ย่อมเป็นกฎเกณฑ์ธรรมดาในทุกยุคทุกสมัย...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2011
  20. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    ท่านที่ใช้นามแฝงว่า "พันวฤทธิ์" (ท่านสมบัติคงรู้จักท่านดี) ได้กล่าวว่า
    พระตามรูปนี้เจอที่ไหนให้อารธนาบูชาไว้อย่าปล่อยผ่านมือ...

    พระปิดตายอดขวัญ คณะหลวงปู่โลกอุดร เสกเต็มคณะ 5 องค์

    ผมเพิ่งมีวาสนาได้มาบูชาติดกาย 1 องค์ครับ คณะหลวงปู่ฯ ท่านเมตตาให้มาคุ้มครองตนและครอบครัว วันที่ 18 นี้ผมคงได้พบคุณปู่ประถม จะนำพระหลายองค์ให้ท่านตรวจอิทธิคุณให้ด้วยครับ
    (รูปพระนี้ยืมมาจากบอร์ดพลังจิตครับ องค์ของผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • จๅ.jpg
      จๅ.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.6 KB
      เปิดดู:
      139
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 ธันวาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...