หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

---ธรรมสวัสดี ครับ---
ดร.ณัฐชัย

 

โมทนาสาธุทุกประการครับผม

 

---พระองค์นี้คล้ายกับ องค์ที่เคยเห็นร้านฯหนึ่งที่ท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นของเรียนแบบ
---ครั้งแรกที่เห็นพลังยังไม่เต็ม จึงได้ขอพระเบื้องบนเมตตาสงเคราะห์อีกครั้ง พลังเพิ่มขึ้นมาเป็นพลังพุทธานุภาพไร้ขีดจำกัด

ธรรมสวัสดี
ดร.ณัฐชัย

 

โมทนาสาธุกับท่านทั้งสามด้วย
พระท่านทรงงดงามมากครับ

 

---มีพลังฯ วิ่งออกมาจากหน้าจอคอมฯ แสดงถึงความสมบูรณ์ของการถวายสังฆทาน
โมธนา สาธุๆๆ
ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้น

*****
- คนอยู่แถบ จังหวัดทางภาคตะวันออก แนะนำพระสงฆ์(จบกิจ)ที่กราบได้สนิทใจ...
หลวงพ่อสพฤกษ์ ปภัสสโร วัดองค์ปฐม (เขตปฏิบ้ติธรรม) ต.สองสลึง อ.แกลง จ.ระยอง 21110
- คนอยู่แถบ จังหวัดทางภาคเหนือ แนะนำพระสงฆ์(จบกิจ)ที่กราบได้สนิทใจ...
หลวงปู่พระมหาสิงห์ วิสุทโธ วัดถ้ำป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน

ธรรมสวัสดี
ดร.ณัฐชัย

 

โมทนาสาธุทุกประการครับ
ปีหน้าคงเป็นคิวของสายเหนือบ้างเนาะ เหอๆ

อ่อ...ที่เมืองจันทบุรี...เดี๋ยวตามไปสมทบครับ
ผมปีติยินดีร่วมกะทุกๆท่านยิ่งนัก...โดยเฉพาะพ่อแม่ครูอาจารย์
หลายๆท่านอยากไปเยี่ยมทะเลกัน น้ำเยอะกว่าอิสานบ้านเฮาจั๊ดนัก! (กำเมือง=มากมาย)

ปล: ลูกชายยังขนาดนี้...สำหรับคุณพ่อ...หลบในครับ หึหึ

 

ขอขอบคุณ

ท่านนนต์ ท่านณัฐชัยและท่านสมบัติ

ขอบคุณมากครับที่ช่วยอนุเคราะห์ เพราะผมศรัทธาในสิ่งที่เกิดขึ้น จึงพยายามดำเนินการให้ได้
ตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว พยายามนั่งสมาธิทุกคืน เท่าที่เวลาและสถานที่จะอำนวย

วันนี้ เมื่อมีโอกาสก็รีบทำบุญสังฆทานที่วัดมหรรณพาราม ตามที่ทุกท่านได้บอกไว้
เมื่อถวายสังฆทานเสร็จ ครั้งแรก ๆ ยังไม่ได้รับสัญญาณอะไรจากเบื้องบนเลย
แต่เมื่อสวดมนต์ที่วัดบวร ได้อธิฐานจิตถึงพระเบื้องบน เข้าใจว่า ท่านอนุโมทนาบุญให้ด้วย

ดีใจมากครับที่รับทราบและยืนยันจากทุก ๆ ท่าน และตั้งใจจะทำต่อไป ตามแนวทางที่ท่านทั้งหลายแนะนำไว้

อนุโมทนาบุญในทุกเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นครับ

 

ครับ..พระอาจารย์มีเมตตาต่อครอบครัวผมและผู้มาร่วมฟังธรรมเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ผมและครอบครัวเกิดความปลื้มปิติอย่างหาที่เปรียบมิได้ ท่านมาโปรดสงเคราะห์ครั้งนี้ทำให้ผมมีกำลังใจและความมุ่งมั่นเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ..เนื่องจากช่วง2-3วันนี้ฝนตกตลอดวัน ทำให้เดินทางไม่สะดวก ..พระอาจารย์จึงได้ไปเพียงใกล้ ๆ บ้านเท่านั้น คือได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หลวงปู่หงษ์และไปกราบท่าน พร้อมมอบประคำเหล็กไหลไพลดำให้กับท่านด้วย..ผมนำภาพชุดนี้มาให้ชมด้วยครับ ( ภาพชุดที่ 2) หลังจากนั้นก็กลับไปฟังธรรมที่บ้านต่อครับ.

ป.ล. บ้านนี้ยินดีต้อนรับนักรบธรรมทุกท่านครับ..หากท่านจะลี้ภัยน้ำท่วมเป็นการชั่วคราวก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งนะครับ.( กรุณาจองที่นั่งล่วงหน้าครับ )

 

ด้วยความยินดีครับ.....ท่านดร.นนต์ ท่านสมบัติ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วเหนือความคาดหมายเป็นเหตุเป็นผลให้รับรู้และเข้าใจ.....ทุกๆอย่าง คลายถอนหมดความลังเลสงสัยเหลือไว้เพียงความตั้งใจและมุ่งมั่นพากเพียรปฎิบัติเพื่อให้ถึงซึ่งฟากฝั่งที่ตั้งไว้.....ที่ค่อนข้างไกล.....เพียงแต่หนทางเดินนั้นชัดเจนขึ้น เกิดกำลังใจมากขึ้นหลังจากที่ได้พบพ่อแม่ครูอาจารย์พ.สุรเตโช ในชั่วระยะเวลา 3 เดือน(1 พรรษา) 4 วาระ สามารถทำให้การปฎิบัติกระชับเป็นรูปธรรมขึ้นมากนับว่าเป็นบุญวาสนาจริงเลยหล่ะครับ.....

คลื่นแห่งกระแสธรรมนั้นรับรู้ได้เป็นอัตโนมัติครับ อย่างเช่นคืนแรกที่บ้านท่านสันติ(16 ต.ค.2554)ช่วงเวลาประมาณ3 ทุ่มถึง6 ทุ่ม ผมรับรู้ได้ถึงคลื่นแห่งกระแสธรรมที่หนักหน่วง หนักแน่นเป็นพลังเย็นต้องปล่อยอาการไปตามสภาวะนั้นๆอยู่เป็นนานสองนาน เย็น โปร่ง โล่งสบายครับ หลายๆท่านคงเป็นเช่นกันเพราะเราคือ.......

เมื่อถึงรอบพ่อแม่ครูอาจารย์ต้องได้ธุดงค์ไปทางเหนือแน่นอนครับ เพราะช่วงนี้เหตุการณ์ทางธรรมชาติไม่อำนวย และผมคงไม่พลาดที่จักได้ไปเยี่ยมเยือนถึงบ้านท่านสมบัติอย่างแน่นอน.....หึหึ

สมาชิกธรรม

 

Anumo...tana..satu...naka.

 

การแก้ไขปัญหาการชม Blog บุญวิถีฯ ผิดปกติ

เรียนเพื่อนธรรมทุกท่าน,
อันเนื่องมาจากใน Blog ของผม มีการนำรูปภาพส่วนใหญ่นำเข้ามาจากบอร์ดหลวงปู่แหวน ทำให้การแสดงผลไม่สมบูรณ์
แต่ท่านสามารถแก้ไขได้โดยติดตั้ง Google Chrome แทน Browser ตัวเดิม
ตามภาพที่แสดงด้านล่างครับ​

การแสดงผลไม่สมบูรณ์ใน Browser IE,Firefox ฯลฯ​

ติดตั้ง Google Chrome เพื่อแก้ปัญหา​

การแสดงผลภาพสมบูรณ์ใน Google Chrome​

 

ภาพชุดนี้เป็นชุดสุดท้ายครับ ...เป็นภาพในช่วงค่ำซึ่งเป็นช่วงฟังธรรม ผมได้ถวายสร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำจำนวน 3 เส้น ให้กับพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยครับ และภาพช่วงเช้าเป็นช่วงที่กราบลาท่าน โดยพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านออกเดินทางจากบ้านผมประมาณ 07.15 น. จุดมุ่งหมายต่อไปคือจันทบุรี เพื่อไปโปรดคุณสันติเป็นคนต่อไป..ผมไปส่งพ่อแม่ครูอาจารย์และคณะถึงเส้นทางใหญ่ที่จะไปนครราชสีมา ด้วยความรู้สึกปลื้มปิติที่ท่านมาโปรดและไม่อยากจากลากัน.. ผมเสียดายโอกาสที่ไม่ได้ตามไปธรรมะสัญจรกับท่านครับ..คงต้องรอโอกาสในปีต่อไป และในวาระที่ท่านได้มาโปรดในครั้งนี้พวกเราได้ถวายปัจจัยสมทบเพิ่มเติมดังนี้ครับ
1. นางบุญมี แซ่โต๋วและครอบครัว จำนวน 2,000 บาท ( แม่ภรรยา )<O</O
2. นางภานิดา แอกทองและครอบครัว จำนวน 1,000 บาท ( พี่สาว)<O</O
3. นางสาวเยาวเรช หมู่ดี จำนวน 1,000 บาท ( เพื่อนภรรยา ) <O</O
4. นางพูนศรี พันธุ์สุข จำนวน 100 บาท ( แม่ )<O</O
5. นายพิเชฐ พันธุ์สุข และครอบครัว จำนวน 2,000 บาท<O</O
รวม 6,100 บาท<O</O
ขอให้ทุกท่านร่วมโมทนาสาธุด้วยนะครับ.<O</O
สมาชิกธรรม<O</O
<O</O

 

สรุปรายนาม ผู้บริจาคร่วมค่าเดินทาง-ของยังชีพ
คณะธรรมะสัญจร สู่นักรบธรรม ครั้งที่ 1
โดยพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช
ระหว่างวันที่ 15-24 ตุลาคม 2554
เส้นทาง กาฬสินธ์-สุรินทร์-จันทบุรี-นครราชสีมา

1. คุณ manopk =2,001-
2. คุณ IT Man =2,001-
3. คุณ chantasakuldecha =2,001-
4. คุณ Phoobes =2,001-
5. คุณ urairatvi =1,001-
6. คุณ ดร.นนต์ =2,001-
7. คุณ ปรัชญา =5,001-
8. คุณ Jokky =2,010-
9. คุณ สมาชิกธรรม และครอบครัว 2,001-
10. นางภานิดา แอกทองและครอบครัว 2,001- (พี่สาว)
11. ท่านผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม =2,001-
12. ผู้หมวดซุป =1,001-
13. คุณ พี่น้อย แจ้งคุณแม่ชม =3,000-
14. ร้านปฏิวัติการป้าย อ.กุฉินารายณ์ =1,001-
15. คุณ ซึ้งบน (สันติ) =3,001-
16. คุณอ๊อด คงภัค =501-
17. ญาติธรรมทางภูดานไห ประมาณ 1,400-
18. คุณครูประคอง วันชูเพลา, คุณครูพรรณี แจ่มใส และคุณครูวีรียา วรพันธุ์ =1,800-
19. นางบุญมี แซ่โต๋วและครอบครัว จำนวน 2,000 บาท ( แม่ภรรยา )<O</O
20. นางภานิดา แอกทองและครอบครัว จำนวน 1,000 บาท ( พี่สาว)<O</O
21. นางสาวเยาวเรช หมู่ดี จำนวน 1,000 บาท ( เพื่อนภรรยา ) <O</O
22. นางพูนศรี พันธุ์สุข จำนวน 100 บาท ( แม่ )<O</O
23. นายพิเชฐ พันธุ์สุข และครอบครัว จำนวน 2,000 บาท

รวมยอดบริจาคทั้งสิ้น 41,824 บาท (17 ต.ค.'54)
โมทนาสาธุทุกประการครับ
......................................................
Link ที่เกี่ยวข้อง:
17: เจริญธรรมสัญจรสู่ นรธ. ครั้งที่ 1
07: ช่องทางการทำบุญ
18: โปรด นรธ.สมาชิกธรรม
......................................................
- วันที่ 15 ตุลาคม 2554 : ณ. อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ (นรธ.สมาชิกธรรม/คุณพิเชฐ : โทร.085 097 7531)
--- พัก อ.ปราสาท 1 คืน ---
- วันที่ 16 ตุลาคม 2554 : ณ. อ.ขลุง จ.จันทบุรี (นรธ.ซึ้งบน/คุณสันติ: โทร.081 781 5723)
--- กิจกรรม: ขึ้นเขาคิชกูฏ,เกาะช้าง,โปรดญาติธรรม,ฯลฯ ---
- วันที่ 23 ตุลาคม 2554 : ณ. อ.เมือง จ.นครราชสีมา (นรธ.ดร.นนต์ : โทร.085 767 8008)
......................................................
โมทนาสาธุครับ
......................................................

งดงาม...
โมทนาสาธุทุกประการครับ

 

ขณะนี้คณะของพ่อแม่ครูอาจารย์ อยู่ที่เกาะช้าง
(อยากบอกว่า อิจฉา 555)​

คาดว่าพรุ่งนี้จักขึ้นเขาคิชฌกูฏ เพื่อสำรวจเส้นทางครับ






















รอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ
ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฎ การเดินทางเริ่มต้นที่วัดพลวงไปตามถนนที่ลาดชันมาก
ระยะทาง 8 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร ทิวทัศน์บน
ยอดเขาคิชฌกูฏหรือเขาพระบาทนี้เป็นปรากฎการณ์ทางธรณีวิทยาที่นำมา ผูกกับตำนาน
ทางพระพุทธศาสนา ได้แก่ ศิลาเจดีย์ รอยพระพุทธบาท หินรูปบาตรคว่ำ ถ้ำฤาษี
ลานแข่งรถพระอินทร์ หินที่มีรูปร่างคล้ายเต่าและช้างขนาดยักษ์ บนยอดเขาพระบาท
ซึ่งมีอากาศเย็นสบายนั้น สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม
เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้อย่างชัดเจน เฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนถึงช่วง
วันมาฆบูชาของทุกปีจะมีประชาชนขึ้นไป นมัสการรอยพระพุทธบาททั้งกลางวันและ
กลางคืนเป็นจำนวนมาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ โทร. 0-3945-2074

เพิ่มเติม อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ
อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ หรือที่ใครๆ เรียกกันจนติดปากว่า “เขาคิชฌกูฏ”
มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอมะขาม และกิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี และยัง
เป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี สภาพป่าในบริเวณนี้มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา
และป่าไม้ผลัดใบ มีสมุนไพรและกล้วยไม้ป่านานาชนิด รวมทั้งมีพันธุ์ไม้หายาก
คือ ไม้กฤษณา และ เนื่องจากเป็นป่าที่อยู่ในเขตเทือกเขาสูงชัน จึงมีสัตว์ป่าชุกชุม
เช่น กระทิง เสือ หมี กวาง เก้ง เลียงผา และนกชนิดต่างๆ นอกจากนี้ ตามลำห้วย
ยังมี ปลาพลวง ปลาก้าง ปลาหนวด ปลาดุกรำพัน อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ในบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ได้แก่
น้ำตกกระทิง,น้ำตกคลองช้างเซ ,ยอดเขาพระบาท และที่ได้รับความสนใจจาก
นักท่องเที่ยวเป็นพิเศษนั้นเห็นจะเป็น การนมัสการรอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ

 

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

 

ความหวัง การอนุรักษ์:เขาคิชฌกูฏ

Last Updated on Thursday, 11 February 2010 04:13
Written by Green
Thursday, 11 February 2010 01:19
ยอดเขาสูงราว 1,085 เมตรจากระดับน้ำทะเล อยู่สูง อยู่กลางป่าอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ กับเรื่องราวปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สอดคล้องกับ ตำนานทางพระพุทธศาสนา”ยอดเขาพระบาทแห่งเขาคิฌชกูฏ”

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=657><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…ยอดเขาสูงราว 1,085 เมตรจากระดับน้ำทะเล อยู่สูง อยู่กลางป่า เป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ และมีเรื่องราวของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทางธรณีวิทยาที่กลายมาสอดคล้องกับ ตำนานทางพระพุทธศาสนา“ยอดเขาพระบาทแห่งเขาคิชฌกูฏ”</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…ตัวผมเองได้มีโอกาสได้เดินทางไปเขาคิชฌกูฏเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องสถานที่ความนิยมและศรัทธาของเขาคิชฌกูฏแห่งนี้คงไม่ต้องบรรยายให้มากความ หลายคนไปแล้วสมหวังหลายคนไปแล้วก็ยังหวังอยู่วันนี้ในฐานะ หนึ่งนักท่องเที่ยวหนึ่งความเห็นผมจึงอยากนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ของเขาคิชฌกูฏแห่งนี้มาเล่ามาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน รวมทั้งขอสอดแทรกความรู้สึกนึกคิดของผมเองที่เห็นทั้งแนวโน้มของปัญหาและการ ดำรงไว้ซึ่งความเชื่อและศรัทธา…</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…หลายคนคงจะพอทราบกันบ้างว่าเขาคิชฌกูฏแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของ “อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ” โดยพื้นที่อุทยานแห่งนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวและมุมพักผ่อนสวย ๆ ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งเช่น น้ำตกกระทิง, น้ำตกคลองช้างเซ, น้ำตกคลองไพบูลย์ หรือจะเป็นมุมของบึงน้ำขนาดย่อม ๆ ที่อยู่บริเวณสถานที่กางเต๊นท์ให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนกัน ซึ่งโดยมากแล้วนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเลยไปยังเขาคิชฌกูฏทันทีโดยไม่ค่อย ได้แวะมาที่อุทยานแห่งนี้ ครั้งหน้าหรือใคร ๆ หากมีเวลาเหลือพอก็อย่าลืมแวะมาเข้าตัวอุทยานแห่งชาติกันสักหน่อยนะครับ บรรยากาศที่ตัวอุทยานแห่งนี้ร่มรื่นจริง ๆ… (ขอโทษที่ไม่ได้ถ่ายภาพมา เนื่องจากไปฟังบรรยายจากเจ้าหน้าที่) ^ ^</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…เดิมที่พื้นที่ของเขาคิชฌกูฏแห่งนี้นั้นไม่ได้ เป็นของอุทยานแห่งชาติมาแต่แรก โดยพื้นที่เหล่านั้นเป็นของชาวบ้านมาก่อนแต่เนิ่นแต่นาน และขนบธรรมเนียมประเพณีสักการะนมัสการนั้นชาวบ้านก็ปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็น เวลานานแล้ว.แต่เนื่องจากสมัยก่อนการเข้าถึงยังเป็นไปได้ยาก ลำบาก ปัญหาและแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดผลเสียต่อสภาพแวดล้อมจึงยังไม่น่าส่งผลมาก สักเท่าไหร่ ผิดกับปัจจุบันที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและจากการที่ผมได้เข้าฟังบรรยายรับ รู้เรื่องราวจากเจ้าหน้าที่อุทยานจึงได้พบว่าปัญหาที่เลี่ยงไม่ได้และได้รับ ผลกระทบมากที่สุดก็คือ “ขยะ” </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ตามวันเวลาและสภาพเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหมด ส่งผลให้ปริมาณขยะสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเช่น ห้องน้ำ ซึ่งยากต่อการควบคุมแม้ว่าจะมีการจัดให้อยู่ในพื้นที่ของอุทยานฯแล้วก็ตาม แต่การดำเนินงานต่าง ๆ ก็ทำได้แค่เพียงส่วนหนึ่งเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับจำนวนและปริมาณของผู้มาเยือนและที่สำคัญไปกว่านั้นคือ “การเข้ามาทีหลังของอุทยานที่มาหลังชาวบ้าน”… </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…ว่ากันง่าย ๆ เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ พื้นที่และหลายสิ่งหลายอย่างรวมทั้งวิถีรูปแบบเป็นของชาวบ้านมาก่อน ดังนั้นเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเข้ามาของอุทยานฯ การดำเนินงานประสานงานบางอย่างจึงติดขัดไม่ลื่นไหลอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งในการร้องขอจากชาวบ้านในการดูแลควบคุมปัญหาปริมาณขยะ หรือในด้านต่าง ๆ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ยอดเขาพระบาทเปิดให้ผู้ศรัทธาได้มานมัสการสักการะ นั้นมีเพียงแค่ “2 เดือนเท่านั้น”</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…จากเดิมทีก่อนจัด 15 วันตามแบบปกติทั่วไป จนต้องเพิ่มเป็น 30 เป็น 45 วันและสุดท้ายปัจจุบันที่ 60 วัน… จึงเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านจะมีรายได้มากที่สุดเลยทำให้มองเรื่อง “การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” เป็นเรื่องถัด ๆ ไปรองจากรายได้และผลตอบแทน จะมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วย ให้สภาพแวดล้อมและการอนุรักษ์เป็นไปได้ในลู่ทางที่ดีขึ้น </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…สำหรับในมุมมองผมแล้วงานนี้ถ้าจะให้รอแต่ทางอุทยานฯช่วยเหลือฝ่ายเดียวคงใช้ เวลาอีกสักร้อยปีเป็นแน่ เพราะอุทยานฯ ทุกวันนี้เองก็ยอมรับแบบตรง ๆ ว่าที่มีนักท่องเที่ยวมาเข้าอุทยานฯ มากขึ้นก็เพราะเป็นผลพลอยได้จากการเดินทางมาสักการะของนักท่องเที่ยวจากเขาคิชฌกูฏ จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ “ขนาดอุทยานฯ ยังต้องพึ่งชาวบ้านเลย “…</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>….ดังนั้นสิ่งที่ตอบได้ดีที่สุดน่าจะมีอยู่ 2 ข้อในความคิดของผมคือ นักท่องเที่ยวคุณภาพ และ ทางวัดที่เป็นเหมือนแหล่งศูนย์กลางของชาวบ้านและผู้มาสักการะ</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>...นักท่องเที่ยวคุณภาพสำหรับผมไม่ต้องมีอะไรมากขอแค่ 3 ข้อก็พอ…
-1. ไม่ทำลาย – แค่นี้ก็เข้าข่ายอนุรักษ์แล้ว
-2. ดูแลและใส่ใจ – ช่วยกันสอดส่องหาหนทางแก้ไขเพื่อบอกต่อไปสู่หนทางที่ดีขึ้น
-3. มีสำนึกในการท่องเที่ยว – ข้อนี้ยิ่งง่ายใหญ่เพราะแค่ขยะในมือ 1 ชิ้นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าคุณจะทำอย่างไร มีสำนึกแค่ไหนกับขยะชิ้นนั้น</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…ทั้งหมดนี้คือปัญหาแรกที่เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงและผมเองก็ได้เห็นได้เจอกับตัวเองตลอดทางเดินขึ้นเขาคิชฌกูฏแห่งนี้…</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…ประการ ที่สองที่จะทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมลงอย่างช้าที่สุด(เพราะจะให้ดีขึ้นคงยาก) ผมมองว่าทางวัดน่าจะเข้ามามีบทบาทมากกว่านี้ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของทั้งชาวบ้านและผู้มีแรงจิตศรัทธาการบอกกล่าวหรือ ขยับตัวอะไรสักนิดน่าจะส่งผลดีกลับมาบ้าง แต่เหตุผลนี้คงจะเป็นไปได้โคตรยากเพราะทางวัดเองคงไม่มาเปิดกระทู้นี้อ่าน รวมทั้งชาวบ้านก็คงไม่ได้มาเข้าอ่านอะไรในอินเตอร์เนทอยู่แล้ว ทุกอย่างเลยต้องย้อนกลับไปที่ข้อแรกคือ คุณภาพของนักท่องเที่ยว ถือซะว่าเราช่วยเพิ่มอีกสักคนหรือบอกต่อกันไป Pay It Forward นี่แหละครับคือหนทางที่ดีที่สุดแล้ว ปลูกฝังที่ตัวเองและคนของเรานั่นแหละ …</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…ย้อนมองข้ามปัญหาเรื่องขยะและสิ่งแวดล้อมไป ผมขออีกสักเรื่องที่ คาใจ ผมมากคือเรื่องของ “ความหวังและศรัทธา” จากคำบอกเล่าและสถิติที่ได้มาจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เมื่อปี 2551 ยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางสู่เขาคิชฌกูฏโดยประมาณ 690,000 คน ตลอดช่วงเวลา 60 วัน และล่าสุดปี 2552 ที่ผานมายอดเพิ่มเป็น 800,000 คนด้วยระยะเวลาเท่ากัน…คงไม่ต้องคิดนะครับว่ายอดต่อไปจะเฉียดใกล้ล้านอีก สักแค่ไหน หากสภาพเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น รายได้และสภาพกระเป๋าของชนชั้นรากหญ้าลดลง…ความหวังและศรัทธาจึงสวนทางเพิ่มขึ้น …เนื่องจากไม่มีอะไรให้หวัง หมดหวัง ไม่มีอะไรให้มั่นใจได้ จึงต้องหันเข้าหาสิ่งยึดเหนี่ยวยึดมั่นทางใจ แต่จะมีสักกี่คนที่ได้อย่างที่หวังแลศรัทธาไว้ …</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…สิ่งที่จะทำให้ความหวังและศรัทธาเป็นจริงขึ้นมาคง จะดีที่สุดคือ “หันมามองตัวเอง ก้มหน้าก้มตา ทำมาหากินกันต่อไป โดยมีชาติให้ยืน มีศาสนาให้นับถือ มีพระมหากษัตริย์ไว้เคารพ” เพื่อไว้เป็นความหวังและกำลังใจในวันที่ไร้ที่พึ่งพิง เพื่อว่าสักวันวงล้อแห่งความหวังและศรัทธาจะหมุนมาลงที่เราบ้าง </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…จากการบริจาคร่วมทำบุญปัจจัยตามกำลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและผู้มีแรงจิตศรัทธา จะมาพร้อมด้วยเสียงตอบกลับแทบทุกครั้งไปว่า “บริจาคเงินวันนี้ 500 บาท กลับบ้านไปขอให้ร่ำให้รวยได้เงิน 500 ล้าน นะแม่ ๆ นะหนู ๆ ” ฟังดูเผิน ๆ อาจไม่ต้องคิดอะไรมากแค่คำอวยพรกลับมา…แต่สำหรับผมมันเหมือนเป็นการทำร้าย และเป็นการปลูกฝังให้คนพลั้งเผลอและหวังเชื่องมงายกันแบบผิด ๆ ต่อไป… ลองคิดดูนะครับว่าเด็ก ๆ หากได้ยินแบบนี้ถูกปลูกฝังแบบนี้มาจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า จะมีบ้างไหมที่จะได้ยินว่า “บริจาค 500 วันนี้ ขอให้ร่างกายแม่ ๆ หนู ๆ แข็งแรงสุขภาพใจบริสุทธิ์ เป็นคนดีไปอีก 500 วันพันปีเลยนะ”…ให้ได้รู้ว่าผลของการให้นั้นอยู่ที่ “ความสุขในใจมากกว่าเงินทอง”… </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…พาลให้นึกถึงคำจากนักปราชญ์โบราณที่เคยกล่าวไว้ว่า “…หากแต่ไปด้วยจิตศรัทธา มุ่งมั่น มิมีทรัพย์ไปบริจาค จักมิได้รับผลบุญอะไรบ้างเชียวหรือ….”</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…แต่ก็ต้องยอมรับกันตรง ๆ ล่ะครับว่าสำหรับทุกวันนี้ ปัจจุบันนี้ มันคือวันที่ วัตถุเดินทางแซงหน้าจิตใจไปแล้ว และดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่สัมผัสและจับต้องได้ง่ายดายกว่าเรื่องราวของจิตใจ… </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…แต่อย่างไรก็ตามรอยพระพุทธบาทที่ยอดเขาคิชฌกูฏ แห่งนี้ยังคงตั้งมั่นอยู่ที่แห่งนี้ต่อไป ทั้งในด้านความเชื่อและในด้านวิทยาศาสตร์ที่ส่งผลมาจวบจนทุกวันนี้ ผู้มีจิตศรัทธาผู้ที่เลื่อมใสที่ต่างเดินทางมาเพื่อนมัสการกราบไหว้ขอพร ขอให้ได้ในสิ่งที่ตนหวังไว้ หลายคนเคยมาแล้ว หลายคนยังไม่เคยมา หลายคนไปแล้วกลับมาเพราะยังไม่ได้ดั่งหวัง แต่หลายคนไปแล้วและยังคงกลับมาอยู่เสมอเพราะได้ดั่งหวัง ก็สุดแท้แต่กันไป จะอย่างไรก็ดีสุดท้ายแล้วก็ต้องฝากถึงนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางมาให้ช่วย กันรักษาสถานที่แห่งนี้ไว้ให้ดีที่สุดด้วยนะครับ …เพราะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์รอยพระพุทธบาทยอดเขาคิชฌกูฏแห่งนี้ก็จะยังคงอยู่คู่ผืนแผ่นดินไทยไปอีกนานเท่านาน </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ… สุดท้ายนี้ขอฝากเรื่องของการอนุรักษ์รักษาสภาพสิ่งแวดล้อมไว้ด้วยนะครับ ทั้งที่เขาคิชฌกูฏแห่งนี้และทุก ๆ สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทย บ้านเมืองผืนป่าเป็นของเราอยู่ในมือของพวกเราทุกคนช่วยกันดูแลและทำเพื่อ ประโยชน์สูงสุดต่อ ๆ ไปด้วยกันเถอะครับ</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>…เดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่อยากไป และช่วยกันอนุรักษ์หวงแหนสิ่งแวดล้อมไว้ให้อยู่นาน ๆ … สวัสดีครับ / ฟอร์ซ่านุ</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ป.ล. ขอขอบคุณ ททท.สำหรับการเดินทางครั้งนี้ และอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏสำหรับข้อมูลและเรื่องราวต่าง ๆ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>การท่องเที่ี่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง (ระยอง จันทบุรี)
153/4 ถนนสุขุมวิท ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง 21000
โทรศัพท์ : 0-3865-5420-1, 0-3866-4585 โทรสาร : 0-3865-5422อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ต.พลวง อ. เขาคิชฌกูฏ จ. จันทบุรี 22210
โทรศัพท์ 0 3945 2074 โทรสาร 0 3945 2069 (VoIP) อีเมล khaokhitchakut_np@hotmail.com</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ภาพ ประทับใจ


จะมีสักกี่คนในโลกนี้ ที่จะมีโอกาส..
ไม่มี!

 

[QUOTE=สมาชิกธรรม;5248449]ภาพชุดนี้เป็นชุดสุดท้ายครับ ...เป็นภาพในช่วงค่ำซึ่งเป็นช่วงฟังธรรม ผมได้ถวายสร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำจำนวน 3 เส้น ให้กับพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยครับ และภาพช่วงเช้าเป็นช่วงที่กราบลาท่าน โดยพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านออกเดินทางจากบ้านผมประมาณ 07.15 น. จุดมุ่งหมายต่อไปคือจันทบุรี เพื่อไปโปรดคุณสันติเป็นคนต่อไป..ผมไปส่งพ่อแม่ครูอาจารย์และคณะถึงเส้นทางใหญ่ที่จะไปนครราชสีมา ด้วยความรู้สึกปลื้มปิติที่ท่านมาโปรดและไม่อยากจากลากัน.. ผมเสียดายโอกาสที่ไม่ได้ตามไปธรรมะสัญจรกับท่านครับ..คงต้องรอโอกาสในปีต่อไป และในวาระที่ท่านได้มาโปรดในครั้งนี้พวกเราได้ถวายปัจจัยสมทบเพิ่มเติมดังนี้ครับ
1. นางบุญมี แซ่โต๋วและครอบครัว จำนวน 2,000 บาท ( แม่ภรรยา )<O</O
2. นางภานิดา แอกทองและครอบครัว จำนวน 1,000 บาท ( พี่สาว)<O</O
3. นางสาวเยาวเรช หมู่ดี จำนวน 1,000 บาท ( เพื่อนภรรยา ) <O</O
4. นางพูนศรี พันธุ์สุข จำนวน 100 บาท ( แม่ )<O</O
5. นายพิเชฐ พันธุ์สุข และครอบครัว จำนวน 2,000 บาท<O</O
รวม 6,100 บาท<O</O
ขอให้ทุกท่านร่วมโมทนาสาธุด้วยนะครับ.<O</O
สมาชิกธรรม<O</O
<O</O
อนุโมทนาบุญทุกๆๆประการครับ สาธุๆ

 

ขออนุโมทนา กับคุณพี่พิเชษ คุณพี่สันติ พร้อมครอบครัว และเหล่านักรบธรรมทุกท่าน นะครับที่พ่อแม่ครูอาจารย์พร้อมคณะ ท่านไปโปรดถึงที่บ้าน ส่วนผมเห็นภาพแล้วรู้สึกปิติมากที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านมีเมตตากับเหล่านักรบธรรมทุกท่าน

 

อนุโมทนาบุญทุกประการกับทุกท่านนะคะ ยินดีกับคุณพิเชฐ,คุณสันติ,ดร.นนต์ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ไปโปรดที่บ้านซึ่งเป็นสิ่งมีค่าหาอะไรเปรียบมิได้ รูปสวยมากคะ ขอบคุณดร.นนต์นะคะถ้าไม่ติดเรื่องนำ้คงต้องรบกวนแล้วคะ อนุโมทนาบุญทุกประการอีกหลายๆครั้งกับทุกท่านคะ.....