หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

เห็นพระพิมพ์สมเด็จของท่านนนต์แล้ว อยากจะกัดกินทุกๆองค์เลยครับ

นี่แหละหนอ...ที่เขาว่า อิทธิคุณของพระสมเด็จออกมาทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย
ในชีวิตจักไม่มีเรื่องเสียวๆ หรืออุบัติเหตุใดๆให้เห็นเลือดโดยแน่แท้

ปล: เลือดกำเดาไหล ไม่ใช่อุบัติเหตุครับ แต่เป็นกิเลส หุหุ

 

โมทนาสาธุบุญกับทุกท่านทุกประการครับ

เป็นว่าที่ท่านนนต์ post ให้ทำบุญไว้นั่น มีคนจองหมดแล้วนะครับ

รายการร่วมทำบุญ รับพระพิมพ์จากท่าน ดร.นนต์ด้วย มีดังต่อไปนี้
- พระกริ่งปวเรศ 1 องค์ (ซึ้งบน)
- พระสมเด็จ 2 องค์ (IT Man,สมาชิกธรรม)
- พระซุ้มกอ,พระรอด,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ รวม 4 องค์ (สมาชิกธรรม)
สิริรวม 7 องค์ ยอดทำบุญ 70,000 บาท

งานนี้ท่าน ดร.นนต์ท่าทางจะทำงานหนัก ในการคัดพระออกมาให้ทำบุญ
หากใครสนใจเพิ่มเติม ก็ได้โปรดแจ้งผ่านหน้าบอร์ดนี้ได้เลย

อัญเชิญเก็บไว้เถิดครับ เพราะต่อไปจะไม่มีหลักหมื่นบาทอีกแล้ว
ส่วนพระพิมพ์ของผม ถ้าคัดออกมาตอนนี้ ก็คงเริ่มต้นที่สูงกว่านี้



สำหรับพระพิมพ์วังหน้า ยังมีให้ร่วมทำบุญ 1,000 บาท ขอรับพระพิมพ์ปัญจสิริได้ 1 องค์
เรียนตามตรงว่า อิทธิคุณพระพิมพ์วังหน้าสูงกว่าหรือเท่ากับพระพิมพ์ข้างต้น เพราะ
อธิษฐานจิตในวัดของวังหน้าโดย
- หลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จโต เป็นอย่างน้อย และ
- คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้...แล้วแต่ผมจะหยิบถูกองค์ไหนครับ

***************************************************
เบอร์ติดต่อ :
นายร่วมชาติ ชัยนา : 089 569 4002
คุณแม่บุญชม ยางธิสาร : 080 176 5282 (เบอร์โทร.วัด)
***************************************************
ท่านสามารถโอนเงินทำบุญไปได้โดยตรงที่:<O</O
ชื่อบัญชี นางบุญชม ยางธิสาร นางกัลยรัตน์ ชัยนา และนายร่วมชาติ ชัยนา
เลขที่ 416-0-37173-6
ธนาคารกรุงไทย สาขากุฉินารายณ์
ประเภทบัญชี ออมทรัพย์<O</O
***************************************************

 

ก็ไม่อยากการันตีกันเอง แต่หากจะทำเช่นนั้นผมก็ยินดีและน้อมโมทนาสาธุทุกๆประการครับ

IT Man

 

พระพุทธชินราชใบเสมา พิษณุโลก เนื้อชินเงินสวยงามมากองค์นี้ เดิมทีผมจะเก็บท่านไว้ทำหนังสือ เพราะท่านสวยงามและดูง่ายมากที่สุดองค์หนึ่งที่ผมรักและหวงแหน แต่คงมีผู้มีบุญมากสมควรจะได้รับท่านไปดูแลและครอบครองต่อไปคือ ท่านสมบัติ (เจ้าของตัวจริง)... ขออนุโมทนาครับ

ปล. พระพุทธชินราชใบเสมา มีพลานุภาพครอบจักรวาล แต่จะเด่นด้านเมตตาบารมีมาก ดังจะเห็นได้จากข้าราชการตำรวจ ทหาร และนักการปกครอง นักบริหาร แสวงหากันมากที่สุด ดังจะเห็นได้จากประสบการณ์ของท่านผู้หมวดศุภชัย ท่านเล่าให้ฟังว่า หลังจากแขวนพระพุทธชินราชใบเสมาแล้ว ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานที่ไม่เคยพูดดีด้วย กลับเข้ามาทักทายด้วยหน้าตายิ้มแย้มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งการขอย้ายหน่วยงานก็ได้รับความเมตตาจากผู้บัญชาการแบบฉลุย... จึงนับว่าเป็นพระดีที่ทรงคุณค่าอีกหนึ่งในชุดเบญจภาคีเนื้อชินครับ

 

ทุกอย่างมีที่มาที่ไปครับเพื่อนธรรมทั้งหลาย...
การที่ผมมีความเคารพรักแลศรัทธาต่อหลวงพ่อพระพุทธชินราชเป็นอย่างมาก ก็เพราะผมเคยเรียนหนังสือระดับมัธยมปลายอยู่ที่นั่น
(ตอนแรกเป็นสามเณรแล้วลาสิกขามาเป็นฆราวาส-เป็นเด็กวัดที่วัดโพธิ์-วัดที่มีพระพิมพ์นางพญาขึ้น)

แต่นั้นมาในภพปัจจุบัน ผมจึงมีความผูกพันธ์ในองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราชมาก
ในดวงจิตก็รับรู้ว่ามีนะ พระพิมพ์ที่ถึงยุคแรกๆขององค์ท่าน ก็คือพระชินราชใบเสมา
แต่นั่นก็ไกลตัวของเราเป็นอย่างมาก ก็นับว่าผมมีบุญสัมพันธ์กับหลวงพ่อพระพุทธชินราช กับท่าน ดร.นนต์
ถึงได้มีโอกาสขอทำบุญเป็นการส่วนตัวกับท่านนนต์ครับผม

หากเราศึกษาจากตำราพระวังหน้า ที่ท่านผู้ทรงคุณวุฒิแต่งตำราและขอให้ผู้มีตาทิพย์สามารถตรวจอิทธิคุณของพระต่างๆได้
ได้ตรวจพระพิมพ์วังหน้าแล้ว...

...ท่านพูดถึงสมเด็จพระศรีสุริโยทัย พระราชมารดาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้มาขอพรจากหลวงพ่อพระพุทธชินราช
คือขอพระราชบุตร ท่านทรงคลอดสมเด็จพระนเรศวร(พระนเรศ) ณ พระราชวังจันทร์ เมืองพิษณุโลก
สมเด็จพระนเรศวรจึงได้ชื่อว่าเป็นบุตรแห่งหลวงพ่อพระพุทธชินราชด้วยครับ

มากล่าวถึงตาปะขาว ที่มาช่วยสร้างหลวงพ่อพระพุทธชินราช ตามประวัติว่างั้น...
ตาปะขาวผู้นั้น ได้มาเข้าในนิมิตของลุงที่ผมบอกว่าได้ตรวจอิทธิคุณพระวังหน้าข้างต้น
พระองค์ท่านทรงบอกว่าเป็น สมเด็จพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า !!!
พระองค์ทรงอุบัติที่แผ่นดินไทย ตรัสรู้และประกาศพระศาสนาที่แผ่นไทยแห่งนี้

พระพิมพ์บางพิมพ์ (TOP3) หรือพิมพ์อื่นๆ จึงมีมวลสารที่เราเรียกว่า แร่เหล็กน้ำพี้
(แร่เหล็กน้ำพี้ มีกระแสดวงจิตของพระกัสสปะพุทธเจ้า) เป็นส่วนประกอบในพระพิมพ์สำคัญๆดังกล่าวมาครับ

ผมจึงมีความปลาบปลื้มเป็นอย่างมากที่จะอัญเชิญท่าน แขวนเดี่ยว เพื่อบูชาคุณท่านและผู้มอบให้ครับ

ปล: ท่านพี่ที่ผมเคยร่วมงานบุญด้วย ได้เมตตาบอกว่า
อยากไปกราบพระศรีอริยเมตตรัย ให้ไปกราบพระแก้วมรกต
อยากไปกราบพระกกุสันโธพุทธเจ้า ให้ไปกราบหลวงพ่อพระพุทธโสธร
แต่ถ้าอยากไปกราบพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน ให้ไปกราบหลวงพ่อพระพุทธชินราช ที่วัดใหญ่ พิษณุโลก ครับผม

 

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ A นิยม เนื้อผงผสมปูนแกร่ง วรรณะขาว ธรรมชาติความเก่าดูง่ายมาก คราบน้ำมันผสม(ตั้งอิ้ว)และผิวพระแห้งสนิท ผิวเป็นคลื่นคล้ายหนังปลากระเบนซึ่งเกิดจากธรรมชาติในการหล่อพระประเภทแก่เนื้อปูน (ปูนเพ็ชรบุรี มิใช่เปลือกหอย) ผิวแบบนี้เป็นลักษณะที่ควรจดจำนะครับ.... พระองค์นี้พิมพ์มีความคมชัดดีมาก ตอนได้มาครั้งแรกผมเกิดปีติถึงกับเอ่ยกับหลวงปู่โตว่า ลูกขอถวายพระนามว่า "องค์นนตญาณ" ประหนึ่งจะเป็นองค์คู่บุญของผมประมาณนั้น ลองทัศนาดูนะครับ (พระโชว์)

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 8 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>IT Man, nontayan+, somlatri+, สมาชิกธรรม+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

สบายดีตอนสายๆครับท่าน
วันนี้ค่อนข้างครบดรีมทีมหน่อย หุหุ

 

งามจริง งามแท้ครับ องค์นนตญาณ พระคู่บุญของผู้ทรงบุญญาฯ
สังเกตุดูดีๆว่า สมเด็จท่านมักเอียงซ้าย มากบ้าง น้อยบ้าง หนอ..

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
วิบากกรรมนั้น มีจริง ไม่จากภพนี้ก็จากอนันตภพ แล้วแต่จะมาจ๊ะเอ๋กันเมื่อใด

กรรมของท่าน ก็เป็นอุทาหรณ์สอนใจกับผู้สนใจในบอร์ดแห่งนี้ หรือคนรุ่นหลัง
ให้มีความสำรวมระวังใน รัก โลภ โกรธ หลง อันฝังแน่นอยู่ในดวงจิตของเรามาทุกภพชาติ

สังเกตุดูให้ดี หากเราตัดคำว่า รัก ออกไป ก็จะไม่เกิดกิเลสอีก 3 ตัว

 

ไหนๆ ก็ลองเรียนรู้เรื่องพระเบญจภาคีเนื้อชินดูบ้าง
พระหูยานลพบุรี เป็นอีกหนึ่งในชุดเบญจภาคีเนื้อชิน มีหลายลักษณะ ลองดูนะครับ

 

พระท่ากระดาน กาญจนบุรี กรุใหม่ ลงรักปิดทองมาตั้งแต่ดั้งเดิม หลายๆคนเข้าใจผิดว่า สีแดงคือสนิมแดง แต่แท้ที่จริงแล้ว สีแดงนั้นคือรักแดงที่คนโบราณเขาเคลือบไว้สำหรับป้องกันเนื้อพระไม่ให้ผุพังนั่นเอง การลงรักเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณในแถบเอเชียที่รู้จักการใช้มานานนับพันปีแล้ว แต่เซียนเขาไม่มีความรู้ก็ว่ากันไปตามประสาครับ ส่วนสนิมนั้นจะเป็นสีขาวและสีน้ำตาลประมาณนั้น ลองดูนะครับ
ปล. พระท่ากระดานนี้เป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคีเนื้อชิน ที่มีความแรงและราคาเป็นล้านเชียวนะครับ

 

พระมเหศวร กรุเดียวกันและสร้างพร้อมกันกับพระผงสุพรรณ มีทั้งเนื้อชินเงิน และชินตะกั่ว มีหลายพิมพ์หลายขนาด ผมเองชอบเก็บพระสวยงามที่เป็นแบบขัดใจเซียน (สวยเหมือนพระใหม่) ส่วนพระตามแบบเซียนนั้น ผมแบ่งปันคนอื่นไปเกือบหมดแล้ว ก็ลองชมไปแบบวางเฉยก่อนนะครับ ปล.เป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคีเนื้อชินที่ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน

 

พระร่วงรางปืน ทั้งสุโขทัยและลพบุรี เป็นองค์ประธานของพระชุดเบญจภาคีเนื้อชิน ที่ทรงพลานุภาพสูงสุดแบบครอบจักรวาล หากเป็นพระแท้บางคนแทบจับพระไม่อยู่ พลังบีบหัวใจเชียวนะครับ (สีแดงลูกหว้าคือรัก ไม่ใช่สนิมแดงครับ)
พระองค์กลางเนื้อแดงแตกระเบิดนั้นเป็นสมบัติของท่านอ๊อด พระองค์แรกสนิมไขวัว(สนิมสีขาว)เป็นสมบัติของท่านสมาชิกธรรมเรียบร้อยไปแล้ว ส่วนของท่านสมบัติเป็นองค์หลังลายผ้าลพบุรี(องค์เดี่ยว) ที่เหลือจึงเป็นสมบัติของครอบครัวผม พ่อแม่ลูกคนละองค์
ปล. เคยมีอดีต สส.หนองคาย ตามจีบในราคาหลักแสนเชียวนะครับท่านสมาชิกธรรม แต่สุดท้ายก็เป็นสมบัติของเหล่านักรบธรรมนี้เอง ที่จริงมีผู้มาบอกว่า พระร่วงรางปืนเป็นพระประจำครอบครัวและเป็นของเก่าที่เคยสร้างไว้ ผมเคยมีถึงยี่สิบกว่าองค์แต่ญาติธรรมหมั่นมาขอแบ่งไป จนสุดท้ายก็เหลือแค่สามองค์(แต่ละองค์แสดงปาฏิหารย์ทั้งนั้น) จึงขออนุโมทนากับผู้ได้ไปนะครับ

อนึ่งพระปลอมจะใช้สีโป๊ะรถยนต์ ทำได้ใกล้เคียงมากครับ พระสวยอย่างองค์ของท่านสมบัตินั้นจะปิดตาเซียนไว้ แต่ไม่ปิดตาคนมีบุญ เพราะพลังที่วิ่งเข้าไปหาท่านนั้นหนักหน่วงเชียวครับ

 

พระหูยาน กรุลพบุรี เมืองแห่งนักรบ
ท่านมีเค้าหน้าคล้ายพระร่วงรางปืนนะครับ

องค์นี้ทรงงดงาม มีเมตตาบารมี มากยิ่งนักครับผม

สมแล้วที่เป็นหนึ่งในเบญจภาคีพระเนื้อชิน

 

ขออนุโมทนาในวิทยาทานครับ
การแก้ไขกรรมในปัจจุบันชาติที่เราทำได้ก็คือ การกรวดน้ำอุทิศบุญกุศลให้กับสัตว์หรือสิ่งที่เราได้กระทำไว้ต่อผู้ใดๆก็ตาม พยายามนึกย้อนหลังในสิ่งที่จำได้ ต้องหมั่นกรวดน้ำบ่อยๆจนกว่าเจ้ากรรมจะอโหสิกรรมให้ และต้องทำบุญหรือภาวนาสมาธิก่อนนะครับถึงจะมีบุญส่งไปให้เขา อันที่จริงบุญไปทดแทนบาปที่เราได้กระทำแล้วไม่ได้ แต่หากเราอุทิศบุญให้เขาบ่อยๆและเจรจากับเจ้ากรรมได้(ใช้มโนจิต) เราก็จะหมดกรรมในภพนี้ ไม่ต้องไปชดใช้กรรมในภพหน้า การปล่อยนก ปลา หรือสัตว์ก็ช่วยบรรเทาได้นะครับ

 

"จุก อุตรดิตถ์"เชื่อมั่นพุทธคุณ"พระชินราชใบเสมา"พิษณุโลก

“สมศักดิ์ ศรีสุข” หรือ “จุก อุตรดิตถ์” ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในวงการ “พระเครื่อง” มากว่าค่อนชีวิตแล้วเพราะเดิมเป็นชาว “จังหวัดอุตรดิตถ์” เริ่มแรกของอาชีพทำงานเป็น “คุณครู” ที่ทำการสอน “เด็กนักเรียน” ในด้านวิชาชีพโดยช่วงนั้นทำการสอนวิชา “ตัดผม” อยู่ระยะหนึ่งจึงเริ่มเข้ามาสัมผัสวงการพระเครื่องเมื่อปี ๒๕๒๑ นี้เองเพราะนิยมชมชอบการ “สะสมพระเครื่อง” มาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ต่อมาในปี ๒๕๒๑ จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯเนื่องจาก “ดร.เรือน สมณศักดิ์” ซึ่งเป็นผู้รู้จักและคุ้นเคยกันดีเพราะ “ดร.เรือน” เป็น “นายแพทย์” ประจำ “โรงพยาบาลรามาธิบดี” เป็นผู้นัดหมายให้ “จุก อุตรดิตถ์” นำพระเครื่องที่เก็บสะสมไว้ซึ่งล้วนแต่เป็น “พระยุคสุโขทัยตอนปลาย” มาให้ชมที่กรุงเทพฯและหลังจากได้ชมพระทั้งหมดของ “จุก อุตรดิตถ์” นำมาให้ชมแล้ว “ดร.เรือน” ยังได้ขอเช่าบูชาทั้งหมดอีกด้วย สร้างความตกใจต่อ “จุก อุตรดิตถ์” ไม่น้อยเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่า “พระเครื่อง” ที่เก็บสะสมไว้นั้นก็มีผู้อื่นสนใจเช่นกันแถมยังให้ “ราคาดี” มีกำไรต่อ “จุก อุตรดิตถ์” มากพอสมควรทีเดียว

จากเหตุที่ทราบว่า “พระเครื่อง” ยุคเก่า “มีราคา” ซึ่งสามารถทำกำไรได้งดงาม “จุก อุตรดิตถ์” จึงเริ่มหันเหอาชีพจากการสอนเด็กนักเรียนตัดผมมาทำการ “สะสมพระเครื่อง” แบบเต็มตัวเพราะคิดว่าน่าจะทำเป็น “อาชีพเสริม” ให้กับตัวเองได้จากนั้นจึงเริ่มทำการศึกษาหาความรู้กับ “พระเครื่อง” ที่เป็น “ยอดนิยม” จาก “ทุกสำนัก” และจาก “ทุกคณาจารย์” กระทั่งพอมีความรู้พอสมควรก็ทำการ “เช่าบูชาพระยอดนิยม” ที่วงการนิยมกันไปเก็บสะสมโดยจะเลือกเฉพาะ “พระกรุ” ของ “จังหวัดสุโขทัย” และ “จังหวัดพิษณุโลก” เป็นส่วนใหญ่เนื่องจากมีความชำนาญมากกว่าพระเครื่องจากตระกูลอื่น ๆ

หลังจากทำการสะสมพระเครื่องตามที่ชื่นชอบไว้มากพอสมควร “จุก อุตรดิตถ์” ที่ช่วงหลัง ๆ มีความรู้หลากหลายดีแล้วต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ก็ได้ตัดสินใจเปิดศูนย์พระเครื่องครั้งแรกที่ “สวนจตุจักร” เพื่อนำมาบริการแก่ผู้สนใจอยู่ ๕ ปี จึงกลับไปเปิดศูนย์พระเครื่องที่บ้านเกิดในจังหวัดอุตร ดิตถ์อยู่ประมาณ ๗ ปี และไปเปิดศูนย์พระเครื่องที่ จังหวัดพิษณุโลกอยู่ประมาณ ๒ ปี โดยแต่ละแห่งแต่ละจังหวัดที่ไปเปิดศูนย์พระเครื่องนั้น ก็จะทำการศึกษาพระเครื่องของท้องถิ่นไปด้วยโดยเฉพาะ “พระกรุยอดนิยม” จะศึกษาดูความแท้เก๊มากกว่า “พระเกจิฯ” เพราะนอกจากเป็น “วัตถุมงคลโบราณ” แล้วยังมีประวัติความเป็นมาที่ “น่าศึกษา” เป็นอย่างยิ่งเพราะได้รู้ได้ทราบ “คนโบราณ” สร้างขึ้นมานอกจากเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาแล้วยังมี “พุทธคุณ” ที่เข้มขลังสามารถ “ช่วยผู้ที่อาราธนาติดตัว” เป็นประจำให้รอดพ้นจาก “ภัยพิบัติ” ต่าง ๆ ได้อย่างน่าทึ่งอีกด้วย ปัจจุบันจึงมี “พระกรุ” ที่สะสมไว้มากมายหลายสิบองค์ซึ่งล้วนแต่เป็น “พระหา ยาก” และ “ราคาแพง” ที่หากเพื่อนพ้องต้องการศึกษาพระกรุต่าง ๆ แล้วไปพบได้ที่ ศูนย์การค้ามณเฑียรพลาซ่า ชั้น ๒ ถนนสุริวงศ์

เพราะทางด้าน “ประสบการณ์” ที่ “จุก อุตรดิตถ์” เคยสัมผัสมากับตัวเองถึงพุทธคุณของพระเครื่องนั้นมีหลายครั้ง แต่ที่สร้างความระทึกใจแบบลืมไม่ลงก็คือเหตุการณ์เมื่อปี ๒๕๓๕ ครั้งนั้นทำการขับรถจาก “กรุงเทพฯ” ไป “จังหวัดอุตรดิตถ์” บ้านเกิด ช่วงนั้นประมาณสี่ทุ่มกว่าระหว่างขับรถก็เกิด “หลับใน” มารู้สึกตัวอีกทีเหมือนมีคนมา “กระซิบข้างหู” โดยร่ำร้องว่า “ช่วยด้วย ๆ” จึงได้สติตื่นจากการหลับก็มองเห็น “ผู้หญิง” คนหนึ่งกำลังเดินข้ามถนน “ตัดหน้ารถ” ที่ “จุก อุตรดิตถ์” กำลังตะบึงไปประมาณ ๒๐ เมตร เท่านั้น “จุก อุตรดิตถ์” ตกใจมากแต่สติยังดีทั้งที่เพิ่งตื่นจากหลับในรีบทำการหักพวงมาลัยรถ เบี่ยงออกทางด้านขวามือจึงสามารถหลบพ้น “ผู้หญิง” ที่กำลังเดินข้ามถนนได้อย่างหวุดหวิดเพราะช่วงนั้นหากยัง “หลับใน” อยู่และไม่ตื่นขึ้นมาก่อนแล้วมีสิทธิ “ชนผู้หญิง” คนนั้นแบบเต็ม ๆ จึงถือว่าเป็นความ “โชคดี” เพราะช่วงที่หักรถหลบผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มี “รถคันอื่น” วิ่งสวนทางมา เพราะหากมีแล้วก็มีสิทธิ “ประสานงา” กันอย่างจังแน่นอน จากนั้น “จุก อุตรดิตถ์” ที่ยังตกใจจากเหตุการณ์จึงค่อย ๆ นำรถที่ขับอยู่จอดลงตรงข้างถนน ก็นึกถึงพระเครื่องที่แขวนอยู่ในคอซึ่งเป็น “พระพุทธชินราชใบเสมา” ยอดพระขุนพล “เบญจภาคีเนื้อชิน” แห่งเมือง “พิษณุโลก” นั่นเองพร้อมกับเชื่ออย่างสนิทใจว่าเป็นเพราะ “พระพุทธคุณ” ของท่านที่ตัวเองแขวนอยู่จึงรอดพ้นจาก “ความวิบัติ” ครั้งนั้นได้โดย “จุก อุตรดิตถ์” ทิ้งท้ายไว้ว่า “ของ แบบนี้หากไม่เจอด้วยตัวเองแล้วย่อมไม่รู้หรอก ว่ารสชาติเป็นเช่นไร”

ส่วนข้อคิดที่ขอฝากถึงผู้ที่จะเข้ามาศึกษาพระเครื่องต้องมี “ใจรักเป็นทุนเดิมมาก่อน” และต้องศึกษากับอาจารย์ที่มีความรู้จริง ๆ อย่างเช่นถ้าจะศึกษา “พระกรุของจังหวัดสุโขทัย” ก็ต้องศึกษาดูว่า “พระเนื้อดิน” หรือ “พระเนื้อชิน” เป็นเช่นไร แบบใดและเป็น “พระกรุไหน” อีกด้วยที่สำคัญที่สุดจะต้องมี “พระแท้” ไว้เป็น “องค์ครู” ของตัวเราเองจึงจะประเสริฐที่สุดเลย.

​

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก ที่ประดิษฐาน "พระ พุทธชินราช" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองซึ่งสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอันงดงามที่สุด พระพุทธชินราชสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1900 ในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี โดยพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก หรือพระเจ้าลิไท หรือพระมหาธรรมราชาลิไท แห่งราชวงศ์พระร่วง เมื่อครั้งมาครองเมืองพิษณุโลก อันแสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่ของวัดใหญ่อันมีมาก่อนการสร้างพระพุทธชินราชเสียอีก ที่วัดใหญ่นี้ยังปรากฏพระเครื่องเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ พระนางพญาวัดใหญ่ พระท่ามะปราง พระอัฏฐารส พระชินสีห์ ฯลฯ โดยเฉพาะที่ "พันธุ์แท้พระเครื่อง" จะกล่าวถึงคือ "พระชินราชใบเสมา" ที่นับว่าเป็นหนึ่งในพระยอดขุนพลที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมอย่างสูงครับผม​

พระชินราชใบเสมา สันนิษฐานว่าผู้สร้างคือ พระมหาธรรมราชาลิไท ผู้สร้างพระพุทธชินราชพระประธานของวัดเช่นกัน และด้วยมีแหล่งกำเนิดเดียวกันจึงนำพระนามมาเรียกขานนามพระเครื่องพิมพ์นี้ว่า "พระชินราช" ส่วนคำว่า "ใบเสมา" เรียกจากพุทธลักษณะพิมพ์ทรงคล้ายใบเสมาที่อยู่รอบโบสถ์นั่นเอง​

พระชินราชใบเสมา แตกกรุออกมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.2440 เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จฯ เมืองพิษณุโลก ได้มีประชาชนที่ขุดค้นพบนำมาทูลเกล้าฯ ถวาย พระองค์ทรงนำแจกจ่ายไปยังพสกนิกรที่ติดตามเสด็จฯกันอย่างถ้วนหน้า​

พระชินราชใบเสมา เป็นพระที่สร้างแบบศิลปะอู่ทองยุคต้น องค์พระประธานประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย เหนืออาสนะฐานบัว 2 ชั้น อยู่ภายในซุ้มเรือนแก้ว พระพักตร์แลดูเข้มๆ คล้ายอาการยิ้มแบบเครียดๆ ซึ่งแฝงไปด้วยความมีอำนาจและบารมี พระศกมีลักษณะเป็นเส้นๆ คมชัด อันถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำคัญของศิลปะแบบอู่ทองยุคต้นประการหนึ่ง พระที่ค้นพบมีด้วยหลายพิมพ์ คือ ​

- พิมพ์ใหญ่ : ฐานสูง ฐานเตี้ย ​

- พิมพ์กลาง : ฐานสูง ฐานเตี้ย ​

- พิมพ์เล็ก : ฐานสูง ฐานเตี้ย​

ส่วนเนื้อขององค์พระ นอกจากที่พบเป็นพระเนื้อชินที่นับเป็นพระยอดขุนพลแล้ว ยังมีเนื้อสำริด เนื้อดิน เนื้อชินเขียว ฯลฯ อีกทั้งบางคนเคยบอกเล่าว่ามีพบเป็นเนื้อทองคำอีกด้วย แต่น้อยมากจนแทบไม่เห็นกันในวงการ พระทุกพิมพ์ทุกเนื้อล้วนมีพุทธคุณเป็นเลิศปรากฏทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด อำนาจบารมี ครบเครื่องครบครัน​

พระชินราชใบเสมา นอกจากจะพบที่กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก แล้ว ยังมีผู้พบปรากฏที่กรุอื่นๆ ด้วย คือ กรุพระปรางค์ กรุอัฏฐารส กรุเขาสมอแคลง กรุพรหมพิราม และกรุเขาพนมรุ้ง แต่ที่นับว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดเห็นจะเป็นพระชินราชใบเสมา กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก โดยเฉพาะพระยอดขุนพลเนื้อชินที่เป็นพระหลักนั้น ปัจจุบันหาดูหาเช่ายากมากๆ และสนนราคาค่อนข้างสูง​

 

ขอบคุณๆอ๊อดในข้อคิดที่เขียนมาครับ
ส่วนตัวผมเคยมีเหมือนกันเรื่องนกกระจอก
ผลคือชดใช้ด้วยการนอนโรงพยาบาล 2 อาทิตย์
นอนบ้าน 3 เดือน รักษาหายประมาณ 8 เดือน
แต่ไม่ได้ไปยิงมันนะครับ แต่ด้วยความคะนองตอน 20 ปี
ไปวิ่งไล่มันเล่นมันบินหนีไปถูกรถชนตาย ผมเสียใจเลยเก็บซากมัน
มาไว้โคนต้นไม้ แล้วกลับบ้าน อีกเดือนเดียวเจอกรรมตามมาเลยครับ
สลบไป 7 วัน รักษาอีกยาวมาก ....................

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>มูริญโญ่, IT Man, nontayan </TD></TR></TBODY></TABLE>
ท่านน้อง .... สมบัติ
เรื่องงานบุญที่คุยกันไว้ รอรวบรวมก่อนออกพรรษานะครับ
แล้วค่อยติดต่อโอนไปให้ นะครับ

 

กราบพระคุณและน้อมโมทนาสาธุล่วงหน้าทุกประการครับท่านพี่

 

8 เดือน!!! เชียวหรือท่านพี่?

ขอเรียนท่านที่ผ่านมา โปรดพิจารณาตามที่เคยแจ้งไว้ว่า
อย่าได้ประมาทในกุศลกรรมต่างๆแต่เพียงเล็กน้อย และขอเพิ่มเติมว่า
อย่าได้ประมาทในอกุศลกรรมต่างๆแต่เพียงเล็กน้อยถึงมากเช่นกันนะครับ

โมทนาสาธุในประสบการณ์ อุทาหรณ์ที่แบ่งปันครับท่านพี่...