หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    สวัสดีครับญาติธรรม รบกวนช่วยวิเคราะห็ให้หน่อยครับว่า ใครสร้าง เสียงกริ่งใสมากครับ หน้าตักประมาณ 3นิ้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2011
  2. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    สวย...ผมไม่เคยเห็นองค์จริงนะครับ แต่ดูโหงวเฮ้งแล้ว น่าจะเป็นพระวังหน้าครับ
    ต้องตรวจทางในกันอีกที
     
  3. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    ภาพจากปกหนังสือครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 05612_1.jpg
      05612_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.2 KB
      เปิดดู:
      685
  4. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    ขอบคุณครับ ท่าน IT MAN
     
  5. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    โมทนาสาธุครับ แก้ link ให้ (
    พระวังหน้า วังหลวง พระพญาเหล็ก)
    [​IMG]
    ภาพบนนี้ มีหลวงปู่พระอิเกสาโรมหาเถระด้วย...ถ่ายที่ไหนครับคุณอ๊อด?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2011
  6. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>IT Man, Jokky</TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีครับเพื่อนธรรม,
    วันนี้ไม่ค่อยมีเวลา update ข้อมูล...เนื่องจากต้องคอยดูแลช่างลากสายเมน-ร้อยท่อไฟใหม่ หมดเงินไปมากโขแต่ก็สบายใจ...เรียบร้อยปลอดภัยดีครับ :)

    แต่อากาศระหว่างวันนี่สิ เริ่มร้อนมากแล้วนะครับ แสดงว่าสงกรานต์ปีนี้ไม่เสียเที่ยวแหมๆ หุหุ...
     
  7. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    แม่นางกวักคู่แห่งวังหน้า
    แต่ก่อนมองข้าม...ไม่ค่อยได้อัญเชิญ จึงไม่ค่อยรับรู้พลังอิทธิคุณ
    พออัญเชิญ...รับรู้ก็สายเสียเแล้ว...หายากแล้วครับ

    กวักได้ทุกอย่าง แม้แต่ระดับขั้น...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1090524.jpg
      P1090524.jpg
      ขนาดไฟล์:
      532.4 KB
      เปิดดู:
      797
    • P1090525.jpg
      P1090525.jpg
      ขนาดไฟล์:
      186.4 KB
      เปิดดู:
      87
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    สวัสดีตอนเช้าวันจันทร์ของเดือนแห่งความร้อนนะครับ

    เช้านี้...ผมขอร่วมทำบุญพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์,ร่วมสร้างวิหารกลางน้ำและกุฏิสงฆ์แด่พระอาจารย์บุญสวนล่วงหน้านะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ว๊าว พึ่งรู้นะเนี่ยว่ามีปัญจสิริด้วย :cool:

    แม่นางกวักคู่...ขนาด(size)นี้น่าจะเหมาะกับผู้ชายครับ อีก size เป็น size จิ๋ว size เดียวกันกับพิมพ์แป้งกระแจะ (บางท่านเรียกสมเด็จนางใน) น่าจะมีทั้งบุเงิน ทอง นาค

    การอัญเชิญก็จุดธูปเทียนบูชาท่าน บอกกล่าวท่านเหมือนพระนั่นแหละครับ แต่ผู้ชายเราน่าจะมีพระหลักอยู่แล้ว ก็ให้เหน็บเสริมก็ได้ครับ - ผมลองดูแล้ว มีเสน่ห์มากๆ

    บางท่านก็ได้อัญเชิญดินกับข้าวสารเสกประกบข้างหลังแม่นางกวัก เพื่อให้ครบทั้งพระแม่ธรณี พระแม่โพสพ แม่นางกวัก ส่วนพระแม่คงคานี่ไม่แน่ใจว่าต้องหาอะไรมาแทนท่านดี เป็นว่า...หากครบทั้ง 4 พระแม่เจ้าก็สุดยอดมหาเมตตา...ไม่อดไม่อยากเลยครับ เพราะขึ้นชื่อว่า 'แม่' ท่านก็ย่อมมีเมตตาต่อลูกมากๆอยู่แล้ว ต้องพิสูจน์กันเองเด้อ...(ได้ยินมาอีกที หุหุ)
     
  10. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    ขออนุโมทนาในกุศลที่ท่านทำในครั้งนี้ ขอบุญกุศลนี้จงส่งผลให้ท่านและครอบครัวตลอดจนญาติธรรมและวงศาคณาญาติของท่าน จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ ความร่มเย็น และความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรมจนถึงพระนิพพานเป็นที่สุดครับ
     
  11. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    เมื่อวานผมได้เดินทางไปกราบหลวงพ่อสมบูรณ์(บำเพ็ญพระโพธิญาณ) ที่ อ.จัตุรัส ชัยภูมิ เพื่อร่วมทำบุญในการสร้างธรรมจักรแก้ว (ประดับเพ็ชร ลูกแก้วพญานาค) เพื่อการอย่างหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า หลังจากนั้นได้ไปส่งหลวงพ่อปรีชา (เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร) มีลายฝ่าเท้าเป็นตาหมากรุก ที่ อ.หนองบัวแดง ที่วัดของท่านมีถ้ำอยู่ใต้พื้นดินมีทางเข้าข้างโบสถ์ที่คนธรรมดามองไม่เห็น ท่านลงไปเอาลูกแก้วและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาถวายหลวงพ่อสมบูรณ์รวบรวมไว้จำนวนมาก ท่านทำหน้าที่คล้ายๆ พระอาจารย์บุญสวน (อยู่ในสายหลวงปู่ใหญ่ฯเช่นเดียวกัน ซึ่งพระอาจารย์บุญสวนก็ได้ถวายลูกแก้วแด่หลวงพ่อสมบูรณ์เช่นเดียวกัน) ผมได้พบหลวงพ่อปรีชาครั้งที่สองจึงได้มีโอกาสพูดคุยกัน พวกเราได้ลูกแก้วเล็กๆหลายลูก และได้เหล็กไหลมาคนละคู่ ก่อนจากกันท่านหันมาพูดกับผมว่า เมื่อถึงเวลาโยมจะได้ลงไปในถ้ำ
    ในโอกาสต่อไปผมจะขอเชิญพวกเราร่วมสร้างธรรมจักรแก้ว(รู้กันเฉพาะในกลุ่ม) เพื่อเป็นพุทธบูชาและขับเคลื่อนพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อไปครับ
     
  12. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    โมทนาสาธุ ด้วยความยินดียิ่งครับ
     
  13. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +3,290
    อนุโมทนากับท่านสมบัติและท่านอาจารย์นนต์ด้วยครับ
     
  14. พรเพชร

    พรเพชร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    เรียน อาจารย์ nontayan
    หากผมต้องการจะไปร่วมอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพ่เป็นประสบการ์ครั้งหนึ่งในชีวิต ผมจะติดต่อท่าน nontayan ได้ด้วยวิธีใหนครับ ถ้าสะดวกกรุณาแจ้งสถานที่ เบอร์โทรติดต่อมาที่ leknoipansuk@gmail.com ขอบคุณครับ
     
  15. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +3,290
    ร่วมทำบุญกับท่านอาจารย์นนต์

    เรียนท่านอาจารย์นนต์
    วันนี้ผมได้โอนเงินร่วมทำบุญกับท่านอาจารย์ ๕๐๐ บาทครับ

    [​IMG]
     
  16. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    ท่านอาจารย์ครับแลัวเจอกันนะครับตอนนี้ผมขอพักฟื้นจากใข้ก่อนครับ น่าจะหานทันครับ
     
  17. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    โมทนาสาธุ
    ... ขอให้หายเร็วๆนะครับ
     
  18. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    เมื่อวานผมพึ่งได้รับเหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง หลังยันต์สี่ สี่จุด เนื้อทองแดงกระหลั่ยทอง คมชัดดี มีจุดตำหนิครบ ขอบข้างบางและมีรอยเลื่อย(เป็นจุดสำคัญในการพิจารณา) พลังแรงดึงขึ้นเหนือศรีษะ นับเป็นของสูง ลองพิจารณาเอาเองนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ไม่เคยพบเห็นองค์จริง น่าจะตามตำรา...
    ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้งครับ :cool:
     
  20. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ประวัติพระไภษัชยคุรุตถาคต (Bhaisajyaguru Tathagata : 藥師如來 )

    พระประวัติ พระไภษัชยคุรุตถาคต
    (Bhaisajyaguru Tathagata)

    [​IMG]

    พระไภษัชยคุรุตถาคต (คำว่า ตถาคตแปลว่า พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น ตรงกับภาษาจีนว่า “หยูไล” ซึ่งเป็นอีกพระนามหนึ่งสำหรับเรียกขานพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ดังนั้นคำว่าตถาคต และพุทธเจ้าจึงมีความหมายเดียวกัน) ทรงมีพระนามเต็มว่า พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต(藥師琉璃光如來) มีความหมายของพระนามดังนี้ว่า ไภษัชย(藥) แปลว่ายา,โอสถรักษาโรค คุรุ(師) แปลว่าครู,ผู้เชี่ยวชาญ ไวฑูรยประภา(琉璃光) แปลว่าแสงรัศมีสีน้ำเงินดั่งแก้วไวฑูรย์ ซึ่งโดยรวมแล้วคือ พระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งโอสถรักษาโรคผู้มีแสงรัศมีสีน้ำเงินดั่งแก้วไวฑูรย์ เช่นนี้ และพระองค์ยังทรงมีพระนามว่า มหาแพทยราชาพุทธเจ้า (大醫王佛) และ มหาไภษัชยราชพุทธเจ้า (大藥王佛)

    พระปฏิมาของพระองค์ทางจีนจะประสานหัตถ์ในท่าสมาธิและมีรัตนเจดีย์ ๗ ชั้นบ้าง ๙ ชั้นบ้างบนพระหัตถ์ ทางธิเบตจะวาดพระวรกายของพระองค์ให้มีสีน้ำเงินเข้ม(เหมือนไวฑูรย์) ทรงขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์ขวาทรงถือต้นยาสมุนไพรในลักษณะแบบพระหัตถ์ออกมาเบื้องหน้า(ทางจีนให้ถือเห็ดหลินจือ เพราะเชื่อว่าเป็นเห็ดอายุวัฒนะของเซียน) หงายวางบนพระชานุ พระหัตถ์ซ้ายทรงบาตรบนพระเพลา ภายในบาตรบรรจุทิพยโอสถ ชื่อว่า “อคทะ” เป็นคำคุณศัพท์ ในความหมายว่าแข็งแรงสุขภาพดี ถ้าเป็นคำนาม แปลว่า ยาบำบัดโรค หรือชื่อยาที่แก้พิษได้ (บ้างก็ว่าชื่อ อรุระ arura หรือ myrobalan, fruit) ไม่เว้นแต่โรคาพาธในมนุษย์โลกแห่งนี้เท่านั้น ไม่ว่าโรคชนิดต่างๆของเทวดา เปรต เดรัจฉานและอื่นๆ ที่ขึ้นขื่อว่าเป็นสรรพสัตว์ยังต้องเวียนว่าย พระองค์ก็ทรงสามารถรักษาได้ทั้งสิ้น เพราะการที่ต้องว่ายเวียนในสังสารวัฏนั้นถือเป็นโรคาพาธที่ร้ายแรงกว่าโรคทางกาย กล่าวโดยสรุปพระองค์ทรงสามารถเยียวยารักษาโรคทางกายและโรคทางกรรมของสรรพสัตว์ทั้งปวง และทรงลักษณะของมหาบุรุษ ทรงจีวรเหมือนพระพุทธเจ้าทั่วไป

    พระไภษัชยคุรุ ทรงมีพระสูตรของพระองค์เองคือ พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตปูรวปณิธานสูตร[1] ซึ่งแปลจากภาษาสันสกฤตสู่ภาษาจีน โดยพระตรีปิฎกธราจารย์เฮี้ยนจั๋ง(พระถังซำจั้ง) ในปี พ.ศ. ๑๑๙๓ ภายในเล่มกล่าวว่า “สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าศากยมุนี ทรงจาริกไปถึงเมืองไวศาลี แล้วประทับอยู่ใต้ร่มพฤกษชาติชนิดหนึ่งที่ยามลมพัดใบไม้จะสั่นไหวเป็นเสียงดนตรี ครั้งนั้นมีมหาภิกษุจำนวน ๘,๐๐๐ รูป มหาโพธิสัตว์จำนวน ๓๖,๐๐๐ พระองค์ แล้วพระมัญชุศรีโพธิสัตว์(โพธิสัตว์แห่งมหาปัญญา) ได้กราบทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์ตรัสแสดงถึงพระนาม พระปณิธานของพระพุทธเจ้า และอานิสงค์แห่งการบูชาพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆ ครั้นแล้วพระศากยมุนีพุทธเจ้า จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาว่านับจากโลกธาตุแห่งนี้ไปทางด้านบูรพาทิศ(ตะวันออก)ผ่านโลกธาตุดินแดนต่างๆไปมากมายเท่ากับจำนวนเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคาจำนวนถึง ๑๐ สายรวมกัน มีโลกธาตุแห่งหนึ่งนามว่า “ศุทธิไวฑูรย์”(淨琉璃世界) บางสูตรอาจแปลว่า “ปูรณจันทรโลกธาตุ” (滿月世界)และมีพระพุทธเจ้าพระนามว่า “ไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา”

    จากนั้นพระศากยมุนีพุทธเจ้าจึงทรงบรรยายถึงพระมหาปณิธานทั้ง ๑๒ ประการของพระไภษัชยคุรุ (โดยย่อ) ดังนี้
    ๑. จะทรงฉายรัศมีประภาสไปยังโลกต่างๆ และจะยังให้สรรพสัตว์ได้สำเร็จพระโพธิญาณอย่างรวดเร็ว โดยมีมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ และอสีตยานุพยัญชนะลักษณะ ๘๐ ประการเหมือนพระองค์(แสดงถึงความเสมอภาคเท่าเทียมกัน)

    ๒. จะทรงฉายรัศมีประภาสที่สว่างกว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ สะอาดบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก(ความหมายคือ สะอาดทั้งกายและใจ หรือสะอาดทั้งสิ่งที่อยู่ภายในตนหรือวิชชา และสิ่งที่แสดงออกมาภายนอกหรือจรณะ) ไปยังนรกภูมิให้สรรพสัตว์ที่รับทุกขเวทนาอยู่ได้พ้นทุกข์ และสัตว์ที่ลุ่มหลงให้ตื่นขึ้นจากความโง่เขลา ลุ่มหลง

    ๓. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ถึงพร้อมในสิ่งของเครื่องใช้ทั้งปวงไม่รู้จักหมดสิ้นจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ

    ๔. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ และผู้ที่ปฏิบัติตนในมิจฉามรรค สาวกยาน ปัจเจกพุทธยาน ให้หันมาดำรงมั่นในมหายานธรรม (ดำรงตนเป็นโพธิสัตว์) จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ

    ๕. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ที่ศีลด่างพร้อย กลับมีศีลที่บริสุทธิ์จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ

    ๖. จะทรงยังให้สรรพสัตว์มีร่างกายที่อลังการสมบูรณ์ หายจากความพิกลพิการ เสียสติ โรคร้าย ฯลฯจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ

    ๗. จะทรงยังให้สรรพสัตว์พ้นจากความยากจนค้นแค้น มีที่พักอาศัย โรคภัยสิ้นสูญ มีครอบครัวที่ดี มีความสุขทั้งกายและใจจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ

    ๘. จะทรงยังให้สตรีเพศที่ได้รับทุกข์ทรมาน ต้องการเป็นบุรุษ ได้กลายเป็นบุรุษสมชายชาตรีดั่งใจจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ

    ๙. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ได้หลุดพันจากข่ายแห หรืออุบายของมาร แล้วได้บำเพ็ญในโพธิสัตวมรรค จนถึงได้สำเร็จพระโพธิญาณอย่างรวดเร็ว

    ๑๐. จะทรงยังให้สรรพสัตว์หลุดพ้นจากคดีความ อาญาหลวง พันธนาการ การคุมขัง และการโบยตีทั้งปวงจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ

    ๑๑. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ที่มีความจำเป็นต้องเลี้ยงชีพด้วยความชั่ว เนื่องจากความอดอยาก ได้รับความสุขที่แท้จริงโดยไม่ต้องทำความชั่วนั้นอีกจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ

    ๑๒. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ที่ยากไร้ ได้สมบูรณ์ในอาภรณ์แพรพรรณ เครื่องดนตรี ของหอม และสิ่งมีค่าทั้งปวงจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ.

    ซึ่งพระสูตรข้างต้นนี้พระอารามบนเขาอู่ไถ่ มณฑลซานซี ได้จารึกด้วยโลหิตมนุษย์ทั้งเล่ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาที่มีต่อพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า และพระมหาปณิธานแต่ละประการนั้น จะต่อท้ายด้วยคำว่า “จนถึงพระโพธิญาณ” อันหมายความว่าพระมหาปณิธานของพระองค์จะอนุเคราะห์ส่งผลแก่ผู้นั้นไปทุกๆ ภพชาติตลอดเวลาแสนนานจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณด้วย จากนั้นพระพุทธองค์ได้ตรัสแสดงวิธีการและอานิสงค์แห่งการกราบไหว้บูชา เช่นการจุดดวงประทีปบูชาจำนวน ๔๙ ดวง เป็นเวลา ๔๙ วัน โดยต้องสมาทานศีลบริสุทธิ์ ผู้ปฏิบัติต้องมีเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์พร้อมกับบริจาคทาน อ่านท่องและเผยแผ่พระสูตรนี้ ฯลฯ พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์และเทพเจ้าทั้งปวงก็จะให้การปกป้องดูแล ให้ปลอดภัย สมหวังและสุขภาพแข็งแรงหายจากโรคร้ายได้

    ยังมีคัมภีร์อีกเล่มคือ “พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสัปตพุทธปูรวปณิธานวิเศษสูตร”[2] ซึ่งแปลจากภาษาสันสกฤตสู่ภาษาจีนโดยพระมหาสมณะงี้เจ่ง สมัยราชวงศ์ถัง ในปี พ.ศ.๑๒๕๐ ภายในเล่มกล่าวถึงพระพุทธประวัติและมหาปณิธานของพระพุทธเจ้าจำนวน ๗ พระองค์ ซึ่งแต่ละพระองค์มีพระนามต่างกัน มีชื่อของโลกธาตุต่างกัน มีจำนวนมหาปณิธานไม่เท่ากัน ซึ่งล้วนประทับอยู่ทางด้านทิศตะวันออก และมีมหาปณิธานคล้ายคลึงกับพระไภษัชยคุรุทั้ง ๑๒ ประการข้างต้น สาธุชนมหายานจึงเรียนขานว่า “พระไภษัชยคุรุทั้ง ๗ ” (藥師七佛)

    พระไภษัชยคุรุทรงมีโพธิสัตว์อัครสาวกหรือผู้ช่วย ๒ พระองค์คือ พระสูรยประภาโพธิสัตว์ (日光遍照菩薩) และพระจันทรประภาโพธิสัตว์(月光遍照菩薩) ซึ่งเป็นคนละองค์กับพระสุริยเทพและจันทรเทพ อรรถาธิบายของจีนกล่าวว่า พระสูรยประภาทรงเปรียบเสมือน แสงแห่งปัญญาญาณที่เจิดจรัสและอบอุ่นยังให้สรรพสัตว์ตื่นขึ้นและรู้แจ้งเหมือนพระอาทิตย์ และพระจันทรประภาทรงเปรียบกับ แสงแห่งความเมตตาและกรุณา ที่ร่มเย็นใสสะอาด สามารถเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด ยังให้สรรพสัตว์ที่หลงผิดได้รู้แจ้งเหมือนดังได้พบความสว่างในความมืดยามราตรี


    [​IMG]

    พระมหาโพธิสัตว์ทั้งสองจึงคือผู้โปรดสรรพสัตว์ที่หลงผิดให้รู้แจ้งในสภาวะแห่งจิตของตน และเมื่อพบสภาวะเดิมแท้ของตนว่าไร้ซึ่งตัวตนแล้ว จึงหลุดพ้นจากมลทินทั้งปวงได้ มีจิตที่เป็นสัมมาทิฐิ ปราศจากอุปสรรคประดุจอากาศ ที่สามารถแทรกซึมไปในสถานที่ทั้งปวง และในพระสูตรทั้ง ๒ เล่มของพระไภษัชยคุรุได้กล่าวถึงพระมหาโพธิสัตว์อีก ๘ พระองค์ที่จะเสด็จมารับดวงวิญญาณผู้ที่ปฏิบัติบำเพ็ญในพระพุทธนามของพระองค์ เพื่อมารับไปเกิดยังศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตรดังนี้ ๑.มัญชุศรีโพธิสัตว์ ๒.อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ๓.มหาสถามปราปตโพธิสัตว์ ๔.อักษยมติโพธิสัตว์ ๕.ทานรัตนศรีโพธิสัตว์ ๖.ไภษัชยราชาโพธิสัตว์ ๗.ไภษัชยสมุทคเตโพธิสัตว์ ๘.เมตไตรยโพธิสัตว์

    ในพระสูตรกล่าวว่า “ในอดีตกาลที่แสนยาวนาน ได้มีพระอสุนีประภาสพุทธเจ้า(電光佛)ทรงอุบัติขึ้นในโลก ครั้งนั้นมีพราหมณ์ผู้หนึ่ง มีบุตร ๒ คน แต่พราหมณ์นั้นเกิดความเบื่อหน่ายต่อความทุกข์ของโลก และได้พบเห็นความทุกข์เวทนาของสรรพสัตว์ ครั้นแล้วจึงประกาศปฏิญาณว่าจะช่วยเหลือและบำบัดทุกข์โศกโรคภัยของสรรพสัตว์ทั้งปวง พระอสุนีประภาสพุทธเจ้าจึงทรงสดุดีสรรเสริญ และยกย่องพราหมณ์นั้นว่า “แพทยราช” บุตรทั้งสองนั้นก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สูรยประภา” และ “จันทรประภา” ต่อมาพราหมณ์นั้นจึงได้สำเร็จพระพุทธญาณเป็นพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าในปัจจุบัน และบุตรทั้งสองก็คือพระโพธิสัตว์อัครสาวกทั้งสองของพระองค์ สาธุชนจึงถวายพระนามแด่ทั้ง ๓ พระองค์นี้ว่า “พระมหาอริยเจ้าทั้ง ๓ แห่งบูรพาทิศ” (東方三聖) พระผู้ทรงสอดส่องดูแลและช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งกลางวันและกลางคืน

    อีกในส่วนท้ายของคัมภีร์ไภษัชยคุรุฯสูตรทั้ง ๒ ปกรณ์ข้างต้นยังมี “มหายักษ์เสนาบดีอีก ๑๒ ตน” ที่มีความเลื่อมใสในพระไภษัชยคุรุและทั้ง ๑๒ ตนนี้ต่างก็มีบริวารอีกตนละ ๗,๐๐๐ ตน โดยมหายักษ์เสนาบดีทั้งหมดนี้ได้ประกาศสัจจะต่อเบื้องพระพักตร์แห่งพระพุทธศรีศากยมุนีว่า จะปกปักรักษาพุทธศาสนิกชนที่ตั้งมั่นในศีลธรรม มีความกตัญญูและศรัทธาในพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าทั้ง ๗ นี้ ให้ร่มเย็นรอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง พร้อมจะช่วยให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา

    อันมหายักษ์เสนาบดีทั้ง ๑๒ ตนนี้เปรียบดั่งจักรราศีหรือนักษัตรทั้ง ๑๒ ของมนุษย์มี ชวด ฉลู ขาล เถาะ เป็นต้น มาตรว่าผู้ที่มีคุณธรรมและศรัทธาต่อพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์ ก็จะรอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง ด้วยการอารักขาของมหายักษ์ทั้ง ๑๒ ตน บ้างว่ามหายักษ์ทั้ง ๑๒ ตนนี้เป็นผู้คุ้มครองหรือเทพประจำพระมหาปณิธานทั้ง ๑๒ ประการของพระไภษัชยคุรุ และยังเป็นกุศโลบายอีกว่า มหายักษ์เสนาบดีทั้ง ๑๒ ตน มีบริวารตนละ ๗,๐๐๐ ตน เมื่อนับทั้งหมดแล้วก็จะได้ยักษ์เท่ากับ ๘๔,๐๐๐ ตนพอดี(๑๒ คูณ ๗,๐๐๐) ซึ่งหมายถึงพระธรรมของพระพุทธเจ้า

    ดังนั้น สาธุชนจึงนิยมสาธยายจารึก หรือคัดลอกพระนาม พระธารณี พระสูตร หรือวาดภาพ ปั้น หล่อพระปฏิมากรของพระไภษัชยคุรุ(พระองค์เดียวหรือทั้ง ๗ พระองค์)นี้ ประดิษฐานไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อว่าพระพุทธบารมีและอำนาจแห่งมหายักษ์เสนาบดีทั้ง ๑๒ ตน จะมาสถิตอยู่ในสถานที่นั้นๆ ตามอรรถในพระสูตรที่ว่า “หากมีพระนาม พระธารณี พระสูตรหรือพระปฏิมาของพระไภษัชยคุรุสถิตหรือปรากฏอยู่ ณ แห่งใด การเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ โรคาพาธร้ายแรง อาถรรพ์ชั่วร้ายทั้งปวงก็จะสิ้นไปจากแห่งนั้น”

    ในคัมภีร์วิมลเกียรตินิทเทสสูตร[3] ปริเฉทที่ ๑๓ ธรรมปฏิบัติวรรคกล่าวว่าพระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงประทานพระธรรมเทศนาแก่ท้าวศักรินทร์เทวราช ความว่า “ดูก่อนเทวราช ณ เบื้องอสงไขยกัลป์อันประมาณมิได้ ในสมัยพุทธุปบาทกาลแห่งพระผู้มีพระภาคผู้ทรงพระนาม ไภษัชยราชาตถาคต พระองค์เป็นพระผู้ควรบูชา เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ดีตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง แลยังให้ผู้อื่นรู้ตาม ฯลฯ โลกธาตุของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นมีนามว่า มหาวยูหอลังการ กัลป์นั้นมีชื่อว่า อลังการกัลป์ พระชนมายุของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นมี ๒๐ จุลกัลป์ ทรงมีพระสาวกสงฆ์ ๓๖ โกฏินหุตะ พระโพธิสัตว์สงฆ์อีก ๑๒ โกฏิ ดูก่อน เทวราชครั้งนั้นมีพระเจ้าจักรพรรดิราชทรงพระนามว่า รัตนฉัตร ทรงสมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการฯ มีพระโอรส ๑,๐๐๐ องค์ ล้วนสมบูรณ์ศิริลักษณ์สง่างามแลมีวีรยภาพแกล้วกล้าฯ พร้อมด้วยบริวารได้ถวายสักการบูชาในพระไภษัชยราชาตถาคตเจ้า เป็นระยะเวลา ๕ กัลป์ พระเจ้ารัตนฉัตรจึงมีพระดำรัสให้พระโอรสทั้ง ๑,๐๐๐ องค์ ถวายสักการะต่อไป จากนั้นพระโอรสทั้ง ๑,๐๐๐ องค์จึงทำการบูชาไปอีก ๕ กัลป์ เมื่อสิ้น ๕ กัลป์นั้นแล้วมีพระโอรสองค์หนึ่งพระนามว่า จันทรฉัตร เมื่อประทับอยู่พระองค์เดียว บังเกิดปริวิตกขึ้นว่า ยังจักมีสักการบูชาใดที่ยิ่งกว่าสักการบูชา อันพระราชบิดาแลเราทั้งหลายได้บำเพ็ญอยู่อีกฤๅไม่หนอ?


    ครั้งนั้น ด้วยพุทธานุภาพ บันดาลให้มีสุรเสียงตอบจากเบื้องอัมพรสถานว่า ดูก่อนราชบุตร การสักการะบูชาด้วยธรรมปฏิบัติประเสริฐยิ่งกว่าสักการะบูชาใดๆ ราชบุตรจึงถามต่อไปอีกว่า อะไรที่ชื่อว่าเป็นธรรมปฏิบัติเล่า? จากนั้นพระไภษัชยราชาตถาคตจึงทรงประทานพระธรรมเทศนาแก่จันทรฉัตรราชบุตร และเมื่อพระราชบุตรได้สดับฟังธรรมแล้ว ก็ได้บรรลุมุทุตากษานติธรรม และประกาศมหาปณิธานเป็นอันมาก พระไภษัชยราชาตถาคตจึงตรัสพยากรณ์ว่า ในอนาคตกาลเธอจักได้อภิบาลรักษาสัทธรรมนครเป็นแท้(สำเร็จพุทธญาณ) และทรงกล่าวว่าพระเจ้าจักรพรรดิรัตนฉัตร ได้สำเร็จเป็น พระรัตนโชติประภาพุทธเจ้า พระราชโอรสทั้ง ๑,๐๐๐ พระองค์ ก็คือพระพุทธเจ้า ๑,๐๐๐ พระองค์ในภัทรกัลป์นี้ และพระราชโอรสจันทรฉัตรก็คือพระศากยมุนีพุทธเจ้าในปัจจุบัน
    เป็นนัยยะว่าพระไภษัชยราชาตถาคตหรือพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า(แต่บางตำราว่าคนละพระองค์) ทรงตรัสรู้มาก่อนพระศากยมุนีเป็นเวลาแสนนานแล้ว และพระศากยมุนีก็เคยได้ถวายสักการะ ได้รับการสั่งสอนและได้รับพระพุทธพยากรณ์จากพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้ามาก่อนแล้ว

    จึงถือเป็นพระพุทธนามอันศักดิ์สิทธิ์และยอดแห่งมงคล ทั้งยังเป็นที่มาหนึ่งเดียวของการสร้างพระกริ่งของไทย ซึ่งมีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายาน สังเกตจากคาถาบูชา“พระกริ่ง”(ภาษาบาลี) เป็นบทเดียวกับธารณีที่ปรากฏในพระสูตรของพระไภษัชยคุรุ(ภาษาสันสกฤต)ทั้ง ๒ ฉบับข้างต้น แต่มาถึงปัจจุบันการจัดสร้างพระกริ่งก็คงไว้แต่ธารณีหรือคาถาบูชาที่ทำให้เราพอทราบได้ว่าเป็นพระไภษัชยคุรุ นอกเหนือจากคุณสมบัติที่นิยมนำพระกริ่งลงแช่น้ำแล้วภาวนาคาถาพระไภษัชยคุรุ เพื่อทำเป็นน้ำพระพุทธมนตร์ในการรักษาโรคภัยและความเป็นสิริมงคล

    มีข้อสังเกตว่าพระพุทธบารมีแห่งพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าทรงเป็นที่ประจักษ์แจ้งมาแต่โบราณกาลแล้ว ตามหนังสือลัทธิของเพื่อน ของเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ว่า “ในพงศาวดารเขมร กล่าวว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ (พ.ศ.๑๗๒๔ ถึง ๑๗๔๔) กษัตริย์กัมพูชาทรงสร้างโรงพยาบาลทั่วไปในอาณาจักร เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระไภษัชยคุรุตถาคตเจ้า เพื่อประโยชน์แก่คนเจ็บป่วย ไม่เลือกชั้นวรรณะ โรงพยาบาลเหล่านี้เรียกว่า อโรคยาศาล(มีจำนวนร้อยกว่าแห่งทั่วพระราชอาณาจักร)” และจากศิลาจารึกอโรคยาศาล บันทึกไว้ว่า “โรคที่เบียดเบียนร่างกายของประชาชนนั้น กลับกลายเป็นโรคทางใจ ถึงแม้ว่าทุกข์นั้นจะใช่เป็นของตนเอง แต่ความทุกข์ของราษฎรเปรียบเหมือนทุกข์ของผู้ปกครอง”

    โดยที่ผ่านมานั้นมีการกล่าวถึง พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าเพียงพระนามเท่านั้น โดยจะหาพระพุทธประวัติก็แทบไม่มี ครั้นจะกล่าวถึงพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าอีก ๖ พระองค์พร้อมพระพุทธประวัติก็ยากเย็นยิ่งนัก โดยในพระสูตรทั้ง ๒ กล่าวไว้ว่า “การจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เมื่อเกิดมาแล้วได้เลื่อมใสในพระรัตนตรัยนั้นยิ่งยาก แต่การได้พบ(สดับฟังพระนาม)พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์นี้ยังยากยิ่งกว่า”
    พระสูตรทั้ง ๒ นี้เป็นที่แพร่หลายมากในประเทศพุทธมหายาน เช่นจีน ญี่ปุ่น ธิเบต เนปาล ทั้งเป็นเอกสารสำคัญในการกล่าวถึงพุทธประวัติ การปฏิบัติบูชาพร้อมบทธารณีมนตร์ที่ละเอียดสมบูรณ์ที่สุด บางแห่งจะให้สาธุชนได้ลูบคลำพระพุทธปฏิมาของพระไภษัชยคุรุตรงส่วนที่ตนเองเจ็บปวด ด้วยความเชื่อที่ว่าจะหายจากการเจ็บป่วยบริเวณนั้นๆ ได้

    แต่ไม่มีนิกายที่นับถือพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าเป็นเจ้านิกายเหมือนพระอมิตาภะโดยเฉพาะ แต่ทรงเป็นที่กราบไหว้บูชาของทุกนิกาย เพราะตามอารามใหญ่ๆจำนวนมากก็มีวิหารพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าแยกไว้ต่างหากด้วย เรียกว่า “วิหารไภษัชยราช” หรือ “วิหารมหาแพทยราชา” และมีคำกล่าวว่าพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งปวงก็คือ พระไภษัชยคุรุ ที่มีความเมตตากรุณาประทานธรรมโอสถแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง เพราะการจักเข้าถึงพระไภษัชยคุรุก็เพียงโดยการสรรเสริญ ภาวนาในพระนามของพระองค์ด้วยความเป็นที่สุดแห่งใจเช่นกัน ในพระสูตรระบุว่า “หากสาธุชนหญิงชายใดๆ จดจำพระนามได้ และภาวนาอ่านท่องพระสูตร พระธารณี และพระนามของพระไภษัชยคุรุโดยสม่ำเสมอแล้วไซร้ ผู้นั้นจะปราศจากโรคภัยร้ายแรงทั้งปวง และจะไม่เป็นผู้พิกลพิการ ไม่ยากจนข้นแค้น มิอายุขัยยืนยาว และจะได้ไปอุบัติยังศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตร”

    ทั้งนี้ด้วยพุทธานุภาพแห่งพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าที่ทรงเปี่ยมด้วยมหาเมตตา มหากรุณาธิคุณในการปรารถนาให้สรรพสัตว์พ้นทุกข์ทางกาย เพื่อจักได้มีแรงกำลังมุ่งมั่นบำเพ็ญประโยชน์ต่อตนเองและสังคมอย่างไร้อุปสรรค เพื่อจะส่งผลให้โรคทางจิตวิญญาณหรืออวิชชาโง่หลงได้สิ้นไปด้วย และในพระสูตรยังบรรยายถึงแดนวิสุทธิภูมิของพระองค์ว่า “แดนศุทธิไวฑูรย์ของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า มีความอลังการและวิจิตรเหมือนกับดินแดนสุขาวดีของพระอมิตาภะพุทธเจ้าทุกประการ โดยไม่ผิดเพี้ยนแตกต่างกันเลย” ซึ่งในพระสูตรของพระไภษัชยคุรุไม่ได้บรรยายความอลังการไว้โดยละเอียด แต่หากอาศัยข้อความในพระสูตรข้างต้นท่านผู้สนใจก็สามารถอนุมานเข้ากับแดนสุขาวดี ที่มีบรรยายไว้จากพระสูตรทั้ง ๔ ของพระอมิตาภะได้เช่นกัน อันแดนศุทธิไวฑูรย์นี้ ยังมีนัยยะถึงการเริ่มชีวิตใหม่ การรู้แจ้ง ประดุจดวงอาทิตย์ที่รุ่งโรจน์เปล่งแสงยามรุ่งอรุณทางบูรพาทิศ ซึ่งเป็นทิศแรกหรือทิศประธานของการเรียงลำดับทิศทั้ง ๑๐ อนึ่งศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตรนี้ ก็มีสีน้ำเงินละม้ายกับสีของโลกที่เราอาศัยอยู่แห่งนี้ด้วย จนมีอรรถกถาบางปกรณ์กล่าวว่า “พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ก็คือพระศากยมุนีพุทธเจ้าแห่งสหาโลกธาตุนี้นั่นเอง”

    มีอรรถาธิบายว่ากุศลอันพึงได้จากการถวายสักการะพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้ามี ๑๐ ประการดังนี้
    ๑. สำเร็จพระพุทธญาณได้อย่างรวดเร็ว
    ๒. ผู้ที่เห็นผิดจะกลับมาเห็นชอบได้ ผู้ที่ดำรงในเถรวาทจะได้มาดำรงในมหายาน
    ๓. ย่อมสำเร็จในผลของศีลที่สมบูรณ์ทั้งปวง ผู้ที่ละเมิดศีลจักกลับคืนสู่สภาวะบริสุทธิ์ได้ดังเดิม และไม่ต้องตกสู่อบายภูมิ
    ๔. มีอายุสิริวัฒนา มั่งคั่งสมบูรณ์พูนสุข ด้วยลาภยศ สรรเสริญ คู่ครองและบริวารหญิง ชาย
    ๕. ย่อมถึงพร้อมในข้าวของเครื่องใช้ไม่รู้จักหมดสิ้น ไม่ต้องอัตคัดหรือขัดสนอีกต่อไป
    ๖. รอดพ้นจากอุทกภัย อัคคีภัย ศาสตราภัย การถูกกรรโชกลักขโมย และการทำร้ายทั้งปวง
    ๗. สตรีเพศที่รับทุกข์ทรมาน ได้กลับกลายเป็นบุรุษ
    ๘. สตรีที่คลอดบุตร จะได้บุตรหญิงชายที่เฉลียวฉลาด มีบุญญาธิการและสุขภาพแข็งแรงสมประสงค์
    ๙. เมื่อคราวายชนม์ จักได้ไปอุบัติยังภพมนุษย์ ภพสวรรค์ แดนสุขาวดีของพระอมิตาภะพุทธเจ้า หรือแดนศุทธิไวฑูรย์ของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าได้ดังใจปรารถนา
    ๑๐. แม้นตกสู่อบายภูมิ หากได้สดับฟังพระนามของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าเพียงชั่วขณะก็จักได้ไปเกิดยังโลกมนุษย์อีกครั้ง เพื่อบำเพ็ญกุศลความดีต่อยังให้บรรลุพระโพธิญาณโดยรวดเร็ว.

    คัมภีร์ทศยมราชาขมาสูตร ก็ว่า พระไภษัชยคุรุได้ทรงนิรมาณกายสู่นรกภูมิ เป็นพญายมราชครองนรกขุมที่ ๗ พระนามว่า “ไถ่ซัวเม้งอ้วง” ทรงมีหน้าที่รับเรื่องอุทรณ์ร้องทุกข์ ของวิญญาณคู่กรณีที่มีเวรต่อกัน และทรงตัดสินด้วยความยุติธรรม

    ทั้งมีเรื่องราวพระพุทธานุภาพของพระไภษัชยคุรุใน “บันทึกความศักดิ์สิทธิ์ของพระรัตนไตร”(ของจีน) บรรพแรกว่า ในประเทศอินเดีย มีพราหมณ์ที่ร่ำรวยท่านหนึ่งไม่มีบุตร ทั้งภริยาผู้เป็นพราหมณีก็ตั้งครรภ์ได้ยากยิ่งนัก ต่อมาได้มีครรภ์และทะนุถนอมครรภ์นั้นไว้จนครบ ๙ เดือน แล้วจึงให้กำเนิดบุตรชาย ๑ คนที่มีสิริลักษณ์สง่างาม เป็นที่เอ็นดูแก่ผู้คนทั้งหลาย จากนั้นไม่นานมีนักพยากรณ์ผู้วิเศษทำนายว่า บุตรชายคนนี้มีลักษณะอันดีงามมากมาย จักมีอายุขัยเหลือเพียงอีก ๒ ปี เมื่อพราหมณ์และพราหมณีผู้เป็นบุพการีได้ยินแล้ว จิตใจก็เป็นทุกข์ยิ่งนัก ประดุจถูกศรพิษทิ่มแทง แต่โชคดีที่พราหมณ์นั้นมีสหาย ซึ่งออกบวชเป็นสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เมื่อทราบเรื่องแล้วจึงแนะนำว่า ท่านจงจัดสร้างพระปฏิมาของพระไภษัชยคุรุขึ้น ๗ พระรูปตามวิธี เพื่อถวายสักการบูชาเถิด

    พราหมณ์จึงได้กระทำตามอรรถาธิบายในพระสูตร จากนั้นมีค่ำคืนหนึ่งได้นิมิตฝันไปว่ามีผู้หนึ่งใส่อาภรณ์ผิดแผกไปจากคนทั่วไปและใส่มงกุฏมาลา ควบอาชาสีเขียวมาหยุดตรงหน้าแล้วกล่าวแก่พราหมณ์นั้นว่า ด้วยท่านได้จัดสร้างพระปฏิมาของพระพุทธเจ้าขึ้น ๗ พระรูป เพื่อถวายสักการบูชาตามวิธี ด้วยอานิสงส์นี้บุตรของท่านจักมีอายุขัยถึง ๕๐ ปี จากนั้นนอกจากบุตรของพราหมณ์จักไม่สิ้นอายุขัยเมื่ออายุ ๒ ปีแล้วยังมีอายุขัยยาวนานถึง ๕๐ ปีพร้อมกับไม่เคยป่วยไข้เลย และยังมีบันทึกเรื่องราวทำนองนี้อีกเป็นจำนวนมาก

    วันคล้ายวันพระพุทธสมภพของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าคือ วันที่ ๓๐ เดือน ๙ (ตามจันทรคติจีน) แต่หากเดือนใดมีเพียง ๒๙ วันก็ให้ถือเอาวันที่ ๒๙ แทน.

    [1] อาตมาแปลจากภาษาจีนสู่ภาษาไทยและพิมพ์เผยแผ่แล้วในปี ๒๕๔๑
    [2] อาตมาแปลจากภาษาจีนสู่ภาษาไทยและพิมพ์เผยแผ่แล้วในปี ๒๕๔๔ และ ปี ๒๕๔๘
    [3] อาจารย์เสถียร โพธินันทะ ..แปลจากภาษาจีน

    (ข้อมูลจาก .. พระพุทธเจ้าและพระธรรมสูตรฝ่ายมหายาน พระวิศวภัทร เซี่ยเกี๊ยก 2549)

    เขียนโดย ชมรมบารมีเมตตาธรรม

    จำได้ว่าผมได้อัญเชิญพระประวัติพระไภษัชยคุรุตถาคต มาลงบอร์ดนี้มากกว่า 2-3 ครั้ง แต่ลองอ่านข้อมูลชุดนนี้ดู..ค่อนข้างสมบูรณ์ เข้าใจง่าย ขอโปรดใช้เวลาศึกษาอีกสักนิดครับ :)
     

แชร์หน้านี้

Loading...