พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

    อรุณสวัสดิ์ยามเช้าวันอาทิตย์หรรษาครับ


    .
     
  2. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    สวัสดียามเช้า ยินดีสำหรับชมรมใหม่ครับ ชมรมพระวังหน้า
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    “โคลสลอว์” อาหารเครื่องเคียง ทำง่าย กินอร่อย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    9 ธันวาคม 2553 11:38 น.

    โดย : กุ๊กเล็ก

    [​IMG]


    ยามใดที่ “กุ๊กเล็ก” กินพวกหมูชุบแป้งทอด ไก่ชุบแป้งทอด ก็จะต้องหาอาหารเครื่องเคียงมากิบควบคู่ไปด้วยเพื่อแก้เลี่ยน และอาหารทอดเหล่านั้นก็มีแต่เนื้อสัตว์ จึงต้องหาเมนูผักไปช่วยย่อยเสียหน่อย ในมื้อนี้ก็เลยอยากชวนกันมาทำ “โคลสลอว์” เป็นเครื่องเคียงแสนอร่อย

    หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงเมนูนี้ว่าโคลสลอว์ คำว่า “โคลสลอว์” เป็นภาษาเยอรมันที่แปลว่ากะหล่ำปลีซอย หรือ กะหล่ำปลีหั่นฝอย ซึ่งก็ตรงกับวิธีการทำเมนูนี้พอดิบพอดี มาลองดูกันเลยดีกว่าว่าวิธีทำเป็นอย่างไร

    ส่วนผสม
    กะหล่ำปลีซอยละเอียด 8 ถ้วย
    แครอทซอยละเอียด 1 ถ้วย
    หอมใหญ่ซอยละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
    น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วยตวง
    เกลือ 1 ช้อนชา
    พริกไทย ½ ช้อนชา
    นมสด 1/8 ถ้วย
    โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ¾ ถ้วย
    น้ำมะนาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
    มายองเนส ½ ถ้วย

    วิธีการทำเริ่มจากการซอยผักทั้งหมดให้เป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำส่วนผสมที่เหลือลงไปผสมกันในชาม เมื่อคนให้เข้ากันดีแล้ว ก็นำลงไปคลุกเคล้ากับผักที่หั่นเตรียมไว้ จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นให้เย็นจัด แล้วนำไปเสิร์ฟได้ แต่หากแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ทั้งคืน จะยิ่งทำให้ความอร่อยเพิ่มขึ้น เพราะน้ำสลัดจะเข้าเนื้อเต็มที่ ซึ่งเมนูนี้กินคู่กับไก่ทอดก็อร่อย หรือจะกินเป็นอาหารว่างมื้อเล็กๆ ก็ย่อมได้


    .


    Travel - Manager Online -
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เครียดซ้ำซ้อน...มองโลกในแง่ร้าย เตือนระวัง!'สารในสมองหลั่งไม่เท่ากัน'


    เมื่อสารในสมองเกิดการหลั่งไม่เท่ากันจะทำให้เกิดความผิดปกติขึ้นกับร่างกายได้!!

    พญ.ทวีรักษ์ นิธิยานนท กิจ อายุรกรรมระบบประสาท โรงพยาบาลปิยะเวท ให้ความรู้เกี่ยวกับสารสื่อประสาทให้ฟังว่า ในสมองของคนเราจะมีสารสื่อประสาทอยู่หลายชนิดที่ทำงานร่วมกัน โดยจะทำงานในส่วน ต่าง ๆ ในสมอง

    สารสื่อประสาท เป็นสารเคมีที่เซลล์ประสาทสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ส่งกระแสประสาทจากเซลล์ หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง เมื่อเซลล์ประสาทต้นทางถูกกระตุ้น กระแสประสาท ที่เกิดขึ้นจะไหลไปตามเส้นประสาท เมื่อกระแสประสาทไปถึงปลายเส้นประสาทก็จะกระตุ้นให้เซลล์ที่ปลายประสาทหลั่ง สารสื่อนำประสาทออกมา

    โดยเซลล์แต่ละชนิดจะผลิตสารสื่อประสาทไม่เหมือนกัน และมีหน้าที่แตกต่างกันไป อาทิ สารสื่อประสาทที่ชื่อว่า เซโรโทนิน จะเกี่ยวข้องกับอารมณ์รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด มองโลกในแง่ดี ถ้าหากมีระดับสารสื่อประสาทชนิดนี้ต่ำจะส่งผลทำให้เกิดอารมณ์ซึมเศร้า มองคุณค่าตัวเองต่ำ ขณะที่โดปามีน เกี่ยวข้องกับการควบคุมการเคลื่อนไหว

    สำหรับ อะเซทิลโคลีน เป็นสารที่มีบทบาทสำคัญ ทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำในระยะยาว ช่วยให้สมองเก็บความรู้ที่เรียนในเวลากลางวันไปไว้ที่สมองในเวลาที่เรากำลัง หลับ รวมทั้งเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับความฝัน ถ้าขาดสารชนิดนี้จะทำให้สมาธิสั้นลง กลายเป็นคนขี้ลืม นอนไม่ค่อยหลับ อีกทั้งทำให้เป็นโรคอัลไซเมอร์ได้

    ที่รู้จักกันดี คือ เอ็นดอร์ฟิน เป็นสารที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หายเจ็บปวด เป็นสารเคมีที่ทำให้เกิดความสุข อารมณ์ดี ถ้าขาดสารชนิดนี้จะทำให้ขาดความสุขแม้จะฟังเพลงที่ชอบ ก็ตาม ส่วนสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า เมลาโทนิน สารชนิดนี้จะทำให้คนเราหลับสบาย

    เมื่อผลิตสารสื่อประสาท ออกมาแล้วก็จะเข้าทำงานในส่วนต่าง ๆ ของสมอง โดยส่วนของสมองที่ชื่อว่า ฮิปโปแคมปัส จะเป็นส่วนที่สารสื่อประสาทหลั่งผิดปกติมากที่สุด โดยสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับสมองส่วนนี้ คือ อะเซทิลโคลีน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับความจำ การเรียนรู้ พฤติกรรม ความสุข อารมณ์ขั้นพื้นฐาน ความรู้สึก เช่น ชอบ ไม่ชอบ ดี ไม่ดี โกรธ ไม่โกรธ

    สาเหตุที่ทำให้สารสื่อประสาทในสมองหลั่งไม่เท่ากัน พญ.ทวีรักษ์ กล่าวว่า เกิดขึ้นได้จาก ความเสื่อมที่มาจากอายุที่มากขึ้น เช่น คนไข้เป็นโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเกิดจากสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า เซโรโทนิน หลั่งน้อยลง จึงทำให้คนไข้จำอะไรไม่ได้ หรือเกิดอาการความจำเสื่อมขึ้นมาได้ โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเพศหญิงและชายตั้งแต่อายุ 20-30 ปี แต่ส่วนใหญ่จะพบผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป

    รวมทั้ง เกิดจาก กรรมพันธุ์ คือ เคยเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว เช่น โรคพาร์กินสัน ซึ่งมีอาการสั่นของมือ เคลื่อนไหวร่างกายช้า โดยพบว่า เซลล์ของสมองไม่สามารถสร้างสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า โดปามีนได้อย่างเพียงพอ และพบว่ามีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วยเช่นกัน

    นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยทำให้สารสื่อประสาทหลั่งลดลง ซึ่งมี ความเครียด เป็นปัจจัยหลัก โดยอาจจะเกิดจาก อกหัก ตกงาน ถูกเจ้านายตำหนิ หรือ การสูญเสียคนรัก ก็จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติของการหลั่งของสารสื่อประสาทได้ด้วยเช่นกัน เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้นสารสื่อประสาทก็จะหลั่งน้อยลง ทำให้คนไข้เป็นโรคซึมเศร้าได้

    การวินิจฉัยโรค ส่วนใหญ่หมอจะใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ โดยการซักประวัติ สอบถามพฤติกรรมจากคนไข้เองและคนรอบข้าง เพื่อตรวจดูว่าคนไข้เข้าข่ายเป็นสารในสมองหลั่งไม่เท่ากันหรือไม่ โดยอาการของคนไข้ก็จะแตกต่างกันไป หากตรวจพบว่าสารในสมองส่วนใดที่หลั่งไม่เท่ากัน ก็จะทำการรักษาอาการในส่วนนั้นต่อไป

    โดยส่วนใหญ่หากกล่าวถึงสารสื่อประสาทในสมองหลั่ง ไม่เท่ากันจะนึกถึงคนไข้ที่มีอาการซึม ไม่ตอบสนองกับสิ่งรอบข้าง ซึ่งคนไข้จะมาด้วยอาการซึม ไม่พูดคุยกับใคร ไม่อยากไปไหน เก็บตัวอยู่กับบ้าน โดยอาการดังกล่าวจะเป็นอยู่ประมาณ 6 เดือน จากนั้นก็จะดีขึ้นเอง

    เมื่อมีอาการเช่นนี้ การรักษาทำได้โดยการให้ยา โดยยาจะมีฤทธิ์ทำให้คนไข้มีอาการดีเร็วขึ้น จากระยะเวลาที่ใช้ตามธรรมชาติ 6 เดือนมาเป็น 3 เดือน ซึ่งการทานยาส่วนใหญ่จะต้องทานอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปี หากคนไข้คนใดมีประวัติครอบครัวเคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อนก็อาจจะต้องทานยาต่อ ไปอีกประมาณ 1-2 ปี

    คนไข้บางรายเกิดอาการเพียงครั้งเดียวก็หายขาด แต่บางคนเป็นแล้วเป็นอีก การทานยาก็จะต้องทานอย่างต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ในบางรายต้องทานยาไปตลอดชีวิต เพื่อไม่ให้อาการของโรคกลับมาเป็นอีก

    ความรุนแรงของโรค ขึ้นอยู่กับว่า สารหลั่งในสมองส่วนใดที่หลั่งผิดปกติ ถ้าเป็น ในส่วนของ เซโรโทนิน ก็จะไม่ค่อยรุนแรง แต่จะรุนแรงในกรณีที่คนไข้ควบคุมตัวเองไม่ได้ บางคนถ้ามีความผิดปกติรุนแรงมาก ๆ จะคิดฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเอง ก็จะทำให้คนไข้เสียชีวิตได้ ถ้าเกิดว่าคนรอบตัวไม่ได้ระวัง หรือไม่ได้เข้ารับการรักษาจากหมออย่างถูกวิธี

    ผู้ที่อยู่ในภาวะกลุ่มเสี่ยงของโรคนี้ คือ ผู้ที่มีครอบครัวเคยมีอาการแบบเดียวกันมาก่อน ผู้ที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น รวมทั้งกลุ่มคนที่เคยใช้ยาเสพติด เพราะว่า การใช้สารเสพติดทำให้สารสื่อประสาทในสมองเกิดความผิดปกติขึ้นได้

    การที่เป็นโรคสารในสมอง หลั่งไม่เท่ากันนี้ ต้องรู้จักควบคุมตัวเอง เมื่อเกิดความทุกข์อย่าจมอยู่กับความทุกข์ ตั้งสติให้ดี และตามอารมณ์ตัวเองให้ทัน รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไร เป็นอะไรอยู่ โดยมองว่าทุกปัญหามีทางแก้ไข มีทางออก

    ในส่วนของคนรอบข้างต้องคอยดูแล เข้าใจลักษณะของโรคว่า การมีอาการเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นโรคจิต ไม่ได้เกิดขึ้นจากจิตใจของเขา แต่เกิดจากสารในสมองที่ออกมาหลั่งผิดปกติ จึงทำให้มีอาการเช่นนั้น หากคนรอบข้างช่วยประคับประคองเป็นกำลังใจ ดูแลเอาใจใส่ คนไข้ก็จะกลับมาสู่สภาวะปกติได้ไม่ยาก.

    *********************


    เคล็ดลับสุขภาพดี


    'ใบบัวบก'อีกสรรพคุณบำรุงหนังศีรษะแก้ผมหงอก


    ใบบัวบก เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กที่ขึ้นบนดิน มีลักษณะใบคล้ายกับใบบัวแต่เล็กกว่า เรารู้จักกันดีในสรรพคุณของน้ำใบบัวบกว่า ช่วยแก้ช้ำใน และยังให้คุณค่าทางยาอื่น ๆ อีกมากมาย แต่นอกเหนือจากการรับประทานแล้วคุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า คุณประโยชน์ของใบบัวบกยังสามารถช่วยบำรุงหนังศีรษะ ให้แข็งแรงแก้ผมหงอกได้อีกด้วย


    “ใบบัวบก” หรือชื่อท้องถิ่นของภาคใต้เรียกกันว่า ผักแว่น ส่วนชาวเหนือเรียกว่า ผักหนอก จำปาเครือ กะบังนอก มี สรรพคุณทางยาและวิธีใช้ ดังนี้ แก้โรคปากเปื่อย ปากเหม็น แก้ร้อนใน กระหายน้ำ โดยใช้บัวบกสด 1 กำมือ (10-20 กรัม) ตำแล้วคั้นเอาแต่น้ำเติมน้ำตาลทรายเล็กน้อย ดื่มวันละ 3 ครั้งติดต่อกัน 1-2 วัน แก้อาการเจ็บคอ ใช้บัวบกสด 1 กำมือ ตำให้ละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อน จิบบ่อย ๆ แก้อาการปวดศีรษะข้างเดียว รับประทานแบบสด ๆ หรือคั้นน้ำ รับประทานไม่จำกัดปริมาณ ควรรับประทานติดต่อกัน 5-6 วัน แก้อาการช้ำใน ลดความดันโลหิต ใช้บัวบกสด 2 กำมือ คั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำตาลทรายเล็กน้อย รับประทานติดต่อกันอย่างน้อย 5-7 วัน

    นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้เกิดความเงางาม และชุ่มชื้น ลดอาการอักเสบของ เม็ดตุ่มสิวบนหนังศีรษะ ทำให้ช่วยแก้ผมหงอกได้ โดยใช้ใบสดประมาณ 1 กำมือ ล้างให้สะอาด ตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาน้ำหรือจะพอกกากที่ผมด้วยก็ได้ประมาณ 20 นาที นอกจากนี้สามารถนำไปใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกหรือแผลต่าง ๆ ได้อีกด้วย เนื่องจากสารออกฤทธิ์คือกรดแมดิเคสสิค (Madicassic) กรดเอเซียติด (Asiatic) และเอเซียติโคซายด์ (Asiaticoside) ที่มีฤทธิ์ช่วยสมานแผลและเร่งการสร้างเนื้อเยื่อ ลดการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ช่วยห้ามเลือด ลดการอักเสบ จึงช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นทั้งยังลดการเกิดแผลเป็นชนิดนูน (Keloid) ด้วย

    เห็นไหมล่ะคะว่าเราได้คุณประโยชน์ทางยามากมายจากการรับประทานน้ำใบบัวบก แถมทั้งใบและน้ำก็ยังสามารถนำมาช่วยในการสมานแผลและบำรุงหนังศีรษะ แก้ผมหงอกได้อีกด้วย ใครที่กำลังมองหาสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพแบบครบองค์รวมแบบนี้อยู่ละก็...อย่า ลืมนึกถึงใบบัวบกเชียว รับรองได้ผลคุ้มค่าจริง ๆ.

    *****************


    สรรหามาบอก


    @@ คลินิกโรคหัวใจโรงพยาบาลกรุงธน 1 ขอเชิญผู้สนใจทุกท่านร่วมงานสัมมนา “เมื่อโรคหัวใจ...ถามหา” ใน วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม 2553 เวลา 08.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมตากสิน ชั้น 12 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ภายในงานพบกับการ บรรยายเกี่ยวกับโรคหัวใจ เทคโนโลยีการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและกิจกรรมเพื่อสุขภาพมากมาย สนใจสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่โทร. 0-2438-0040-5 ต่อ 1020-1022


    @@ โรงพยาบาลไทยนครินทร์ เชิญชวนผู้สนใจร่วมงานสัมมนาหัวข้อเรื่อง “กระดูกหักในผู้สูงอายุ” ใน วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม 2553 เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ชั้น 4 ภายในงานมีการตรวจมวลกระดูกฟรีจากผลิตภัณฑ์แคลจี โปรตีนบำรุงข้อและผลิตภัณฑ์โซลูแคล สนใจสำรองที่นั่งโทร.0-2361-2727 ต่อ 3346-3350


    @@ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช ขอเชิญร่วมแบ่งปันรอยยิ้มและมอบความรักความอบอุ่นผ่านกิจกรรมการกุศลต้อนรับ เทศกาลคริสต์มาสในงาน “BNH Christmas Carols and Seasonal Songs” พบการร้องเพลงประสานเสียงจากบรรดานักเรียนโรงเรียน นานาชาติและกลุ่มสตรีชาวต่างชาติรวมกว่า 10 แห่ง เพื่อหาทุนการศึกษาและมอบความสุขแก่เด็ก ๆ มูลนิธิโบสถ์แม่พระฟาติมา และน้อง ๆ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ ร่วมสร้างรอยยิ้มและถ่ายทอดความรักความผูกพันได้ตั้งแต่ วันนี้ถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2553 ณ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช สนใจสอบถามรายละเอียดโทร. 0-2686-2700 ต่อ 3395 หรือ 3328


    @@ ศูนย์ศัลยกรรมเต้านม โรงพยาบาลพญาไท 1 ขอเชิญชวนสุภาพสตรีทุกท่านปรึกษาปัญหาเต้านมทุกเรื่องโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านเต้านม เปิดให้คำปรึกษาทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ เวลา 17.00-20.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 18-31 ธันวาคม 2553 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ 1772.


    ******************



    ทีมวาไรตี้



    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=109248

    .



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2010
  5. PeacE123

    PeacE123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    3,179
    ค่าพลัง:
    +2,485

    รับทราบครับ
    ขอบคุณครับ
     
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เดี๋ยวส่งใบสมัครไปทางemail ว่าแต่ พิมพ์ออกมา แล้ว เว็นต์ชื่อ แล้วถ่ายภาพแนบประกอบ แล้วส่ง email กลับได้หรือไม่ครับ...

    เมื่อวานได้ไปที่ร.พ.ศิริราช ได้ลงนามถวายพระพร รับ CD ภาพยนตร์ ๗ เรื่อง และร่วมบุญโดยเสด็จพระราชกุศล...
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ส่งกลับทางไปรษณีย์ครับคุณเพชร

    .
     
  8. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมขอแ้จ้งให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทราบว่า ผมได้เปิดชมรม พระวังหน้า ให้กับทุกๆท่าน ทราบทาง Email เรียบร้อยแล้ว

    "ข้าพเจ้าขอเปิดชมรมพระวังหน้าอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พุทธศักราช 2553
    เพื่อประโยชน์ต่อ ประเทศไทย ศาสนาพุทธ สถาบันพระมหากษัตริย์ และเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระวั<WBR>งหน้า และงานบุญต่างๆ"

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอแสดงความยินดีกับ"ชมรมพระวังหน้า"ใหม่ด้วยครับ

    อนุโมทนาทุกประการครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  9. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    [​IMG]

    เหงาๆลุงข้างบ้านมาฝากถามครับ
    1. เคยเห็นปล่าวครับ
    2.ทราบมั้ยครับ ที่ใด เอาภาคก็ได้
    3.เก่าปล่าวครับ
    และ4. ดีปล่าวแรงปล่าวครับ ถามท่านเพชรด้วย หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2010
  10. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    จะบอกยังไงดีละครับคุณลุงข้างบ้านกับคุณพี่nongnoooเพราะไม่เห็นรูปเลยครับผม หุหุหุ แต่ยังไงของคุณลุงท่านก็หายากและมีคุณค่าเสมอมาใช่ไหมครับ
    ขอบพระคุณที่นำมาให้ชมเช่นเคยนะครับ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เรียน พี่ประทีป , คุณธวัช และน้องปฐม

    ผมได้ดำเนินการส่งรายการบัญชี(งานบุญที่ได้ฝากเงินกับผมไว้ในการที่ให้ผมทำบุญแทนทุกๆท่าน) ให้ทุกๆท่านทราบรายละเอียดทาง Email เรียบร้อยแล้วครับ

    ผมจะดำเนินการนำเงินของท่านไปทำบุญในทุกๆแห่งที่ผมได้ไปทำบุญและแจ้งรายละเอียดให้ทุกๆท่านได้ทราบทาง Email ครับ

    ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ


    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    สำหรับเรื่องของชมรมพระวังหน้า ผมได้แจ้งรายการบัญชีให้ทุกๆท่านได้ทราบทาง Email แล้วครับ

    ปัจจุบันนี้ มีผู้ที่เขียนใบสมัครและจ่ายเงินค่าแรกเข้าชมรมแล้ว 4 ท่าน(รวมทั้งผม)

    ส่วนอีก 3 ท่าน ได้โอนเงินเข้ามายังบัญชีของชมรมแล้ว แต่ผมยังไม่ได้รับใบสมัคร น่าจะได้รับในเร็วๆนี้ (มีอยู่ 1 ท่านที่โอนเข้ามา แต่ผมยังไม่ทราบว่าเป็นท่านใด กรุณาแจ้งผมให้ทราบด้วยครับ)

    ขอบคุณครับ
    sithiphong
    13/12/2553


    .
     
  13. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    สงสัยจาล่องหนครับ ไว้ถึงมือจาถ่ายลงคู่อีกองค์แล้วจากลับมาใหม่ครับ ติดไว้ก่อนครั้งหน้ามา2ครับ หุ หุ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“Night at Museum Siam” ตื่นตาตื่นใจกับการเที่ยวพิพิธภัณฑ์กลางคืนครั้งแรกในเมืองไทย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>12 ธันวาคม 2553 16:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศการจัดแสดงภายในมิวเซียมสยาม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “มิวเซียมสยาม” พิพิธภัณฑ์รูปแบบใหม่ ภายใต้การจัดตั้งของสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) ที่มุ่งเน้นนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ผ่านกระบวนการเรียนรู้รูปแบบใหม่ จัดเทศกาลยิ่งใหญ่ประจำปี “Night at the Museum Siam พิพิธภัณฑ์กลางคืนครั้งแรกในเมืองไทย นำเสนอตอน “หิมพานต์” เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 17 - 19 ธันวาคม 2553 ณ มิวเซียมสยาม ถนนสนานไชย ท่าเตียน

    นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ กล่าวว่า มิวเซียมสยาม เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งใหม่ และถือเป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกที่เน้นการสร้างประสบการณ์สดใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบของแหล่งเรียนรู้ที่น่ารื่นรมย์ และช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ให้กับประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทยเกี่ยวกับการสร้างสำนึกในการรู้จักตนเอง รู้จักเพื่อนบ้าน และรู้จักโลก รวมถึงการสร้างแนวคิดและภาพลักษณ์ใหม่ของพิพิธภัณฑ์ในสังคมแห่งการเรียนรู้ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์เป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น

    ล่าสุดทางมิวเซียมสยามได้เตรียมจัดโครงการ “Night at the Museum Siam ตอน หิมพานต์” พิพิธภัณฑ์กลางคืนครั้งแรกในเมืองไทยขึ้น โดยจัดออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนของการแสดงและส่วนเนื้อหา ภายใต้แนวคิดของวรรณคดีไทย “หิมพานต์” มาเป็นตัวหลักของงานในครั้งนี้ ซึ่งทุกส่วนของการแสดงและนิทรรศการจะถูกออกแบบให้เป็นไปในรูปแบบเดียวกันคือหิมพานต์ ไม่ว่าจะเป็นการนำต้นไม้ในวรรณคดี อาทิ ต้นมักรีผล ต้นปาริชาติ หรือสัตว์ในป่าหิมพานต์ อย่าง ครุฑ กินรี คนธรรพ์ จะถูกนำมาตกแต่งโดยรอบพิพิธภัณฑ์และห้องนิทรรศการต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศของหิมพานต์ ผู้เข้าชมจะได้รับความรู้เรื่องราวของวรรณคดีไปด้วยระหว่างเข้าชมห้องนิทรรศการต่างๆ

    ในส่วนของการแสดง ก็ยังคงแนวคิดของหิมพานต์แต่จะสร้างความหลากหลายเพื่อความสนุกสนานและแปลกใหม่ เช่น การแสดงการต่อสู้ของสองชนเผ่าเพื่อแย่งมักรีผล โดยนำการแสดง B-BOY, Free Running และ Mad Hop มาใช้ประกอบการแสดง และการแสดงชุดพิเศษ “ครุฑยุดนาค” และเพื่อให้แนวคิดของหิมพานต์ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของเทศกาล Night at Museum Siam ในครั้งนี้ได้ให้ความรู้แก่ผู้เข้าชมมากยิ่งขึ้น จึงได้จัดเสวนาเล่าเรื่องหิมพานต์ผ่านงานศิลป์ โดย อ.ประสาท ทองอร่าม หรือครูมืด ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย อ.สุวัฒน์ แสนขัติยรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตรกรรม และ ม.ร.ว อรฉัตร ซองทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านกวี ร่วมกันพูดคุยถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ

    ทั้งนี้ Night at Museum Siam จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม ถึง วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2553 โดยกิจกรรมจะเริ่มเวลา 16.00 -22.00 น. ตลอดทั้งสามวัน โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) โทรศัพท์ 02-225-2777 เว็บไซต์ www.museumsiam.com</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    Travel - Manager Online -
     
  15. tawatd

    tawatd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +2,020
    ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆจากบทความ พระที่สวยงาม และโมทนาบุญครับ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    "ปาร์ค"โหม่งชัย ผีดับปืนขึ้นจ่าฝูง <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">14 ธันวาคม 2553 05:12 น.</td></tr></tbody></table>
    "ปาร์ค"โหม่งชัย ผีดับปืนขึ้นจ่าฝูง
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="right" height="1" valign="bottom" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="bottom">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="bottom" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> <td> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปาร์ค จี-ซุง (ซ้าย) วิ่งเฮฉลองประตูชัยของ แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือ อาร์เซนอล



    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">วอยเซียค เชสนี นายทวารมือ 3 ของปืนใหญ่ทำหน้าที่ได้ดี แต่ยังไม่เพียงพอ</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">รูนีย์ (10) สังหารจุดโทษพลาดในครึ่งหลัง </td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">นานี ปั่นหัว กลิชี ได้หลายที</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">มุมสวยๆ ในจังหวะที่ ชามัคห์ ดวลลูกเวหากับ คาร์ริค</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">โอเล กุนนาร์ โซลชา (ขวา) อดีตดาวยิงปิศาจแดงรับรางวัลเกียรติยศ หลังค้าแข้งให้สโมสรนาน 14 ปี</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">คนงานเหมืองชิลีที่รอดชีวิตเมื่อเดือนตุลาคม เข้ามาชมเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด</td> </tr> </tbody></table>

    ปาร์ค จี-ซุง มิดฟิลด์ทีมชาติเกาหลีใต้โหม่งพังประตูชัยในช่วงท้ายครึ่งแรกช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเฉือนชนะ อาร์เซนอล 1-0 ในบิ๊กแมตช์นัดมันเดย์ไนท์ พร้อมทั้งแซงขึ้นไปนั่งบัลลังก์จ่าฝูง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

    ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 อาร์เซนอล

    ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 3 ของตารางเปิดบ้านทำศึกแห่งศักดิ์ศรีกับ อาร์เซนอล ทีมจ่าฝูง เกมนี้เจ้าถิ่นได้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ หายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังกลับมาคุมแนวรับร่วมกับ เนมานยา วิดิช แต่พัก ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ดาวยิงบัลแกเรียนไว้ที่ม้านั่งสำรองโดยให้ เวย์น รูนีย์ ค้ำแดนหน้าคนเดียว ส่วนทีมเยือนส่ง วอยเซียค เชสนี นายทวารมือ 3 ลงเฝ้าเสา ขณะที่แดนกลางวางมิดฟิลด์ลง 5 คน พร้อมทั้งให้ มารูยาน ชามัคห์ เป็นหัวหอกตัวเป้า

    เริ่มเกมมาได้ 8 นาทีเศษ “ปิศาจแดง” มีจังหวะสร้างความหวาดเสียวได้ก่อน เมื่อ รูนีย์ เกี่ยวบอลลงหน้าเขตโทษก่อนพลิกหนี เซบาสเตียน สกิลลาชี แล้วกดด้วยขวา แต่ วอยเซียค เชสนี นายด่านชาวโปแลนด์ วัย 20 ปี ยังล้มตัวตะครุบเอาไว้ได้ จากนั้นนาทีที่ 10 “ปืนใหญ่” มีโอกาสตอบโต้บ้าง แต่ลูกโหม่งของ ชามัคห์ ยังไม่ผ่านมือ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ขณะที่ อังเดร อาร์ชาวิน ลองยิงไกลในนาทีที่ 21 ทว่าบอลยังไม่ตรงกรอบอีก

    ถัดมานาทีเดียว แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบพังประตูขึ้นนำได้ เมื่อ ดาร์เรน เฟลทเชอร์ เปิดบอลจากด้านขวาเข้ากลาง สกิลลาชี โหม่งสกัดมาเข้าทางปืน หลุยส์ นานี ที่ล้มตัวซัดแบบไม่ต้องจับส่งลูกเฉี่ยวเสาสองออกหลังไปเพียงนิดเดียว ก่อนที่เกมส่วนใหญ่หลังจากนั้นจะอยู่ในแดนกลาง แทบไม่มีจังหวะเข้าทำให้ได้ลุ้นเท่าใดนัก

    กระทั่งนาทีที่ 41 ปิศาจแดงก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เมื่อ นานี เลี้ยงจี้เข้าหา กาแอล กลิชี แล้วเปิดมาตรงกลาง ปาร์ค จี-ซุง พยายามเอียงตัวโหม่งบังคับทิศทางเต็มที่ แต่กลายเป็นดีเมื่อลูกย้อยหนีมือ เชซนี เช็ดเสาสองเข้าไป ให้หลังมานาทีเดียว เดอะ กันเนอร์ส สร้างโอกาสทวงลูกตีเสมอจาก อาร์ชาวิน แต่ลูกยิงไกลของดาวเตะทีมชาติรัสเซียบดเรียดออกหลังไป จบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายนำอยู่ 1-0

    เข้าสู่ครึ่งหลัง อาร์เซนอล เดินหน้าบุกหวังทวงประตูคืน นาทีที่ 48 โทมัส โรซิชกี ฮาล์ฟวอลเลย์หน้าเขตโทษส่งลูกหลุดเสาสองออกหลัง จากนั้น ปิศาจแดงหวิดบวกเพิ่มได้อีกเม็ดในนาทีที่ 54 โดย รูนีย์ ไหลเบาๆ ตัดหลังแนวรับให้ อันแดร์สัน สอดเข้ามากดในเขตโทษ แต่ เชสนี ยังออกมาบล็อกได้ทัน ถัดมา 2 นาที ปืนใหญ่น่าได้ประตูตีเสมออย่างยิ่ง เมื่อ ซาเมียร์ นาสรี ยิงหนแรกถูก ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดมาเข้าทาง ชามัคห์ ซ้ำดาบสอง แต่โดน วิดิช ตามมาสไลด์ขวางหน้าประตูได้อย่างหวุดหวิด

    เกมเริ่มแลกกันสนุก นาทีที่ 59 นานี เลี้ยงเข้าไปถูก กลิชี ดักไว้ได้ก่อนตามไปแย่งบอลคืนแล้วลากเข้าไปกดในเขตโทษ ทว่ากลับยิงโด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย เจ้าบ้านชวดยิงลูกที่ 2 อีกครั้ง จากนั้น อาร์เซนอล แก้เกมด้วยการส่ง เชส ฟาเบรกาส และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ลงมาแทน โรซิชกี และ แจ๊ค วิลเชียร์ เพื่อเน้นเกมรุกเต็มพิกัด ทว่ากลับมาเสียลูกจุดโทษในนาทีที่ 73 หลังจาก กลิชี ทำแฮนด์บอลในเขตโทษจากการเบียดแย่งบอลกับ นานี แต่ รูนีย์ กลับซัดโด่งข้ามคานออกไปเอง ทำให้สกอร์บอร์ดยังไม่ขยับเพิ่ม

    นาทีที่ 77 เดอะ กันเนอร์ส เทหมดหน้าตักด้วยการส่ง ธีโอ วัลคอตต์ ลงมาแทน อาร์ชาวิน ขณะที่ เรด เดวิลส์ เปลี่ยนเอา ไรอัน กิกส์ ลงมาแทน อันแดร์สัน ก่อนจะเกือบใส่สกอร์ได้อีกครั้งในนาทีที่ 86 จากลูกชิปของ รูนีย์ แต่ เชสนี ที่ถลำออกมาจากเส้นประตูยังถอยกลับไปปัดด้วยปลายมือได้อย่างหวุดหวิด กระทั่งจบเกมโดยที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เฉือนชนะ 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 34 คะแนน ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแทน อาร์เซนอล ที่มี 32 คะแนน โดยที่แข่งน้อยกว่า 1 นัด

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, ราฟาเอล ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, ปาทริซ เอฟรา, หลุยส์ นานี, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, ไมเคิล คาร์ริค, อันแดร์สัน, ปาร์ค จี-ซุง, เวย์น รูนีย์

    อาร์เซนอล – วอยเซียค เชสนี, บาการี ซานญา, เซบาสเตียน สกิลลาชี, โลร็องต์ กอสซีลนี, กาแอล กลิชี, ซาเมียร์ นาสรี, โทมัส โรซิชกี, อเล็กซานเดอร์ ซง, แจ๊ค วิลเชียร์, อังเดร อาร์ชาวิน, มารูยาน ชามัคห์


    .

    http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9530000175387

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    นิทานสอนใจ : หนูนานำโชค <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">12 ธันวาคม 2553 09:47 น.</td></tr></tbody></table>
    [​IMG] <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ขอบคุณภาพประกอบจากwww. rd1677.com </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ท่านผู้อ่านคงแปลกใจว่า หนูนานำโชคได้อย่างไร ซึ่งในทางตรงกันข้ามกับจะนำโรคมาสู่มนุษย์ด้วยซ้ำ และยิ่งไปกว่านั้นตัวหนูทั้งหลายล้วนแต่อับโชค เกิดเป็นหนูนาก็ถูกจับเอาไปย่างกิน ถ้าเป็นหนูถีบจักรหรือหนูตะเภาก็ถูกเอาไปเป็นหนูทดลอง ว่าไปแล้วเป็นหนูอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น

    แต่หนูตัวที่จะพูดถึงนี้ แม้จะเป็นซากหนูตาย ก็สามารถเป็นสื่อหรือต้นทางแห่งความร่ำรวยได้ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่เป็นเพราะหนูตัวดังกล่าวมีอภินิหารที่จะสามารถบันดาลอะไร ได้ ความจริงแล้วผู้ที่ร่ำรวยได้เพราะหนูตัวนี้ เขามีคุณสมบัติพิเศษ และแถมยังมีเพื่อนที่ดี ที่นับได้ว่าเป็นกัลยาณมิตรอีกด้วย จึงร่ำรวยได้รวดเร็วและน่าเอาเป็นแบบอย่างยิ่งนัก

    ดังนั้น ขอเริ่มเรื่องโดยการกล่าวถึงเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสีคนหนึ่ง ชื่อว่า "จุฬกะ" เศรษฐีจุฬกะคนนี้มีความรู้ความสามารถเกี่ยวดินฟ้าอากาศ ฤกษ์ยามและทำนายฝันเหมือนดั่งผู้ที่มีความเชี่ยวชาญยิ่งนัก

    วันหนึ่งท่านเศรษฐีคนนี้เดินทางไปยังพระราชสำนักพร้อมด้วยบริวาร ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ระหว่างที่เห็นซากหนูตายใหม่ๆ อยู่บนถนนตัวหนึ่ง ท่านจึงตรวจดูฤกษ์ยามของหนูตัวนี้ แล้วกล่าวให้ผู้ร่วมเดินทางฟังว่า "หากผู้ใดเก็บซากหนูตายนี้ไป จะบันดาลให้มีเงินทองเลี้ยงดูครอบครัวให้อยู่อย่างสุขสบาย"

    ในกลุ่มผู้ติดตามนี้มีบุรุษเข็ญใจนิรนามคนหนึ่ง ได้ยินคำของท่านเศรษฐี จึงเก็บซากหนูตายไปขายเป็นอาหารแมว ได้เงินมาหนึ่งบาท เขาจึงนำเงินนั้นไปซื้อน้ำอ้อย แล้วนำน้ำอ้อยและน้ำเย็นไปบริการพวกที่กลับจากการเก็บดอกไม้ เขาทำดังนี้ติดต่อกันหลายวัน จนได้ส่วนแบ่งดอกไม้ไปขายได้เงินมากขึ้นเรื่อยๆ

    วันหนึ่งเกิดพายุจัด พัดกิ่งไม้หักตกลงมามากมายในพระราชอุทยาน เกินกำลังของคนเฝ้าอุทยานที่จะเก็บให้สะอาดได้ ชายเข็ญใจนิรนามคนนั้นจึงเข้ามาอาสาเก็บกวาด โดยขอกิ่งไม้แห้งเหล่านั้นเป็นสิ่งตอบแทน ซึ่งแน่นอนว่าคนเฝ้าอุทยานย่อมเต็มใจที่จะให้สิ่งของที่ชายคนดังกล่าวร้องขอ

    ชายนิรนามคนนั้น เริ่มต้นลงมือทำงานนี้ด้วยการนำน้ำอ้อยและน้ำเย็นไปเลี้ยงเด็กๆ ที่อยู่ในสนามเด็กเล่นในบริเวณใกล้ๆ แล้วขอแรงเด็กๆ เหล่านั้นมาช่วยกันเก็บกวาดกิ่งไม้ จากนั้นก็นำกิ่งไม้ที่เป็นฟืนชั้นดีหอบใหญ่กลับไปที่บ้านของเขาด้วย เขานำฟืนที่ได้ไปขายให้ช่างปั้นหม้อปั้นโอ่ง เพื่อนำไปเผาเครื่องดินที่ปั้นไว้ เขาจึงได้เงินเพิ่มขึ้นอีกจำนวนหนึ่ง และแถมยังได้หม้อและโอ่งน้ำมาอีกด้วย

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ขอบคุณภาพประกอบจากwww. 15t-art-gallery.com </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ชายนิรนามไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เขานำโอ่งใส่น้ำกินไปตั้งไว้ที่ประตูเมือง เพื่อบริการน้ำให้แก่คนตัดหญ้าที่กลับเข้าเมืองในเวลาเย็น เป็นการผูกมิตรเอาไว้ คนตัดหญ้าทั้งหลายจึงแลเห็นน้ำใจที่งดงามของชายนิรนาม จึงกล่าวว่า "หากชายนิรนามต้องการสิ่งใด ที่พวกตนพอจะช่วยเหลือได้ ทุกคนก็มีความยินดีที่จะช่วยอย่างเต็มที่" ชายนิรนามรับคำสัญญาเอาไว้และดำเนินการค้าต่อไปด้วยการวางแผนอันล้ำลึกยิ่งนัก

    แผนการนั้นคือ เขาเข้าไปคบค้าสมาคมกับพ่อค้าทั้งหลายที่ทำการค้าทั้งทางบกและทางน้ำ เขาเต็มใจช่วยเหลือกิจการของพ่อค้าเหล่านั้นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย วันหนึ่งเขาได้ข่าวจากพ่อค้าทางบกว่าจะมีคนนำม้าจำนวนมากผ่านเข้ามาในเมือง ชายนิรนามจึงขอหญ้าจากคนตัดหญ้า และขอสัญญาว่าถ้าเขาขายหญ้าของเขาหมดแล้ว คนตัดหญ้าจึงจะขายหญ้าได้

    เมื่อเป็นเช่นนั้น ชายนิรนามก็ขายหญ้าได้ราคาดีมาก จึงมีเงินทองเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ อย่างไรนั้นโชคของชายนิรนามยังมีอีก เมื่อเขาได้ทราบข่าวว่าจะมีเรือสินค้ามาจอดที่ท่าเมืองนี้เพื่อขายสินค้า จำนวนมาก เขารีบนำเงินไปจ้างบริวารและแต่งกายให้ภูมิฐานนำเงินจำนวนหนึ่งไปวางมัดจำ สินค้าที่นำมาทางเรือ ด้วยวิธีนี้คนทั้งหลายต้องมาซื้อสินค้าต่อจากชายนิรนามทั้งหมด เขาจึงทำเงินกำไรได้อย่างมหาศาล

    เงินที่เขามีทั้งหมดประมาณสองแสนบาท ยังไม่สามารถทำให้เขาเป็นเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสีได้ แต่เขาก็ไม่ได้ทะเยอทะยาน โลภมากคิดว่าพอมี พอใช้เลี้ยงตัวได้แล้ว จึงนึกถึงพระคุณของท่านเศรษฐีจุฬกะ ยอดกัลยาณมิตรผู้ชี้ทางแก่เขา เขาจึงนำเงินที่หามาได้ครึ่งหนึ่งไปทดแทนพระคุณของท่านเศรษฐีจุฬกะ ทำให้เศรษฐีจุฬกะผู้มีสายตากว้างไกล และเห็นว่าชายนิรนามคนนี้มีความขยันหมั่นเพียรและเฉลียวฉลาด อีกทั้งความกตัญญูรู้คุณคนอีกด้วย จึงยกลูกสาวให้เป็นภรรยา ดังนั้นชายนิรนามจึงได้ดำรงตำแหน่งเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสีคนใหม่แทนเศรษฐี จุฬกะ ซึ่งถึงแก่กรรมในเวลาต่อมา

    ท่านผู้อ่านคงเห็นกันแล้วว่า หนู บันดาลโชคให้แก้ชายนิรนามได้ ก็เพราะชายนิรนามคนนี้มีคุณสมบัติแห่งความขยันหมั่นเพียร ใช้สติปัญญาไตร่ตรองหาลู่ทางการค้าอย่างสุจริต แถมยังโชคดีที่ได้คบหาสมาคมกับผู้ที่มีน้ำใจและรู้คุณคน รวมทั้งตัวเขาเองก็เป็นผู้ที่มีความกตัญญูยิ่งนัก จึงสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ยาก

    ได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้อ่านก็สามารถใช้แนวทางของ"ชายนิรนาม" ไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ แต่อย่าลืมว่าต้องรู้จักคบหาแต่คนดีมีน้ำใจ และเป็นผู้ให้ก่อนเสมอ จึงจะสมหวังดั่งชายนิรนามคนนี้</td></tr></tbody></table>

    Life & Family - Manager Online -
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่ามาแล้วครับ องค์ซ้ายคือที่ถามไว้ ส่วนองค์ขวานี่ พิมพ์พิเศษครับ สุดท้ายท่านก็เมตตาใช่มั้ยครับ ท่านเพชร แล้วตกลงดีปล่าวแรงปล่าวครับ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2011
  19. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอบพระคุณครับพี่nongooo ที่พยายามนำมาให้ชมจนได้ สวยงามทั้ง2องค์เลยครับผม
     
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    รู้สึกว่าตาลุงจะใจร้อนนะครับ ครั้งนี้มาทีเดียว ๒ องค์เลย..

    พระพิมพ์ที่หาพบได้ยาก ตาลุงข้างบ้านกลับหามาได้อย่างง่ายๆ

    ก็ขอแสดงความยินดีกับตาลุงด้วยครับ ที่ได้รับพระเมตตาจากหลวงปู่ท่าน
    ประทานพระปิดตาสังฆาฏิที่ใฝ่ฝันมานาน แถมยังเป็นกรุเนปาล กรุแรกด้วย

    s6s6...ว่าแต่องค์นี้ได้มาแบบเลี่ยมพลาสติกใสมา แต่ยังไม่ได้เจาะรู
    เจ้าของพระเดิมคงจะรักษาไว้อย่างดี ว่าแต่ไปพบแต่ใดมา??? วานบอก...
     

แชร์หน้านี้

Loading...