พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

นั่นสิครับไปเร็วเหลือเกินครับ
เดือนหน้าผมจะย้ายกลับไปทำงานที่รังสิตครับ
ต้องยอมรับครับว่าปีนี้งานเข้าเยอะครับแบบว่าปีชงเต็มๆเลยครับ
แบบว่าหล่อกว่าผู้จัดการเลยอยู่ลำบากครับย้ายดีกว่า ฮิฮิฮิฮิ

 

ผมก็ว่างั้น หุหุ

ปีนี้เห็นพี่เพชรแนะนำสำหรับท่านที่ชงว่า ให้อาราธนาพระราหูติดตัว หรือจำพวกหยก 12 ราศีหมุนเวียนกันไป นิพี่
แล้วสวดมนต์บูชาท่านตลอดปีไปเลย (ความเห็นผม)
ทำได้แบบนี้ก็ไม่ต้องหลบท่านผู้จัดการที่หล่อน้อยกว่าเราอีก
แต่ไม่แน่ใจว่า bonus จะขึ้นหรือเปล่าอะนะ ก็ค่อยๆประคับประครองไปนะครับ ผนไป หนาวมา แป๊บเดียวก็ปีหน้าแล้ว ..

 

เป็นที่ทราบกันว่า พระพิมพ์ที่มีพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุอรหันต์อยู่ภายในองค์พระ ไม่ว่าจะเป็นการเสด็จมาเองโดยทั้งเพิ่มปริมาณ หรือเพิ่มขนาด หรือติดเอง หรือมีผู้อื่นติดมาให้ ก็ต้องระมัดระวัง สำรวมทั้งกาย วาจา ใจ ให้ถึงพร้อมด้วยธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การอารธนาพระพิมพ์ขึ้นคอ ก็จะถือเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ จะทำอะไรที่ไม่เหมาะสม ไม่ดีงาม ก็ให้เกิดความรู้สึกว่า ไม่สมควรจะกระทำความชั่ว เห็นพระ ก็ระลึกถึงบุญกุศลที่เคยร่วมกระทำมา จึงเป็นเหตุได้พระ อาจจะเป็น วิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน หรือเห็นพระ ก็สามารถระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นพุทธานุสติ ธรรมนุสติ สังฆานุสติ ผมเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นพระบรมสารีริกธาตุ หรือพระธาตุอรหันต์ก็ตาม ล้วนต้องระมัดระวัง สำรวม กาย วาจา ใจ ให้ครบเป็นอาจิณ อย่าได้ไปคิดว่าเพียงแต่จะใช้ความรู้สึกของเราเองไปแบ่งว่า เป็นพระธาตุอรหันต์จะระมัดระวังได้น้อยกว่าพระบรมสารีริกธาตุ (เพียงทำร้ายพ่อ แม่ผู้เปรียบเป็นอรหันต์ของลูกก็ลงข้างล่างสถานเดียวแล้ว)เช่นเดียวกับศีล หากเราละเมิดศีลปาณาฯ เพียงเพราะคิดว่า เป็นมด เป็นยุง เป็นบาปน้อยกว่าฆ่าวัว ควาย หรือสัตว์ใหญ่ เหล่านี้เป็นการฝึกจิตให้มีความชินในศีล เมื่อละเมิดบาปเล็กๆบ่อยๆ จิตเราจะชินการความชั่วเล็กๆ อันเป็นการพอกพูนให้จิตเกิดความหยาบกระด้าง ท้ายที่สุด เพียงองศาเดียวของความคิดที่คลาดเคลื่อนไป อาจจะทำให้เราไม่อยู่ในกระแสของพระนิพพานเลยทีเดียว

อันที่๒ การนั่งสมาธิเพื่อปรับธาตุ เป็นการเพ่งเล็งไปที่อิริยาบถของการนั่งแต่เพียงฝ่ายเดียว อิริยาบถของการทำสมาธิ มี ๔ อิริยาบถ คือ เดิน ยืน นั่ง นอน รวมความว่า ทุกขณะเป็นสมาธินั่นเอง การปรับธาตุที่หมายถึงนี้ หมายถึงการน้อมกาย วาจา ใจ ให้เข้าถึงธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีถึง ๔๐ วิธี จะไปนึกทำวิธีไหนก็จะต้องวนเวียนอยู่ใน ๔๐ วิธีนี้แหละ ซึ่งวิธีที่เหมาะกับคนทั่วไป และสะดวกในการฝึก คือ วิธี"อานาปานสติ" หรือที่เราเรียกกันง่ายๆว่า "การกำหนดรู้ลมหายใจ" อันนี้พี่ใหญ่เขาเรียกว่า "เล่นลม" นั่นเอง...

ครั้งหนึ่งที่ผมกับคุณหนุ่มได้เคยไปพบกับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ได้พูดขึ้นมาลอยๆว่า ในเมื่อไม่สนใจเอาดี ก็เลยกลัวการสวมใส่พระพิมพ์ที่มีพระบรมสารีริกธาตุ หรือพระธาตุอรหันต์กัน เลยเอาดีกันไม่ได้ สงสัยต้องให้ใส่กันทุกคน มันจะได้ระมัดระวัง(กาย วาจา ใจ)กันให้มากขึ้น แบบนี้ หากยังเอาดีกันไม่ได้ ก็ให้พลาดพลั้งกันไปเลย

 

โมทนาสาธุครับท่านพี่ที่ให้ความกระจ่างในหลายๆเรื่อง
ผมขออนุญาตยึดหลักการที่ว่า ...

"การห้อยพระต้องเป็นไปตามขั้นตอน จากล่างขึ้นบน ให้ค่อยเป็นค่อยไปตามความหนากิเลส ของใครของมันครับผม"

 

สวยครับพี่
เห็นพระแนวๆนี้ผมมึนๆครับ
วันทอดผ้าป่าที่นั่งมอบพระให้ผู้มาทำบุญฯรับองค์ TOP4 ยอมรับว่ามึนหัว ร้อนหูครับ

 

คุณอาสิทธิพงษ์ครับหลวงพ่อเงินคุณอาจัดส่งมาพร้อมกับวังหน้าเลยหรือปล่าวครับ พอดีที่จัดส่งไกลกับที่ผมอยู่หลายกิโลจะได้ไปรับครั้งเดียวรบกวนคุณอาเพียงเท่านี้ครับขอบพระคุณคุณอามากครับ

 

ส่งไปพร้อมกันครับ

.

 

อยากจะเพิ่มเติมอีกหน่อย

เรื่องของการเล่นลม อย่างน้อยหากทำได้ เริ่มต้นวันละเพียง 5 นาที แล้วค่อยเพิ่มระยะเวลาให้มากขึ้น
ทางนี้เป็นทางตรง สำหรับหนทางพระนิพพาน

สำหรับท่านที่จะห้อย พระสมเด็จ Special of The Top , พระสมเด็จ Top of the top 1 และ พระสมเด็จ Top of the top 4 หากต้องการที่จะห้อย ต้องสำรวมใน กาย วาจา และ ใจ

วันนี้ ผมเองก็ห้อย พระสมเด็จ Top of the top 1 และ พระสมเด็จ Top of the top 4 ไปอบรมด้วย

พระสมเด็จ Top of the top 1 เท่าที่ทราบและพบจนถึงขณะนี้ จะมีอยู่ 4 พิมพ์(และเนื้อ) รวมทั้งเนื้อปูนสอ

และ พระสมเด็จ Top of the top 4 เท่าที่ทราบและพบจนถึงขณะนี้ จะมีอยู่ 4 พิมพ์(และเนื้อ) เช่นกัน

ในเรื่องของพระวังหน้า จะมีหลายหลากรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาทรงพิมพ์ และพลังอิทธิคุณ ขององค์ผู้อธิษฐานจิต ซึ่งมีบางรุ่น ที่มีความเป็นพิเศษ การใช้พระวังหน้า จึงต้องศึกษากันให้ดี บางรุ่นส่งผลให้ในบางเรื่องเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องเริ่มศึกษากันอย่างจริงๆจังๆกัน หากในวันข้างหน้า ไม่มีท่านอาจารย์ประถม ไม่มีพี่ใหญ่ เราจะศึกษากันได้อย่างลำบาก เพราะผมเองไม่มีความสามารถที่จะรุ้ และ เก่งเท่ากับท่านอาจารย์ประถม และพี่ใหญ่ ผมเองรู้น้อยมาก ผมกล้าพูดได้ว่า ผมรู้แค่ไม่ถึง 1 % ของที่ท่านอาจารย์ประถม และพี่ใหญ่รู้

ดังนั้น ควรจะเริ่มเรียนรู้ไปพร้อมๆกับผม มีอะไรจะได้ช่วยกันศึกษา ช่วยกันจดจำ ช่วยกันบันทึกในสิ่งที่เป็นความรู้ที่ถูกต้อง

ในหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง ไม่สามารถที่จะไปหาในตำราเล่มไหนๆในโลกนี้ได้ เนื่องจากสิ่งที่รู้มา ผมยังไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นในตำราไหนๆ เลย

.


--------------------------

รูป <big><big>ประวัติศาสตร์ ตราประทับพระราชลัญจกร องค์จักรพรรดิ์</big></big>

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7814260/K7814260.html

.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เสี่ยโรงงานเสื้อผ้าร้องแฮกเกอร์ดูดเงิน1.4 แสน ธนาคารนิ่งรับผิด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม</TD><TD class=date vAlign=center align=left>7 กันยายน 2553 16:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ผู้เสียหายโชว์เอกสารการแจ้งความ</TD></TR></TBODY></TABLE>


</TD></TR></TBODY></TABLE>เจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ร้องถูกมืดดีแฮกข้อมูลกดเงินบัญชีสูญหายไปร่วม 1.4 แสน หลังเตรียมโอนเงินเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ตกใจเห็นยอดเงินหายไป ตรวจสอบกับธนาคารพบมีการกดเงินออกไปหลายครั้ง ก่อนเข้าแจ้งความและเข้าขอคำปรึกษาผู้จัดการสาขาแต่กลับบ่ายเบี่ยงโยนความผิดให้ แถมไล่ให้ไปร่างหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ผู้เสียหาย เผย ทางธนาคารเจ้าของบัตรยังไม่เรียกสอบถามข้อเท็จจริง จึงเข้าร้องสื่อให้ช่วยเหลือ

จากกรณี นางนวลจันทร์ อร่ามศรี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160 ถนน ริมทางรถไฟ แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี แม่ค้าขายกระเป๋าย่านสะพานพุทธ เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางยี่เรือ ว่าเงินในบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยถนนเจริญรัถ สูญหายไป จำนวน 38,730 บาท ทั้งที่บัตรเอทีเอ็มยังอยู่ที่ตัวเอง โดยเมื่อตรวจสอบกับทางธนาคารพบว่าถูกคนร้ายกดเงินออกไปจากตู้เอทีเอ็มธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) สาขา จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 10.21 น.วันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมาตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

วันนี้( 7 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. นายคณิฐพงษ์ ธนัตถ์กิตติภัค อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1266/18 ถนนเพชรเกษม แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม.ปัจจุบันเป็นเจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวว่า เงินสูญหายจากสมุดบัญชีของธนาคารกสิกรไทย สาขาท่าพระ ในลักษณะเดียวกันแต่ธนาคารกลับไม่รับผิดชอบ ทั้งที่ตนเป็นลูกค้าธนาคารมานานนับสิบปีแล้ว ที่ผ่านมาทำธุรกิจมีเงินหมุนเวียนในบัญชีไม่ต่ำกว่าเดือนละ 500,000 บาท แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ค.53 ขณะที่ตนกำลังจะทำธุรกรรมกับทางธนาคารด้วยการโอนเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ต กลับพบว่า ยอดเงินในบัญชีสูญหายไปกว่า 144,345 บาท เมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามคอลเซ็นเตอร์ ที่เบอร์ 02-888-8888 ได้ข้อมูลว่า เมื่อเวลา 22.37 น. - 22.42 น.วันที่ 26 ก.ค.53 มีผู้กดเงินออกไปจากตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้วยขวาง ถึง 7 ครั้ง ยอดรวม 120,535 บาท ต่อมาเมื่อเวลา 12.29 น.-12.30 น.วันที่ 27 ก.ค.53 มีผู้กดเงินออกไปจากตู้เอทีเอ็มธนาคาร CIMB THAI สาขาภาษีเจริญ ไปอีก 2 ครั้ง ได้เงินรวม 23,810 บาท ทั้งที่บัตรเอทีเอ็มยังอยู่กับตน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สน.ท่าพระ ก่อนเดินทางเข้าพบ นายไพศาล หล่อชัยสุทธิกุล ผู้จัดการสาขา เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“นายไพศาล ผู้จัดการสาขาให้ตนเดินทางไปแจ้งความกับร้อยเวร สน.สุทธิสาร และ สน.ภาษีเจริญ ด้วยตนเอง แต่เมื่อพานายตำรวจไปขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้วยขวาง และธนาคาร CIMB THAI สาขาภาษีเจริญแล้ว ปรากฏว่าในวันและเวลาดังกล่าวไม่ปรากฏภาพบุคคลต้องสงสัยที่เดินทางมากดเงิน จากนั้นตนจึงเดินทางเข้าพบผู้จัดการสาขาเพื่อขอคำปรึกษาใหม่แต่ถูกไล่ให้กลับไปร่างหนังสือขอความเป็นธรรมเพื่อนำไปยื่นกับทางสำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 6 ส.ค.53 จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่เรียกตนไปสอบถามข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ตั้งแต่เกิดเรื่องมาตนได้พบแค่เพียงผู้จัดการสาขาท่าพระ ซึ่งพยายามบ่ายเบี่ยงว่าเงินที่สูญหายไปเป็นความผิดของฝ่ายตนเท่านั้น จึงตัดสินใจนำเรื่องเข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรมให้ตนด้วย”นายคณิฐพงษ์ กล่าว
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ไว้กลับไปบ้านแล้ว ผมจะนำรูปมาลงให้ชมกัน ระหว่างการโดนอบรม ก็ยังมีโอกาสแวบไปถ่ายรูปสวยๆมาฝากกันครับ

เกือบลืม ยินดีต้อนรับหน้าที่ 2,000 ครับ

.

 

รูปสวยๆ นี่อารายครับ พระ...คน ...สัตว์....หรือสิ่งของ...ครับ หุ หุ

 

ไว้รอชมครับ อิอิ


.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ปัญหาของบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อบิดาเสียชีวิต /อ้วน อารีวรรณ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>7 กันยายน 2553 09:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>jatung_32@yahoo.com


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=287 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=287> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ชายหญิงคู่หนึ่งอยู่กินกันฉันท์สามีภริยา แต่ไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรสกัน ต่อมาฝ่ายหญิงได้ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรอายุเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ฝ่ายชายซึ่งเป็นบิดาโดยสายเลือดของเด็กน้อยก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเสียก่อน เช่นนี้แล้ว ภริยาและลูกน้อยสามารถเรียกร้องหรือฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะจากผู้ที่ขับรถยนต์มาชนสามีและบิดาของลูกได้หรือไม่?

ในกรณีเช่นนี้ มีประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวข้องอยู่หลายเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือ กรณีที่ชายหญิงอยู่กินฉันท์สามีภริยา แต่ไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรสกัน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและพบได้ในสังคมปัจจุบัน แต่เป็นปัญหาตรงที่กฎหมายไม่ได้รับรองสถานะความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาเช่นนี้ไว้ด้วย เพราะการไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ส่งผลให้กฎหมายที่จะรับรองคุ้มครองและบังคับให้เป็นไปตามสิทธิและหน้าที่ในฐานะเป็นสามีหรือภริยาของอีกฝ่ายหนึ่งจึงไม่มีไปด้วย

พูดง่ายๆ ว่า เมื่อไม่เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็จะส่งผลให้ไม่สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนหรือเรียกค่าขาดไร้อุปการะจากที่มีผู้ขับรถยนต์มาชนสามีเสียชีวิต หรือจากเหตุละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ผนวก มาตรา 443 ไปด้วย

โดยเนื้อหาในมาตรา 420 คือ “ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน หรือ สิทธิ อย่างหนึ่งอย่างใด ถือว่า ผู้นั้นกระทำละเมิด ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการกระทำนั้น”

ส่วนเนื้อหาในมาตรา 443 คือ “ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพรวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆ อีกด้วย

ถ้าไม่ได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย

ถ้าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลคนหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยแล้ว บุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”

แม้ว่าเป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้ที่ขับรถยนต์ชนสามีเสียชีวิตได้ แต่เนื่องจากฝ่ายหญิงเป็นมารดาที่ชอบด้วยกฎหมายของบุตรน้อย ย่อมอาศัยสิทธิที่บุตรของตนเป็นผู้สืบสันดานของฝ่ายชายหรือผู้ตายได้ เพียงแต่ต้องทำให้บุตรน้อยนั้นได้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายชายเสียก่อน

เนื่องจากกฎหมายได้บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1547 ว่า “เด็กที่เกิดจากบิดามารดาที่ไม่ได้สมรสกัน จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อบิดามารดาได้สมรสกันในภายหลังหรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรหรือศาลได้มีคำพิพากษาว่าเป็นบุตร”

แต่ในกรณีที่ฝ่ายบิดาได้เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ไม่มีสภาพบุคคลที่จะมาจดทะเบียนสมรสกับมารดา หรือจะมาจดทะเบียนรับรองว่าเป็นบุตรได้อีกต่อไป จึงเหลือเพียงช่องทางเดียว คือ การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรเท่านั้น

อีกทั้งการฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรสามารถกระทำได้ แม้ว่า ฝ่ายชายหรือฝ่ายบิดาได้เสียชีวิตลงไปแล้วก็ตาม

โดยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1555 ได้บัญญัติว่า

“การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปนี้

1. เมื่อมีการข่มขืนกระทำชำเรา ฉุดคร่าหรือหน่วงเหนี่ยวกักขังหญิงมารดาโดยมิชอบด้วยกฎหมายในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้

2. เมื่อมีการลักพาหญิงมารดาไปในทางชู้สาว หรือมีการล่อลวงร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้

3. เมื่อมีเอกสารของบิดาแสดงว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของตน

4. เมื่อปรากฏในทะเบียนคนเกิดว่าเด็กเป็นบุตรโดยมีหลักฐานว่าบิดาเป็นผู้แจ้งการเกิดหรือรู้เห็นยินยอมในการแจ้งนั้น

5. เมื่อบิดามารดาได้อยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผยในระยะเวลาซึ่งหญิงมารดาอาจตั้งครรภ์ได้

6. เมื่อได้มีการร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเด็กนั้นมิได้เป็นบุตรของชายอื่น

7. เมื่อมีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร

พฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตรนั้น ให้พิจารณาข้อเท็จจริงที่แสดงความเกี่ยวข้องฉันบิดากับบุตร ซึ่งปรากฏในระหว่างตัวเด็กกับครอบครัวที่เด็กอ้างว่าตนสังกัดอยู่ เช่น บิดาให้การศึกษา ให้ความอุปการะเลี้ยงดูหรือยอมให้เด็กนั้นใช้ชื่อสกุลของตนหรือโดยเหตุประการอื่น

ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังกล่าวข้างต้น ถ้าปรากฏว่าชายไม่อาจเป็นบิดาของเด็กนั้นได้ให้ยกฟ้องเสีย”

และผลของคำพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 1547 นั้น ตามกฎหมายจะให้มีผลนับแต่วันที่เด็กเกิด เด็กจึงมีสิทธิต่างๆ ตามกฎหมายในฐานะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่เด็กเกิด ซึ่งสิทธินี้รวมถึงการฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้กระทำละเมิดให้บิดาถึงแก่ความตายได้ ตลอดจนสิทธิในการรับบำเหน็จตกทอดของบิดา ในกรณีที่หากบิดาเป็นข้าราชการด้วย

เพียงแต่เมื่อเด็กอายุยังน้อยมาก ไม่สามารถดำเนินการฟ้องคดีใดๆ ได้ มารดาในฐานะเป็นผู้ปกครองและเป็นผู้อนุบาลเด็กย่อมมีอำนาจจัดการแทนบุตรได้ ไม่ว่าจะเป็นการฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร และฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้กระทำละเมิดให้บิดาถึงแก่ความตายได้ค่ะ

</TD></TR></TBODY></TABLE>



.

http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000125133

.

.
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เตือนน้ำมันทอดซ้ำ-เหตุก่อมะเร็ง ตรังทำบันทึกข้อตกลง-ลุยสุ่มตรวจในตลาด



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
เยี่ยมชม - นายแพทย์นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมคณะเยี่ยมชมโรงงานก๋วยเตี๋ยวเจริญชัย ตั้งอยู่บริเวณ ถ.ห้วยยอด ต.ทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง รับรางวัลโรงงานผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวต้นแบบมาตรฐาน GMP


</TD></TR></TBODY></TABLE>ตรัง - น.พ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เผยว่า โรคมะเร็งคร่าชีวิตคนไทยจำนวนมากทุกปี โดยสาเหตุหนึ่งอาจจะเกิดการบริโภคน้ำมันทอดซ้ำ เพราะสารที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของน้ำมันทอดอาหารเป็นสารก่อกลายพันธุ์และทำให้เกิดมะเร็งบนผิวหนัง เกิดเนื้องอกในตับ ปอด รวมทั้งพบความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดโรคมะเร็งที่ปอดกับสารสูดไอระเหยจากการผัดหรือทอดอาหาร หากสูดดมเป็นเวลานาน

น.พ.นรังสันต์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาหน่วยเคลื่อนที่เพื่อความปลอดภัยด้านอาหารของอย.และหน่วยเคลื่อนที่ของส่วนภูมิภาครวม 26 ศูนย์ ดำเนินการเฝ้าระวังความปลอดภัยของการใช้น้ำมันทอดอาหาร เก็บตัวอย่างน้ำมันตรวจวิเคราะห์หาปริมาณสารโพลาร์โดยใช้เครื่องมือวัดแบบรวดเร็ว มีการสุ่มตรวจตามแผงลอย ตลาดสด ตลาดนัด และซูเปอร์มาร์เก็ต พบตัวอย่างน้ำมันที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานในอาหารประเภท เนื้อทอด หมูทอด ปลาทอด ไก่นักเก็ต ไก่ทอด และน้ำมันทอดกรอบอาหารแป้ง เช่น พาย ฟัฟ แป้งทอด กล้วยแขก เฟรนช์ฟรายส์และปาท่องโก๋ เป็นต้น

"ขอให้ผู้บริโภคอย่าซื้อน้ำมันที่ผ่านการใช้แล้วมาทอดต่อ ควรซื้อน้ำมันในภาชนะบรรจุปิดสนิทที่มีฉลากชัดเจนและมีเครื่องหมายอย.ที่มีรายละเอียดครบถ้วน ที่สำคัญควรสังเกตลักษณะของน้ำมันปาล์มต้องมีสีเข้ม และไม่มีสิ่งแปลกปลอม"

ด้านนายเกรียงเดช เข็มทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า จากการสำรวจสถานการณ์การใช้น้ำมันเพื่อประกอบอาหาร เป็นการสุ่มเก็บน้ำมันทอดอาหารในจังหวัดตรังเพื่อตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารโพลาร์ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคจังหวัดตรัง จัดโครงการให้ชาวตรังร่วมใจเลิกใช้น้ำมันทอดซ้ำ จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันในหลายฝ่าย



˹ѧ


.

http://www.khaosod.co.th/view_news....ionid=TURNeE13PT0=&day=TWpBeE1DMHdPUzB3Tnc9PQ==

.



.

 

ยินดีต้อนรับ หน้าที่ 2000ครับ

 

ดีใจด้วยครับ ครบหน้าที่ 2,000 แล้ว

 

วันนี้กระผมได้รับพระเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับผม ขอขอบคุณคุณอาสิทธิพงศ์มากครับ

 

Welcome Page 2000 krub.. Cheer !!!!!

 

ขออัญเชิญพระพิมพ์ฝีพระหัตถ์ ๒๔๐๘ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวมาประดิษฐานไว้หน้า ๒,๐๐๐ เป็นสิริมงคลสำหรับชาวรักษ์พระวังหน้า ทั้ง ๓ องค์นี้จัดสร้างด้วยเนื้อโลหะ ลงรักปิดทอง ตามหาอยู่นานได้มาเพียง ๓ พิมพ์ สำหรับเนื้อนี้ จาก ๔๔ พิมพ์ พระพิมพ์นี้มีหลายแบบด้วยกัน เนื้อปูนเพชรมีทั้ง ๒ หน้า และหน้าเดียว และมีทั้งบรรจุกริ่ง มีน้อยวัดที่สามารถจัดสร้างได้ในลักษณะของการบรรจุกริ่งนี้ คุณGuawn เคยนำมาให้ทำบุญกันในกระทู้ร่วมบุญหนึ่ง

 

ทองกระชู๊ดครับ ผบ.คงยี้มออกนะครับ หุ หุ