พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

โมทนาสาธุครับ

.

 

สวัสดีปีใหม่ 2552






.

 

กลอนปีใหม่ คำอวยพรปีใหม่

http://hilight.kapook.com/view/18642

​

ข้อมูลจากสมาชิก Planet Kapook โดยคุณ ​

 

เรื่องน่ารู้... ก่อนตะลุยเที่ยว ปีใหม่

http://hilight.kapook.com/view/32460

​

"ปีใหม่หยุดกี่วัน?" "ปีใหม่กลับบ้านหรือเปล่า?" "ปีใหม่ไปเที่ยวไหน (ดี)?"ฯลฯ สารพัดสารพันคำถามที่ไม่ว่าช่วงนี้ไม่ใครก็ใครต้องเป็นคนถาม-คนตอบกันบ้าง อีกไม่กี่สิบชั่วโมงก็จะเข้าสู่ปีใหม่ 2552 จะสนุกสนาน-มีความสุขได้ที่ไหน เดินทางอย่างไรให้ปลอดภัย เตรียมความพร้อมอย่างไรก่อนเที่ยว มีข้อมูลมาฝากพอหอมปากหอมคอ...

ปีใหม่นี้ที่กรุงเทพฯ

งานใหญ่ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเมืองกรุงให้มาร่วมงานได้ปีละหลายหมื่นคน เห็นจะหนีไม่พ้นงานนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์

ปีนี้มีงาน แฮนส์ แบงคอค เคานต์ดาวน์ 2009 ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เริ่มตั้งแต่ 19.30 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ยาวไปจนถึง 01.00 น. วันที่ 1 มกราคม 2552 หรือจะเดินต่อไปแจมกับอีกงาน คือ พาร์คไลฟ์ คูล เดอะ เวิลด์ เคานต์ดาวน์ 2009 ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน แล้วนั่งรถไปอีกหน่อย มีเวทีนับถอยหลังปีเก่าเข้าปีใหม่ที่ สวนลุมไนท์บาซาร์

ถ้าอยากเข้าวัดปฏิบัติธรรม ไหว้พระ สวดมนต์ ทำบุญ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมก็มีโครงการ ปฏิบัติธรรมส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ 2552 เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลมาสู่ชีวิต งานเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เรื่อยไปจนถึงรุ่งเช้าวันใหม่ของอีกปี

ในกรุงเทพฯมี 22 วัดที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ วัดชนะสงคราม วัดสระเกศ วัดราชาธิวาส วัดเทพศิรินทราวาส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ วัดไตรมิตรวิทยาราม วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก วัดปทุมคงคา วัดยานนาวา วัดดอนเมือง ฯลฯ

ส่วนต่างจังหวัด สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจะเป็นฝ่ายประสานกับวัดในจังหวัดนั้นๆ เพื่อจัดกิจกรรมอีกทีหนึ่ง เรื่องการเดินทางไม่น่าเป็นปัญหา เพราะ รถไฟฟ้าบีทีเอส และ รถไฟฟ้าใต้ดิน พร้อมใจกันขยายเวลาเดินรถจากเที่ยงคืนไปเป็น 02.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม เพื่อรองรับชาวไทย-เทศที่ออกมาฉลองปีใหม่

ด้าน องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ก็จัดรถเมล์กะสว่างให้บริการฟรี 32 เส้นทาง ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม จะเป็นเส้นทางไหน โทร.ไปสอบถามได้ที่ 184 ระหว่างเวลา 06.00-21.00 น. ใครจะเดินทางกลับต่างจังหวัด เน้นไปที่สถานีขนส่งหมอชิต ขสมก.ก็อำนวยความสะดวกให้ โดยระหว่างวันที่ 29-30 ธันวาคม และวันที่ 2-4 มกราคม ขสมก.จัดรถ "ชัตเติล บัส" ให้บริการฟรี จำนวน 3 จุด คือ สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต-สถานีขนส่งหมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สถานีขนส่งหมอชิต และอู่บางเขน-สถานีขนส่งหมอชิต

หาที่เที่ยวรับปีใหม่

ไม่ไกลกรุงเทพมหานครมีงานปีใหม่ เมื่อดอกไม้บาน...ณ อุทยานเทวโลก เมืองโบราณ ที่เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ จัดตั้งแต่คืนวันที่ 31 ธันวาคม ไปจนถึงวันที่ 4 มกราคม จุดเด่นอยู่ที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมความงามของไม้ดอกนานาพันธุ์บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ทั้งยังได้ชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยหลายแห่ง ที่จำลองมาไว้ในเมืองโบราณ

ที่ชลบุรีมีงาน เทศกาลปีใหม่เมืองพัทยา (พัทยา เคานต์ดาวน์ 2009) จัดมาตั้งแต่วันคริสต์มาสยาวจนถึงคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ที่ท่าเทียบเรือท่องเที่ยว (แหลมบาลีฮาย) พัทยาใต้ ส่งท้ายปีด้วยพลุกว่า 1,000 นัด จะเที่ยวทะเลแล้วค่อยมาเคานต์ดาวน์ต่อก็ตามแต่สะดวก

ขึ้นไปเหนือมีงาน ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2552 สามแผ่นดิน ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2551-1 มกราคม 2552 ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง และลานหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย ชมการแสดง "มนต์เสียงขลุ่ย" จาก ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี และการแสดงดนตรีร่วมสมัย แซกโซโฟน ขลุ่ยน้ำเต้า โดย เมธวัชร์ (เทวัญ) ทรัพย์แสนยากร และยังมีการแสดงสื่อผสมชุด "มหัศจรรย์ สายน้ำ สายสัมพันธ์ อารยธรรมลุ่มน้ำโขง"...ชอบกลิ่นอายพื้นเมืองต้องงานนี้

​

หรือจะนับถอยหลังเข้าสู่ปี 2552 ที่อุทยานแห่งชาติ?

อุทยานแห่งชาติที่นักท่องเที่ยวต่างยกนิ้วให้ในเรื่องธรรมชาติอันงดงาม 10 อันดับแรก เห็นจะเป็น อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จ.เชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก (แม่ฝาง) จ.เชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จ.เชียงใหม่

อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง จ.เลย อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี สระบุรี นครนายก และนครราชสีมา อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา และ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา

เทศกาลปีใหม่นี้ ใครหวังจะไปพักในบ้านพักอุทยานฯทั้ง 10 แห่ง ขอบอกว่าคงผิดหวังเสียแล้ว เพราะนักท่องเที่ยวต่างพากันจองที่พักก่อนหน้าปีใหม่ 2552 ไว้เป็นเดือน!!

ใครไม่ได้จองที่พักล่วงหน้า เจ้าหน้าที่อุทยานฯจะแนะนำให้ไปพักยังอุทยานแห่งชาติที่อยู่ใกล้เคียง หรือแนะนำให้ไปพักที่พักของเอกชนแทน เพื่อบรรเทาความแออัดในพื้นที่อุทยานฯ แต่หากใครเตรียมเต๊นท์ไว้ก็ยังพอมีหวัง เพราะอุทยานฯแต่ละแห่งยังพอมีพื้นที่ให้พอกางเต๊นท์อยู่ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมโทร.สอบถามกับอุทยานฯเป้าหมายก่อน เพื่อป้องกันความผิดหวัง ทั้งหนาว-ทั้งเข้าปีใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จึงมักเป็นตัวเลือกแรกๆ ของนักท่องเที่ยว

ทางอุทยานฯจึงมีมาตรการรองรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2551-2 มกราคม 2552 ทั้งการเพิ่มจุดกางเต๊นท์ และบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดทางขึ้น-ลงดอยอินทนนท์ ด้วยการจัดรถสองแถวกว่า 20 คัน และรถตู้อีก 15 คัน ไว้รับนักท่องเที่ยวขึ้นดอยอินทนนท์ บริเวณ กม.9 และ กม.45 ถนนสายขึ้นดอยอินทนนท์

อุภัย วายุพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีข้อแนะนำเล็กน้อยฝากไปยังนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติว่า ควรเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อม เตรียมหยูกยาที่จำเป็นต้องใช้ไปด้วยในกรณีที่มีโรคประจำตัว เตรียมเสื้อกันหนาวไปให้เพียงพอหากไปอุทยานแห่งชาติที่สภาพอากาศหนาว ศึกษาและปฏิบัติตามกฎของอุทยานแห่งชาติอย่างเคร่งครัด อย่าเดินไปในเส้นทางที่ไม่ได้กำหนด เพราะอาจหลงป่าได้ ห้ามนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดเข้าไปในพื้นที่อุทยาน และไม่ควรส่งเสียงดัง สอบถามข้อมูลเรื่องที่พักในพื้นที่อุทยานแห่งชาติได้ที่ โทร.0-2562-0760 หรือเข้าเว็บไซต์ www.dnp.go.th

ได้เวลาออกเดินทาง

หลายคนเตรียมความพร้อมด้วยการจองตั๋วโดยสารไป-กลับไว้แต่เนิ่นๆ แต่หลายคนเพิ่งตัดสินใจเดินทางออกต่างจังหวัด กรณีหลังนี้อาจเบาใจได้บ้าง เพราะการคมนาคมสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถทัวร์ รถไฟ หรือเครื่องบิน มีมาตรการรองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางช่วงปีใหม่ไว้เรียบร้อย

เริ่มที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) จัดรถโดยสารเพิ่มในช่วงปีใหม่อีกร้อยละ 35 เป็น 5,400 เที่ยว มี ขสมก.ช่วยจัดรถวิ่งสนับสนุนในเส้นทางการเดินรถของ บ.ข.ส.ด้วย คือ เส้นทางกรุงเทพฯ-อยุธยา และกรุงเทพฯ-สระบุรี เก็บค่าโดยสารอัตราเดียวกับ บ.ข.ส.

หากผู้โดยสารที่เดินทางด้วยรถบริการของรถร่วม บ.ข.ส. แล้วถูกผู้ประกอบการขายตั๋วโดยสารเกินราคา หรือถูกทิ้งระหว่างทาง สามารถร้องเรียนได้ที่โทร.1584 ซึ่งจะมีประโยชน์มากหากผู้โดยสารจำหมายเลขทะเบียนรถโดยสารและช่วงเวลาที่เดินทางได้ การจราจรอาจติดขัด กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท จึงช่วยบรรเทาปัญหา ด้วยการหยุดก่อสร้างและขอคืนผิวจราจรชั่วคราว เพื่อให้ประชาชนสัญจรไปมาโดยสะดวก

ทั้งยังมอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน คือ ยกเว้นค่าผ่านทาง มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 กรุงเทพฯ-ชลบุรี (ด่านลาดกระบัง-พานทอง) และหมายเลข 9 ช่วงวงแหวนรอบนอกบางพลี-บางปะอิน (ด่านทับช้างและธัญบุรี) ระหว่างเวลา 16.00-24.00 น. ตั้งแต่วันนี้-3 มกราคม 2552 ใครใช้บริการมอเตอร์เวย์ช่วงวันดังกล่าว อย่าเผลอจ่ายค่าผ่านทางเชียว!

การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพิ่มขบวนรถอีก 10 ขบวน และเพิ่มตู้โดยสาร คาดว่าจะรองรับผู้โดยสารได้ราวแสนคนต่อวัน ซึ่งการเพิ่มขบวนรถเน้นไปที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก แบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกระหว่างวันที่ 29-31 ธันวาคม 2551 ช่วงที่สองระหว่างวันที่ 1-3 มกราคม 2552 และช่วงสุดท้ายระหว่างวันที่ 4-6 มกราคม 2552

ถ้าต้องการขึ้นรถไฟฟรีเพื่อประชาชน...ช่วงปีใหม่ยังวิ่งให้บริการอยู่ ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องรถไฟ โทร.1690 ตลอด 24 ชั่วโมง อยากประหยัดเวลาก็ต้องขึ้น "เครื่องบิน" การบินไทย เพิ่มเที่ยวบินพิเศษในช่วงปีใหม่ รวม 38 เที่ยวบิน ใน 5 เส้นทาง ได้แก่ ไป-กลับกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เพิ่ม 12 เที่ยวบิน ไป-กลับกรุงเทพฯ-เชียงราย เพิ่ม 2 เที่ยวบิน ไป-กลับกรุงเทพฯ-ภูเก็ต เพิ่ม 12 เที่ยวบิน ไป-กลับกรุงเทพฯ-กระบี่ เพิ่ม 9 เที่ยวบิน และไป-กลับกรุงเทพฯ-ขอนแก่น เพิ่ม 3 เที่ยวบิน

ถ้าที่นั่งยังไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสาร การบินไทยอาจจะมีการเพิ่มเติมเที่ยวบินอีกตามความเหมาะสม สอบถามรายละเอียดทั้งหลายเกี่ยวกับเที่ยวบินหรือตารางการบินได้ที่โทร.0-2356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือโทร.0-2134-5388 ถึง 9

​

ใครที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางแล้วเกิดปัญหาขึ้นกับเครื่องยนต์ ไม่ต้องตกใจไป...นักศึกษาอาชีวะช่วยได้เพราะ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก กองบังคับการตำรวจนครบาล กองบังคับการตำรวจจราจร และบริษัทเอกชนอีก 13 บริษัท จัดกิจกรรม "อาชีวศึกษาร่วมด้วยช่วยประชาชน" สร้างความปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจให้ผู้ใช้รถใช้ถนนช่วงปีใหม่

เฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พูดถึงกิจกรรมนี้ว่า จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้นักศึกษาอาชีวะที่เรียนด้านช่างยนต์ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างไฟฟ้า และสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งเป็นการปลูกจิตอาสาให้นักศึกษาอาชีวะด้วย

จัดกิจกรรมมาแล้วเมื่อวันที่ 8-26 ธันวาคม 2551 และจัดอีกครั้งระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2551-4 มกราคม 2552 มีด้วยกัน 250 ศูนย์ ให้บริการ 24 ชั่วโมง บนถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศ แต่ละศูนย์ให้บริการตรวจสอบสภาพความพร้อมของเครื่องยนต์ ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ เช่น บริการตรวจสภาพไส้กรอง ระดับน้ำมันเครื่อง น้ำกลั่น ระบบไฟ ระบบเบรก สภาพยาง ความดันลมยาง ฯลฯ และยังให้บริการตอบคำถามเรื่องเส้นทางเดินทาง-แหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย

หากเห็นเต๊นท์สีส้ม...ไม่ต้องสงสัย เพราะนั่นคือ อาชีวศึกษาร่วมด้วยช่วยประชาชน สอบถามข้อมูลการให้บริการของนักศึกษาอาชีวะได้ที่โทร.0-2281-5555 ต่อ 1391, 1704, 1712 หรือ 1092 หรือหากเกิดปัญหาจราจรขึ้นโทร.แจ้งได้ที่ 1137 หรือ 1644

เตรียมตัวให้พร้อม : เมาไม่ขับ...ง่วงก็อย่าขับ

อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะผลการวิจัยออกมาว่า ความง่วงทำให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลงฮวบฮาบ อาการสะลึมสะลือ ประสาทสัมผัสช้า หากขับรถต่อไปอาจมีแนวโน้มเกิดอุบัติเหตุ!!

เทศกาลปีใหม่ 2552 บริษัท เขาช่อง อุตสาหกรรม 1979 จำกัด ร่วมกับ ทุนง่วงอย่าขับ มูลนิธิรามาธิบดี ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จัดกิจกรรม ง่วงอย่าขับกับเขาช่อง ทำป้ายบอกทางเตือนว่าหากง่วงเมื่อไหร่ควรหาจุดแวะพัก งีบสักนิด หายง่วงแล้วค่อยออกเดินทางต่อ

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการทุนง่วงอย่าขับฯ พูดถึงเรื่องง่วงๆ ว่า ตัวเลขของอุบัติเหตุบนท้องถนนในต่างประเทศนั้น เกิดขึ้นจากความง่วงถึงร้อยละ 30-40 ส่วนประเทศไทย อุบัติเหตุที่เกิดจากความง่วงสูงถึง 1 ใน 3 ของจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดเลยทีเดียว
"การหลับในเกิดขึ้นกับผู้ที่ง่วงมากๆ มีอาการ คือ หาวนอนไม่หยุด ลืมตาไม่ขึ้น มองอะไรไม่ชัดเพราะสายตาโฟกัสภาพไม่ได้ มือไม้อ่อน ทำให้ควบคุมพวงมาลัยไม่อยู่ หากฝืนขับรถต่อไปมีสิทธิเสียชีวิตได้ในเสี้ยววินาที เพราะรถอาจพุ่งลงข้างทางหรือไปชนกับรถคันอื่น" นพ.มนูญบอก

สาเหตุง่วงแล้วขับที่พบบ่อย คือ อดนอน นอนไม่เพียงพอ การรับประทานยาแก้หวัด ยาแก้โรคภูมิแพ้ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการง่วงด้วยเช่นกัน หากง่วงแล้วยังต้องขับรถ มีข้อควรเลือกไปปฏิบัติอย่าง ฟังเพลงที่มีจังหวะสนุกสนาน จิบน้ำเพื่อให้ร่างกายสดชื่น ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน รับประทานขนมขบเคี้ยว เช่น หมากฝรั่ง ลูกอม ฯลฯ หรือจะให้ง่าย หาเพื่อนที่ไม่ง่วง ไม่เมา มาขับแทน

ผู้ที่โดยสารไปด้วยก็ควรช่วยสังเกตเส้นทาง และสังเกตอาการของผู้ขับขี่ด้วย หากเห็นท่าไม่ดี คนขับเริ่มง่วง ควรแนะให้แวะข้างทางเพื่อนอนพักผ่อน ถึงจุดหมายช้าหน่อยดีกว่าไปไม่ถึง...

ตำรวจดูแลประชาชน

ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายให้ตำรวจจัดทำแผนหรือมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นช่วงปีใหม่ อาทิ คอยสอดส่องดูแลสถานที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม อย่าง ธนาคาร ร้านทอง ร้านเพชร ร้านสะดวกซื้อ ที่พักอาศัย สถานีขนส่ง แหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ

ทั้งยังเตรียมการเรื่อง "การจราจร" ให้เรียบร้อย เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวก เช่น จัดตำรวจปฏิบัติหน้าที่ประจำ เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจรตามทางร่วม ทางแยก หรือทางโค้งต่างๆ จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรได้อย่างทันท่วงที จัดช่องทางพิเศษในถนนที่มีการจราจรหนาแน่น เพื่อเร่งระบายรถทั้งขาออกและขาเข้ากรุงเทพฯ และเมืองหลักต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค เป็นต้น

ดูการเตรียมการของตำรวจทางหลวงกันบ้าง

พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจทางหลวง บอกว่า กองบังคับการตำรวจทางหลวงจัดโครงการขึ้น 12 โครงการ ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2551-5 มกราคม 2552 อาทิ...

โครงการ "ส.ค.ส.ใบเตือน" จัดทำใบเตือน รณรงค์ให้ประชาชนเคารพกฎจราจร ใครที่กระทำผิดตำรวจจะออกใบเตือนแทนใบสั่ง ซึ่งหากพลิกดูหลังใบเตือน จะเห็น ส.ค.ส.แนบอยู่ โครงการ "เมาไม่ขับ" แจกสื่อประชาสัมพันธ์ กระตุ้นให้ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ขับรถขณะมึนเมา หรือโครงการ "น้ำดื่มหลวงพ่อคูณ" ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำน้ำดื่มที่หลวงพ่อคูณปลุกเสกมาให้ประชาชนได้ดื่ม นัยว่าเพื่อให้เดินทางปลอดภัย

เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงระหว่างเดินทาง?

พล.ต.ต.เจษฎา อินทรสถิตย์ ผู้บังคับการกองบินตำรวจ ให้ข้อมูลว่า กองบินตำรวจได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลตำรวจ จัดเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ พร้อมอุปกรณ์การแพทย์ครบครัน และมีแพทย์ประจำตลอด 24 ชั่วโมง ในพื้นที่ 2 แห่ง คือ จ.นครราชสีมา ดูแลครอบคลุมตั้งแต่กรุงเทพฯ-ขอนแก่น และ จ.นครสวรรค์ ดูแลครอบคลุมตั้งแต่กรุงเทพฯ-พิษณุโลก

หากผู้ใช้รถใช้ถนนเกิดอุบัติเหตุก็สามารถนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อนำส่งโรงพยาบาลได้ทัน ปฏิบัติการระหว่างวันที่ 25 ธันวาคมไปจนถึงวันที่ 5 มกราคม

สำหรับ โครงการฝากบ้านกับตำรวจ แม้ปีนี้จะไม่ได้ประชาสัมพันธ์เอิกเกริก แต่โครงการนี้ยังมีอยู่ ใครที่ไม่อยู่บ้านในช่วงปีใหม่สามารถไปแจ้งฝากบ้านไว้กับตำรวจได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน เพื่อว่าคุณตำรวจจะได้แวะเวียนมาดูมาแล

เที่ยวอย่างมีความสุข เดินทางโดยสวัสดิภาพ...สวัสดีปีใหม่ 2552




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก มติชน

 

อ่ะรู้มาตั้งนานไงกั๊กไม่เล่าให้ฟังนาท่านปาทานนาครับ หุ หุ

 

เลือกของดี ถวายสังฆทาน ปีใหม่

http://hilight.kapook.com/view/32437

​

​

ในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ นอกเหนือจากการเที่ยวพักผ่อน หรือเดินทางกลับภูมิลำเนาแล้ว คนไทยยังยึดถือการเข้าวัดทำบุญตักบาตร เพื่อสร้างสิริมงคลแก่ชีวิตในโอกาสเปลี่ยนรอบปี ซึ่งมักถวายสังฆทานพร้อมการทำบุญ และโดยมากในปัจจุบันมักอาศัยความสะดวกนิยมซื้อหา "เครื่องสังฆทาน" สำเร็จรูปตามร้านสังฆภัณฑ์หรือซูเปอร์มาร์เก็ต

แต่บางครั้งข้าวของใช้ต่างๆที่บรรจุในถังสังฆทานสีเหลืองปิดทับด้วยพลาสติกใส กลับไม่สามารถนำประโยชน์สู่พระสงฆ์ผู้รับถวายได้ เนื่องจากการเอาเปรียบจากผู้ขายบางราย บรรจุสิ่งของใกล้หมดอายุ ,ผ้าอาบน้ำฝนบางชิ้นก็บางหรือไม่ได้ขนาดไม่สามารถใช้ได้,ข้าวสารอาหารแห้งบรรจุในถุงเล็กๆ เพียงเพราะคิดแค่ว่าจัดให้ครบชุดก็พอ ไม่คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยจริงๆ สุดท้ายพระต้องนำปัจจัยซื้อของที่จำเป็นมาใช้สอย​

ดร.อำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักเลขาธิการ มหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แนะนำว่า เมื่อตั้งใจทำบุญแล้วควรเลือกซื้อของดีๆถวายพระ เพราะขนาดตัวเราเองยังต้องการใช้ของดีๆ ควรเลือกของและจัดเอง เสียเวลาไม่มาก ดีกว่าซื้อถังสำเร็จแต่ไม่รู้ว่าภายในบรรจุอะไรบ้าง ใช้ได้จริงหรือไม่ คำนึงถึงการใช้ประโยชน์ได้จริงของพระสงฆ์เป็นหลัก และควรมองถึงสภาวะของวัดนั้นๆด้วย เช่น บางวัดมีคนถวายผ้าอาบน้ำฝน จีวร กระป๋องตักน้ำ จนล้น แต่บางวัดขาดแคลน หรือบางวัดมีถังเหลืองเต็มไปหมด ควรเปลี่ยนเป็นภาชนะอย่างอื่นบ้าง เช่น กาละมัง,กระเป๋า หรือถุงผ้า เป็นต้น หรือหากถวายสังฆทานพระป่า นอกเหนือจากของจำเป็นพื้นฐานแล้ว หากเป็นไปได้ควรใส่เกลือป่นด้วย เผื่อยามคับขันพระยังฉันข้าวเหนียวมาฉันกับเกลือได้ ​

ผอ.สำนักเลขาธิการ มหาเถรสมาคมฯ กล่าวว่า เป็นสิ่งของอะไรก็ได้ที่นึกว่าพระสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ของจำเป็นพื้นฐาน เช่น สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน แชมพู น้ำขวด และของบางอย่างจำเป็นแต่โยมไม่ค่อยนึกถึง เช่น ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดหน้า-เช็ดตัว สีไม่ฉูดฉาด ,ยารักษาโรค ยามัญประจำบ้าน ยาธาตุน้ำแดง-น้ำขาว ,มีดโกนหนวด,น้ำยาซักแห้ง,กระดาษชำระ,ข้าวสารถุงขนาด 5 กก., น้ำตาลถุง ผงซักฟอก,น้ำผลไม้,รองเท้าแตะ ฯลฯ​

"ความจริงคือถวายอะไรก็ได้ที่พระใช้ประโยชน์ได้ ที่สำคัญควรเตรียมจดคำถวายสังฆทาน เพื่ออ่านคำถวายสังฆทานเอง มิใช่ให้พระนำกล่าว หากไม่มีขอหนังสือสวดมนต์จากพระก็ได้ เพราะทุกวัดต้องมีหนังสือสวดมนต์อยู่แล้ว เวลาทำบุญทำจิตใจให้ผ่องใส อย่าทำลวกๆ อาราธนาศีล 5 ก่อนตามด้วยการกล่าวคำถวายสังฆทาน"​

ดร.อำนาจแนะนำอีกว่าเมื่อทำบุญได้กุศลแล้ว ควรทำทานให้ได้อานิสงส์ด้วย ให้จิตใจสบาย ผ่องแผ้ว นุ่มนวลเป็นสุข อาจเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ ปล่อยนก ปล่อยปลา โดยซื้อเตรียมจากตลาดดีกว่าเป็นพวกที่กำลังจะถูกฆ่า หากซื้อตามที่ขายเตรียมปล่อย ดูเป็นพาณิชย์เกินไป และอย่าลืมแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลสู่สรรพสัตว์ด้วย​

คำถวายสังฆทาน (ทั่วไป)​

อิมานิ มะยัง ภันเต, ภัตตานิ, สะปะริวารานิ, ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมานิ, ภัตตานิ, สะปะริวารานิ, ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะ​

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับภัตตาหารกับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ​

คำถวายสังฆทาน (อุทิศให้ผู้ตาย)​

อิมานิ มะยัง ภันเต, มะตะกะภัตตานิ, สะปะริวารานิ, ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมานิ, มะตะกะภัตตานิ, สะปะริวารานิ, ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัญเจวะ, มาตาปิตุอาทีนัญจะ, ญาตะกานัง, กาละกะตานัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะ​

ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายมะตะกะภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับ มะตะกะภัตตาหารกับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติทั้งหลายมีมารดาบิดาเป็นต้นด้วย แก่ญาติทั้งหลายผู้ละโลกนี้ไปแล้ว มีคุณ............. เป็นต้นด้วย ตลอดกาลนาน เทอญ​

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ​

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

โดย : จิราภรณ์​

 

วิธีโดยสารรถตู้ให้ปลอดภัย

http://hilight.kapook.com/view/32447

​

รถตู้รับจ้างเป็นรถประจำทางอย่างหนึ่งที่สะดวกสบาย ไม่ต้องจอดรถทุกป้ายเหมือนอย่างรถเมล์ และสามารถทำเวลาได้อย่างรวดเร็ว แต่รถตู้ก็เป็นช่องทางหนึ่งให้มิจฉาชีพทำงานได้สะดวก เพราะมีผ้าม่านบังสายตาคนภายนอก ภายในกว้างขวางเอื้อต่อการก่อเหตุ และสามารถเปลี่ยนที่หลบหนีได้อย่างรวดเร็ว​

ต้องเป็นรถตู้ถูกกฎหมายเท่านั้น​

คุณจะต้องเลือกรถตู้ที่อยู่ในเส้นทางประจำ และวิ่งบนเส้นทางที่ไม่เปลี่ยวจนเกินไป เพราะรถตู้ที่วิ่งในเส้นทางประจำ จะทำให้คุณเดาได้ว่าอีกนานเท่าไรจะถึงที่หมาย หรือว่ารถวิ่งออกนอกเส้นทางหรือไม่ เป็นการสร้างความปลอดภัยในตนเองระดับหนึ่ง ต่างกับรถตู้ผีที่วิ่งรับผู้โดยสารพาเข้าเส้นทางลัดแปลกๆ อยู่เสมอ​

อย่าอยู่บนรถตู้คนเดียว​

จำไว้ว่าคุณอย่าขึ้นรถตู้เป็นคนแรกหรือลงเป็นคนสุดท้าย ทางที่ดีคุณควรรอให้มีคนขึ้นรถตู้สัก 2-3 คนก่อน จะขึ้นไปนั่งรอคนเดียว หรือเลือกลงจากรถตู้ในป้ายใหญ่ๆ อย่ายินยอมคนขับรถตู้ที่อ้างว่าจะไปส่งที่บ้านให้ เพราะจะไปเส้นทางนั้นเหมือนกัน ตอบปฏิเสธแม้ว่าเขาจะดูเป็นคนดีหรือสุภาพแค่ไหนก็ตาม ​

แล่นนอกเส้นทางรีบถาม​

การนั่งรถสาธารณะไม่ใช่การนั่งรถเล่น คุณจะต้องสังเกตว่ารถออกนอกเส้นทางตั้งแต่เมื่อไร แต่ถามหรือทักท้วงคนขับว่าจะไปเส้นทางไหน ถ้าให้คำตอบที่ทำให้คุณไม่มั่นใจนักให้คนขับจอดในที่ชุมชนแล้ววางแผนหารถต่อ ไปเองดีกว่าที่จะนั่งเสี่ยงโดยให้รถตู้พาไปไหนก็ไม่รู้​

คนขับกลายเป็นคนร้าย​

หากเวลาผ่านไปคนขับฉีกหน้ากากออกกลายเป็ยคนร้ายที่มุ่งต่อชีวิตและทรัพย์สินคุณ ให้รีบเปิดหน้าต่างตะโกนขอความช่วยเหลือ รวมทั้งสร้างสถานการณ์ให้มีพิรุธเป็นจุดสนใจ เช่น ทิ้งกระเป๋า หรือของใช้ส่วนตัวมาอย่างจงใจ หากคนร้ายไม่หยุดรถ รอจังหวะตอนติดไฟแดงหรือยามรถแล่นด้วยความเร็วไม่สูงนัก กระโดดเข้าบีบแตรรถให้ดัง ถ้าประตูเปิดได้ให้กลิ้งตัวลงมาแบบเก็บคองอเข่า หรือปีนหน้าต่างออกมาให้เร็วที่สุด ​

การอยู่บนความไม่ประมาทเป็นวิธีที่ดีที่สุด . . .จริงมั้ยคะ​

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ​

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
ประจำวันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2551​

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo
เมื่อครู่ว่าจะไปนั่งทานกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์แต่จิตใจยังนึกถึง พระทราวดีอายุ 1300กว่าปีที่เมื่อ2สัปดาห์ก่อน ไปพบและนิมนต์ไม่สำเร็จซ้ำยังโดนแม่ค้าไล่หลังมาอีกว่าต่างกันแค่...ทำไมไม่ให้ ก็เลยกลับบ้านพร้อมการติดอยู่ในใจเล็กน้อย วันนี้ก็เลยไปที่เดิมอีกครั้งท่านยังอยู่รอผมนิมนต์ก็เลยถือเป็นวาระไม่ต่อรองล่ะนิมนต์ท่านกลับบ้านแทนครับ (ส่วนต่างนี่น้อยกว่าราคาเฟบเป้ อีกครับ) หุ หุ


</TD></TR></TBODY></TABLE>


ผมติดพระทวาราวดี ที่คุณnongnooo เคยให้ผมมา ผมนำไปให้พี่ใหญ่ดูให้อีกครั้ง พี่ใหญ่บอกว่า หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้าท่านเมตตาอธิษบานจิตให้ แต่มีองค์นึง พลังอิทธิคุณน้อยไปหน่อย น่าจะเกิดจากการนำไปไว้ในที่ๆไม่สมควรมานาน คืออยู่กับคนที่ค้าขายพระมานานครับ

.
</TD></TR></TBODY></TABLE>

เอ๊ะ ลืมครับ ก็เลยมาเล่าย้อนหลังไง เหอๆๆ

.

 

ปีใหม่นี้สมาชิกพระวังหน้าจงสุขีมีสุขสันต์
ตั้งแต่จันทร์อังคารพุธสุขเหลือหลาย
พฤหัสศุกร์เสาร์ไม่เศร้าใจ
แสนสบายวันอาทิตย์จิตพาเพลิน
ปีใหม่นี้คิดสิ่งใดให้สมหวัง
ร่ำรวยดั่งเราเรียกว่าเศรษฐี
ขอโรคภัยอันตรายอย่าได้มี
จงสุขีโชคดีทั้งปีเอย...






(กลอนปีใหม่จาก : คุณ สิรินลักษณ์ ชมพูนุช จาก 212cafe.com)

 

ผมลืมไปครับลงไปก็เสี่ยงล่อเป้าเลยลบรูปที้งไปแล้วเมื่อวานพี่ไฟดูดก็โทรมาท้วงว่าเฮ้ยเนื้องี้ถึงหรือ หุ หุ เห็นปล่าวครับขุดบ่อไว้มีแต่พี่ไฟดูดที่ตกคนเดียวครับ อา ผมจะบอกว่าที่ได้มานั้นเป็นพุทธศิลปในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างทราวดี หรือศรีวิชัย ประมาณ พุทธศตวรรษที่15-18 นะครับ ผมอธิบายสั้นๆครับยุคทราวดีจะเป็นเนื้อโลหะหรือดินดิบ สว่นยุคหลังจากนั้นจะเป็นดินเผาครับ เพียงแต่ไฟอ่อนแก่เท่านั้น ที่ได้มาน่าจะมีอายุประมาณ 800-1000ปีน่ะครับ แรงไม๊
.....ไม่ทราบครับ หุ หุ ปลอดภัยครับ

 

คุณnongnoooครับ ผมเองพึ่งได้พระขรรค์และกฤช ที่ด้ามเป็นท่านท้าวเวสสุวรรณ และด้ามเป็นองค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร มา 5 ด้ามครับ ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นพระขรรค์ 4 ด้าม และ กฤช 1 ด้าม

ส่วนที่เป็นของเทียมเลียนแบบนั้น หากตรวจสอบพลังอิทธิคุณ จะเป็นพระฤาษีอธิษฐานจิตครับ ของเทียมเลียนแบบ ตอนนี้ทำได้ใกล้เคียงมากแล้ว แต่ก็ยังจับได้อยู่ดี เหมือนเดิม ยังทำไม่เนียน ตั้งใจทำหน่อย ผมยังจับได้อยู่ว่าเป็นของเทียมเลียนแบบ หุหุหุ

.

 

ขอบคุณครับลุงเม้า
.

 

ขออนุโมทนากับความดีที่ทุกๆท่านสร้างนะครับ
ขอให้ทุกท่านสมหวังดังความตั้งใจครับ

 

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านเลยนะค่ะ จะขอลาไปเที่ยวต่างจังหวัดค่ะ ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง มีดวงตาเห็นธรรม ได้พบกับพระนิพพานในเร็ววันนะค่ะ

ปล. นำพระ สมเด็จอัศจรรย์โกลาฤกษ์ ไปเลี่ยมเรียบร้อยแล้วค่ะ และจะเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการนิมนต์ท่านขึ้นคอค่ะ ขอบคุณ คุณ Sithipong อีกครั้งค่ะ

 

บาตรน้ำมนต์ที่ผมจะนำพระสมเด็จ(เนื้อปูนสอ) ไปแช่นั้น เป็นบาตรน้ำมนต์ของหลวงปู่กรมพระยาปวเรศครับ

ส่วนพระสมเด็จ(เนื้อปูนสอ)นั้น เป็นพระที่นำไปบรรจุกรุที่อยุธยา สำหรับคุณแด๋นและคุณชวภณที่ร่วมเป็นเจ้าภาพนั้น ผมคิดว่าจะมอบให้ท่านละ 10 องค์ครับ ส่วนคุณเพชร ,คุณnongnooo จะร่วมเป็นเจ้าภาพด้วย ยินดีนะครับ พระสมเด็จ(เนื้อปูนสอ)บางส่วน ผมคิดว่าจะนำไปถวาย (แต่คงต้องคุยกันระหว่างเจ้าภาพทุกๆท่าน) เพื่อมอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญตามที่ต่างๆ หรือบรรจุตามเจดีย์ต่างๆครับ

.

 

เดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับ ไม่มีอุปสรรคทุกๆด้านนะครับ
อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังนะครับ ที่สำคัญเที่ยวเผื่อชาววังหน้าที่ไม่ได้ไปไหนด้วยนะครับ

.

 

อ่ะ...ไหนบอกรับรู้ไม่ได้ไงครับ ...อา...เฉลยมาซะดีๆครับว่ารู้สึกได้ หุ หุ

 

แน่นอนครับ หุ หุ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
คุณnongnoooครับ ผมเองพึ่งได้พระขรรค์และกฤช ที่ด้ามเป็นท่านท้าวเวสสุวรรณ และด้ามเป็นองค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร มา 5 ด้ามครับ ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นพระขรรค์ 4 ด้าม และ กฤช 1 ด้าม

ส่วนที่เป็นของเทียมเลียนแบบนั้น หากตรวจสอบพลังอิทธิคุณ จะเป็นพระฤาษีอธิษฐานจิตครับ ของเทียมเลียนแบบ ตอนนี้ทำได้ใกล้เคียงมากแล้ว แต่ก็ยังจับได้อยู่ดี เหมือนเดิม ยังทำไม่เนียน ตั้งใจทำหน่อย ผมยังจับได้อยู่ว่าเป็นของเทียมเลียนแบบ หุหุหุ

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ต้องเช็คมาครับ ไม่ได้รู้เอง
เพียงแต่ของเทียมนั้น ยังทำได้ไม่เนียนพอ ยังพอรู้ว่าเป็นของเทียมเลียนแบบอยู่ครับ

อย่างที่บอกล่ะครับว่า อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ ยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน หากว่าไม่มีครูบาอาจารย์ที่เก่ง(จริง)แล้ว ลำบาก มีสิทธิ์โดนได้เลย หากเพียงแต่ตรวจพลังอิทธิคุณได้(ว่าเป็นพลังขององค์ไหน) เชื่อว่าโดนแน่นอน แต่ถ้าตรวจพลังอิทธิคุณเป็น เชื่อว่าไม่พลาดครับ

การตรวจพลังอิทธิคุณได้ กับ การตรวจพลังอิทธิคุณเป็น แตกต่างกันอย่างไร ผมเคยอธิบายไว้ในกระทู้พระวังหน้าฯนี้แล้ว จะไม่อธิบายซ้ำครับ

 

ประกันจ่อปรับเบี้ยหลังปีใหม่ 10-15% ซิตี้คาร์แจ็คพอตเหตุเสี่ยงสูง
http://www.matichon.co.th/prachachat/news_detail.php?id=2512&catid=1

คนใช้รถอ่วม! ประกันจ่อขึ้นเบี้ยหลังปีใหม่ 10-15% ฟันธง "ซิตี้คาร์"โดนก่อน เหตุเสี่ยงสูง ธุรกิจรับเหนื่อยหนักวิ่งหาลูกค้าเพิ่ม ชดเชยลูกค้าหันไปซื้อบริษัทเบี้ยถูกกว่า


นายกี่เดช อนันต์ศิริประภา กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.แอกซ่าประกันภัย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทเตรียมจะปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยรถยนต์ขึ้นอีก 10-15% ในช่วงเดือน ก.พ.2552 โดยจะปรับเพิ่มในกลุ่มซิตี้คาร์เป็นหลัก เนื่องจากมีอัตราความเสียหายค่อนข้างสูง โดยเมื่อพิจารณาที่ "อัตรารวม" (combined ratio) ซึ่งคิดจากอัตราความเสียหาย และค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาเทียบกับเบี้ยประกันแล้วคิดเป็น 100% เท่ากับบริษัทไม่มีกำไรจากการรับประกันภัยเลย จึงต้องมีการปรับเพิ่มเบี้ยเพื่อให้บริษัทมีกำไรจากการรับประกันภัยบ้าง
ในปีหน้าบริษัทประกันวินาศภัยส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะต้องปรับเพิ่มเบี้ยประกัน เพราะมีประกันภัยรถยนต์บางกลุ่มที่ขาดทุนจากการรับประกันภัยรถยนต์เฉลี่ยประมาณ 6% ทำให้ต้องมีการปรับเบี้ยประกันภัยรถยนต์เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยการขาดทุนดังกล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มรถยนต์ขนาดเล็ก ขนาดไม่เกิน 1800 ซีซี หรือที่เรียกกันว่า "ซิตี้คาร์" จะเป็นกลุ่มที่ถูกปรับเพิ่มเบี้ยขึ้นค่อนข้างมาก เพราะจากสถิติมีอัตราความเสียหายสูงกว่ารถยนต์ในกลุ่มอื่นๆ เนื่องจากผู้ใช้รถกลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น อาจมีประสบการณ์ในการขับรถไม่มากนักและมักขับเร็ว จึงมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย บริษัทประกันภัยที่มีพอร์ตงานรถซิตี้คาร์เยอะๆ อาจต้องปรับเพิ่มเบี้ยเยอะขึ้นด้วยเช่นกัน
นายกี่เดชกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำให้บริษัทประกันวินาศภัยต้องมีการปรับเพิ่มเบี้ยครั้งนี้มาจากปัจจัยหลัก 3 ด้าน คือ อัตราความเสียหายสูงดังที่กล่าวมาแล้ว ขณะเดียวกันช่วงปี 2551 มีปัจจัยเงินเฟ้อค่อนข้างรุนแรง ทำให้ค่าแรงและค่าอะไหล่รถยนต์ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งทำให้ต้นทุนค่าซ่อมรถสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทประกันวินาศภัยไม่สามารถหาผลตอบแทนจากการลงทุนมาช่วยชดเชยได้ เพราะปี 2551 เกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งทำให้ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบรุนแรงมาก
"ที่ผ่านมาบริษัทประกันวินาศภัยจะอาศัยการระดมเงินจากเบี้ยประกันและนำบางส่วนไปลงทุนต่อ ทำให้ภาพรวมของบริษัทมีกำไรจากการลงทุนเข้ามาช่วยได้ แม้ว่าพอร์ตรับประกันภัยบางส่วนจะขาดทุน แต่ภาวะการลงทุนปีนี้โดนผลกระทบรุนแรง กำไรจากการลงทุนที่เคยเป็นตัวชดเชยผลขาดทุนจึงหายไป บริษัทก็ต้องปรับเบี้ยเพื่อสร้างกำไรจากการรับประกันภัยแทน"
ด้านนายพุทธิพงษ์ ด่านบุญสุต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยเศรษฐกิจประกันภัย กล่าวว่า จากแนวโน้มที่ตลาดรถยนต์ขนาดเล็กจะเป็นกลุ่มที่ขยายตัวเป็นหลักแทนกลุ่มรถยนต์ขนาดใหญ่และรถเพื่อการพาณิชย์ ทำให้ธุรกิจประกันภัยก็คงต้องปรับมาจับตลาดรถเล็กด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องยอมรับว่ารถยนต์กลุ่มนี้มีอัตราความเสียหายค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันทุนประกันก็จะต่ำกว่า ทำให้บริษัทต้องพิจารณาปรับเพิ่มเบี้ยสำหรับรถกลุ่มดังกล่าวขึ้นอีก 10-15% เช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าภาพรวมของระบบประกันภัยรถยนต์ในปีหน้าคงจะมีการปรับในอัตราที่ใกล้เคียงกัน
"ในแง่บริษัทประกันเองก็ต้องเตรียมทำงานหนักขึ้นและต้องหาลูกค้ามากขึ้นเช่นกัน หากยังต้องการรักษาระดับเบี้ยให้ได้เท่าเดิม เพราะประเมินคร่าวๆ เบี้ยประกันรถเล็ก 2 คันจึงจะเท่ากับเบี้ยประกันรถใหญ่ 1 คันเท่านั้น รวมถึงการปรับเพิ่มเบี้ยจะทำให้ลูกค้าบางกลุ่มย้ายไปทำประกันกับบริษัทอื่นได้ แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ บริษัทต้องมั่นใจว่าเบี้ยครอบคลุมกับอัตราความเสียหายได้จริง ไม่เช่นนั้นยิ่งทำจะยิ่งขาดทุน"
นายพุทธิพงษ์กล่าวอีกว่า สถานการณ์ในปีหน้าเบี้ยประกันภัยรถยนต์น่าจะไม่ขยายตัว เพราะคาดว่ามีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่จะปรับลดระดับความคุ้มครองลง จากที่เคยซื้อประกันภัยชั้น 1 เบี้ยประกันประมาณ 1.7-2.2 หมื่นบาท อาจปรับลดลงเหลือเพียงประกันภัยประเภท 3 หรือ 3 พิเศษ หรือ 2 พิเศษ ซึ่งหลายบริษัททำออกมาขาย โดยเบี้ยประกันอยู่ในหลัก 7-8 พันบาทเท่านั้น
นอกจากนี้ การบังคับใช้กฎเกณฑ์ "เริ่มความคุ้มครองเมื่อจ่ายเบี้ย" (cash before cover) สำหรับการซื้อกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท ตั้งแต่ 1 ม.ค.2552 ซึ่งหมายความว่าผู้บริโภคจะต้องชำระเบี้ยประกันทั้งหมดก่อนจึงเริ่มต้นความคุ้มครอง ต่างจากอดีตที่มีการให้เครดิตชำระเบี้ยภายใน 60 วัน จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคต้องตัดสินใจมากขึ้นในการซื้อประกัน เพราะต้องจ่ายค่าเบี้ยทั้งหมดทันที
นายวาสิต ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทยประกันภัย กล่าวว่า บริษัทเพิ่งปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประมาณ 10% ในช่วงกลางปี 2551 และต้องรอดูสถิติจนถึงกลางปี 2552 ว่าการปรับดังกล่าวเพียงพอกับต้นทุนและอัตราความเสียหายหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่เพียงพอก็จำเป็นต้องปรับให้เบี้ยประกันอยู่ในระดับที่ครอบคลุม และคงไม่ปรับถี่ เพราะบริษัทไม่มีปัญหาด้านกระแสเงินสดที่จะต้องระดมเงินเข้ามามากๆ แต่เน้นให้บริษัทไม่ขาดทุนจากการรับประกันภัยมากกว่า
นายสมบัติ อนันตลาโภชัย รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยประกันภัย กล่าวว่า บริษัทได้ปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไปแล้วในปีนี้ประมาณ 10-25% เนื่องจากอัตราความเสียหายสูงถึง 70% ซึ่งมองว่าบริษัทที่ปรับเพิ่มเบี้ยไปในปีนี้แล้ว น่าจะเพียงพอและไม่ต้องปรับเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า หรืออาจปรับเพียงเล็กน้อย แต่บริษัทที่ยังไม่ได้ปรับเพิ่มเบี้ยในปีนี้อาจต้องปรับเพิ่มในปีหน้า เพราะแนวโน้มความเสี่ยงและภาพรวมของตลาดไม่ดีนัก จึงเชื่อว่าจะมีบริษัทประกันวินาศภัยทยอยปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยรถยนต์อย่างต่อเนื่องในปีหน้า