พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เช็กด่วน! คุณเข้าข่ายเสี่ยงตกงานหรือเปล่า?

    http://hilight.kapook.com/view/31863

    [​IMG]

    [​IMG]




    สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

    เครียด เครียด เครียด ไม่ว่าจะหันซ้ายหันขวา ปะหน้าผู้คนระดับไหน กลุ่มอาชีพใด ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เครียด" ... แหมๆ จะไม่ให้เครียดกันได้ยังไงกัน ก็ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำแพร่กระจายไปทุกมุมโลก ที่สำคัญข้าวของก็แพงขึ้น แถมภาวะว่างงานก็ค่อยๆ แทรกซึมไปทุกหย่อมหญ้า ไม่รู้วันไหนจะโดนเข้าตัวเองบ้าง อะๆ นี่ไม่ใช่การขู่ให้กลัว แต่บอกกันไว้ให้รู้ตัวแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้ตั้งตัวรับมือได้ทัน เพราะกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ออกมาเปิดเผยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีปัญหาและปิดกิจการ ได้แก่...

    [​IMG]อุตสาหกรรมเครื่องเรือน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย อิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร ซึ่งคนที่ได้รับผลกระทบมากสุดก็คือ​
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    12 เรื่องน่ารู้ การถ่ายภาพ ด้วยกล้องดิจิตอล

    http://hilight.kapook.com/view/31869

    [​IMG]


    กล้องดิจิตอลแม้จะมีหลักการทำงานคล้ายกับกล้องใช้ฟิล์มคือ แสงแผ่นเลนส์ ผ่านรูรับแสง และม่านชัตเตอร์ ไปตกกระทบกับเซ็นเซอร์ภาพ (ซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้ CCD) ก่อนกดชัตเตอร์กล้องจะปรับโฟกัสและวัดแสง หรือจะปรับตั้งเองก็ได้ เพื่อให้เกิดผลตามที่ต้องการ แต่ด้วยความที่เป็นดิจิตอล ทำให้ ปรับแต่ง ฟังก์ชั่น หรือลูกเล่นต่างๆ ได้มากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในกล้องใช้ฟิล์ม จึงต้องเรียนรู้เพิ่มเติม และ ทำความเข้าใจให้ดี จึงจะใช้กล้องดิจิตอลได้อย่างคุ้มค่าเต็มประสิทธิภาพ และได้ประโยชน์สูงสุด

    [​IMG] 1. ปิดสวิตซ์ทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้งาน กล้องดิจิตอล มีระบบการทำงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ทำให้สิ้นเปลืองแบตเตอรี่มาก ควรปิดสวิตซ์ทุกครั้งที่เลิกใช้งาน จะช่วยให้คุณถ่ายภาพได้มากขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อยๆหากมีฟังก์ชั่น Auto off ให้ตั้งเวลาปิดอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน 30 หรือ 60 วินาที ​

    [​IMG]2. ใช้แบตเตอรี่ชาร์จดีกว่า กล้องดิจิตอลหลายรุ่นใช้แบตเตอรี่แบบ AA อัลคาไลน์ โดยแถมมาให้ด้วย 2 หรือ 4 ก้อน แต่คุณอาจตกใจเมื่อใส่แบตเตอรี่ใหม่เข้าไป กดชัตเตอร์ถ่ายไป 20-30 ภาพ โดยเปิดดูภาพ จากจอมอนิเตอร์ และใช้แฟลชถ่ายภาพแบตเตอรี่ก็หมดเสียแล้ว ขอแนะนำให้เปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่แบบ นิเกิล-เมทัลไฮไดร์ (NiMH) ซึ่งชาร์จไฟเพิ่มได้ ราคาก้อนละ 100-150 บาท เลือกแบบที่ให้กำลังไฟ 1000-1500 มิลลิแอมป์ จะถ่ายภาพได้นานขึ้น ถ้าหมดก็ชาร์จใหม่ ซื้อเผื่อไว้สัก 2-3 ชุดก็จะดี ส่วนกล้องที่แถมแบตเตอรี่ NiMH หรือ Li-ion มาให้อยู่แล้ว อาจซื้อเพิ่มอีกสักหนึ่งชุดเผื่อฉุกเฉิน ​

    [​IMG]3. ดูภาพในช่องมองออฟติคัล ในกล้องใช้ฟิล์มแบบ SLR หรือ คอมแพค เราจะมองภาพจากช่องมอง ซึ่งกล้องดิจิตอลก็มีเช่นกัน เรียกว่าช่องมองภาพออฟติคัล ออกแบบให้สัมพันธ์ กับทางยาวโฟกัส ของเลนส์ทุกช่วงซูม และยังดูภาพจากจอมอนิเตอร์แบบ LCD ทางด้านหลังได้ด้วย ทำให้ผู้ใช้นิยมดูภาพจาก มอนิเตอร์แทน แต่วิธีนี้แบตเตอรี่จะหมดเร็วมาก ควรใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็นเช่น การถ่ายภาพมาโครระยะใกล้ๆ ซึ่งจะให้มุมภาพ ที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง ถ้าถ่ายภาพไกลๆ ซัก 5 เมตรขึ้นไปให้ดูจากช่องมองภาพ แบบออฟติคัลแทน ​

    [​IMG]4. เปลี่ยนไปใช้การ์ดความจุสูง การ์ดจัดเก็บภาพมีหลายแบบ เช่น CF, Microdrive, SmartMedia, Memory Stick, SD, MMD เป็นต้น ปัจจุบันมีความจุสูง และราคาที่ลดลง เช่น CF ความจุ 128 MB หาซื้อได้ในราคาเพียง 3,000-4,000 บาทเท่านั้น (สองปีก่อนราคา 17,000-20,000 บาท) ปัจจุบันการ์ด CF มีจำหน่ายในขนาด 512 MB แล้ว ต้นปีหน้าจะมีขนาด 1000 MB หรือ 1GB ตามออกมาอีกหลายยี่ห้อ หรือการ์ด Microdrive (ใช้แทนการ์ด CF ได้ในบางยี่ห้อ) ความจุ 340, 500 และ 1000MB ก็น่าสนใจ เพราะเทียบขนาดความจุแล้ว ถูกกว่ามากทีเดียว แต่เป็นการ์ดแบบฮาร์ดดิสก์ ต้องระวังอย่าให้ตกหล่นจะเสียหายได้ง่าย เมื่อการ์ดมีความจุสูง ก็จะช่วยให้ถ่ายภาพได้มากขึ้น ในบางครั้งเมื่อไม่แน่ใจเรื่องสภาพแสง อาจถ่ายภาพคร่อม เผื่อไว้หลายๆ ภาพ แล้วค่อยมาเลือกภาพที่ดีที่สุดภายหลัง ​

    [​IMG]5. อย่าใส่การ์ดขณะเปิดสวิตซ์กล้อง เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ควรใส่การ์ดขณะที่สวิตซ์กล้องถูกเปิดอยู่ และควรใส่การ์ดด้วยความระมัดระวัง ให้ใส่การ์ดเข้าไปตรงๆ ในด้านที่ระบุไว้ในคู่มือ หากใส่ผิดด้านจะใส่ไม่ได้ อย่าไปฝืนโดยเด็ดขาด หากจะให้ผู้อื่นยืมไปใช้ควรอธิบายให้เข้าใจด้วยทุกครั้ง ​

    [​IMG]6. ใช้แฟลชภายนอก กล้องบางรุ่นสามารถใช้แฟลชภายนอกได้ โดยเสียบเข้ากับฮอทชู หรือสายซิงค์แฟลช วิธีนี้ทำให้ได้ภาพที่ดีขึ้นและใช้งานได้ไกลกว่าแฟลชขนาดเล็กที่ติดอยู่บนตัวกล้อง การใช้แฟลช ที่มีกำลังไฟสูงภายนอก ทำให้ใช้รูรับแสงแคบได้ส่งผลให้ภาพมีระยะชัดลึกมากขึ้น และ ประหยัดแบตเตอรี่ที่ตัวกล้อง เพราะไม่ต้องใช้แฟลชที่มีอยู่ในตัว ​

    [​IMG]7. ล็อคภาพสำคัญเอาไว้ กล้องบางรุ่นมีฟังก์ชั่นล็อคภาพ ป้องกันการลบโดยไม่ตั้งใจ เพราะส่วนใหญ่เน้นให้ลบภาพทิ้งได้ง่ายๆ เพื่อถ่ายภาพใหม่ต่อไป ทำให้เผลอลบภาพสำคัญทิ้งไป ดังนั้นหลังจากถ่ายภาพจนได้ภาพที่พอใจแล้ว ควรกดปุ่มล็อคภาพทุกครั้ง ​

    [​IMG]8. จัดเก็บภาพด้วยซีดีรอม หลังจากถ่ายภาพจนการ์ดเต็มแล้ว เรามักถ่ายโอนภาพทั้งหมด ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งภาพจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าฮาร์ดดิสก์ของคุณจะมีมากแค่ไหน แต่ถ้าเกิดปัญหาเสียขึ้นมา ภาพที่คุณอุตส่าห์ถ่ายมาทั้งหมดก็จะสูญหายไปทันที เพื่อความปลอดภัย ควรบันทึกภาพลงแผ่นซีดี-รอม ซึ่งมีความจุ 650-700 MB ต่อแผ่น ราคา 20-30 บาทเท่านั้น ควรเลือกแผ่นซีดี ที่มีคุณภาพเช่น Kodak Fujifilm หรือ Sony ซึ่งมีความคงทนเก็บรักษาได้ยาวนานหลายสิบปี ส่วนเครื่องเขียนแผ่นซีดี ราคาลดลงมาก ประมาณ 4,000 บาทขึ้นไป และควรเขียนแผ่นซีดีไว้สองแผ่น เก็บรักษาไว้โดยไม่นำมาใช้งานหนึ่งแผ่น อีกแผ่นสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไป ถ้าแผ่น ซีดีเสียหายหรือสูญหายยังมีต้นฉบับอีกแผ่น นำมาก๊อปปี้เพื่อใช้งานได้อีก ​

    [​IMG]9. ซูมขยายภาพดูความคมชัด ฟังก์ชั่นดิจิตอลที่ผมใช้บ่อยคือ หลังจากถ่ายภาพไปแล้ว ให้กดปุ่มซูมขยายภาพขึ้นมาดู โดยซูมให้มากที่สุดจากนั้นเลื่อนดูส่วนต่างๆ ของภาพว่าคมชัดเพียงพอหรือไม่ บางครั้งการถ่ายภาพด้วยช่วงซูมเทเล แล้วเปิดรูรับแสงกว้าง ระยะชัดลึกจะน้อยมาก ทำให้ความคมชัด มีเฉพาะบางส่วนเท่านั้น หากเป็นกล้องใช้ฟิล์ม ต้องรอหลังจากล้างฟิล์มแล้ว ถึงจะรู้ว่า ภาพที่ได้ มีความคมชัดดีมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ ในกรณีที่ถ่ายภาพ ด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำ แล้วไม่มั่นใจว่า ภาพจะคมชัดเพียงพอ สามารถซูมขยายภาพขึ้นมาดูได้เช่นกัน ​

    [​IMG]10. ปรับความสว่างของจอมอนิเตอร์ หากคุณถ่ายภาพโดยวัดแสงให้พอดี แล้วพบว่า ภาพที่ปรากฎ บนจอมอนิเตอร์ มืดเกินไปหรืออันเดอร์ อย่าเพิ่งโทษว่าระบบวัดแสงผิดพลาด ลองโหลดภาพ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ แล้วเปิดภาพนั้นดู ขอแนะนำให้ใช้ซอพท์แวร์เปิดภาพที่แถมมาพร้อมกล้อง ถ้าพบว่าภาพสว่างพอดี แสดงว่า จอมอนิเตอร์มืดเกินไป ให้เลือกเมนูปรับเพิ่มความสว่างจนเท่ากับที่ปรากฎบนจอคอมพิวเตอร์ ​

    [​IMG]11. ใช้กราฟฮีสโตแกรม กล้องดิจิตอลส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีฟังก์ชั่น แสดงกราฟฮีสโตแกรมบนจอมอนิเตอร์ ทำให้ทราบได้ทันทีว่า ภาพที่ถ่ายไปแล้วมีโทนภาพดีมากน้อยแค่ไหน หากส่วนที่เป็นชาโดว์ (โทนมืด) หรือส่วนที่เป็นไฮไลท์ (โทนสว่าง) ไม่ดีพอสามารถปรับแก้ไขโทน หรือ คอนทราสท์จากฟังก์ชั่นเมนู แล้วถ่ายภาพใหม่จนได้โทนภาพดีที่สุด แม้ว่าจะสามารถปรับแก้ไขโทนภาพจากซอพท์แวร์ตกแต่งภาพเช่น Adobe Photoshop ก็ตาม แต่การถ่ายภาพให้มีโทนภาพดีที่สุด โดยไม่ต้อง ปรับแต่งหรือ ปรับเพียงเล็กน้อย จะให้ภาพที่ดีกว่า มีรายละเอียดครบถ้วน ตั้งแต่ส่วนสว่างที่สุด จนถึงมืดที่สุดในภาพ ​

    [​IMG]12. เลือกใช้ฟอร์แมท RAW หรือ TIFF กล้องดิจิตอลมักมีฟอร์แมทภาพให้เลือกใช้ 2 อย่างคือ JPEG เป็นการบีบอัดภาพให้มีขนาดไฟล์เล็กลง เพื่อประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บภาพ มีข้อเสียคือคุณภาพลดลง การไล่เฉดสีไม่ดีพอ เพราะแสดงดีได้เพียง 24บิต หากต้องการภาพคุณภาพสูงสุด ควรเลือกฟอร์แมท RAW หรือ TIFF ซึ่งจะไม่มีการบีบอัดข้อมูล อีกทั้งการ์ดจัดเก็บภาพในปัจจุบันมีความจุสูง และราคาที่ลดลงตามลำดับ ในอนาคตอาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้ฟอร์แมท JPEG อีกต่อไป และฟอร์แมท RAW ยังสามารถ บันทึกภาพ ให้แสดงสีได้ 12 บิตต่อสีหรือ 36 บิต (RGB) การไล่เฉดสีจึงดีเยี่ยม ได้ภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ เช่นเดียวกับการใช้ฟิล์ม ​




    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก อสมท.
    [​IMG]
     
  3. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    "จงอย่าอยู่ในความประมาท"

    ทั้งการใช้ชีวิตและการทำบุญ (ทั้งทางโลกและทางธรรม)
     
  4. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    โมทนาสาธุค่ะ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  6. ancient bead

    ancient bead สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +0
    ถึงพี่ไฟดูด ๙.

    ปิดตา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06568.jpg
      DSC06568.jpg
      ขนาดไฟล์:
      97 KB
      เปิดดู:
      72
    • DSC06569.jpg
      DSC06569.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116.8 KB
      เปิดดู:
      79
    • DSC06570.jpg
      DSC06570.jpg
      ขนาดไฟล์:
      95.9 KB
      เปิดดู:
      79
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    คืนนี้ห้ามพลาด! พระจันทร์ เต็มดวงและสว่างที่สุดในรอบปี

    http://hilight.kapook.com/view/31856

    [​IMG]

    [​IMG]




    รายงานข่าวจาก องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ หรือ นาซา เชิญชวนชมปรากฏการณ์จันทร์เต็มดวงในคืนวันนี้ (12 ธันวาคม) โดยคืนนี้จะเห็นจันทร์เต็มดวงที่โตที่สุดและสว่างที่สุดในรอบปีนี้ โดยจะโตกว่าดวงจันทร์ปกติถึง 14 % และสว่างมากกว่า 30% สำหรับปรากฏการณ์จันทร์เต็มดวงนี้ ด้านที่อยู่ใกล้โลกสุด คือ perigee ส่วนด้านที่อยู่ไกลสุด คือ apogee

    ขณะที่ นายนิพนธ์ ทรายเพชร ราชบัณฑิตทางด้านดาราศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กล่าวว่า วันนี้จะเกิดปรากฏการณ์ดวงจันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่าวันอื่นๆ คนไทยมักเรียกวันนี้ว่า วันพระใหญ่ โดยทุกคนสามารถเห็นดวงจันทร์ดวงใหญ่กว่าปกติ โดยเฉพาะเวลา 23.00-24.00 น. จะเห็นดวงจันทร์กลมโตสุกสว่าง โดยดวงจันทร์ดังกล่าวจะมีความกว้างของเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 33.5 ลิปดา ซึ่งต่างจากดวงจันทร์ปกติที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 30 ลิปดา อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ดวงจันทร์ใกล้โลกจะเกิดขึ้นเดือนละ 1 ครั้ง เพียงแต่ระยะห่างจากโลกที่ทำให้เห็นดวงจันทร์กลมโตสุกสว่างจะแตกต่างกัน ซึ่งครั้งนี้ถือว่าดวงจันทร์มีลักษณะโตที่สุด โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าหลังจากนี้จะเกิดขึ้นอีกประมาณ 15-18 ปี

    "ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะส่งผลต่อน้ำขึ้นน้ำลง หากมองเห็นดวงจันทร์กลมโตกว่าปกติ หรืออยู่บริเวณขอบฟ้าย่อมแสดงว่าเป็นช่วงน้ำขึ้น แต่หากเห็นดวงจันทร์อยู่สูงมากหรือไกลออกไปแสดงว่าเป็นช่วงน้ำลงนั่นเอง แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วม เพราะแรงดึงดูดจากดวงจันทร์จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าปกติไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น" นายนิพนธ์กล่าว และว่า รูปร่างของดวงจันทร์มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับสังคมไทยมาเนิ่นนาน เพราะใช้ดวงจันทร์กำหนด "วันพระ" ซึ่งมี 4 วันคือ "วันพระใหญ่" 2 วัน ตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำ ดวงจันทร์เต็มดวง และวันแรม 14 ค่ำ หรือ 15 ค่ำ ซึ่งมองไม่เห็นดวงจันทร์ ส่วน "วันพระเล็ก" มี 2 วัน หากเห็นดวงจันทร์ครึ่งดวง จะตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ ดวงจันทร์ขึ้นสูงสุดเป็นรูปครึ่งวงกลม หันด้านนูนไปทางตะวันตก นับเป็นวันพระเล็ก และวันพระเล็กอีกวันคือ แรม 8 ค่ำ เวลาเช้าตรูจะเห็นดวงจันทร์อยู่สูง เป็นรูปครึ่งวงกลม หันด้านนูนไปทางตะวันออก​

    [​IMG]


    อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายบุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ในวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้ จะมีปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ เกิดขึ้น ซึ่งฝนดาวตกเจมินิดส์ถือเป็นฝนดาวตกอีกกลุ่มหนึ่งที่สวยงามไม่แพ้ฝนดาวตกอื่นๆเนื่องจากมีความหลากหลายของสีที่สวยงาม

    ทั้งนี้ฝนดาวตกเจมินิดส์มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่กลุ่มดาวคนคู่ ปกติสามารถสังเกตได้ตั้งแต่คืนวันที่ 6-19 ธันวาคม ของทุกปี สำหรับในปีนี้ ฝนดาวตกเจมินิดส์จะมีมากที่สุด ซึ่งอาจจะเห็นได้สูงสุด 100 ดวงต่อชั่วโมง ในคืนวันที่ 13 ธันวาคม จนถึงก่อนฟ้าสางวันที่ 14 ธันวาคม

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในวันที่ 13 ธันวาคม ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ ซึ่งนับเป็นช่วงที่ดวงจันทร์เกือบเต็มดวงและส่อง สว่างมาก จึงอาจจะทำให้เห็นฝนดาวตกเฉพาะดวงที่มีความสว่างมาก โดยผู้สนใจสามารถดูได้ทางท้องฟ้าทิศตะวันออกตั้งแต่เวลา 21.30 น. เป็นต้นไป


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หนังสือพิมพ์มติชน และทางอินเทอร์เน็ต
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    จากมือถือผม ถ่ายไม่ดีเลยครับ

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">เทศกาลกินปลาทู แม่กลองชวนรักชาติ [12 ธ.ค. 51 - 17:25]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]เทศกาลกินปลาทูแม่กลองเวียนมาบรรจบ อีกครั้ง...เป็นครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่ 12-21 ธันวาคม 2551 ณ ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม

     
  10. ancient bead

    ancient bead สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +0
    ถึง พี่ ไฟดูด เอาไว้ดูเล่นๆ ๑๐.

    กรุวังสีธา (สะกดถูกหรือไม่ ไม่ค่อยแน่ใจ) และตามถ้ำ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2008
  11. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">โบราณสถานวังสีทา"วังที่ถูกลืมของพระปิ่นเกล้า" </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><FORM action=index.php method=post>คุณคิดอย่างไรกับการนำเสนอข่าวหรือบทความนี้:[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG] / 14
    ควรปรับปรุง<INPUT type=radio alt="vote 1 star" value=1 name=user_rating><INPUT type=radio alt="vote 2 star" value=2 name=user_rating><INPUT type=radio alt="vote 3 star" value=3 name=user_rating><INPUT type=radio alt="vote 4 star" value=4 name=user_rating><INPUT type=radio alt="vote 5 star" CHECKED value=5 name=user_rating>ดีมาก <INPUT class=button type=submit value=ให้คะแนน name=submit_vote><INPUT type=hidden value=vote name=task><INPUT type=hidden value=0 name=pop><INPUT type=hidden value=com_content name=option><INPUT type=hidden value=0 name=Itemid><INPUT type=hidden value=42 name=cid><INPUT type=hidden value=/index.php?option=com_content&task=view&id=42&Itemid=0 name=url></FORM><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%">เขียนโดย webinfo </TD><TD class=createdate vAlign=top>พฤหัสบดี, 17 กุมภาพันธ์ 2005 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE cellSpacing=10 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><!-- Middle table --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    [​IMG]

    ภาพจำลองวังในสมัยก่อน

    [​IMG]

    สภาพบริเวณแหล่งขุดค้นทางโบราณคดี

    [​IMG]
    </TD><TD vAlign=top>เมื่อพูดถึง จังหวัดสระบุรี หลายคนคงจะนึกถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก ภูเขา ถ้ำ อุทยานและแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ อย่างพระพุทธบาทหรือพระพุทธฉาย

    แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ที่สระบุรีมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่แห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ ต.สองคอน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี นั่นก็คือ “โบราณสถานวังสีทา” ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และขณะนี้นักโบราณคดีได้ร่วมกันขุดค้นและขุดแต่งวังที่ประทับแห่งนี้ สุนิสา มั่นคง นักโบราณคดี กลุ่มงานวิชาการโบราณคดีประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ให้ข้อมูลว่า การดำเนินการขุดแต่งและขุดค้นทางโบราณคดีที่โบราณสถานวังสีทาแห่งนี้ ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2546 จนถึงเดือนเมษายน 2547 โดยได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากพล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร

    ทั้งนี้ ในการขุดค้นพบหลักฐานที่สำคัญแสดงว่า วังสีทามีความเกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์องค์ที่ 2 ซึ่งครองราชย์สมบัติคู่กับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 ) ได้เสด็จฯ มาประทับอยู่ที่วังสีทาแห่งนี้บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นพระตำหนักที่ประทับ พระอารามหลวงและทิมดาบ เป็นต้น

    “ในช่วงสมัยรัชกาลที่4 เรามีเรื่องวุ่นวายกับพวกฝรั่งกงสุลต่างชาติอยู่เสมอๆ เมื่อเกิดมีเรื่องโต้เถียงกันคราวใด ก็มักจะถูกข่มขู่ว่าจะเรียกเรือรบเข้ามาปิดอ่าว ซึ่งระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ได้มีพระราชดำริว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองราชธานีอยู่ใกล้ทะเล ถ้าเกิดศึกสงครามกับต่างประเทศข้าศึกก็จะนำเรือรบเข้ามาถึงราชธานีได้”

    “จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปตรวจหาจุดยุทธศาสตร์เพื่อยกฐานะเป็นราชธานีแห่งที่ 2 ครั้งแรกเลือกเมืองนครราชสีมา แต่เห็นว่าไม่เหมาะสมเพราะกันดารน้ำที่จะใช้ในการอุปโภคบริโภค อีกทั้งการติดต่อไปมากับเมืองหลวงก็ลำบาก ต่อมาจึงได้ให้มาพิจารณาเมืองสระบุรี และก็พบพื้นที่ราบแห่งหนึ่งมีเขาล้อมรอบเป็นบริเวณกว้างเปรียบเสมือนป้อมปราการธรรมชาติ จึงได้ตัดสินใจสร้างที่ประทับที่วังสีทา เพื่อทรงควบคุมดูแลการก่อสร้างปรับปรุงตกแต่งเขาคอกไว้เป็นป้อมปราการ สำหรับป้องกันข้าศึก”

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวังสีทาล้วนสร้างด้วยเครื่องไม้เกือบทั้งหมด เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระตำหนักและพลับพลาที่ประทับต่างๆ ขนเครื่องบนและตัวไม้เกือบทั้งหมด รื้อนำอาอิฐบางส่วนนำเอาลงมาสร้างวังที่กรุงเทพฯ บางส่วนพระราชทานบรรดาพระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวบ้าง จากนั้น วังสีทาก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไปตามกาลเวลา จนมีผู้คนเข้ามาจับจองทำการเพาะปลูกทางเกษตรกรรมทำให้พื้นที่โดยทั่วไปของวังสีทาเหลือแต่เพียงสภาพที่เห็นในปัจจุบัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End middle table --></TD></TR><TR><TD><!-- Middle table --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>สุนิสาเล่าต่อว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานทางโบราณคดี ได้มีการแบ่งขั้นตอนกาปฏิบัติงานออกเป็น 2 ขั้นตอนคือ การขุดค้นทางโบราณคดีเพื่อศึกษาการทับถมของชั้นดินว่ามีร่องรอยการทำกิจกรรมของมนุษย์ และร่องรอยการอยู่อาศัยของกลุ่มชนที่เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่บริเวณนี้ และการขุดแต่งโบราณสถานวังสีทา เพื่อขุดตรวจหาหลักฐาน เช่น แนวฐานอาคาร และสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในบริเวณพื้นที่ประมาณ 22 ไร่ ของโบราณวังสีทา

    จากนั้นโบราณวัตถุที่ได้จากการขุดตรวจและขุดค้นทุกอย่าง จะนำมาลงบัญชีตามระดับชั้นดิน แล้วบรรจุพร้อมทั้งบันทึกรายละเอียดลงในแบบบันทึก ซึ่งจะบันทึกเกี่ยวกับลักษณะดินทุกชั้นในหลุมขุดตรวจและขุดค้น เช่น สีของดิน องค์ประกอบของดินที่ผิดปกติ ได้แก่ ถ่าน หรือ ร่องรอยของดินที่ถูกเผาไหม้ เป็นต้น เพื่อเป็นประโยชน์ในการจัดทำชั้นดิน และศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างชั้นดินกับโบราณวัตถุที่พบต่อไป

    ภายหลังการขุดค้นและขุดแต่งเสร็จสิ้นในแต่ละหลุม ได้พบหลักฐานที่เป็นชิ้นส่วนต่างๆ ของโบราณวัตถุประเภทรูปเคารพศาสนา ที่ทำมาจากดินเผา หิน และโลหะ โดยส่วนมากที่พบจะเป็นภาชนะประเภทเครื่องถ้วย หรือกระเบื้องเคลือบ เศษภาชนะที่พบส่วนมากจะเป็นชิ้นส่วนของถ้วย ชาม จาน กระปุก ฯลฯ ซึ่งโบราณวัตถุที่พบดังกล่าวมีสภาพและขนาดต่างๆ แตกต่างกันไปเล็กบ้างใหญ่บ้าง เนื่องจากของที่พบจากการขุดแต่งจะมีสภาพเกือบสมบูรณ์เกือบทุกชิ้น

    ส่วนของการเก็บหลักฐานและบันทึกข้อมูลของการขุดแต่ง จะถ่ายภาพบันทึกสภาพปัจจุบันของโบราณสถาน และสภาพบริเวณพื้นที่ดำเนินการทั้งหมดด้วยภาพสีและฟิล์มสไลด์ และทำการสำรวจวางผังครอบคลุมพื้นที่ดำเนินการทั้งหมด พร้อมกำหนดชื่อหลุมขุดแต่งและชื่อโบราณสถานไว้
    </TD><TD width=5></TD><TD vAlign=top width=100><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>โบราณวัตถุที่ค้นพบจากการขุดค้นทางโบราณคดี </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End middle table --></TD></TR><TR><TD><!-- Middle table --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ข้อมูลเพิ่มเติมจากการขุดค้นทางโบราณคดี


    ...วันที่ ๑๘ เมษายน (พ.ศ.๒๓๙๘) เวลาค่ำไปเฝ้าวังหน้าที่ข้างใน วังหน้าเป็นคนที่มีปัญญาความคิดฉลาด และเงียบขรึม และอ่อนโยนดี จากปัญญาความคิดที่ฉลาด จึงไม่ค่อยจะทรงเกี่ยวข้อง กับทางราชการ ตั้งแต่ท่าน้ำที่เราเดินขึ้นไปจนถึงพระราชวัง ได้ปูเสื่อลาดตลอดทางห้องที่ประทับดี เหมาะและตกแต่งเข้าทีดี เว้นแต่ที่ชักพัดแขวนสูงเกินไป จนติดเพดานสูงเท่านั้น ถ้าไม่ฉะนั้นแล้ว การที่ใช้เครื่องตกแต่ง เกือบจะทำให้เราเชื่อว่า เข้าไปอยู่ในบ้านผู้ดีฝรั่ง ทรงรับสั่งสนทนาด้วยภาษาอังกฤษได้ดี เป็นที่ไพเราะพอฟังได้ ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นผู้ที่ได้เล่าเรียนเพาะปลูกความรู้ดี และทั้งมีห้องสมุดหนังสืออังกฤษที่เลือกคัดด้วยอย่างดีและมาก ทั้งมีเครื่องมือต่างๆ สำหรับใช้ทำเครื่องจักรกล เท่ากับพิพิธภัณฑ์อันหนึ่ง กับตัวอย่างวิชาช่างหลายอย่างที่ได้เจริญดีขึ้นในสมัยปัจจุบัน โดยมีตัวอย่างเรือไฟขนาดย่อมและตัวอย่างเครื่องอาวุธต่างๆ...

    (บันทึกของ เซอร์ จอห์น บาวริ่ง ราชทูตอังกฤษ เกี่ยวกับกรมพระราชวังบวรสถานมงคล)

    กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือที่รู้จักในนามตำแหน่ง 'วังหน้า' นั้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หมายถึง พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว กษัตริย์องค์ที่สองของสยามประเทศ เมื่อบรรยากาศการรุกรานอธิปไตยของชาติจักรวรรดินิยมตะวันตกคืบมาถึง พระมหากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระราชดำริว่ากรุงรัตนโกสินทร์นั้นตั้งอยู่ใกล้ทะเล ข้าศึกอาจนำเรือรบบุกเข้าโจมตีได้ง่าย จึงควรสร้างพระราชธานีที่สองไว้รองรับ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว รับพระราชบัญชาให้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรภูมิสถานที่ตั้งสำหรับราชธานีที่สองนี้ที่เมืองนครราชสีมา ทว่าเมืองนครราชสีมานั้นกันดารด้วยแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค กอปรกับการเดินทางไปมาต้องใช้การเดินเท้าผ่านไหล่เขาเป็นหลักจึงไม่เหมาะสำหรับการตั้งราชธานี ในที่สุดพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ทรงเห็นควรให้ปักหลักที่บริเวณริมฝั่งด้านทิศตะวันตกของแม่น้ำป่าสัก ที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นเกาะกลางน้ำ มีพื้นที่ประมาณ 513 ไร่ ทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกอยู่ติดกับบึงตลาดไชย มีพื้นที่ประมาณ 212 ไร่ และยังมีเขาคอกเป็นภูเล็กๆ กั้นอยู่อีกฝั่งหนึ่ง โดยบริเวณนี้ยังเป็นแหล่งตั้งรกรากของชาวครัวลาวอพยพที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งแต่ครั้งกรุงธนบุรีด้วย พระองค์ทรงสร้างพระตำหนักและพลับพลาต่างๆ ตลอดจนพระอารามหลวงไว้ ต่อมาชาวบ้านขนานนามตามแห่งตำบลว่าพระตำหนักสีทา พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เสด็จมาประทับที่วังนี้บ่อยครั้ง จวบจนช่วงปลายพระชนม์เมื่อทรงประชวรด้วยโรควัณโรค ครั้นพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระตำหนักและพลับพลาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่สร้างด้วยเครื่องไม้ ย้ายมาสร้างวังที่กรุงเทพฯ บางส่วนพระราชทานแก่พระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เมื่อกาลผ่านพ้น ที่ดินแห่งนี้ได้ถูกขายทอดต่อๆ กันมาให้เอกชนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 กลายเป็นพื้นที่รกร้างส่วนหนึ่ง และทำการเพาะปลูกไร่ข้าวโพดส่วนหนึ่ง ในปี พ.ศ.2478 กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนวังสีทาเป็นโบราณสถาน ปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณหมู่ 8 บ้านสีทา ตำบลสองคอน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ทว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของบริษัท แหลมทองมีทแพคเคอร์ จำกัด ล่าสุดชาวจังหวัดสระบุรี นำโดย พลเอก/พลตำรวจเอกประมาณ อดิเรกสาร ดำเนินการจัดหาทุนกว่า 1 ล้านบาท สำหรับการบูรณะวังสีทาให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น โดยสำนักโบราณคดี กรมศิลปากร รับผิดชอบดำเนินการสำรวจและขุดค้นทางโบราณคดี ตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ.2546-เมษายน พ.ศ.2547

    บัดนี้ ผลการขุดค้นเผยให้เห็นร่องรอยอดีตวังเก่าของเจ้านายแห่งวังหน้าแล้ว

    สุนิสา มั่นคง หัวหน้ากลุ่มวิชาการโบราณคดีประวัติศาสตร์ สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ผู้ควบคุมงานขุดค้น เปิดเผยว่าได้มีการศึกษาเอกสารประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะพงศาวดารที่ระบุถึงวังสีทานี้เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้น ผนวกกับหลักฐานที่ค้นพบจากการขุดค้นเป็นข้อมูลสำคัญ หลังจากสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านให้ชี้ร่องรอยบริเวณพื้นที่รกร้างที่คาดว่าน่าจะเป็นบริเวณวัง ก็พบว่าริมแม่น้ำป่าสักนั้นปรากฏอิฐ 2 ก้อนโผล่มาให้เสาะหาต่อไป คณะนักโบราณคดีได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ดินให้สุ่มขุดหลุมตัวอย่างทดสอบประมาณ 20 ไร่ พบร่องรอยอิฐฐานอาคารริมแม่น้ำป่าสัก 2 หลัง สันนิษฐานว่าอาจเป็นทิมดาบ หรืออาจเป็นศาลาริมน้ำ ใกล้ๆ กันมีร่องรอยอิฐประกอบกันเป็นบันไดทางขึ้นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 ข้าง ถัดเข้ามาพบแนวอิฐวงโค้ง สันนิษฐานว่าเป็นสวนหรือลานอเนกประสงค์ ต่อจากนั้นพบร่องรอยฐานอาคาร ตอม่อขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าเป็นส่วนพระตำหนัก น่าจะเป็นตำหนัก 2 ชั้น พบเศษกระเบื้องดินเผาที่น่าจะใช้เป็นส่วนของหลังคาคลุมเครื่องไม้ ลวดลายแบบจีน และพบชิ้นส่วนปูนปั้นและเศษปูนฉาบเขียนสีเป็นลวดลายประดับตัวอาคาร ลูกกรงประดับตามระเบียงตัวอาคารศิลปะจีน ด้านข้างพระตำหนักจากฝั่งซ้ายของแม่น้ำพบร่องรอยแนวอิฐกลุ่มอาคารหลังเล็ก 3 หลัง ประดับลวดลายบัว สันนิษฐานว่าเป็นที่พักของบรรดาข้าราชบริพาร เยื้องจากพระตำหนักไปทางด้านหลังพบเสา 8 เหลี่ยม และใบเสมาคู่วาง 8 ทิศ บ่งบอกเขตพระอารามหลวง เรียกว่าพระอารามน้อย ภายในเคยประดิษฐานพระประธานศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น แต่ชาวบ้านให้ข้อมูลว่าได้อาราธนาไปประดิษฐาน ณ วัดสองคอนใต้ นานแล้วเพื่อป้องกันการโจรกรรม คณะนักโบราณคดียังขุดพบโบราณวัตถุอื่นๆ อาทิ กระปุกบรรจุดินหอม ประติมากรรมดินเผา (อาจติดหัวบันไดบริเวณพระตำหนัก) เครื่องใช้สมัยสุโขทัย เหรียญกษาปณ์สมัยรัชกาลที่ 4 ที่ 5 เครื่องปั้นดินเผาลายเจ้าจำปี จากบ้านบางปูน จ.สุพรรณบุรี วัตถุดินเผาทรงกลม สิ่งของเครื่องใช้ที่ทำจากโลหะสำริด เครื่องถ้วยชามดินเผาจากแหล่งเตาประเทศจีน อาทิ จานเขียนลายครามใต้เคลือบ กระปุก และตลับต่างๆ อย่างไรก็ดี หัวหน้าคณะขุดค้นคาดว่าโบราณสถานแห่งนี้น่าจะเคยถูกลักลอบขุดหาสมบัติแผ่นดินไปก่อนหน้านี้แล้ว หรืออาจถูกทำลายจากการทำไร่ข้าวโพด เพราะหลักฐานที่พบถือว่าน้อยมาก แต่เพียงพอสำหรับการวิเคราะห์ตีความ สุนิสา เผยว่าไม่ห่างจากพระอารามน้อย ได้ขุดค้นพบเตาเผาเพื่อทำเครื่องประกอบในงานสถาปัตยกรรม และยังพบเตาหุงต้มอาหารรูปกระทะใบบัวอยู่ใกล้ริมแม่น้ำ "แถวแก่งคอยมีหินปูนมาก ดินก็สามารถนำมาเป็นอิฐได้เหมือนแหล่งเตาเผาแม่น้ำน้อย จังหวัดสิงห์บุรี สมัยก่อนอาจนำมาใช้ในการยาปูนก็ได้ ก่อนทำงานเราได้ทำพิธีบวงสรวง มีโหรจากพระราชวังมาประกอบพิธี ท่านบอกว่าผังของร่องรอยหลักฐานเหล่านี้ตรงกับผังพระราชวังในกรุงเทพฯ" หัวหน้าคณะขุดค้นอธิบายว่าหลักฐานพงศาวดารระบุว่า สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินมาโดยเรือกลไฟพระที่นั่งมาขึ้นที่บึงแก่งชัย ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำป่าสัก มาที่วังแห่งนี้

    ในแง่การอนุรักษ์แหล่งโบราณสถานระยะยาว จำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดแสดงนิทรรศการถาวรใแหล่ง อาจสร้างเป็นหลังคาคลุม และมีส่วนแสดงเนื้อหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์-โบราณคดี มีมุมพักผ่อน ร้านค้า-เครื่องดื่ม ร้านหนังสือ และของที่ระลึก ทั้งนี้อาจใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท "การจัดแสดงทางโบราณคดี เราคงยกฐานขึ้นมาให้สูงต่อเป็นอาคารให้เห็น แต่คงไม่สร้างหลังคาแบบสำเร็จรูป ตอนนี้รอแต่ว่าถ้าทางจังหวัดแก้ปัญหาเรื่องที่ดินได้เมื่อไร และมีงบประมาณทำงาน เราก็พร้อมลงมือทำทันที คิดว่า 1 ปีก็น่าจะเสร็จ ตอนนี้ทางเราก็ทำหนังสือขอรับบริจาคที่ดิน 20 ไร่นี้จากเจ้าของแล้ว แต่ยังไม่ได้คำตอบ ถ้าเขาไม่บริจาคให้ก็อาจต้องขอซื้อ" ส่วนของการจัดหางบประมาณนั้น นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รับปากกับชาวบ้านแก่งคอยว่าจะผลักดันให้คณะรัฐมนตรี อนุมัติงบต่อไป เพราะโบราณสถานวังสีทาถือเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญในราชวงศ์จักรี และถือเป็นแหล่งการเรียนรู้ของท้องถิ่นที่แท้จริง

    การเปิดเผยร่องรอยของวังเจ้านายวังหน้าแห่งนี้ถือเป็นข้อมูลทางโบราณคดีล่าสุด ที่นักประวัติศาสตร์สามารถนำไปใช้วิเคราะห์ตีความเหตุการณ์สมัยต้นรัตนโกสินทร์ได้อย่างดี โดยเฉพาะทฤษฎีที่ยังถกเถียงกันไม่แล้วเสร็จว่าในสมัยนั้นเกิดการขัดแย้งระหว่างพระมหากษัตริย์ทั้งสองพระองค์จริงหรือไม่ หรือเป็นความขัดแย้งระหว่างบรรดาขุนนางผู้ใหญ่ แม้แต่สาเหตุการประชวรของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ นั้นก็ยังไม่อาจระบุได้เด็ดขาดว่าทรงประชวรเองหรือเป็นโรคคนทำ แม้จะมีหลักฐานระบุว่ารัชกาลที่ 4 ทรงสำเร็จโทษคณะผู้กระทำผิดตามคำพิพากษาของลูกขุน ฐานทำเสน่ห์ยาแฝดแก่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ จนประชวรหนัก อย่างไรก็ดี ประเด็น 'ศึกใน' และ 'ศึกนอก' ยังคงเป็นเงื่อนไขสำคัญทางการเมืองเสมอมาไม่ว่ายุคสมัยใด อยู่ที่ว่านักประวัติศาสตร์จะเลือกตีความหลักฐานเท่าที่มีอยู่ไปในทางไหน

    ล้อมกรอบ - พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ

    พระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าจุฑามณี หรือเจ้าฟ้าน้อย พระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 10 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 4 กันยายน พ.ศ.2351 ณ พระราชวังเดิมในกำแพงวังกรุงธนบุรี ริมคลองบางกอกใหญ่ ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 50 และเป็นพระราชกุมารองค์ที่ 27 ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กับสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ทรงเป็นพระอนุชาร่วมพระราชชนกและพระราชชนนีกับเจ้าฟ้ามงกุฎ ซึ่งต่อมาคือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงเป็นพระราชอนุชาต่างพระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพระชนมายุได้ 16 พรรษา ได้เข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความชอบในราชการ จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เมื่อปี พ.ศ.2384 รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์เป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพเรือไปปราบกบฏญวน โดยไปตีเมืองบันทายมาศ(เมืองฮาเตียน) ปฏิบัติหน้าที่ในราชการสงครามนานประมาณ 16 เดือน เมื่อสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ ได้โปรดเกล้าฯ สถาปนาเจ้าฟ้าจุฑามณีกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์องค์ที่ 2 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2394 เมื่อทรงมีพระชนมายุได้ 43 พรรษา ดังเช่นสมัยกรุงศรีอยุธยาที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงสถาปนาสมเด็จพระเอกาทศรถเป็นพระเจ้าแผ่นดินอีกพระองค์หนึ่ง ด้วยทรงตระหนักว่าพระชะตาของพระอนุชาแข็งนัก จำต้องได้ที่พระมหากษัตริย์ด้วย พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ทรงพระปรีชาด้านการทหาร ทรงแปลตำราปืนใหญ่จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย เหล่าทหารปืนใหญ่ยกย่องเป็น 'พระบิดาของเหล่าทหารปืนใหญ่' ทั้งทรงเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือ พระองค์ทรงสามารถต่อเรือกลไฟชื่อ 'ยงยศอโยชฌิยา' เป็นเรือกลไฟลำแรกของสยามประเทศ

    พระองค์ดำรงราชสมบัติอยู่ 15 ปี แล้วทรงประชวรด้วยโรควัณโรค พระองค์เสด็จฯ ประทับตามถิ่นบ้านลาว อาทิ บ้านสัมประทวน แขวงจังหวัดนครไชยศรี เมืองพนัสนิคม แต่ประทับที่พระตำหนักบ้านสีทาเป็นส่วนใหญ่ พ.ศ.2408 พระอาการประชวรกำเริบต้องเสด็จฯ กลับกรุงเทพฯ

    พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ทรงประชวรนานราว 5 ปี ครั้นวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2408 เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ รวมพระชนมายุได้ 53 พรรษาเศษ รัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้จัดพระราชพิธีพระบรมศพเฉกเช่นพระมหากษัตริย์ทุกประการ
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End middle table --></TD></TR><TR><TD><!-- Middle table --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>หมายเหตุ: คัดจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน(คุณภาพชีวิต) ฉบับที่ 15 กันยายน 2547
    จากhttp://archaeology.thai-archaeology.info/index.php?option=com_content&task=view&id=42&Itemid=0
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. ancient bead

    ancient bead สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณอย่างสูงสำหรับข้อมูลรายละเอียด ประวัติ ของวังสีทา
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ชัดเพราะว่ามันมืดครับ เหอๆๆๆ

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 15 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 11 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, ancient bead, newcomer+, pommaibike </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วันที่นัดพบกัน ผมมีหลายๆอย่างไปมอบให้ แล้วยังมีสิ่งที่แปลกๆ นำไปให้ชมกันอีกเช่นกัน

    ส่วนพระอาจารย์นิล ท่านติดไปกรรมฐานครับ
    ส่วนพี่แอ๊ว ก็ไปปฎิบัติธรรมอีกเช่นกัน

    โมทนาบุญกับพระอาจารย์นิล และพี่แอ๊วด้วยครับ

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ต้มแบงก์ '40 ล้าน' ปลอมเอกสารมโหฬาร
    http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=114982
    [13 ธ.ค. 51 - 03:25]

    [​IMG]

    ที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (บก.ปศท.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ผบก.ปศท. แถลงการจับกุมนายบุญฤทธิ์ ทิพย์จักร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/195 ซอยรามคำแหง 164 แขวงและเขตมีนบุรี กทม. นายเกษดิษฐ์ แก้วอิน อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/17 ซอยสุวรรณพฤกษ์ แขวงและเขตสะพานสูง กทม. ในข้อหาร่วมกันพยายามฉ้อโกง ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม

    สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก. ปศท. พ.ต.อ.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล ผกก.1 บก.ปศท. พ.ต.ท.ประวิตร์ นัยเนตร์ รอง ผบก.3 บก.ปศท. นำกำลังจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน ขณะกำลังทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานพหลโยธิน ยึดหลักฐานเอกสารทางการเงินที่ใช้ยื่นต่อธนาคาร 64 แผ่น ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมธนาคารจำนวน 1 แผ่น สมุดบัญชีธนาคารต่างๆจำนวน 3 เล่ม แผนผังหมู่บ้านต่างๆ จำนวน 2 แผ่น โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์เงิน 1 คัน

    พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ผบก.ปศท.กล่าวว่า ตำรวจ กก.1 บก.ปศท. สืบทราบว่า มีการปลอมแปลงเอกสารทางการเงิน โดยใช้ชื่อบุคคลอื่นในการอำพราง ไปยื่นเรื่องขอสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์กับธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ โดยจะเสาะหาบ้านเดี่ยวมือสอง ในโครงการที่มีชื่อเสียงเพื่อความน่าเชื่อถือ จากนั้นจะทำเอกสารผู้เช่าซื้อปลอม เช่น ใบรับรองเงินเดือน บันทึกการเคลื่อนไหว ทางการเงิน (สเตทเมนต์) บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านของผู้อื่นที่เจ้าตัวไม่ทราบมาก่อน หรืออาจมีบางรายสมรู้ร่วมคิดด้วยการแบ่งผลประโยชน์กันภายหลัง แล้วนำไปยื่นขอสินเชื่อซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ รวมทั้งทำบัตรเครดิตธนาคารต่างๆ เมื่อธนาคารหลงเชื่ออนุมัติเงินให้ กลุ่มคนร้าย ก็จะกลายเป็นหนี้สูญ สร้างความเสียหายแก่ธนาคารและสถาบันทางการเงิน รวมทั้งเจ้าของบัตรประชาชนที่ถูกแอบอ้างและที่จะถูกฟ้องร้องตามมา ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ก่อหนี้

    จากการตรวจสอบในเบื้องต้น กลุ่มผู้ต้องหาสร้างความเสียหายแก่ธนาคารต่างๆ อาทิธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารธนชาต รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท นอกจากนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังมีหมายจับในความผิดลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายท้องที่ เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และอยู่ระหว่างการขยายผลว่ามีพนักงานธนาคารมีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นด้วยหรือไม่ต่อไป
     
  16. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    วันนี้พี่หนุ่มได้ร่วมทำบุญซื้อไส้ตะเกียงสำหรับบูชาพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานณวัดหัวเมืองจังหวัดน่าน ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน

    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  17. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่า....ทำคนเดียวเลยเหรอครับ โมทนาบุญด้วยครับ...
     
  18. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,241
    อยากได้ ครับ
    แต่
    ตอนนี้
    คงต้องรอก่อน ครับ
    เพราะ
    ขาดปัจจัย
     
  19. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    พี่น้องหนูก้อร่วมได้ครับ ช่วงนี้กำลังหาซื้ออยู่ ว่าพรุ่งนี้จะไปเสาชิงช้าดู
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    วันนี้น้องกวงแอบมาหาผมครับ มาบอกบุญด้วย ก็เลยต้องรีบทำครับ

    แต่ว่า น้องกวงนี่ งานอื่นว่าง ไปได้หมด แต่ไปพบกันในวันนัดพบกัน ไม่เคยว่างเลย เลยต้องมาฟ้องพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ หุหุหุ
    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...