เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

เมื่อผม'โกงความตาย'!
@@@ "สึนามิ" @@@
" คลื่นมัจจุราช"!!!
~~~~~~~~~~
(4.)

ไม่กี่นาทีต่อมา ผมกับบุญสาละวนจุดไฟเผาหญ้า วัชพืช กองไม้เศษไม้ เราอยู่บนหาดห่างผืนน้ำไม่กี่สิบเมตร ซึ่งบัดนี้ เป็นแนวโคลนใต้ท้องทะเลโผล่ขึ้นมายาวเหยียด

บุญบ่นว่า น่าลุยโคลนจับปลาเอาไปฝากแม่ที่บ้าน

ผมว่า ไม่มีที่ใส่ที่เก็บกว่าจะข้ามไปก็เน่าหมด ปล่อยมันไว้งั้นแหละ น้ำขึ้นอีกสักเดี๋ยว มันก็ไปหมดแล้ว

คุยกันสัพเพเหระอีกไม่กี่นาที แผ่นดินที่ผมยืนก็ไหวเยือก...

"เฮ้ย บุญ ท่าไม่ดีว่ะ"...ผมร้อง เงี่ยหูฟังบางอย่าง

แผ่นดินไหวเขย่าแบบไม่รุนแรง แต่ที่ตามมาคือเสียงกระหึ่มกึกก้องปฐพี เหมือนมีกองทัพม้าสักหมื่นตัว แสนตัว กำลังกระหน่ำฝีเท้าสุดแรงเกิด เข้าสมรภูมิ เสียงมันโคตรก้องราวกับเสียงระบบเซอร์ราวด์ที่กำลังฮิตในโรงภาพยนตร์ อื้ออึงทั่วทุกทิศทุกทาง กลบทุกเสียงของวันหมดสิ้น!

มันดังราวกับเสียงแห่งวันสิ้นโลก กำลังมาถึง!!!

ผมกับบุญตะลึงจังงัง มองน้ำทะเลที่กำลังม้วนเป็นแนวคลื่นลูกเตี้ยๆไม่สูงมากนัก แต่มันหลามไหลเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

น้ำลงมองไม่เห็น แต่น้ำขึ้นไหลบ่าปรูดปราด มีวาสนาทันเห็น!!!

"วิ่ง...บุญวิ่ง วิ่งไปขึ้นต้นไม้เร็วเข้า"

ผมตะโกนสุดเสียงด้วยสัญชาติญาณ การอยู่เมืองนอกเมืองนามานาน ผ่านหู ผ่านตาบ้างกับเรื่องเหล่านี้ แต่บุญนี่สิ ไม่เคยเห็นเคยรู้

บุญก็ว่องไวสมพลังหนุ่มเด็กบ้านนอก ทิ้งมีดพร้า สับขาวิ่ง ออกตัวทีหลังแต่พรวดเดียวก็แซงหน้าผมซึ่งอายุมากกว่า

เราวิ่งขึ้นทางลาดเล็กน้อย แต่พื้นทรายนุ่มหยุ่นก็เป็นอุปสรรคต่อการซอยเท้า

บุญวิ่งหายลับไปทางดงไม้ใหญ่ ผมกำลังสับขา ก็ยังหลีกหนีไม่พ้นหาดทราย

น้ำห่าแรกของคลื่นประหลาด กวาดเข้ามาท่วมขา มันทำให้ผมวิ่งยากเข้าไปอีก แต่อึดใจต่อมา คลื่นที่ซัดเข้ามาสูงแค่น่องก็ไหลกลับไปเหมือนคลื่นไม่มีพลัง

ผมใจชื้น เหลียวหลังมองปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่เพิ่งพานพบครั้งแรกในชีวิตเลยวัยครึ่งศตวรรษไม่กี่ฝน

คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วยเถิด... กำแพงคลื่นสูงมหึมาระลอกที่สองกำลังก่อตัวสูงท่วมหัว ตรงดิ่งเข้ามาหาผมที่ตะลึงจังงัง

คลื่นลูกแรกเป็นแค่หมัดแย็ป...ลูกหลังนี้จึงเป็น "หมัดมัจจุราช-หมัดพญายม" ของแท้!!!

ผมหันหน้ากลับ สับขาใส่เกียร์ตีนหมาสุดชีวิตสุดแรงเกิดเท่าที่จะมีในตัว แต่สายไป ต่อให้ผมเหาะได้ก็ไม่ทัน!

คลื่นยักษ์ถล่มตูมท่วมหัวผมไม่รู้กี่สิบท่วม มันไม่ไหลย้อนกลับลงไปทะเล แต่พลังคลื่นดันไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง ลากผมกลิ้งหลุนๆใต้สายน้ำขุ่นคลั่ก โคลน ทรายและทุกอย่างที่มันกวาดขึ้นมาจากใตัท้องทะเลห้อมล้อมตัวผมเต็มที่

ในสติสัมปะชัญญะที่เหลือเป็น อนุสติสุดท้าย ผมปล่อยวางหยุดดิ้นรนรู้ตัวเองว่า...ตายแน่ ตายล้านเปอร์เซ็นต์

คิดถึงบุญขอให้รอด อย่าให้ญาติพี่น้องตราหน้าว่าพาญาติมาตาย วูบถึงลูกเมียที่ยังอยู่ไกลโพ้น ต่อแต่นี้ไม่ได้พบพานกันอีกแล้ว

คลื่นยักษ์ห่อหุ้มผมที่จวนเจียนสิ้นพลังกายใจ...!

บัดดล...ร่างผมก็กระแทกเข้ากับบางอย่าง ความรู้สึกบอกว่าเป็นต้นไม้ ผมขัดร่างอยู่กับกิ่งไม้ รีบรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายของชีวิต ดุจเปลวเทียนที่ริบหรี่ใกล้ดับ

ผมคว้ากิ่งไม้เอาไว้ ภาวนาให้มันเป็นต้นไม้ใหญ่ เกาะแน่นแล้วดึงตัวขึ้นสุดแรงเกิด

หัวผมพ้นยอดคลื่น รีบสูดอ็อกซิเจ่นเข้าปอดอย่างตายอดตายอยาก ตะกายกิ่งและลำต้นขึ้นไปอีก คิดอย่างเดียวต้องไปให้สูงที่สุด

คุณพระช่วยอีกครั้งเถอะ ผมตะกายได้นิดเดียว ก็รู้ว่าถึงยอด กัมลงมองด้านล่าง แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองคิดว่าตาฝาด ต้องปาดน้ำขุ่นเขลอะปนโคลนทรายออกจากใบหน้าก้มมองใหม่อีกที

น้ำซัดผมขึ้นมาค้างบนยอดไม้แล้ว ความสูงของต้นนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 6-7 เมตร หมายถึงคลื่นยักษ์ต้องสูงขนาดนั้นหรืออาจจะมากกว่า

ไม่ต้องคิดอะไรมากให้เปลืองสมองเปลืองเวลาเอาชีวิตรอด คลื่นอีกระลอกกำลังทยอยขึ้นฝั่งของเกาะซึ่งมีระดับต่ำและเกือบเทียบเท่ากับน้ำทะเล กระแสน้ำสูงและข้นคลั่กกระแทกผมเข้ากับลำต้นบนยอดไม้

อีกครั้งที่ผมรู้สึกตัวว่า อยู่สูงขนาดนี้ ก็ไม่น่าจะรอด ในเมื่อน้ำยังรุนแรง คลื่นยักษ์ม้วนสูงมาก และสิ่งที่ตามมากับน้ำก็คือ ท่อนซุงมหึมาหลายสิบท่อนดาหน้าเข้ามาเป็นแพ

ซุงใต้ท้องทะเลหรือจากที่ไหนก็ตามที่คลื่นยักษ์กวาดขึ้นมา พุ่งกระแทกต้นไม้ที่ผมเกาะ ตึงตัง ตึงตัง ซ้ายที ขวาที บางท่อนเฉียดลำตัวผมแค่เส้นยาแดงผ่าแปด บางท่อนชนต้นไม้แล้วแฉลบลอยเคว้งหายพ้นไป

ทะเลซุงกับน้ำทะเลจริงรุมโจมตีผมอลหม่าน ผมซึ่งเป็นเพียงเศษธุลีบนโลกนี้และจักรวาล ทำได้เพียงกอดต้นไม้แห่งชีวิตเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยมือปล่อยอ้อมแขนเป็นอันขาด

ภาวนาถึงเทวาอารักษ์ผู้ปกปักรักษาต้นไม้นี้ จงทนทานอึดเข้าไว้ อย่าหักโค่นลงไปกับคลื่นยักษ์ ซุงยักษ์ที่อยู่รอบตัว!!!

(((ยังมีต่อ)))
-------------------

 

ขออัญเชิญพระแก้วที่แกะจากหินอัญมณีทั้ง 9 ประดิษฐานอยู่ทั่วประเทศไทยมาเพื่อความเป็นศิริมงคลแด่กัลยาณมิตรทุกท่านและครอบครัวตลอดปี

1. พระพุทธบุษยรัตน์จักรพรรดิพิมลมณีมัย พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

2. พระเสตังคมณี วัดเชียงมั่น เชียงใหม่

3. พระแก้วขาว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

4. พระแก้วทับทิมมณีแดง วัดป่าใหญ่ อุบลราชธานี

5. พระบุษยรัตน์น้อย หอพระสุราลัย พระบรมมหาราชวัง

6. พระนาคสวาดิเรือนแก้ว หอพระสุราลัย พระบรมมหาราชวัง

7. พระแก้ววังหน้า หมู่พระพุทธรูปชั้น2 ชั้นล่างขององค์พระแก้วมรกต วัดพระแก้ว กรุงเทพ

8. พระแก้วนิลกาฬ วัดเลียบ อุบลราชธานี

9. พระแก้วไหมทอง วัดทุ่งสนุ่นรัตนา กำแพงเพชร

ขออาราธนาพุทธคุณในพระแก้วทั้งเก้าได้โปรดดลบันดาลประทานพลังให้ท่านและครอบครัวมีสุข พรใดที่ประเสริฐนับเป็นเลิศ จงบังเกิดแก่ท่าน สิ่งอันใดในสากลโลกที่งดงามจงเกิดเป็นเครื่องคุ้มครองปกป้องรายล้อมท่านทุกวันคืน ขอให้ท่านและครอบครัวมีพลานามัยแข็งแรง มีสติปัญญาเฉียบแหลม แก้ไขทุกอุปสรรคได้สำเร็จ ผ่องใสคลาดแคล้วในทุกโอกาส ตลอดศกใหม่ที่ได้เคลื่อนเข้ามานี้เทอญ....สาธุ

 

"มึงแจก แต่กูจ่าย" ต้องขอยืมประโยคนี้จากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาครับ ท่านเหล่านั้นได้หน้า แต่เราได้หนี้เพิ่มต่อไปอีกซึ่งไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่

 

วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ตรงกับวันพุธ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง
ใส่บาตรในเช้าวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

สุดยอดพระแก้ว ๙ ประการแต่ละสถานที่ น้องประเวชอุตส่าห์รวบรวมมาให้พร้อมกับรูปที่ขยายชวแล้ว ประทับใจมาก สวยงามมาก บางองค์ก็เพิ่งเคยเห็นและรับทราบ ส่วนบางองค์ก็พอรู้อยู่บ้าง

พรยิ่งใหญ่แห่งแก้วรัตนะ ๙ ประการที่อยู่กับแผ่นดินไทย แผ่นดินพุทธยาวนาน จงกลับไปดลบันดาลให้น้องประเวชได้รับเต็มพลังดุจกัน ขอบคุณมากครับ

 

หนี้จาก "ประชานิยม" อันเหลวไหล ได้ทำหลายประเทศในโลกนี้ที่เคยมั่งคั่ง เจริญกว่าประเทศไทยมาแล้ว เช่น อาร์เจนตินา ล้มละลายชิบหายวายตลิ่ง จากประเทศรวยอันดับต้นๆของทวีปอเมริกาใต้ ถอยหลังกลับไปยุคจูราสิส ประชาชนอดอยากยากแค้นทั่วหน้า ประเทศไม่มีเงินตราต่างประเทศสำรอง เงินไร้ค่าเหมือนเศษกระดาษต้องการเพียงทองคำกับดอลล่าห์

อีกประเทศคือ เวเนซุเอล่า มีน้ำมันมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง ก็นำเงินรายได้จากน้ำมันแจกเสียจน คนไม่ต้องทำอะไร และกลายเป็นประเทศวิบัติ คนกลายเป็นขอทาน เป็นผู้อพยพ เพื่อนบ้านไม่คบ ไม่รับ

ทั้งหมดนั้น เกิดจากฝีมือ "นักการเมือง-นักกินเมือง" ที่ต้องการแสวงหาอำนาจ เอาเงินคงคลังเงินประเทศมาแจก มันไม่ใช่เงินของกรู แจกเข้าไปเพื่อจะได้คะแนนเสียงกลับมาบริหารประเทศให้ล่มจมไม่รู้จบ

เส้นทางวัฏจักรอุบาทว์กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ลองดูถ้า 10,000 บาทที่เต็มไปด้วยกลวิธียอกย้อน ผ่านแจกได้ ก็เตรียมตัวหายนะกันได้เลย

พูดจริงไม่ใช่พูดเล่น เพราะสิ่งที่ตามมาอันดับแรกคิอ "เงินเฟ้อ" ค่าเงินอ่อนบรรลัย ทองคำแพง ทุกอย่างขึ้นราคา ซึ่งเวลานี้ยังไม่แจก สิ่งที่พูดก็แหกรั้วไปก่อนแล้ว สินค้าขึ้นราคาแม้กระทั่งไข่ ขืนแจกอีกก็จะไม่ใช่ "รั้วพัง" อย่างเดียว

แต่จะเป็น "บ้านพัง" ไปด้วย จำไว้!!!

 

สตรีทบุญยังอุ่นหนาฝาคั่ง ร่วมอนุโมทนาก่อนไปทำงานให้มีความสุขในวันกลางสัปดาห์

 

พระกริ่งคำข้าว"จอมเศรษฐี"
'หลวงปู่สรวง-ปู่หมุน'เสกปี39
===============

พระกริ่งไม่ใช่เนื้อโลหะ เป็นผงขาวมวลสารมหามงคล ได้นามว่า "พระกริ่งคำข้าว" ก็เพราะส่วนหนึ่งนำคำข้าวที่ "หลวงปู่สรวง" ฉัน และแยกคำที่อร่อยออกมาเก็บ ทำเป็นมวลสารผสม กับได้พระนาม "จอมเศรษฐี" ิจากเหล่าคณาจารย์อายุเกินร้อยร่วมปลุกเสกคับคั่งเป็นประวัติการณ์รวมทั้ง หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน

สร้างโดยเกจิชาวเขมร พระอาจารย์เสริฐ ศิษย์เอกรูปหนึ่งของ "ลป.สรวง" นำถวายไว้ที่วัดสุทัศน์ฯ ผ่านมหาพิธียอดเยี่ยมเข้มขลังหลายหน

ขอนำมาประกอบเรื่องราวแค่พิธีเดียวซึ่งมีลป.หมุนเป็นเจ้าพิธี ชื่อว่า...พิธีสุคโต!

--หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน
--หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน
--ลป.กรอง วัดสระมณฑล
--หลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี
--พระวิสุทธาธิปดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ฯ
--หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
--หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม
--หลวงปู่ธิ วัดมิ่งเมือง
--หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน
--หลวงพ่อสิริ วัดตาล
--หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ
--ลพ.หวล วัดพุทไธสวรรค์
--หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ
--หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ
--ลพ.จัอย วัดหนองน้ำเขียว
=======ฯลฯ=======

การปลุกเสกโดย "หลวงปู่สรวง" นั้น ศิษย์ได้นำไปให้ท่าน "เสกเดี่ยว" เป็นกรณีพิเศษ ส่วนทาง "หลวงปู่หมุน" ได้เสกซ้ำอีกครั้งเป็นส่วนตัวโดยอาจารย์เสริฐนำไปให้

จึงกล่าวได้ว่า พระกริ่งคำข้าว "จอมเศรษฐี" ผ่านพลังปราณวิเศษจากอริยเจ้าผู้เพียบพร้อมด้วยพรรษาสูง เปี่ยมวัตรปฏิบัติเข้มข้นของแผ่นดินอย่างเยอะ!

จำนวนการสร้างรุ่นนี้ อยู่ที่หลักพัน บางองค์มีปั้มหมึก และจารโดยคณาจารย์ที่เหล่าศิษย์มอบให้จารใต้ฐานหรือที่ก้นเป็นส่วนตัว ที่ออกจากวัดสุทัศน์ฯบางองค์และจากอาจารย์เสริฐ ไม่มีจาร

การจารกับปั้มหมึกน้ำเงินบ้าง แดงบ้างจึงไม่ใช่ข้อสำคัญ สำคัญที่เนื้อหา และพิมพ์ กับร่องรอยที่เหมือนๆกัน เพราะเป็นพระกริ่งเนื้อผงที่ปั้มเครื่อง มีตำหนิชัดเจนดูง่าย มอบร่วมบุญเป็นครั้งแรกและองค์แรก...

=======800=======

พระกริ่งคำข้าว "จอมเศรษฐี" เนื้อหาขาวสวย ใสสะอาด ไม่ผ่านการใช้ ใบหน้าองค์ท่านอิ่มเอิบยิ้มละไม เปี่ยมเมตตาสูงสุด สมคำว่า "จอมเศรษฐี" ผู้ที่จะร่ำรวย ต้องรวยความสุขและเมตตาด้วยจึงได้ชื่อว่า "รวยจริง"!
ด้านหลัง จะเห็นวงกลมจางๆที่ฐานใต้สะโพก 2 วง เป็นร่องรอยเกิดจากการปั้มและแม่พิมพ์ เป็นจุดตำหนิที่พอยึดถือได้สำหรับพระปั้มอายุไม่เกิน 30 ปีรุ่นนี้

ใต้ฐาน ไม่มีรอยปั้มหมึก หรือรอยจารใดๆ ทำให้เห็นตำหนิ "เส้นวงเดือน" ทางด้านขวามือเรา เป็นอีกจุดที่ชัดเจนจากเครื่องปั้มและแม่พิมพ์ หากปั้มหมึก จารหมึกจะกลบร่องรอย "ของแท้" ช่วงนี้หมด การยึดถือหมึกปั้มหรือจาร จึงน่าจะเข้าทางมือผี เมื่อพระแพงและได้รับความนิยมมาก!

ด้านข้างกับขนาดอวบอ้วนหนา
แต่เป็นเนื้อผงน้ำหนักไม่มากนัก
สามารถแขวน-ตั้งบูชาได้สบาย

 

เมื่อผม'โกงความตาย'!
@@@ "สึนามิ" @@@
"คลื่นมัจจุราช"!!!
~~~~~~~~~~~~
(5.)

สภาวะผมยามนี้ บอกตรงไปตรงมาว่า "โอกาสรอด" มีเพียง "หนึ่งในร้อย" อาจเป็นหนึ่งในพัน หรือหนึ่งในล้าน..!

รอดไปได้ถือว่า "โกงความตาย" แท้จริง!!!

แต่เทพารักษ์หยิบยื่น "ฟางเส้นสุดท้าย" มาให้แล้ว จะยอมปราชัย ถอดใจยอมแพ้ง่ายๆก็เสียเชิงชาย

ผมฮึดสู้สุดฤทธิ์สุดเดช ตั้งสติมั่นคงอยู่บนง่ามไม้ สายตาจ้องเขม็งเล็งจังหวะสู้กับท่อนซุงมฤตยู แต่ละท่อนถ้าเอาเข้าโรงเลื่อย ทั้งหมดนี้น่าจะทำเงินมหาศาล แต่เงินขนาดไหนก็ไม่เทียบเท่าแม้ปลายเล็บของการเอาชีวิตรอดในยามนี้

หลายจังหวะผมเอามือยันท่อนซุง ผลักมันเปลี่ยนทาง ซุงมหึมาเมื่อลอยอยู่บนน้ำ มีน้ำหนักไม่มาก บางครั้งผมก็เหนี่ยวตัวเอาขายืนบนท่อนซุง หรือถีบส่งมันหลุดพ้นต้นไม้ที่ผมอาศัย

เกมส์ท้าพญายมกับท่อนซุงมฤตยู กลายเป็นเกมส์ทำให้พลังชีวิตผมกลับคืนมา ทะเลซุงลอยละล่องหายไป แต่ทะเลที่นำพา "คลื่นมัจจุราช" ยังท่วมขุ่นคลั่กอยู่ปลายเท้าด้านล่าง

ความน่าสะพรึง ความสยดสยองหวั่นกลัวเริ่มจาง ผมซบหน้าลงกับท่อนแขนและลำต้นไม้ที่ช่วยชีวิต ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียแสนสาหัสโถมทับเข้ามาแทน มันเหนื่อยแทบขาดใจตาย

โมงยามผันผ่านไม่รู้กี่ชั่วโมงแล้ว นาฬิกาข้อมือผมโดนกระชากหายไปกับใต้คลื่นยักษ์ รวมทั้งมือถือที่ปลิวออกไปจากกระเป๋า ท้องฟ้าเหนือหัวขมุกขมัว เหมือนดังพระอาทิตย์หลบหลีกเร้นกายทิ้งโลกนี้ไว้ลำพัง

สิ่งที่ตามมากับความเหนื่อยล้าสุดขีด คืออาการเจ็บคอ เจ็บตา!

ใต้ห้วงน้ำมัจจุราชที่ผมกลิ้งโค่โล่เป็นลูกขนุน น้ำทะเลทะลัก เข้าปากผมหลายอึก เป็นน้ำทรายปนโคลน ส่งอาการพะอืดพะอมคลื่นไส้อยากอาเจียนตลอดเวลา

ที่เข้าตาก็กำลังส่งผลให้ระคายเคืองแสบตาแทบลืมไม่ขึ้น!

ผมทดลองอ้าปากตะโกน ก็รู้ว่าเสียงแหบแห้งสิ้นดี...

"บุญ บุญโว้ย อยู่หนาย?"

ไม่เป็นผล เสียงแทบไม่ครูดลำคอ ยิ่งพยายามยิ่งแสบคอบาดคอราวกับในลำคอมีกระดาษทรายเข้าไปขัดถู สู้ถนอมกำลังกอดลำกิ่งต้นไม้นี้ไว้ดีที่สุด

เวลาจะผ่านไปอีกนานแค่ไหนไม่รับรู้ ผมม่อยกะรอกด้วยอ่อนเพลียสัปหงกเป็นพักๆ

"โก โก...วู้ วู้ วู้ โกอยู่ม่าย ได้ยินม่าย"?

เสียงตะโกนแว่วมาจากดงไม้เบื้องหน้า เหมือนเสียงสวรค์ เสียงของบุญญาติผู้น้อง

ไอ้หนุ่มพลังม้า ตีนติดเทอร์โบเอาตัวรอดจากพลังคลื่นยักษ์!!!

ผมรวบรวมพลังเสียงอีกหน ตะโกนกลับไปสุดเสียงสังข์

"อยู่นี่ อยู่นี่ อย่าลงจากต้นไม้นะ"

บุญน่าจะอยู่บนต้นไม้ไม่ไกลนัก ร้องตอบกลับมา เสียงดังฟังชัดกว่าเก่า

"รู้แล้ว รู้แล้ว รอน้ำลดก่อน"

กำลังใจเพิ่มขึ้นอักโข เราสองชีวิตไม่ถูกคลื่นยักษ์ขยี้เป็นเศษไม้ผุๆ เป็นความโชคดีมหาศาลหนึ่งในร้อย โกงความตายสำเร็จ

คนอื่นๆบนเกาะนี้กับบนแผ่นดินนี่สิ ชะตาชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้าง?

แต่ละคนล้วนฉลองคืนคริสต์มาสเต็มคราบ ผมไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่า เจ้าคลื่นมัจจุราชกระหน่ำไปถึงช่วงไหนของแผ่นดินถ้าคนพักริมหาดนอนหลับเพราะความเมา อ่อนเพลีย น่าจะแย่

ได้แต่ภาวนาอีกไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่ของวัน ให้คลื่นมัจจุราช หมดฤทธิ์เมื่อขึ้นฝั่ง!!!

(((ผมรู้ว่าคำภาวนาไม่เป็นผล และผลลัพธ์จากคลื่นมัจจุราช ก็เลวร้ายห่างไกลกว่าที่คิดเป็นล้านเท่า เมื่อได้กลับฝั่งในเวลาต่อมา!)))

ผมพยายามเพ่งมองสายน้ำสีโคลนเบื้องล่างที่ไม่มีทีท่าจะไหลย้อนกลับลงทะเล กระแสน้ำเห็นชัดว่า พุ่งไปข้างหน้าตลอดเวลา

วิธีการไหลที่ประหลาด มันผลัก ดุนดันไปหน้า ไม่มีเกียร์ถอยหลัง ยังกับเบื้องล่างใต้สายน้ำนั้นมีกองหนุนเนื่องคอยเติมพลังทำลายล้างไม่ขาดระยะ

สิ่งกีดขวางที่ไม่แข็งแรงมาก บังอาจเกะกะบนเส้นทางของมัน ถูกอัด กระแทก ทึ้ง กระชากรากพังพินาศ วัตถุนานาชนิดลอยฟ่องเกลื่อน เกิดมาไม่เคยพบเห็นพลังมวลน้ำที่มหาศาลยิ่งกว่าพลังใดๆเช่นนี้

ต้นสนทะเลที่ผมเกาะเกี่ยวเหนี่ยวตัวมีขนาดใหญ่พอเหมาะ หยัดยืนสู้กับความแรงกระแสน้ำได้ ผิดกับต้นมะพร้าวหลายสิบต้นที่สูงชะลูด รากลอยโดนถอนรากถอนโคนระเนระนาดเป็นระนาว

ผมพยายามสังเกตมวลน้ำกับระดับน้ำไม่ลดละ หาจังหวะและโอกาสที่จะลงจากต้นไม้ กระแสน้ำเริ่มลดระดับจากสูงปริ่มปลายเท้า บัดนี้ลงไปครึ่งต้นและมีทีท่าจะลดลงเรื่อยๆ

น้ำกำลังลดพร้อมกับเวลาที่คืบคลานเข้ายามเย็น ทุกอย่างเงียบสงัด ลมไม่พัด ใบไม้ไม่กระดิก ปราศจากเสียงนกร้อง ไร้สรรพสำเนียงเสียงสิ่งมีชีวิต

พลั่ก พลั่ก พลั่ก เป็นเสียงได้ยินจากข้างล่าง และเสียงถอนหายใจกับเสียงไอโขลก โขลก ของผม เมื่อแสบคอเป็นบางครั้ง ความหิวโหยไม่มี มีแต่คอแห้งกระหายน้ำ

น่าขำ น้ำทั้งทะเลและมหาสมุทรอยู่เบื้องล่าง ใกล้แทบเอามือวักดื่มได้ แต่ดันกินไม่ได้สักอึก?!?

ความมืดเริ่มโรยตัวลงมา เตือนให้ผมรู้ว่า อยู่บนยอดไม้นี้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว

สภาพน้ำข้างล่างเป็นอย่างไร?

ผมมองไม่เห็นพื้น ได้แต่กัดฟันอดทน คิดว่าอดข้าวอดน้ำอยู่บนยอดไม้สักวัน ร่างกายทนไหว ไม่ตายแน่

ผลีผลามลงไปข้างล่างนี่สิ คลื่นยักษ์มัจจุราชอาจถล่มซ้ำเติมมาตอนไหนก็ไม่รู้

แผ่นดินไหว ต้องมี "อาฟเตอร์ช็อค"!

เจ้าคลื่นยักษ์ จะมี "คลื่นอาฟเตอร์ช็อค" หรือเปล่า...ผมไม่ไว้วางใจ!!!

(((ยังมีต่อ)))

 

จองครับ
พระกริ่งคำข้าว"จอมเศรษฐี"
'หลวงปู่สรวง-ปู่หมุน'เสกปี39
800

 

พระอายุสร้างหย่อน 30 ปีเล็กน้อย ประวัติชัดเจนทั้งสร้างและเสกโดย "หลวงปู่สรวง กับ หลวงปู่หมุน" ที่สุดของ "ขวัญใจมหาชน" ในยุคไล่เรี่ยกัน มีราคาหลักร้อย ทั้งที่อีกสัก 10 ปี อายุสร้างก็จะหย่อนครึ่งศตวรรษไม่เท่าไหร่ ในขณะที่พระใหม่บางยี่ห้อวันนี้ สตาร์ทราคาที่หลักพัน

เห็นแล้วน่าขำ สำหรับคนที่เป็นเหยื่อโฆษณาขายพระ ถ้าให้ผมเลือก บางอย่างแจกฟรี เดินหนีทันที แต่ "หลวงปู่หมุน กับ หลวงปู่สรวง" ขอให้แท้ ทันท่านเสก-อธิษฐานจิตประจุพลังงาน หากมีโอกาสต้องควักกระเป๋าซื้อ ต้องรีบควักทันทีเหมือนกัน

โมทนา น้องแมวไทย รับพระกริ่งชื่อประทับใจ "จอมเศรษฐี" องค์แรก ยังมีอีกองค์สุดสวย สง่างาม เต็มตาประทับทรวงพอกัน เดี๋ยวจะนำลง สำหรับองค์นี้ จัดส่งน้องแมวไทยพรุ่งนี้ครับ

 

"จอมเศรษฐี-หลวงปู่สรวง"
พระกริ่งคำข้าว-ปู่หมุนเสก
~~~~~~~~~~~~~~~

องค์ที่ 2 พระกริ่งคำข้าว"จอมเศรษฐี" ผ่านลมปราณการเสกจาก "หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน" และ "หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน" กับเหล่าคณาจารย์แถวหน้าของประเทศคับคั่งในปี 2539

ประวัติอ่านด้านบนได้ครับ ชมองค์ที่ 2 ภาพจริง องค์จริง มอบร่วมบุญราคาเดิม

=======800=======

ไม่เคยผ่านการใช้ ผ่านมือใคร สดสวยสมบูรณ์ครบทุกอณู

ความงามที่ให้ภาพบรรยาย

ซ้าย-ขวาสบายตา

ขนาดกับใต้ฐานสะอาด ตำหนิ
ที่ควรดู ควรรู้ อยู่ครบครัน เชิญ
อ่านรายละเอียดองค์แรกด้านบน

 

วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๒ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง
ใส่บาตรในเช้าวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

ขอนิมนต์ครับ และสวัสดีครับพี่วัน และสมาชิกทุกท่าน

 

เงินค่าโครงไก่และค่าอาหารแมว โอนให้เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน
ข้าวสารจัดส่งให้เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

 

หลวงพ่อรับการใส่บาตรยามเช้าด้วยความรัดกุมมีหน้ากากพร้อม ช่วงนี้ "โควิด" กลับมาระบาดอีกรอบหลังสงกรานต์ หมอเตือนให้ระวังอย่าประมาท มีหน้ากากติดหน้าไว้เสมอ เจ้าไวรัสตัวนี้มันดิ้อด้าน เหมือนผีร้ายฆ่าไม่ตายเด็ดขาด เราก็ "ป้องกัน" ตัวเองให้ดีที่สุด ส่วนหน้าที่ "ปราบ" ปล่อยเป็นเรื่องของยากับหมอ

อนุโมทนาบุญยามเช้า บุญรักษาสมาชิกทุกท่านครับ

 

หมู่นี้น้องเรย์ไม่มีภาพ "น้ำ" งามๆมาดับร้อนประจำวัน อาจร้อนเกินพิกัด "วิ่ง" มากไม่ไหว ดีแล้วครับ รักษาตัวไว้อย่าหักโหม เจ้าฮีทสโตรคไม่เข้าใครออกใคร

งั้น เอา "จอมเศรษฐี" ไปคลายร้อนก่อนละกัน

โมทนาจัดส่งแล้ว ท่านกำลังเดินทาง อีกเดี๋ยวลูกน้องมา ลงเลขให้ชมครับ

 

ข้าวขึ้นราคา อุณหภูมิก็ร้อนฉ่า แต่ว่ายังมี "น้ำใจ" ชโลมดับพิษร้อนให้กับเพื่อนสี่ขากว่าร้อยชีวิตดังเดิม ต้องขอบคุณสะพานบุญ ทำหน้าที่เข้มแข็ง

ร่วมโมทนากันอีกสักตั้งเป็นแรง เป็นพลังคลายร้อนให้กับตัวเอง และสถานการณ์บ้านเมืองกับโลกที่มีแต่ "สงคราม" อันร้อนรุ่มยิ่งกว่านรกแตก

ศีลธรรมไม่กลับมา เมตตาธรรมไม่ค้ำจุนโลก โลกาจัก...วินาศ!!!

 

เลขจัดส่งวันนี้

--ED 3034 9248 3 TH ปลวกแดง
--ED 3034 9249 7 TH นครปฐม

 

เปิดดูไฟล์ 6369914 โอนล่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่

โอนล่ะครับพี่วัน พอดีช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเพิ่งเสียคุณแม่ และก็เลยบวชหน้าไฟ แล้วก็ต่ออีกสองสามวัน เลยไม่มีรูปน้ำสวยๆมาฝากครับ