เห็นภาพคลื่นน้ำทะเลซัดท่วมภูเขามาเลย(พี่ที่ทำงานบอกนั่งสมาธิเห็น)

คน มีสูงมีต่ำ ด้วยศีลธรรม
ไม่รู้สึกถึงกายในของตัวเองก็ไม่รู้หรอก

เวลาโกรธกายในเราก็เป็นอสูรกาย เวลาที่ใจเป็นอกุศลแรง ๆ กายในเราก็เป็นเปรต

เชื่อเราเถอะ เรามีประสพการณ์ตรง

 

จิตใจที่ก่อภพก่อชาติ เป็นตัวบ่งบอกความสูงต่ำของคน

คนยิ่งมีศีลธรรม ยิ่งมีใจเบา ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ไปในภพภูมิที่ดีกว่า

 

เอาอะไรที่ไม่ปัญญาอ่อนมาโชวสิครับ

 

นั่นก็มุมมองทางโลก นี่ก็มุมมองตามหลักศาสนา
เอามุมมองทางโลกไปตอบ มันไม่ได้คำตอบที่ถูกต้องเสมอไปหรอกนะ อย่างมากก็ได้แค่คำตอบที่คุณพอใจ อย่างนั้นเราไม่ตอบหรอก

 

คนที่รู้ก็เยอะไป คนที่สงสัยยิ่งเยอะกว่า คนที่รู้ไม่พูด คนที่พูดไม่รู้
^_^

 

จริงๆแล้วที่คุณซัลตอบ "มันไม่ใช่มุมมอง" แล้วนะครับ "ในบางสิ่งที่คุณซัลตอบมันเป็นความจริงเลยละ" อย่างใจเบากายเบา แต่คนเขาไม่รู้กันเอง หรือรู้แค่มโนเอาเท่านั้นครับ

 

คนเราเท่ากันแค่การเกิด แก่ เจ็บ ตายนี่แหละ
ใคร ๆ ก็เกิดมาเจอ อนิจจัง ทุกขัง อนิจจาเหมือนกัน เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป อยู่บนความไม่เที่ยง และ เป็นไปตามเหตุปัจจัย ทุกคน

 

เวลา
เท่ากันที่ไหนล่ะ เด็กบางคน ตายตั้งแต่ยังไม่ออกจากท้องแม่เลย

 

คิดเผื่อคนที่ไม่ได้ใช้ด้วยสิ

 

หาง่ายมาก ถ้าจะหา แต่กลัวว่าเจอแล้วดูภายนอกไม่เป็นอย่างที่ตนนึกคิด
อาจจะไปเผลอปรามาสท่าน ให้เป็นกรรมเปล่าๆ เพราะฉะนั้นไม่พบดีที่สุด
ถึงเวลาได้พบเอง มีวาสนาจึงได้มาเจอกัน มองภายนอกท่านก็เหมือนคนปรกติทั่วๆไป
ขออย่าได้สงสัยอะไรเลย ขอให้เร่งปฏิบัติ เร่งภาวนากัน เร่งขจัดความชั่วร้ายในจิตใจให้หมดสิ้น
ขอให้เป็นคนดีจริงๆ เท่านี้ก็พอแล้ว คิดดี พูดดี ทำดี ต่อไป .

 

ท่านนี่ชักไม่ธรรมดาแล้วซิค่ะ

คน=คน เป็นกฎเกณฑ์สากลจักรวาล

อยากให้โลกสวยหรือไม่ แสดงว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

 

ครับผม ขออนุญาตครับ
ดาราแฟร์ ขอบอก ออกความเห็นครับ
ไม่มีใครรู้ดี เท่ากับองค์ท่านจริงๆครับผม.
ขออภัยหากความเห็นนี้ ไม่เป็นที่ถูกใจใครๆครับผม.

 

คนดี เห็นผิด ก็มี คนดี เห็นถูก ก็มี
ถ้าเอาความเห็นผิดเห็นถูกออกไป ก็จะเหลือแต่คำว่าคนดี

ถ้ายังมีการแบ่งแยกอยุ่ โลกนี้คงจะไม่เหลือคนดี เพราะต่างฝ่ายต่างมองอีกฝ่ายว่าไม่ดี

ทิษฐิแก้ได้ แต่นิสัยส่วนลึก แก้ยาก

การทำความจริงให้ประจักษ์ แก่ตัวเรา ตัวเขา คือการปรับทิษฐิที่ดีที่สุด เขาจะปรับทิษฐิได้เมื่อเห็นความจริงตามที่เราพูด

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

เมื่อคนเราหาที่พึ่ง ก็หาที่พึ่งที่ตนชอบใจ เมื่อหาที่พึ่งที่ตนชอบใจไม่ได้ ก็เลยคิดจะเป็นที่พึ่งให้คนอื่นด้วยตนเอง

ธรรม เป็นของโลก ไม่ได้เป็นของเรา
แต่เราต้องพึ่งพาธรรม ในการทำความเข้าใจโลก

ธรรม ไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ แต่เป็นสิ่งที่มันเป็น
ธรรมชาติ มันเป็นได้เท่าที่มีเหตุปัจจัยให้มันเป็น มันเป็นอย่างที่เราต้องการไม่ได้ถ้ามันไม่มีเหตุปัจจัยให้มันเป็นอย่างที่เราต้องการ


อะไรที่มันพิสูจน์ให้แจ้งไม่ได้ อย่าเอามาพูดเลย เป็นภัยแก่ตัวและคนรอบข้างเปล่า ๆ

 

ค่ะ ถ้าจะให้จิตยิ้มเปรียบการกระเพื่อมไหวของพลังงานใต้พื้นพิภพ เป็นการไหวไปไหวมา เปรียบเทียบแล้วความรู้สึกเสมือน การประเพื่อมที่ไหวไปไหวมาเหมือนการยืนอยู่บนแพ หรือ บนเรือที่จอดนิ่ง ๆ ที่ลอยบนผิวน้ำที่กำลังกระเพื่อมอยู่นะค่ะ

ไปเจอคำทำนายของหลวงปู่สรวง ตรงกับคำที่ท่านทำนายว่า "น้ำทะเลตีข้างล่างครึ่งโลกแล้ว ไม่ใช่ครึ่งประเทศนะ" ทำให้เปรียบเทียบเห็นภาพได้ชัดเลยค่ะ (นาทีที่ 1.20)

 

นี่แหละปัญญาท่าน...ท่านแมวซา
...ปลุกปัญญาให้ตื่นขึ้น จะได้ช่วยพระพุทธศานา

..สิงหราชา..​

 

นี่ท่านเป็นชีหรืออุบาสิกา...อย่าคิดไว้ก่อนสิ อย่าคาดหวังสิ....อย่าอยากให้เป็นอย่างที่ตนคิดสิ...นี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด..

 

ก็เห็นท่านไปมุงดูกับเขาด้วยไม่ใช่หรือ

 

เป็นชียังไม่สำรวมอินทรีย์นะเราเนี้ย...ขำอะไร สำรวมหน่อยสิแม่ชีจิตยิ้ม

 

เราบอกไว้แล้วก่อนหน้านี้ไง..
...โทสะสร้างเปรต....โทสะสร้างสัตว์นรก...ทั้งหมดมีต้นมาจากความเห็นผิด....ให้ทุกคนที่เพิ่งศึกษาธรรมะ ระวังกันให้มากเรื่องความเห็นผิดสำคัญที่สุด

 

จริงๆแล้ว..เขามีความสามารถ..เขามีปัญญา...เขามีอะไรอีกมากมาย
...แต่เขาเห็นผิด เขาจึงต้องเป็นอย่างนี้ ผู้ฝึกสมาธิจำไว้ให้ดี....จิตจะอยู่ภายใต้อำนาจของความหลง เมื่อจิตเข้าสู่ภวังค์....ศรัทธาตถาคตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด....เป็นเกราะคุ้มกันเรา ให้พ้นจากบ่วงมาร...จำไว้ให้จงดี