มีคำทำนายภัยพิบัติ พระยาธรรมที่ท่านทั้งหลายคิดว่าเชื่อถือได้กันบ้างหรือเปล่า

ครับผม ร่วมกันขยายพระศาสนา ปลูกดอกบัวในหลายพื้นที่ ในหลายประเทศครับ
สาธุอนุโมทนาในการสร้าง นำพระพุทธรูป และทำนุบำรุงวัดไทยในหลายเมือง ที่อเมริกา ยุโรป และอ้มริกาใต้ครับผม ผมภูมิใจที่ได้มีส่วนภารกิจนี้ครับ

 

ผมพูดได้ไหมครับ

เชื้อพระวงศ์พระมหากษัตริย์ไทยครับ...
บุญญาบารมีของพระองค์ท่าน... ยังอยู่ครับ

คนที่ทำ คนที่ทราบ ลูกพี่ผม เราทราบดีครับ
ว่าเราต้องสมควรจัดการ และรักษาอย่างไร

ภัยพิบัติใดใด เวรกรรมใดใด มันก็หมุนตามกาล
เหมือนพุทธทำนายครับ
พุทธศาสนนิกชนที่แท้จริง สายเลือดสยามอยู่ที่ใดก็ร่มเย็นครับ ส่วนตัวผม เจ้านาย หัวหน้า หมู่คณะพุทธบริษัท เราไม่ได้พูดอะไรเยอะหรอกครับ เราทำให้เกิด

รัชกาลที่ 10 พ่ออยู่หัวของชาวไทย ท่านทรงทราบดีครับ ขอให้เพียง สามัคคี อยู่ในศีลในธรรม
บารมีของพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลและองค์รัชกาลที่ 10 ยังทรงเป็นพลังงานแห่งมหาบารมี อยู่ครับ ไม่หายไปไหน
เพียงแต่ กลาสมัยต้องใช้เวลา และภายใต้ กรรม เป็นผู้แสดงครับ

เห็นไหมครับ ถึงประเทศไทย จะผจญความทุกข์ยากในอดีต โดนบีบคั้น แต่ ก็ผ่านมาได้ จะมีพระเจ้ามหาราช วีรบุรุษ วีรสตรี ทีมงานหมู่คณะนักปราชญ์
นักรบ เกิดขึ้น กำเนิดขึ้น รวมถึง พระปัจเจก พระโพธิสัตว์ พญาธรรมิกราช นางแก้ว และ สายฌานทุกภพภูมิ จะพร้อมกัน จัดสรร ลงมาจุติ เพื่อช่วยชาติบ้านเมือง ไม่ว่าทางตรงและทางอ้อม

ก่อนจะเถียงกัน ก่อนจะตามหา ผมอยากให้ทุกคน
ทราบหน้าที่วันนี้ ตอนนี้ เราทำอะไรไปบ้างในแต่ละวัน
เพื่อแค่ผลประโยชน์ตัวเอง สนุกไปวันๆ หรือ เพื่อสังคม เพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง ...การหาเลี้ยงชีพในสังคมปัจจุบันก็ลำบาก ผมเข้าใจนะ การปฏิบัติธรรม กับหลักความเชื่อ ไสยศาสตร์ต่างๆ จึงทำให้จิตใจเราไขว้เขว หลงทาง แต่ผมอยากให้ทุกท่านเข้มแข็งทางกำลังจิตของตนเอง ไม่เป็นผู้หลง ในกระแส

ดูอย่างคราวสมเด็จพระนเรศวรทรงกู้เอกราช
ผู้คนนับแสน ตามท่าน จากที่ท่านทรงทำพิธีเสี่ยงพระบารมี ... เห็นไหมครับ ... ประวัติศาสตร์ก็ได้จารึกไว้

ถึงจะเกิดเหตุเภทภัยใดใด เวลานั้น ผู้ที่เป็นวีรบุรุษ วีรสตรี นักปราชญ์ ผู้ที่ได้รับการจัดสรรมากำเนิดเพื่อ
ช่วยชาติบ้านเมือง ในวิธีต่างๆ ไม่มากก็น้อยนั้นจะพากันมารวมตัวเอง โดยไม่ต้องพูดมากหรือด่ากัน
เรียกว่า มองตาก็รู้ใจ แบบนั้นล่ะครับ

ขอให้ทุกท่าน มีสติ และปัญญาให้มากในการรับชมนะครับ ...

 

ผมเชื่อว่าราชวงศ์จักรี จะยืนยง อยู่คู่ ประเทศไทยไปอีกนานครับ สำนักตาผ้าขาวป่าสามแยกทำนายไว้ว่า ราชวงศ์จักรี จะอยู่คู่ประเทศไทยนานมาก แต่ผมไม่ทราบว่านานเท่าไร

ตาผ้าขาวเล่าอีกว่า
อนาคตพระศรีอารย์จะลงมาเกิดในตระกูลของเชื้อพระวงศ์ ตั้งราชวงศ์ใหม่ ในอีก 1400 ปี ไม่ทราบว่าจริงเท็จอย่างไร

ตอนนี้ผมไม่ได้ฟังธรรมสำนักตาผ้าขาวป่าสามแยกแล้ว เพราะรู้สึกว่าจริตไม่เข้ากันสักเท่าไร คือตาผ้าขาวท่านจะเน้นศรัทธา อย่างนี้ต้องอย่างนี้ ๆ ๆต้องตรงตามข้อบังคับ ส่วนผมจะเน้นความเข้าใจมากกว่า

หรือถ้าจะฟังธรรมของสำนักตาผ้าขาวแกก็จะฟังเป็นพระสูตรมากกว่า

ที่ผมชวนท่านทั้งหลายหาคำตอบเรื่องพระยาธรรมหรือพระจักรพรรดิ์ก็เพราะ
ผมเชื่อว่า พวกท่านจะมาในลักษณะที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางด้านการแย่งชิงประเทศเรา แต่น่าจะเน้นการ พิชิตโลก และ/หรือ ชำระศาสนาต่าง ๆ มากกว่า

รวมพลังศาสนาต่าง ๆ แต่ไม่ได้รวมให้เป็นหนึ่ง แค่สามารถทำให้คนอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติอะไรประมาณนั้น

อีกประเด็นคือ ช่วงนี้อะไร ๆ ก็ทำให้ผมนึกถึงคำทำนายนี้น่ะนะครับ เลยอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับคำทำนายนี้ แต่ก็ ช่างเถอะ

คงจะต้องรออย่างเดียว ไม่ได้เห็น หรือไม่ได้เป็น ก็ตาย พอตายก็เป็นอิสระจากคำทำนายพระจักรพรรดิ์ได้เอง

 

กระทืบ ล้านไลค์

 

เขียนได้ดีครับคุณจิตยิ้ม

 

ใจเย็นคุณ แมวยิ้ม

ท่าน ห้าศูนย์ แกทดสอบเจตสิก สัมผัส ผัสสะ...

 

= =

ผมไม่รู้จักของพวกนั้นหรอกคับ
ผมยังไม่ละเอียดพอที่จะมีความรู้ลึกระดับจิตขนาดนั้น

จะมาทดสอบคนไม่มี ก็บ้าไปแล้วน่ะสิ

 

คิดว่าผมอยากเป็นพระจักรพรรดิจนตัวสั่นเลยจะมาทดสอบบารมี

= =

ผมน่ะ ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นได้หรอก เพราะรู้ว่าบารมีไม่ถึง

แต่ช่วงนี้มีอะไรบอกเหตุให้ผมต้องคิดจริง ๆ ว่า เอ๊ะมันจะใช่ผมหรือเปล่า เข้ามา ซึ่งผมเล่าให้ใครฟังไม่ได้ว่าเป็นยังไง

ถึงอยากเป็น หรือมีสัญญาณเข้ามาว่าผมอาจจะเป็นก็คิดว่าตัวเองบารมีไม่ถึง เลยเครียด

แกก็มาลองทดสอบบารมีซะ

ไม่ได้รู้อะไรเลย.. ว่าผมเครียดกะเรื่องนี้ขนาดไหน

https://palungjit.org/threads/พระเจ้าจักรพรรดิราช.276912/page-4

ลิ้งนี้ ผมตอบกระทู้ไว้ตั้งแต่ปี 2013-2014
ปีนี้ 2018

ผมอุส่าสบายใจกับเรื่องนี้ได้ 3-4 ปี

มาปีนี้มีสัญญาณเข้ามา เครียดหนัก
เอาเถอะ ไม่เจอกับตัวเอง เขาไม่รู้หรอก

แต่ยังไง ๆ ถ้าไม่มีไอ้เรื่องคำทำนายพระจักรพรรดิ์บ้าบอนี่เข้ามาผมคงจะไม่ฝึกตัวเองจนฉลาดขึ้นกว่าเมื่อก่อนบ้างหรอก ยังดีที่เรื่องนี้ให้อะไรกับผมบ้าง

พยายามทำสมาธิอยู่บ่อย ๆ ต่อกันหลาย ๆ วันเท่าที่พอระลึกได้บ้าง
ฝึกจับลมหายใจจนหลับบ้าง ก็ไม่มีอะไรก้าวหน้าเลย

พวกคุณไม่รู้หรอก ว่าผมอยากพิสูจน์และพ้นจากเรื่องนี้มากแค่ไหน

 

ขออนุญาตพูดในความคิดเห็นนี้นะท่าน จขกท.

ท่านอย่าเครียด..ท่านใช้ปัญญาญาณที่ท่านมีในตนให้จงหนัก พิจารณาตาม.เผื่อได้ประโยชน์กับตัวท่านเอง...
ข้อคิดนะ
- ท่านอยู่ในความอุปถัมภ์ของผู้ใดในเวลานี้..
- ผู้อุปถัมภ์และผู้ถูกอุปถัมภ์ จะอยู่ไม่ห่างกัน ไปมาหาสู่กัน ช่วยเหลือกันสม่ำเสมอ ไม่มีอคติต่อกันใดๆ.
- ผู้ถูกอุปถัมภ์ มีบารมีมากกว่า ผู้อุปถัมภ์
-ผู้ถูกอุปถัมภ์ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพศใดเพศหนึ่ง..เป็นชายก็ได้ เป็นหญิงก็ได้.สำคัญที่จิตข้างในเป็นพระ กายข้างนอกเป็นคนธรรมดา อาจจะยากจนเงินทองด้วยก็ได้.
- สำหรับผู้อุปถัมภ์ก็เช่นเดียวกัน สำคัญที่ข้างในจิตเป็นพระเถระ..
- ผู้อุปถัมภ์-ผู้ถูกอุปถัมภ์ ทั้ง 2 ยังมีชีวิตอยู่ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายจากกันไม่ได้ เพราะมีหน้าที่ที่ต้องทำด้วยกันอยู่..
-ทั้ง 2 เกิดที่ประเทศไทยและอยู่ที่ประเทศไทย...
- ทั้ง 2 เป็นคนธรรมดา ไม่มีชื่อเสียงใดๆ ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
- ต้นกำเนิดเป็นลูกชาวนา..
- แม่ผู้ให้กำเนิดมีหลายเชื้อชาติ ลูกจึงมีหลายเชื้อชาติตาม
- ไม่มีอาชีพ ไม่มีหน้าที่การงาน ไม่มีรายได้ใดๆ จึงถูกอุปถัมภ์ไว้.
- ผู้อุปถัมภ์จึงอุปถัมภ์ ในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะอยู่ จะกิน จะนอน จะใช้ในข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันในแต่ละวัน แต่เป็นที่รักในคนทั้งหลาย
- มีธรรมะ เป็นของตนเอง ไม่อ้างอิงธรรมะจากที่ใด จากบุคคลใดๆ แต่มาบรรจบสอดคล้องในธรรมะของตถาคตที่สอนเราในพระพุทธศาสนาทุกวันนี้ จึงได้ชื่อว่า ราชาแห่งธรรม หรือธรรมมิกราช.และเป็นจักรพรรดิในตนเอง ด้วยว่า เป็นที่รักของคนทั้งมวล
- สังเกตและข้อคิด หากปรากฎตัว เมื่ออายุ 49 ปี ภัยพิบัติไม่เกิด เพราะผู้คนยอมรับในธรรมะ และนำมาปฎิบัติกัน ฉะนั้น จึงปรากฎตนในวาระ 2 คือ เมื่อมีอายุ 52 ปี หลังภัยพิบัติ เพราะคนในโลกเหลือน้อยและจิตใจเปลี่ยนไป
มีความสามารถ ในทางปัญญาเป็นเลิศ ไม่งั้นจะทำหน้าที่รักษาพระพุทธศาสนาให้ครบ 5000 ปีต่อไปไม่ได้
- ทั้ง 2 ไม่เป็นศิษย์ผู้ใดในทางธรรม ด้วยว่าได้บรรลุธรรมครบจบแล้ว ก่อนลงมาเกิด จึงไม่จำเป็นต้องมาปฎิบัติใหม่ แค่ทบทวนก็พอ.
- ทรงธรรมฤทธิ์ คือทรงบุญฤทธิ์อภิญญา หมายความว่า จะใช้บุญญฤทธิ์อภิญญาเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้

ก็แค่ความคิดเห็นนะ นำมาแบ่งปันกัน..ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด.

 

การพิสูจน์
- เป็นบุคคลอัจฉริยะ ในทุกๆเรื่อง ไม่เหมือนผู้ใด แต่กลมกลืนกับผู้อื่นได้ จนแยกไม่ออก
ว่าใครเป็นใคร
- ไม่นำสร้างวัตถุมงคลใดๆ
- ไม่เรียกร้องค่าใช้จ่ายใดๆ หากไม่จำเป็น
- หาตัวพบเจอได้ยากมากที่สุด
- เผยโฉมไม่เผยตัว
ก็ลองคลำๆหาดู ดาราแฟร์ ยังไม่เจอตัวท่านนะ แต่รู้จากจิตของตนเอง เมื่อเวลาเจริญธรรม.
เป็นความคิดเห็นในส่วนตัวของดาราแฟร์เอง นำมาแบ่งปันกันในความรู้นี้ แล้วแต่ว่าท่านใดจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันออกไปเพียงใด...
ขอบคุณท่าน จขกท. ที่ให้พื้นที่นี้.

 

ขออนุญาตพูดในความคิดเห็นนี้นะท่าน จขกท.

ท่านอย่าเครียด..ท่านใช้ปัญญาญาณที่ท่านมีในตนให้จงหนัก พิจารณาตาม.เผื่อได้ประโยชน์กับตัวท่านเอง...
ข้อคิดนะ
- ท่านอยู่ในความอุปถัมภ์ของผู้ใดในเวลานี้..
- ผู้อุปถัมภ์และผู้ถูกอุปถัมภ์ จะอยู่ไม่ห่างกัน ไปมาหาสู่กัน ช่วยเหลือกันสม่ำเสมอ ไม่มีอคติต่อกันใดๆ.
- ผู้ถูกอุปถัมภ์ มีบารมีมากกว่า ผู้อุปถัมภ์
-ผู้ถูกอุปถัมภ์ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพศใดเพศหนึ่ง..เป็นชายก็ได้ เป็นหญิงก็ได้.สำคัญที่จิตข้างในเป็นพระ กายข้างนอกเป็นคนธรรมดา อาจจะยากจนเงินทองด้วยก็ได้.
- สำหรับผู้อุปถัมภ์ก็เช่นเดียวกัน สำคัญที่ข้างในจิตเป็นพระเถระ..
- ผู้อุปถัมภ์-ผู้ถูกอุปถัมภ์ ทั้ง 2 ยังมีชีวิตอยู่ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายจากกันไม่ได้ เพราะมีหน้าที่ที่ต้องทำด้วยกันอยู่..
-ทั้ง 2 เกิดที่ประเทศไทยและอยู่ที่ประเทศไทย...
- ทั้ง 2 เป็นคนธรรมดา ไม่มีชื่อเสียงใดๆ ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
- ต้นกำเนิดเป็นลูกชาวนา..
- แม่ผู้ให้กำเนิดมีหลายเชื้อชาติ ลูกจึงมีหลายเชื้อชาติตาม
- ไม่มีอาชีพ ไม่มีหน้าที่การงาน ไม่มีรายได้ใดๆ จึงถูกอุปถัมภ์ไว้.
- ผู้อุปถัมภ์จึงอุปถัมภ์ ในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะอยู่ จะกิน จะนอน จะใช้ในข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันในแต่ละวัน แต่เป็นที่รักในคนทั้งหลาย
- มีธรรมะ เป็นของตนเอง ไม่อ้างอิงธรรมะจากที่ใด จากบุคคลใดๆ แต่มาบรรจบสอดคล้องในธรรมะของตถาคตที่สอนเราในพระพุทธศาสนาทุกวันนี้ จึงได้ชื่อว่า ราชาแห่งธรรม หรือธรรมมิกราช.และเป็นจักรพรรดิในตนเอง ด้วยว่า เป็นที่รักของคนทั้งมวล
- สังเกตและข้อคิด หากปรากฎตัว เมื่ออายุ 49 ปี ภัยพิบัติไม่เกิด เพราะผู้คนยอมรับในธรรมะ และนำมาปฎิบัติกัน ฉะนั้น จึงปรากฎตนในวาระ 2 คือ เมื่อมีอายุ 52 ปี หลังภัยพิบัติ เพราะคนในโลกเหลือน้อยและจิตใจเปลี่ยนไป
มีความสามารถ ในทางปัญญาเป็นเลิศ ไม่งั้นจะทำหน้าที่รักษาพระพุทธศาสนาให้ครบ 5000 ปีต่อไปไม่ได้
- ทั้ง 2 ไม่เป็นศิษย์ผู้ใดในทางธรรม ด้วยว่าได้บรรลุธรรมครบจบแล้ว ก่อนลงมาเกิด จึงไม่จำเป็นต้องมาปฎิบัติใหม่ แค่ทบทวนก็พอ.
- ทรงธรรมฤทธิ์ คือทรงบุญฤทธิ์อภิญญา หมายความว่า จะใช้บุญญฤทธิ์อภิญญาเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้

ก็แค่ความคิดเห็นนะ นำมาแบ่งปันกัน..ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด.


/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


เรื่องคำทำนายพระธรรมมิกราชคำทำนายนี้ ผมไม่ได้คิดแล้วล่ะครับ
เพราะผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป้็นพระธรรมิกราชอยู่แล้วเพราะไม่ได้อยากบรรลุธรรม
ผมปรารถณาพุทภูมิ

ที่คิดมากกว่าคือคำทำนายชุดอื่น
และคำทำนายพระจักรพรรดิ์ที่ลุงเกษมเอามาปล่อย

เพราะ มันตรงกับผมเลย และบางคนก็ว่าพระยาธรรมคือพระจักรพรรดิ หรือ พระจักรพรรดิกับพระยาธรรมคือคนละองค์

อ้อ แน่นอนว่าผมมีธรรมมะของผมเองอยู่แล้วครับ แต่ก็เกิดจากมุมมองของการเข้าใจหลักการอิทัปปัจยตานั่นแหละ คือรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ด้วยความที่ คุณธรรมผมยังน้อยประกอบกับเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ก็เลยยังทำอะไร ๆ ได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ

 

ผมขอเสริมนิดหน่อยนะครับ ระหว่าง ความตั้งใจ กับ ความอยาก

ในนี้ไม่ได้มีใครไปว่าท่าน ว่าท่านตั้งใจที่จะไปเป็น หรือ ตั้งใจที่จะไม่เป็น
แต่ที่มีการพิมพ์ก่อนหน้านี้ในเรื่องความอยาก

สมมุติ ผมหิวข้าว อันนี้คือส่วนที่ผมไม่ได้ตั้งใจหิว แต่ความหิวข้าวมันผุดขึ้นมาของมันเอง
เวลาผมอิ่ม มีใครจะมาให้ผมทานอะไรเพิ่ม ความไม่อยากของผมมันก็ผุดขึ้นมาของมันเอง
โดยที่ผมไม่ต้องไม่ตั้งใจอะไรๆเลย

ทีนี้ เมื่อมีคนมาพูดเรื่องอยากกับท่าน นั้นไม่ได้แปลว่า เขาชี้ไปที่ความตั้งใจของท่าน

ผมไม่ได้อยากเผือกเรื่องระหว่าง ท่านซาลีแวน กับ ท่าน00000 นะ แต่มันอดไม่ได้หนะ
ในส่วนที่อดไม่ได้ที่จะคิดที่จะทำมันก็มีส่วนของความอยากนี้หละ นำพาไปสู่ความเกี่ยวข้อง

อยาก หรือ ไม่อยาก มันก็เกี่ยวอยู่ดี

การไปแก้ทุกข์ที่มันผุดขึ้นมาเอง กับ การแก้ความอยากนั้น ถูกทางแล้ว

หากมองไปเป็นว่า ไปชี้ที่ความตั้งใจ จะกลายไปเป็นการปรักปรำไปโดยปริยาย

เพราะเรานั้นไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นไปในแบบนั้น

ผมมาไกล่เกลี่ยเฉยๆนะครับ โดยส่วนตัวผมไม่มีความเห็นในเรื่องพระจักพรรดิ

 

ไปถามคุณ 00000 เองละกันครับ ผมไม่ได้เซฟอ้างอิงไว้

เขาลบโพสหนีไปละ คงไม่อยากเห็นคำเตือนโพสผมเด้งอีก


จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ความอยากเป็น แต่มันคือความอยากรู้ สงสัย อยากหาคำตอบมากกว่า แต่คุณ 00000 แกบอกว่าผมอยากเป็น

ละมาทดสอบผมเล่น



ผมอยากรู้ความจริงว่ามันเป็นไงมาไงต่างหาก เพราะมันทำให้ผมเครียดหนักมาก

ฝากบอกคุณ 00000 ด้วยว่า นักปฏิบัติธรรมที่ดี รู้ก่อนค่อยตัดสิน ไม่ใช่ตัดสินแล้วค่อยรู้ ถ้าไม่รู้อย่าเดา เพราะผมเคยตัดสินก่อนรู้มาเยอะแล้ว เลยรู้ว่ามันเป็นลักษณะของคนโง่

 

แล้วที่คุณกำลังทำอยู่นี้ เขาเรียกว่าอะไรครับ...แล้วที่คุณโกรธนี่เขาเรียกว่าอะไรครับ...โชคดีนะครับ...

00000, 17 นาทีที่แล้ว



////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

หาคำตอบของความสงสัย

และด่าคุณด้วย
โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า
ผมรู้ครับ ไม่ต้องถาม

และขอบคุณที่ไม่ได้ม้วนเสื่อจริงนี่หว่า

อ่อ คุณธรรมผมไม่ค่อยสูงเท่าไรนะครับ เพราะผมเป็นมือใหม่หัดขับ

 

สงสัยในสิ่งที่มันเป็น

หากสมมุติ ผมสงสัยว่าพระอรหันต์ท่านเป็นอย่างไร ผมเองก็ต้องเป็นพระอรหันต์ก่อนนี้หละครับ
ผมถึงจะหายสงสัย ภูมิธรรมพอๆกันหรือสูงกว่าถึงจะเข้าใจกันได้หนะครับ

ความสงสัยมันแก้ได้ด้วย การน้อม การคิด การปฏิบัติ เพื่อเข้าไปเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งๆนั้น
เพื่อเข้าไปกลมกลืนกับสิ่งๆนั้นไปเลยหนะครับ

ท่านลองสังเกตสำนวนท่านดีๆนะท่าน ซาลีแวน

จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ความอยากเป็น แต่มันคือความอยากรู้ สงสัย อยากหาคำตอบมากกว่า
ผมอยากรู้ความจริงว่ามันเป็นไงมาไงต่างหาก

ผมไม่ได้ตัดมาบางตอนเพื่อจะมาหักล้างท่านนะ แต่การที่สามารถไปรู้ในสิ่งต่างๆได้
โดยที่เราไม่ได้เคยเป็นอะไรๆเลยกับสิ่งนั้นๆมานี้ มันแก้สงสัยได้ยากครับ

 

ผมพูดไปบ้างแล้วครับ ว่าเพราะคำทำนายพระจักรพรรดิ์นี่แหละทำให้ผมฉลาดขึ้น

นั่นเพราะผมพยามทำความเข้าใจธรรมดาต่าง ๆ และพยายามทำญาณให้เกิด เพื่อที่จะได้สืบค้นความจริงของเรื่องเหล่านี้ เบื้องต้นผมทำสมาธิทุกวันให้มันสามารถทำฌาณได้นั่นแหละครับ แต่ผมไม่เคยปฏิบัติได้ผลเลย ทำต่อเนื่องมาก็นานอยู่ครับ

ดังนั้นผมพยายามหาคำตอบด้วยการน้อมเรื่องนี้ใส่ตัวอยู่แล้ว
แต่พอดีช่วงนี้ สัญญาณบางอย่างเข้ามา ทำให้ผมสงสัยหนักกว่าเดิม

เลยอยู่ไม่เป็นสุขเท่าไรครับช่วงนี้

 

การน้อมมาใส่ตัว ก็เป็นการเข้าไปเป็นที่แนบสนิทยิ่งๆขึ้นนี้หละครับ

ผมก็ งงๆอยู่ ว่าท่านมีปัญหาอะไร กับแค่คำว่า อย่ากเป็น
จนต้องมาฟึดฟัดแสดงความไม่อยากเป็น

ทั้งๆที่ การน้อมเข้ามาจนค่อยๆเป็นเรื่อยๆนี้หละครับ ถูกทางแล้ว
หากท่านฟึดฟัด ไม่อยากเป็นๆ แล้วเมื่อไหร่ท่านจะหายสงสัยหละครับ

ไหนๆก็สงสัยแล้วก็ไปให้มันสุดทางสิครับ ชาตินี้ไม่ได้ ชาติหน้าโน้นๆก็อาจจะได้เป็น
เป็นแล้วได้หายสงสัย พระจักพรรดิก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับเส้นทางพุทธภูมิ

 

เพราะเกรงว่าความอยากเป็นจะทำให้ผมหลง เหลิง ทำตัวผิด ซึ่งผมเคยหลงเหลิงอย่างนั้นมาแล้ว และตอนนี้ผมก็ไม่ได้ทำตัวดีเด่นอะไร ผมเลยต้องไม่อยากเป็น

 

ลองสังเกตคำผมดูนะครับ

ผมปราถนาพุทธภูมิ แต่ผมไม่อยากเป็นพระพุทธเจ้า
คำกล่าวผม ฟังๆดูแล้วขัดแย้งกับตัวผมเองมั้ยครับ
ความขัดแย้งในตัวเองที่ผมสร้างขึ้นมาเอง ก็มาจากกลัวผู้อื่นจะเข้าใจผิดนี้หละครับ
ลองเปิดโอกาสให้ผู้อื่นเข้าใจถูกบ้างสิครับ จะได้ไม่ระแวงว่าผู้อื่นอาจจะเข้าใจเราผิดได้
จนต้องคอยมาแก้ต่าง บลาๆๆ จนเกิดความขัดแย้งกับตัวเราเอง

ถึงจะเป็น ขอทาน ต้อยต่ำขนาดไหน ก็ปราถนาพุทธภูมิได้ ไม่เห็นว่าจะเป็นข้อผิด
หรือ ผู้อื่นต้องมาเข้าใจเราผิด อะไรๆเลยนิครับ

 

เรื่องนี้ยังไม่น่าสงสัยเท่า
หนังเรื่องความเป็นมาของตลาดยิ่งเจริญ
เลยนะ..ช่วงนี้