พระยอดธงหลวงพ่อหวล วัดพุทธไทสวรรค์ จ.อยุธยา หลวงพ่อปลุกเสกเดี่ยว ปี พ.ศ.2557 บูชาองค์ละ 99 บาท

สรุปรายการจอง วันที่ 6/5/59
seaown จองจองพระสมเด็จหลังอะฝังตะกรุดเงิน 1 องค์
j999 จองพระสมเด็จหลังอะฝังตะกรุดทองคำ 1 องค์ และ พระสมเด็จฝังตะกรุดเงิน 1 องค์
sir2010 จองพระสมเด็จหลังอะฝังตะกรุดทองคำ 1 องค์
Tv vong จอง พระสมเด็จฝังตะกรุดเงิน 1 องค์
Pe16009 จองพระสมเด็จฝังตะกรุดเงิน 1 องค์


สรุปรายการจองวันที่ 7/5/59
KRITVEE จอง สมเด็จหลังอะตะกรุดทอง 1 องค์ ตะกรุดเงิน 1 องค์
j999 จอง เสือชุดกรรมการ 1 ชุด

ท่านใดจองไว้ไม่มีรายชื่อแจ้งได้นะคะ

 

เมื่อพระผู้ใหญ่อย่างพระธรรมโกศาจารย์ขอมาขนาดนี้แล้ว หลวงปู่ท่านก็ต้องไปอยู่ดูแลให้ แต่หลวงปู่ท่านขออยู่เพียง ๔ พรรษา เพราะสัญญากับโยมของท่านว่าจะไปกลับไปอยู่วัดคงคารามให้โยมได้ใส่บาตรบ้าง เมื่อพระธรรมโกศาจารย์ตกลงแล้ว หลวงปู่แก่นจึงไปปกครองดูแลวัดสมเด็จเป็นเวลา ๔ พรรษา ระหว่างนั้นหลวงปู่ได้รับเมตตาจากหลวงพ่ออุตตมะเป็นอย่างมาก สรรพความรู้ต่างๆทางสายมอญ หลวงพ่ออุตตมะถ่ายทอดแนะนำให้อย่างกระจ่างแท้ และในเวลาช่วงนี้เองที่หลวงปู่แก่นปฏิบัติกรรมฐานอย่างอุกฤษฏ์ และได้เดินธุดงค์ไปจนทั่วป่าเขตจังหวัดกาญจนบุรีโดยบางครั้งเดินทะลุป่าห้วยขาแข้งออกไปยังจังหวัดอุทัยธานี และเดินเข้าไปนมัสการพระพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ที่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า

 

ขอจองบูชาพยัคฆ์รัตนมาลา

ชุดกรรมการ ประกอบด้วเนื้อเงิน,ชนวนตะกรุดเก้าปล้องและชนวนผงตะไบฯ รวม 3 เนื้อ สร้าง 115 ชุด ชุดละ 1999 บาท
จำนวน 1 ชุด ครับ

ขอบคุณครับ

 

ยืนยันการจองคะ:boo:

 

ศึกษาประวัติหลวงปู่แก่นตั้งแต่หน้า 16 เป็นต้นมานะคะ

 

ุชุดกรรมการ ยังมีไหมครับ

 

มีคะ

 

โอนเงินร่วมบุญแล้วครับ 1,360 บาท
ที่อยู่จัดส่งทาง pm ครับ
ขอบคุณครับ

 

รับทราบการโอนคะ

 

สวัสดีคะ วันนี้ยังอยู่กับดาวนะคะ

 

หลวงพ่อเช้ง วัดคงคาราม
เมื่อหลวงปู่แก่นอยู่วัดสมเด็จมาจนครบ ๔ พรรษาแล้วจึงกลับมาอยู่วัดคงคาราม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ในปีพ.ศ.๒๕๑๘ เพื่อให้ญาติโยมทางบ้านได้มีโอกาสใส่บาตรให้ท่าน หลังจากที่ท่านไม่ได้กลับมาอยู่วัดคงคารามเป็นเวลานานเกือบ ๒๐ปี เมื่อกลับมาอยู่วัดคงคารามก็มีโอกาสได้ไปกราบหลวงปู่เกลี้ยงพระอุปัชฌาย์ของท่านอยู่บ่อยๆ และได้รับการถ่ายทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อเช้งพระกรรมวาจาจารย์ของท่านซึ่งสืบวิชามาจากหลวงปู่กลิ่นอย่างหมดไส้หมดพุง หลวงปู่กลิ่นรูปนี้สำคัญยิ่งนัก ตะกรุดของท่านชาวบ้านคาดเอวลงแม่น้ำแม่กลอง ปลาปักเป้ากัดไม่เข้า ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ มรณภาพก่อนหลวงปู่แก่นบวชเพียงไม่กี่เดือน

 

พบอานุภาพแห่งกรรมฐานและพุทธาคม
ในช่วงที่หลวงปู่ถูกพระธรรมโกศาจารย์ขอให้นำคณะพระธรรมทูตไปสร้างสำนักสงฆ์ที่เหมืองปิล๊อก ดินแดนกะเหรี่ยงแห่งทองผาภูมินั้น ท่านถูกลองของมิใช่น้อย แต่ก็อาศัยอำนาจแห่งกรรมฐานและพุทธาคมที่ได้ร่ำเรียนฝึกฝนมาแก้ปัญหาให้ผ่านไปได้ทุกครั้ง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ในเย็นวันหนึ่งขณะท่านเดินอยู่ในป่า ได้พบผีเปรตยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ เมื่อผีเห็นว่าหลวงปู่เดินมาถึงมันก็ห้อยหัวยืดตัวยาวลงมาหลอกท่าน จากนั้นมันก็ดึงหัวดึงตัวกลับขึ้นไป แล้วก็ยืดตัวกลับเอาเท้าลงมายืนบนพื้นใหม่ ถ้าคะเนจากความสูงของต้นไม้ใหญ่แล้ว คาดว่าเปรตตัวนี้ยาวถึง ๒๕ เมตร ขณะนั้นพระที่มากับหลวงปู่เริ่มตั้งสติได้และออกวิ่งจีวรปลิวไปแล้ว เหลือเพียงหลวงปูแก่นรูปเดียวเท่านั้นที่ยืนประจันหน้ากับเปรตด้วยสติที่เป็นผลจากการฝึกกรรมฐาน ทำให้เปรตตนนั้นรู้สึกผิดหวังมากที่ยังมีพระที่ไม่กลัวมันอยู่ จึงคิดจะตรงเข้าทำร้ายหลวงปู่ แต่ทันใดนั้นอานุภาพของวิชาเกราะเพชรที่หลวงปู่ได้ร่ำเรียนมาก็ถูกนำมาใช้ หลวงปู่แก่นสร้างอานุภาพแห่งพุทธคุณอิติปิโสเป็นตาข่ายคลุมไว้โดยรอบแปดทิศ แล้วจึงหลับตาอธิษฐานแผ่กุศลผลบุญไปให้เปรตดังกล่าว เมื่อหลวงปู่ท่านลืมตาขึ้นมาก็ไม่พบเปรตตัวนั้นเสียแล้ว

 

การเดินของพระธุดงค์ผ่านป่าห้วยขาแข้งจากเขตจังหวัดกาญจนบุรีไปออกที่จังหวัดอุทัยในสมัยนั้นมักพบเรื่องอันตรายอยู่สองอย่างคือ หมอกะเหรี่ยงผู้มีอาคมและเสือโคร่งลายพาดกลอน หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมกะเหรี่ยงจึงมีอาคมสูง ? แต่ถ้าผู้ถามลองศึกษาความเป็นมาในชาติพันธุ์ของกะเหรี่ยงแล้วก็จะหายสงสัยทันที เพราะกะเหรี่ยงนั้นเป็นพวกทิเบตที่อพยพลงมาในดินแดนพม่าและเลยมาจนถึงไทย พวกทิเบตนี้ได้รับอิทธิพลจากพุทธศานานิกายตันตระของอินเดีย จนเกิดเป็นนิกายวัชรยานขึ้น นิกายตันตระนี้จะเน้นเรื่องสาธยายเวทมนตร์ จึงไม่แปลกอะไรที่กะเหรี่ยงจะเก่งในด้านมนต์คาถา เมื่อประกอบกับการนับถือผีในป่าจึงเกิดวิชามนต์ดำขึ้นอย่างมีอานุภาพ พระธุดงค์จำนวนมากต้องมรณภาพลงเพราะถูกหมอกะเหรี่ยงปล่อยของใส่แล้วไม่สามารถแก้ได้ ส่วนเสือโคร่งลายพาดกลอนในป่าห้วยขาแข้งยุคนั้นมีมากเหลือเกินทั้งตัวใหญ่อีกด้วย ในแต่ละปีมีพระธุดงค์ถูกเสือทำร้ายมิใช่น้อย การที่หลวงปู่แก่นผ่านไปผ่านมาในป่าห้วยขาแข้งนี้ได้หลายๆ ก็คงไม่ธรรมดา ซึ่งหลวงปู่ท่านก็ยอมรับว่ากรรมฐานและพุทธาคม อำนาจจิต รวมถึงการแผ่เมตตานั้นช่วยให้ท่านปลอดภัยได้ทุกครั้ง โดยเฉพาะเวลาเผชิญหน้ากับเสือท่านว่า เสือในป่าเผชิญกับเสือในธรรม เสือย่อมไม่กินเนื้อเสือฉันใด เราก็ต่างไม่เบียดเบียนกันฉันนั้น สุดท้ายก็ทางใครทางมัน

 

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5DHshWzD4F1gnSI" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/b3a/8VvTRp.jpg" /></a>

ตะกรุดหวายปืนแตกรุ่นแรก

 

ตะกรุดหวายปืนแตก

แรกเริ่มเดิมที...มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ได้นำหวายแท่งเล็กๆมาให้หลวงปู่ลงจารและนำไปเลี่ยมห้อยเป็นตะกรุดจนเกิดประสบการณ์ขึ้น พอข่าวแพร่สะพัดออกไป ก็เลยมีคนเข้ามาขอตะกรุดหวายจากหลวงปู่กันมาก แต่หลวงปู่บอกไม่มี เพราะลูกศิษย์คนที่มีประสบการณ์นั้นนำหวายมาให้ลงเอง ทำให้ผู้ที่มาขอตะกรุดหวายต่างก็ผิดหวังไปตามๆกัน แต่ยิ่งนานวันไปคนที่มาขอตะกรุดหวายกลับมีจำนวนมากขึ้น ในที่สุดลูกศิษย์ของหลวงปู่คนหนึ่งจึงตัดหวายที่ใช้สาแหรกลูกนิมิตมาถวายหลวงปู่ให้ทำเป็นตะกรุดหวายปืนแตกออกมา โดยอาศัยเคล็ดจากธรรมชาติของหวาย ที่ทั้งเหนียวทั้งทนมีหนามแหลมคมป้องกันอันตรายไม่ให้เข้าใกล้ได้ มาลงยันต์นะอุดตะรังที่ล้อมรอบด้วยอักขระคาถา นะ อุด ตะ รัง ปิจ จะ ตามสายวิชาของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก แล้วให้เสกด้วยคาถาปืนแตก “นะอุดตะรังปิจจะ อะนิทัสสะนะอัปปติ อะนิทัสสะนะอัปปติฆา อะนิทัสสะนะอัปปติฆายะ” ซึ่งเล่าสืบต่อกันมาว่ามีคนเอาไปลองยิงนัดแรกก็ยิงไม่ถูก ยิงนัดที่ ๒ ก็ยิงไม่ออก พอยิงจนถึงนัดที่ ๓ ปรากฏว่าปืนแตกทันที นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ “ ตะกรุดหวายปืนแตก ”
พอหลวงปู่แก่นท่านนำออกให้บูชาเพียงไม่นานก็หมดลงทันที ปัจจุบันท่านจึงต้องทำขึ้นอีก โดยแตกต่างจากรุ่นก่อนคือ ตะกรุดหวายปืนแตกรุ่นนี้มีการถักเชือกลงรัก (มีการตอดโค๊ดพร้อมหมายเลขกำกับ) ปรากฏว่าเป็นที่นิยมมาก

 

เป็นเจ้าอาวาส วัดเขื่อนทุ่งนาประชาสรรค์
พ.ศ.๒๕๒๗ พระวิสุทธิรังษี (ณรงค์ ปริสุทโธ) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม (ต่อมาได้เป็นพระเทพเมธากร เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี) สหธรรมิกของหลวงปู่ ได้มาอาราธนาหลวงปู่ไปอยู่ช่วยงานปกครองคณะสงฆ์อยู่ ๑ พรรษา ขณะนั้นเจ้าอาวาสวัดเขื่อนท่าทุ่งนาประชาสรรค์เกิดมรณภาพลง พระวิสุทธิรังสีจึงอาราธนาหลวงปู่ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดเขื่อนท่าทุ่งนาประชาสรรค์เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๘ เป็นต้นมาตราบจนปัจจุบัน


<a href="http://www.mx7.com/view2/z5DQXOAJchawrZpY" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/a64/Q5u78H.jpg" /></a>

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5DQTyQxNj73mBjb" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/d62/zLmmVG.jpg" /></a>

 

ประวัติการสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคล

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5omZJJwjS06als7" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/a24/Iyxo1S.jpg" /></a>

 

ประวัติการสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคล
พระท่ากระดาน พระรุ่นแรกของหลวงปู่แก่น
ในเมื่อหลวงปู่แก่นเป็นพระผู้มีอภิญญาสูงขนาดล่วงรู้เหตุการณ์ราวกับมีตาทิพย์ แถมยังเคยลงตะกรุดหวายให้เพื่อนของผู้เขียนไปบูชาจนมีประสบการณ์ขนาดนี้ แล้วจะให้ผู้เขียนอดใจไม่สอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลของท่านก็คงจะไม่ได้ ผู้เขียนจึงเรียนสอบถามกับหลวงปู่จนทราบว่า ก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อนศรีนครินทร์เสร็จ พระเทพเมธากร ขณะที่เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีในสมัยนั้น (ต่อมาเป็นเจ้าคณะจังหวัด) ได้ให้ลูกศิษย์เข้าไปสำรวจในถ้ำกรุวัดท่ากระดานเก่า ก่อนที่น้ำจะท่วม พบเศษตะกั่วที่เกิดจากการสร้างพระท่ากระดานกรุนี้อยู่ไม่น้อย ท่านจึงให้ลูกศิษย์นำกลับมาและแบ่งให้หลวงปู่แก่นไว้ส่วนหนึ่ง เมื่อหลวงปู่แก่นได้เศษตะกั่วจากกรุท่ากระดานมาเป็นชนวนแล้ว จึงได้ลูกศิษย์ที่ทำธุรกิจขนส่งแร่นำตะกั่วอีกเป็นตันๆมาผสมสร้างเป็นพระท่ากระดานเอาไว้ประมาณ ๘๔,๐๐๐ องค์ โดยทยอยทำและปลุกเสกเดี่ยวมาเรื่อยๆ กระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ จะมีงานปิดทองฝังลูกนิมิตและฉลองโบสถ์ คณะกรรมการวัดจึงอาราธนาพระเกจิจำนวนมากในยุคนั้น อาทิ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า หลวงพ่อเบี่ยง วัดทุ่งสมอ หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม พระวิสุทธิรังษี (ไพบูลย์ กตปุญโญ) วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) ฯลฯ เข้าร่วมพุทธาภิเษก ก่อนนำพระท่ากระดานดังกล่าวออกมาให้ทำบุญในงานดังกล่าว ซึ่งต่อมาเกิดประสบการณ์ทางแคล้วคลาดคงกระพันมากมาย โดยเฉพาะทหารจากค่ายสุรสีห์ จึงทำให้มีผู้ที่ต้องการพระของท่านเป็นจำนวนมาก เดินทางมาขอทำบุญกับหลวงปู่อยู่ตลอดจนทำให้พระที่เก็บไว้หมดลงอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันหลวงปู่ต้องเปิดกรุพระอีกส่วนหนึ่งที่เคยแบ่งไว้บรรจุกรุออกให้ทำบุญ




<a href="http://www.mx7.com/view2/z5E3CFwF0lkYajPr" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/d67/nobiz8.jpg" /></a>

 

เสือเขาควายเผือก วัตถุมงคลรุ่นแรกของหลวงปู่แก่น
วันหนึ่ง ระหว่างที่ผู้เขียนกำลังนั่งสนทนากับหลวงปู่อยู่นั้นพอดีสายตาก็เหลือบไปเห็นถุงเสือแกะจากวัสดุสีแปลกๆ วางอยู่ข้างๆที่นั่งของหลวงปู่ ผู้เขียนจึงเรียนถามท่านว่า เสือนี่แกะจากอะไรครับ หลวงปู่ท่านตอบว่าแกะจากเขาควายเผือกที่ลูกศิษย์เอามาถวายให้ และท่านกำลังรอเวลาที่จะนำเสือมาลงอักขระยันต์ในช่วงบ่ายนี้ ผู้เขียนได้ยินดังนั้นก็ไม่รอช้ารีบขออนุญาตที่จะขออยู่ดูและบันทึกภาพเอาไว้ ซึ่งหลวงปู่ท่านก็ไม่ปฏิเสธ จึงเป็นโชคดีของท่านผู้อ่านที่ได้เห็นภาพการลงยันต์บนหลังเสือเขาควายเผือกวัตถุมงคลรุ่นแรกของหลวงปู่แก่นไปพร้อมกันกับผู้เขียน จังหวะเดียวกันผู้เขียนจึงเรียนถามหลวงปู่ไปว่า เป็นเสือรุ่นแรกของหลวงปู่เลยหรือ? หลวงปู่ท่านก็ตอบว่าใช่ ผู้เขียนก็เรียนถามต่อไปอีกว่า ทำไมหลวงปู่จึงสร้างเสือครับ หลวงปู่ท่านจึงอธิบายให้ฟังว่า ชีวิตท่านผูกพันอยู่กับเสือพอสมควร เพราะท่านเกิดในปีนักษัตรเสือ เมื่อเป็นพระออกธุดงค์แล้วก็มักเจอแต่เสือ อีกทั้งพระอาจารย์ปู่ของท่านชาวบ้านก็เรียกว่าหลวงพ่อเสือ (พระอาจารย์ของหลวงพ่อเกลี้ยง วัดเฉลิมอาสน์ ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่แก่น คือ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ซึ่งบรรดาชาวบ้านและลูกศิษย์ต่างก็เรียกท่านว่า หลวงพ่อเสือ ) เมื่อหลวงปู่มาเป็นเจ้าอาวาส วัดเขื่อนท่าทุ่งนาฯ วัดนี้ก็ยังตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าที่มีเสืออาศัยอยู่มากมาก่อน (สถานที่ตั้งของวัดนั้นตั้งอยู่ในช่องเขาที่เรียกว่า ช่องเสือดาว แต่ในปัจจุบันเพี้ยนมาเป็นตำบลช่องสะเดา) ประกอบกับหลวงปู่ท่านได้รับวิชาการสร้างเสือมาจากหลายอาจารย์ด้วยกัน จึงได้สร้างเสือเขาควายเผือกในครั้งนี้ขึ้นเป็นรุ่นแรก

 

หลังจากที่หลวงปู่ได้อธิบายที่ไปที่มาของการสร้างเสือแล้ว ท่านก็ได้นำเสือทั้งหมดมาวางไว้ที่บริเวณหน้าพระพุทธชินราชและรูปหล่อหลวงพ่อปานและหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ โดยก่อนที่จะเริ่มทำพิธีกรรม หลวงปู่ได้ไหว้พระสวดมนต์อัญเชิญเทพ อัญเชิญครู ก่อนจะทำการลงอักขระยันต์ ระหว่างที่ท่านลงยันต์นั้นผู้เขียนก็ทำการบันทึกภาพ และสังเกตว่าท่านลงยันต์มหานิยม แต่ไม่เห็นจะลงหัวใจเสือ เมื่อหลวงปู่ลงยันต์เสือจนเสร็จครบทุกตัวแล้วผู้เขียนก็เลยสอบถามท่านเกี่ยวกับประเด็นการลงยันต์นี้ หลวงปู่แก่นท่านเมตตาตอบว่า “หัวใจมันต้องอยู่ในตัว มีใครบ้างที่หัวใจออกมาอยู่นอกตัว หัวใจจะให้ใครมาเห็นได้อย่างไร หากคนมีวิชาเห็นเข้า เขาก็แก้ได้สิ เสือของฉันจึงบรรจุหัวใจให้มัน ด้วยการเสกเข้าไป นี่อาจารย์สอนมาอย่างนี้” ผู้เขียนเลยถามต่อว่า “แล้วทำไมหลวงปู่ลงยันต์ทางมหานิยมหละครับ?” คำถามนี้หลวงปู่ตอบว่า “ปกติเสือก็ดุร้ายมีพลังอำนาจรุนแรงอยู่แล้ว แต่ถึงจะดุร้ายอย่างไร คนก็ยังอยากดูอยาก นั่นแสดงว่าเสือก็มีเมตตามหานิยมอยู่ในตัว ฉันอยากให้เสือที่ฉันทำเป็นเสือที่มีมหานิยมมากกว่า เพราะมหานิยมไปไหนก็มีแต่คนรัก มีแต่คนต้อนรับอุปถัมภ์ค้ำจุน ดีกว่าเสือที่มีอำนาจดุร้ายแบบนักเลง โผล่ไปที่ไหน ใครๆก็หลบ” เมื่อหลวงปู่ตอบคำถามเสร็จ สักพักท่านก็เข้าสมาธิปลุกเสกเสือเขาควายเผือกทั้งหมด โดยระหว่างที่หลวงปู่กำลังปลุกเสกอยู่นั้นผู้เขียนกลับได้กลิ่นหอมตลบอบอวล ลอยตามลมมาเป็นระยะๆ จนกระทั่งท่านปลุกเสกเสร็จนั่นหละ กลิ่นหอมจึงจางหายไป นับเป็นเรื่องที่แปลกมาก หรือว่ากลิ่นหอมนั้นคงเป็นสิ่งบอกเหตุว่า เสือนั้นเป็นเสือที่สำเร็จในทางเมตตามหานิยมแล้ว ซึ่งต่อมาเรื่องนี้ก็กลายเป็นจริงขึ้นทันที เมื่อหลวงปู่แก่นได้นำเสือรุ่นแรกนี้ออกให้บูชา ปรากฏว่าเสือเขาควายแกะจำนวน ๑๐๘ ตัวของท่านหมดลงในพริบตา


<a href="http://www.mx7.com/view2/ySH9czWlJoE1lAw8" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/daa/fYoNRh.jpg" /></a>